เขาเองก็คิดไม่ตกว่าทำไมเหมียวอี้ต้องเปิดเผยเรื่องนี้ให้เขารู้ จึงถามด้วยสีหน้าเยียบเย็นว่า “น้องชายอยากจะใช้วิธีการสุดแผนที่ปรากฏมีดสั้น[1]เหรอ?”
เหมียวอี้โบกมือ “ท่านอ๋องเฉิงเข้าใจผิดแล้ว ที่พูดสิ่งเหล่านี้ก็เพราะอยากบอกท่านอ๋องเฉิง การที่ข้าทำอย่างนี้ก็เพราะถูกบีบให้จนตรอกเหมือนกัน ไม่ใช่แค่กำลังพลดักซุ่มที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์เท่านั้น เรื่องที่ประมุขชิงแอบสั่งให้องครักษ์ลอบสังหารข้าก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน ก็แค่อยากให้ท่านอ๋องเฉิงรู้เอาไว้เท่านั้น ประมุขชิงจะเล่นงานข้าให้ถึงตายให้ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วข้าจะนั่งรอความตายได้ยังไง!”
เฉิงไท่เจ๋อบอกว่า “แล้วเกี่ยวอะไรกับที่เจ้าบีบให้ข้ามาที่นี่? เจ้าคงไม่ได้คิดว่าอาศัยกำลังพลอันน้อยนิดของข้าแล้วจะแตกหักกับประมุขชิงได้หรอกนะ?”
“ทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็เป็นคนของข้าเหมือนกัน!” เหมียวอี้กล่าว
“ที่เจ้าปราบทัพกบฏเป็นแค่การแสดงละครเหรอ?” เฉิงไท่เจ๋อระแวงสงสัย
เหมียวอี้ยิ้มโดยไม่ตอบอะไร นับว่ายอมรับแล้ว
เฉิงไท่เจ๋อจึงบอกว่า “แล้วยังไงล่ะ? ต่อให้ทัพกบฏจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ก็เป็นแค่กำลังพลสิบล้าน เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติจะมาแตกหักกับประมุขชิง แล้วทำไมต้องวางกับดักข้า?”
เหมียวอี้ตอบว่า “อย่าบอกนะว่าจนป่านนี้แล้ว ท่านอ๋องเฉิงยังไม่รู้ชัดอีกว่าตระกูลเซี่ยโห้วกำลังสนับสนุนใคร?”
เฉิงไท่เจ๋อจ้องเขาเงียบๆ หลังจากเงียบไปนานมาก ก็กล่าวช้าๆ ว่า “ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังของประมุขชิงยังนับว่ามีเสถียรภาพ ต่อให้ตระกูลเซี่ยโห้วสนับสนุนเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ได้เปรียบมากสักเท่าไหร่หรอก อย่างน้อยก็ไม่มีศักยภาพที่จะปะทะกันซึ่งๆ หน้า”
“ไม่แน่! ถ้าประมุขชิงยังไม่ทำอะไรซี้ซั้ว ข้าก็อาจจะทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าเขาดึงดันจะแตกหักกับข้าให้ได้ อำนาจจะตกอยู่ในมือใครก็ยังไม่แน่ เจ้าคิดว่าประมุขชิงเลิกสนับสนุนเจ้า เช่นนั้นกองทัพองครักษ์ห้าร้อยล้านจะเอามาไว้ทำอะไรล่ะ? มีความเป็นไปได้สูงว่าจะพุ่งเป้ามาที่ข้า…” เหมียวอี้บอกแผนการโจมตีของประมุขชิงเหมือนที่คุยกับหยางชิ่งก่อนหน้านี้ให้เขาฟัง
เฉิงไท่เจ๋อได้ยินแล้วอกสั่นขวัญแขวน ตอนที่ยังมองไม่ออกก็ไม่รู้ แต่หลังจากถูกเปิดเผยแล้ว ถึงได้พบว่ามีความเป็นไปได้จริงๆ
เมื่อเห็นเขาตกอยู่ในอาการครุ่นคิด ก็รออยู่ครู่หนึ่ง เหมียวอี้บอกอีกว่า “ถ้ากำลังพลหนึ่งพันห้าร้อยล้านของท่านอ๋องเฉิงกำจัดกองทัพองครักษ์สามร้อยล้านของฮวาอี้เทียนได้ แล้วข้าใช้กำลังพลอีกสองพันล้านกำจัดกองทัพองครักษ์ห้าร้อยล้านที่จู่โจมอีก ท่านอ๋องเฉิงรู้สึกว่าจะเกิดสถานการณ์อย่างไรขึ้น? หลังจากทำเรื่องนี้เสร็จกองทัพองครักษ์สี่ร้อยล้านที่กดดันอยู่ในอาณาเขตข้าก็จะกระจัดกระจายและกำจัดง่ายๆ! ถึงตอนนั้นประมุขชิงก็สูญเสียกำลังไปเกินครึ่ง เจ้าคิดว่าฝ่ายอื่นจะพลาดโอกาสในการโค่นล้มประมุขชิงเหรอ?”
เฉิงไท่เจ๋อตาเป็นประกาย “เจ้าอย่าลืมฝั่งแดนสุขาวดีนะ ประมุขพุทธะไม่มีทางนิ่งดูดาย!”
เหมียวอี้บอกเขาว่า “ในเมื่อข้ากล้าประลองกับประมุขชิง มีหรือที่จะมองไม่เห็นจุดนี้ ข้าวางแผนสำหรับสิ่งนี้ไว้นานแล้ว ถึงตอนนั้นข้ารับรองว่าประมุขพุทธะจะต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน! ตอนนี้ถามแค่คำเดียว ท่านอ๋องเฉิงยินดีจะช่วยข้าอีกแรงหรือไม่?”
เฉิงไท่เจ๋อเอามือลูบเคราครุ่นคิด ในใจเขาเข้าใจ ว่าในเมื่ออีกฝ่ายกล้าเปิดเผยแผนนี้ออกมา ก็แสดงว่าเขาไม่มีทางถอยแล้ว ถ้าเขาไม่ตอบตกลง ก็ไม่มีทางรอดชีวิตออกไปได้ สาเหตุก็ไม่ได้ซับซ้อน กำลังพลในมือเขาตอนนี้กลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้อีกฝ่ายได้รับชัยชนะแล้ว ถ้าเขาไม่ตอบตกลง ก็มีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่าอีกฝ่ายจะแพ้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อีกฝ่ายยังจำเป็นต้องเกรงใจเจ้าอยู่อีกเหรอ? ศักยภาพของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเถิงเฟยตั้งเยอะ!
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าตั้งแต่ตัวเองเหยียบเข้ามาในอาณาเขตทัพใต้ ก็ไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว อีกฝ่ายต้องการบีบเจ้าทีละก้าวให้จนมุม บีบจนเจ้าทำได้เพียงยอมจำนน เพียงแต่ตอนนี้กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว อดไม่ได้ที่จะถามด้วยรอยยิ้มเจืื่อน “แล้วข้าจะได้ประโยชน์อะไร?”
“อ๋องผู้นี้มีปณิธานต่อใต้หล้า!” เหมียวอี้กล่าวเสียงเรียบ
นี่ก็คือคำตอบที่ให้กับอีกฝ่าย! นี่ก็คือผลประโยชน์ที่ให้กับอีกฝ่าย!
เฉิงไท่เจ๋อสั่นสะท้านไปทั้งตัวและหัวใจ พลันเงยหน้ามองเขา เมื่อครู่นี้ยังนึกเพียงว่าเหมียวอี้ต้องสู้กับประมุขชิงเพื่อปกป้องตัวเอง ดูท่าแล้ว ตัวเองคงประเมินจิตใจอันทะเยอทะยานของเจ้าเด็กนี่ต่ำไป ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะต้องการทั้งใต้หล้า ! หรือพูดได้อีกอย่างว่า เมื่อประมุขชิงล้มเมื่อไหร่ การที่เถิงเฟยจะแย่งชิงอาณาเขตทัพตะวันออกอีกก็กลายเป็นเรื่องน่าขำแล้ว หนิวโหย่วเต๋อยังต้องการจะลงมือกับอ๋องคนอื่นอีก!
เหมียวอี้เหล่ตามองปฏิกิริยาของเขา
เฉิงไท่เจ๋อขยับปาก อึกอักอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็กุมหมัดคารวะ “เฉิงไท่เจ๋อยินดีช่วยท่านอ๋องอีกแรง!”
เหมียวอี้หันตัวมาหาเขา แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พูดแต่ปากไม่ได้หรอก ต้องแสดงความจริงใจออกมา!”
เฉิงไท่เจ๋อจึงบอกว่า “ข้ายินดีเอาตัวเองกับครอบครัวเป็นตัวประกัน ท่านอ๋องพอใจหรือยัง?”
“ดี! หลังจากจบเรื่องแล้ว จะไม่ปฏิบัติต่อท่านอ๋องเฉิงอย่างไร้ความยุติธรรมแน่นอน!” เหมียวอี้พยักหน้าอย่างยินดี แล้วยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา
เฉิงไท่เจ๋อยกมือขึ้น แปะฝ่ามือกันร่วมเป็นพันธมิตร
“ฮ่าๆ…” จากนั้นทั้งสองก็สบตากันแล้วหัวเราะลั่น
ตรงจุดที่ไม่ไกล กำลังพลของเฉิงไท่เจ๋อเห็นว่าทั้งสองแปะมือกัน แล้วก็มีท่าทางดีใจมาก ก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรทำให้ท่านอ๋องดีใจขนาดนี้ ทุกคนต่างดูออก เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องดี ทำให้พวกเขาสงบใจลงไม่น้อย!
จากนั้นเหมียวอี้ก็ปรึกษากับเฉิงไท่เจ๋ออีก ให้เฉิงไท่เจ๋อหลบอยู่ที่นี่ชั่วคราวแล้วรอฟังคำสั่งเพื่อบัญชาการกำลังพลของตัวเอง เหมียวอี้จะส่งทัพตรวจตรามาจับตาดู รอจนศึกใหญ่เริ่มต้นขึ้นแล้วจริงๆ เปิดเผยแล้วว่าทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน เฉิงไท่เจ๋อก็จะปรากฏตัวข้างกายเหมียวอี้อย่างเปิดเผยอีกครั้ง ตอนนี้ยังต้องรักษาความลับก่อน จะให้ประมุขชิงสังเกตเห็นไม่ได้
ขณะมองคล้อยหลังเหมียวอี้จะไป เฉิงไท่เจ๋อก็พ่นลมหายใจออกมาช้าๆ พอนึกถึงหมากที่ฝ่ายวางไว้ก่อนหน้านี้ ก็ยังตกใจไม่หาย พึมพำอย่างสะท้อนใจมากกว่า “ฮ่าวเต๋อฟางแพ้อย่างยุติธรรมแล้ว…”
จากนั้นก็รีบเรียกให้คนที่อยู่ทางซ้ายทางขวาหาที่พัก จัดตั้งศูนย์บัญชาการ เริ่มระดมพลเพื่อวางกำลังตามแผนของเหมียวอี้อย่างเร่งด่วน เหมียวอี้กำหนดเวลาให้กำลังพลของเขาเข้าประจำที่ยามถึงเวลาจำเป็นแล้ว นี่คือกลยุทธ์ตรงหน้าเขาที่ต้องปฏิบัติโดยเร็วที่สุด…
หลายวันผ่านไป ไม่เห็นว่าเรื่องที่คาดการณ์ไว้เกิดขึ้นเสียที
จวนอ๋องสวรรค์หนิว เหมียวอี้เดินไปเดินมาอยู่ในตำหนัก แล้วถาม “หรือว่าพวกเราจะคาดการณ์ผิดพลาด ประมุขชิงไม่ได้เตรียมจะโจมตีข้าเลย?”
หยางชิ่งขมวดคิ้วครุ่นคิด
หยางเจาชิงบอกว่า “ถ้าไม่คาดการณ์ผิดพลาด ก็แสดงว่าการหายตัวไปของเฉิงไท่เจ๋อทำให้ประมุขชิงตื่นตัว กำลังพลหลายพันล้านหายไปกับเฉิงไท่เจ๋ออย่างประหลาด เกรงว่าจะไม่ให้ระแวงก็คงยาก”
เหมียวอี้พยักหน้า มองไปที่หยางชิ่ง “ท่านบุรุษคิดว่ายังไง?”
หยางชิ่งกล่าวอย่างไม่แน่ใจ “อาจจะสันนิษฐานผิดพลาด แต่ดูจากเบาะแสต่างๆ ข้าน้อยยังเชื่อว่าประมุขชิงมีโอกาสลงมือมากกว่า ลองคิดไปในทิศทางนี้ อักษรกำลังพลผ่านด่านอย่างไม่ค่อยราบรื่น ยังไม่ถึงจุดโจมตีที่กำหนดไว้ หรือไม่ก็มีความเป็นไปได้อย่างที่พ่อบ้านบอก ทำให้ประมุขชิงตื่นตัวแล้ว ประมุขชิงกำลังดูอยู่ ไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า!”
เหมียวอี้กอดอกคิดทบทวน
หยางชิ่งบอกอีกว่า “สามารถให้ทัพใหญ่แดนรัตติกาลร่วมมือสักหน่อย ให้ทัพใหญ่ที่ล้อมปราบเร่งความเร็ว สร้างเบาะแสว่าทัพกบฏกำลังจะถูกปราบอย่างรวดเร็ว กดดันประมุขชิง หยั่งเชิงสักหน่อย!”
“อืม!” เหมียวอี้พยักหน้า “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป จัดการตามนี้!”
วังสวรรค์ ตำหนักดาราจักร ประมุขชิงเอนกายพิงเก้าอี้ ดวงตาฉายแววจดจ่อ
อู๋ฉวี่เดินก้าวยาวเข้ามาจากนอกตำหนัก หลังจากทำความเคารพแล้วก็ขอคำชี้แนะ “ฝ่าบาท กำลังไปถึงจุดหมายแล้ว รออยู่หลายวันแล้ว ไม่ทราบว่าจะให้บุกโจมตีเมื่อไหร่?”
ประมุขชิงกล่าวช้าๆ ว่า “เฉิงไท่เจ๋อพากำลังพลหายไปเยอะขนาดนั้น มีอะไรในกอไผ่แน่นอน”
อู๋ฉวี่กุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาท ทัพใต้โจมตีทัพกบฏโหดกว่าเดิม ทัพกบฏคงทนได้อีกไม่นานแล้ว ถ้าทัพกบฏถูกปราบ หนิวโหย่วเต๋อไม่มีอะไรมาพัวพันแล้ว กำลังพลในมือก็จะว่างงานหมดแล้ว การตายของพี่น้องเบื้องล่างจะเพิ่มขึ้นมาก ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นมากด้วย! ฝ่าบาท ถ้าจะโจมตีก็ทำแต่เนิ่นๆ ถ้าไม่โจมตีก็หยุด!”
ประมุขชิงปรายตามองซือหม่าเวิ่นเทียน “ฝั่งหนิวโหย่วเต๋อมีความเคลื่อนไหวผิดปกติอะไรหรือเปล่า?”
“ตอนนี้ยังไม่มีขอรับ!” ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบ
“ในบรรดาอนุภรรยาของหนิวโหย่วเต๋อ มีคนของหน่วยตรวจการซ้ายแล้วใช่ไหม?” ประมุขชิงถาม
ซือหม่าเวิ่นเทียนมองซ้ายมองขวา ประมุขชิงถามออกมาตรงนี้เลย เขาเองก็ทำได้เพียงตอบกลับตรงนี้ “มีสามคนขอรับ แต่ไม่เคยได้เข้าห้องกับหนิวโหย่วเต๋อเลย ไม่มีแม้แต่โอกาสพบหน้าหนิวโหย่วเต๋อ”
ประมุขชิงถามว่า “เจ้ากำลังจะบอกว่า หนิวโหย่วเต๋อรู้ตัวตนของพวกนางแล้วสินะ?”
พอเกิดเรื่องของเฟยหงขึ้น ซือหม่าเวิ่นเทียนก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่กล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า “ตามหลักแล้วน่าจะยังขอรับ แต่หนิวโหย่วเต๋อก็ไม่ได้ตั้งใจเย็นชากับพวกนาง แต่คลุกคลีกับอนุภรรยาส่วนใหญ่น้อยมาก ส่วนใหญ่ไม่เคยคุยกับหนิวโหย่วเต๋อด้วยซ้ำ” เขากำลังจะสื่อว่า ไม่ใช่เพราะหน่วยตรวจการซ้ายไร้ความสามารถ
ประมุขชิงยกมือนวดหน้าผาก “ให้พวกนางหาทางเข้าใกล้หนิวโหย่วเต๋อ ฆ่าเขาซะ!”
ซ่างกวนชิงกับอู๋ฉวี่มองไปที่ประมุขชิงพร้อมกัน ไม่ค่อยเข้าใจนิดหน่อย หนิวโหย่วเต๋อจะลอบสังหารได้ง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร
“…” ซือหม่าเวิ่นเทียนพูดไม่ออก สุดท้ายก็กล่าวด้วยใบหน้าขื่นขม “ฝ่าบาท เอ่อ…ทำสำเร็จได้ยากมาก ยามปกติพวกนางไม่มีโอกาสเข้าใกล้หนิวโหย่วเต๋อด้วยซ้ำ ถ้าฝืนเข้าใกล้จะต้องทำให้หนิวโหย่วเต๋อสงสัยแน่นอน ไม่ง่ายเลยกว่าจะแทรกสายลับเข้าไปได้ ถ้าทำให้เกิดความเสียหายเปล่าๆ ก็อาจจะน่าเสียดายขอรับ”
ประมุขชิงมองตาขวาง “เขาไม่สนใจว่าพวกนางจะใช้วิธีการอะไร เอาเป็นว่าให้เข้าใกล้หนิวโหย่วเต๋อ ฆ่าเขาซะ ทำให้เร็วที่สุด ภายในสามวันข้าต้องเห็นผลลัพธ์!”
“เอ่อ…”
“หืม?”
“ขอรับ!” ซือหม่าเวิ่นเทียนเอ่ยรับด้วยสีหน้าลำบากใจ
ในอาณาเขตทัพตะวันออก กองหนุนของทัพตะวันตกกับทัพเหนือเริ่มถอนกำลังกลับแล้ว
จวนอ๋องสวรรค์เถิง เถิงเฟยที่ได้อาณาเขตทัพตะวันออกไปแล้วกำลังชื่นชมระบำ ดื่มสุราชั้นดี แต่กลับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หวังเฟยจูโหยวเหม่ยที่มาหาหลายครั้งถูกเขากันออกไปแล้ว
แม้สุราจะรสชาติดี แม้สาวงามจะเย้ายวนใจ เถิงเฟยที่ถือถังสุรากลับไม่สนุกเลยสักนิด การหายตัวไปของเฉิงไท่เจ๋อกลายเป็นปัญหาใหญ่ในใจเขา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะโผล่ออกมาก่อกวนอีก ยังมีอีกจุดหนึ่ง ทั้งทัพตะวันออกมีกำลังพลที่ใช้งานได้หายไปรวดเดียวหลายพันล้านคน ขาดกำลังพลที่ยอมแพ้เพื่อนำมาชดเชย แล้วเขาจะเอากำลังพลมากขนาดนั้นจากไหนมาชดเชย ด้วยเหตุนี้แม้จะได้อาณาเขตมาแล้ว แต่กำลังกลับไม่ได้เพิ่มขึ้น เฉิงไท่เจ๋อกลับยังรักษากำลังเอาไว้สู้กับเขาได้ แล้วจะไม่กังวลได้อย่างไร…
จวนอ๋องสวรรค์หนิว ในตำหนัก เหมียวอี้เฝ้าครุ่นคิดอยู่หน้าแผนที่ดาว หยางชิ่งก็ขมวดคิ้วเงียบๆ อยู่ข้างกัน
ประมุขชิงชักช้าไม่เคลื่อนไหวเสียที ทำเอาฝั่งนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำให้คนปวดหัวมาก กำลังพลฝั่งนี้มีแต่ต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำเท่านั้น ไม่มีทางเป็นฝ่ายรุกโจมตีประมุขชิงก่อนได้
นอกตำหนัก หยางเจาชิงถือถาดอาหารเดินเข้ามา มาวางตรงหน้าเหมียวอี้ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “ท่านอ๋อง ข้าน้อยเพิ่งถูกฉางฮูหยินดักไว้ระหว่างทาง ดึงดันจะให้ข้าน้อยนำของว่างนี้มาให้ท่านอ๋องลองชิมให้ได้ บอกว่านางลงมือทำด้วยตัวเอง”
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว “เป็นนางอีกแล้วเหรอ? ไม่รู้จักจบจักสิ้น หรือว่าประมุขชิงอยากจะให้นางลอบสังหารข้า?”
หยางเจาชิงตอบว่า “ตรวจสอบของว่างชามนี้แล้ว ให้คนตรวจสอบแล้วเช่นกัน ไม่มียาพิษขอรับ”
หยางชิ่งกลับหันมามอง ถูกดึงดูดด้วยคำพูดก่อนหน้านี้ของเหมียวอี้ ถามว่า “ฉางฮูหยิน? ฉางเซียงเอ๋อร์หรือ? นางเป็นคนของวังสวรรค์หรือเปล่า?”
เหมียวอี้แสยะยิ้ม “ข้ารู้กำพืดนางตั้งนานแล้ว เป็นสายลับของหน่วยตรวจการซ้าย อยากจะเจอข้าตั้งแต่เช้า ข้าเลยให้หวังเฟยไปรับมือ นึกไม่ถึงว่าจะมาอีกแล้ว” ขณะที่พูดก็บุ้ยปากไปทางทหาร
…………………………
[1] สุดแผนที่ปรากฏมีดสั้น 图穷匕见 เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุด ข้อเท็จจริงย่อมปรากฏออกมา