รออยู่สักครู่หนึ่ง ไม่เห็นใครพูดอะไร
เถิงเฟยถอนหายใจเบาๆ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว การไม่พูดก็คือการแสดงท่าทีอย่างหนึ่ง เขาเข้าใจความคิดของทุกคนแล้ว
ศึกที่อยู่ตรงหน้าไม่มีทางต่อสู้ได้อีกแล้วจริงๆ พอเปิดศึกมาก็มีโอกาสเก้าในสิบที่จะแพ้ย่อยยับ พอเห็นกระบวนทัพของอีกฝ่าย แค่เผยกำลังพลออกมาก็คงทำให้ขวัญกำลังใจทหารฝั่งตัวเองแทบไม่เหลือแล้ว ยังจะสู้กันได้อย่างไรอีก? ศักยภาพของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป ดันทุรังต่อต้านไปก็ตายสถานเดียว ไม่มีความเป็นไปได้ที่สอง! มิหนำซ้ำครั้งนี้คนส่วนใหญ่ก็พาครอบครัวติดตามกองทัพมาด้วย ถ้าไม่ได้พาครอบครัวมาด้วย บางทีอาจจะกัดฟันสู้ตายสักครั้ง แต่ครั้งนี้พาครอบครัวมาด้วย ผลที่ตามมาจากการต่อต้านก็คือจะทำให้ครอบครัวลำบากตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายไปด้วย
เขาเขย่าระฆังดาราตอบเหมียวอี้ : ทุกคนกังวลว่าท่านอ๋องจะคิดบัญชีย้อนหลัง!
เหมียวอี้ยิ้มแล้ว…
เงื่อนไขนั้นคุยง่าย ขอเพียงไม่มากเกินไป ในเวลานี้เหมียวอี้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตอบตกลง
ผลลัพธ์สุดท้ายไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย เถิงเฟยออกจากทัพใหญ่ของตัวเองแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีการเตรียมพร้อมป้องกันใดๆ เขานำกลุ่มคนในครอบครัวมายอมสวามิภักดิ์แล้ว
“เถิงเฟยมีตาแต่ไร้แวว ความผิดนี้สมควรตายหมื่นครั้ง มาขอยอมรับผิดต่อท่านอ๋อง!”
ท่ามกลางสายตาของฝูงชน เถิงเฟยมากุมหมัดคารวะตรงหน้าเหมียวอี้ โค้งเอวอย่างช้าๆ เพื่อยอมรับผิด ความโศกเศร้าขื่นขมความในใจยากจะบรรยายออกมาได้
อ๋องสวรรค์คุมทัพตะวันออกที่ก่อนหน้านี้ยังพูดคำไหนคำนั้น หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ก็กลายเป็นแม่ทัพที่ยอมแพ้แล้ว ชีวิตที่ขึ้นๆ ลง ของคนเราก็เหี้ยมโหดไร้ความปรานีเช่นนี้
กลุ่มคนในครอบครัวที่อยู่ข้างหลังทยอยกันก้มหน้า ท่านอ๋องโครงเอวก้มหน้าท่ามกลางฝูงชน มีคนไม่น้อยเห็นแล้วเอามือปิดปาก ร้องไห้สะอึกสะอื้น จูโยวเหม่ยหวังเฟยกัดริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลโดยไร้เสียง
ด้านหลังมองเห็นทัพตะวันออกที่อยู่ฝั่งนี้ไกลๆ แต่ละคนก้มหน้าอย่างหดหู่ขมขื่นใจ
หยางชิ่งหันกลับมามองทหารทัพใต้แวบหนึ่ง เห็นแต่ละคนเผยสีน่าตื่นเต้นดีใจ ตาลุกวาว
เถิงเฟยไม่สู้แต่เลือกที่จะยอมแพ้ โค้งเอวให้ท่านอ๋องฝ่ายตัวเองท่ามกลางฝูงชน ทำให้ขวัญกำลังใจของทัพใต้เพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง!
คนฝั่งทัพใต้ที่ไม่โง่ต่างก็รู้ เมื่อรับกำลังพลหนึ่งพันห้าร้อยล้านของเถิงเฟยมาแล้ว ใต้บังคับบัญชาของท่านอ๋องก็จะมีทัพใหญ่ที่ร่วมรบได้จำนวนห้าพันล้านเต็มๆ มีอำนาจแข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าสมคำร่ำลือ ขนของทัพใต้เหมือนได้มองเห็นความหวังที่เอื้อมมือแตะถึงแล้ว ต่างก็รู้ว่าหากท่านอ๋องได้ใต้หล้านี้ไปแล้ว ทุกคนก็จะได้ผลประโยชน์นี้ไปด้วย!
ตอนนี้ฝั่งทัพใต้ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไหร่หวังอยากให้เหมียวอี้อยู่ตำแหน่งสูงสุดของใต้หล้า กลัวก็แต่ว่าเหมียวอี้จะอยากยอมแพ้ เบื้องล่างต้องมีคนมากมายไม่ยอมแน่นอน เพราะไม่เข้าใจ!
เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว มองเห็นความหวังที่ชัดเจนขนาดนี้แล้ว ใครยังจะอยากละทิ้งเกียรติยศความร่ำรวยที่เหมือนใกล้จะเอื้อมถึงแล้วล่ะ?
เหมียวอี้รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้า ใช้สองมือประคอง “ท่านอ๋องเถิงยินดีนำกำลังพลมาช่วยข้าอีกแรง สร้างผลงานยิ่งใหญ่มาก มาบอกว่าขอรับผิดอะไรกัน!”
พอจับข้อมือเถิงเฟยแล้ว เหมียวอี้ก็เผชิญหน้ากับทหารทัพตะวันออก พร้อมร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดังว่า “ข้าขอรับประกันตรงนี้ ทหารทุกคนของทัพตะวันออกทหารทุกคนของทัพใต้ ตอนนี้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ข้า ปฎิบัติต่อทุกคนอย่างเสมอภาค คนที่สร้างผลงานก็ได้รางวัลเหมือนกัน ไม่ลำเอียงเด็ดขาด ถ้าผิดคำสาบานนี้ ก็ขอให้อ๋องผู้นี้ตายโหงตายห่า!”
เถิงเฟยรู้อยู่แก่ใจว่าที่เขายอมสาบานต่อหน้าทุกคนก็เพื่อทำให้ขวัญกำลังใจทหารมั่นคง จึงกุมหมัดคารวะทันที “ขอบคุณในเมตตาของท่านอ๋อง!”
กำลังพลทางฝั่งทัพตะวันออกได้ยินเหมียวอี้พูดแบบนี้ ก็สงบใจลงแล้วไม่น้อย สาบานต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้คงไม่ถึงขั้นกลับคำพูด จึงกุมมัดคารวะกล่าวเสียงดังทันที “ขอบคุณในความเมตตาของท่านอ๋อง!”
หยางชิ่งมองเงาหลังของเหมียวอี้ ยกมุมปากอมยิ้ม ตอนนี้กำลังพลของทั้งทัพตะวันออกนับว่าถูกเหมียวอี้ฮุบกลืนโดยสมบูรณ์แล้ว กุญแจสำคัญของศึกใหญ่ได้ดำเนินการสำเร็จเป็นขั้นที่สองแล้ว การฮุบกำลังพลของเฉิงไท่เจ๋อก็คือขั้นที่หนึ่ง
คำพูดที่น่าฟังก็ส่วนคำพูดที่น่าฟัง เมื่อเจรจากันเรียบร้อยแล้วก็ต้องวางของบางอย่างเดิมพันไว้บนโต๊ะ เถิงเฟยนำครอบครัวมาด้วยก็เพื่ออะไรล่ะ? พามาเป็นตัวประกันไง!
ดังนั้นอวิ๋นจือชิวจึงเผยหน้าออกมาแล้ว
เมื่อมองดูทัพใหญ่ที่อยู่ในดาราจักรรอบๆ ทั้งหมดถูกบัญชาการโดยผู้ชายของตัวเอง แม้อวิ๋นจือชิวจะเป็นผู้หญิง แต่ก็ยังรู้สึกเลือดร้อนฮึกเหิม ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจ
ในใจนางรู้อย่างชัดเจน ว่าเกียรติยศของเหมียวอี้ก็คือเกียรติยศของนาง นางคือคนที่ได้อาศัยบารมีมากที่สุด!
นางเข้าใจชัดเจนเช่นกัน ว่ากว่าเหมียวอี้จะเดินมาถึงขั้นนี้นันได้รับความอัปยศมามากขนาดไหน ผ่านการเดิมพันด้วยชีวิตมาแล้วหลายครั้ง เดินบนคมมีดผ่านมาทีละก้าว ถือศีรษะคนไปแลกมา
สายตาที่มองเหมียวอี้แฝงความปลงอนิจจังอยู่หลายส่วน ตอนพบกันครั้งแรกที่วัดร้างในปีนั้น มีหรือที่จะคาดคิดว่าทั้งสองจะกลายเป็นสามีภรรยาผูกปมเส้นผมกัน บริกรต่ำต้อยในโรงเตี๊ยมเมฆาวายุคนนั้น ตอนที่ทั้งสองตัดสินใจจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าหนิวเอ้อร์คนนั้นจะเดินมาถึงจุดนี้ได้
เชียนเอ๋อร์กับเสวี่ยเอ๋อร์ที่ออกมาด้วยได้เห็นทัพใหญ่รอบๆ เองกับตา ในใจตื่นเต้นไม่หยุดเช่นกัน
ตั้งแต่เหมียวอี้มีลูกน้องสิบคนอยู่ที่ถ้ำคล้อยบูรพา พวกนางก็ยืนอยู่ข้างกายเหมียวอี้แล้ว ตอนนั้นต่อให้มีความมั่นใจในตัวเหมียวอี้เต็มที่ แต่ก็ไม่เคยคิดเช่นกันว่าเหมียวอี้จะมีวันนี้ได้
เถิงเฟยมีสมาชิกในครอบครัวไม่น้อย คนที่อวิ๋นจือชิวพาออกมาด้วยก็ย่อมมีไม่น้อยเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นเฟยหงหรืออวี่เหวินหรูเมิ่ง ไม่ว่าจะเป็นผังเสี้ยวเสี้ยวหรือกงหนีฉาง ทุกคนล้วนไม่เคยเห็นภาพเหตุการณ์ที่มีทัพใหญ่มารวมตัวกันเยอะขนาดนี้มาก่อน ตกตะลึงพรึงเพริดแล้วจริงๆ
พอเห็นเหมียวอี้ที่สวมชุดเกราะกลางทัพใหญ่ทัพใหญ่ราวกับดาวล้อมเดือน จิตใต้สำนึกก็พรั่งพรูความรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นเหมือนภูเขาสูงที่ต้องแหงนมอง ต่างก็รู้ว่าเหมียวอี้ตำแหน่งสูงอำนาจเยอะ ฉากในวันนี้นับว่าทำให้พวกนางได้รู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่า อำนาจล้นฟ้า!
“ควบคุมระฆังดาราไม่ให้ติดต่อกับภายนอก ต่อไปข้ายังมีเรื่องใหญ่ต้องทำ จะให้มีข่าวหลุดอะไรไม่ได้เด็ดขาด”
เหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงเตือนอวิ๋นจือชิว
อวิ๋นจือชิวพยักหน้าเบาๆ สื่อว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นก็นำคนเดินออกไป
จูโยวเหม่ยรีบนำกลุ่มผู้หญิงทำความเคารพ “คำนับหวังเฟย!”
“น้องสาวร้องไห้แล้วหรอ?” อวิ๋นจือชิวกุมมือทั้งคู่ของนาง แล้วถามเหมือนตกใจ “ร้องไห้ทำไม?”
จูโยวเหม่ยรีบส่ายหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา “สองทัพร่วมมือกัน น้องสาวรู้สึกดีใจ ดีใจจนน้ำตาไหลค่ะ”
เถิงเฟยเล่าสถานการณ์ให้นางรู้ชัดเจนแล้ว ไม่ใช่การร่วมงานใดๆ แต่เป็นการยอมสวามิภักดิ์ ตอนนี้อยู่ในวงล้อมของทัพใหญ่หนิวโหย่วเต๋อแล้ว ฝ่ายศัตรูมีกำลังเยอะกว่า ขวัญกำลังใจทหารอ่อนแอ ถ้าไม่ยอมสวามิภักดิ์ก็ตาย ไม่มีทางเลือก จึงย้ำว่ายอมสวามิภักดิ์ต่อหนิวโหย่วเต๋อแล้ว ต้องแสดงท่าทีให้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นอาจจะนำหายนะมาสู่ทุกคนในครอบครัว ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องกล้ำกลืนความไม่ยุติธรรมเพื่อรักษาหน้าทุกฝ่าย
หลักการเหตุผลนั้นนางล้วนเข้าใจ แต่ในใจนางรู้สึกทุกข์ทรมานจริงๆ น้ำตาพรั่งพรูไม่หยุด ทั้งสองล้วนเป็นหวังเฟยเหมือนกัน แต่ตอนนี้หวังเฟยอย่างนางเป็นแค่สิ่งที่น่าขำ เพิ่งอยู่ในตำแหน่งหวังเฟยนี้ได้ไม่นานเท่าไหร่ ไม่มีหน้ามีตาได้ไม่นานเท่าไหร่? ก็กลายเป็นอย่างนี้เสียแล้ว…
เรื่องมาจนป่านนี้ นางรู้จักปากเถิงเฟยนานแล้วว่าถูกหนิวโหย่วเต๋อหลอกใช้
นึกถึงความทุ่มเทของตัวเองที่ส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายร่วมงานกันสำเร็จ ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อตำแหน่งหวังเฟย ถึงขั้นยืมแรงของอีกฝ่าย หลังจากทำสำเร็จแล้วก็แอบภูมิใจ แต่พอมองดูตอนนี้ มีอะไรน่าภูมิใจล่ะ? ผู้ชายของตัวเองใช้การไม่ได้ ทนแนวโน้มของสถานการณ์ไม่ไหว ต่อให้วิธีการของตัวเองจะเหนือชั้นแค่ไหน แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องจอมปลอม
“ดีใจก็ดีแล้ว ดีใจก็ดีแล้ว” อวิ๋นจือชิวตบหลังมือนาง จากนั้นก็เรียกคนกลุ่มหนึ่งก่อนจะหายไปจากตรงนี้ ตรงนี้ไม่ใช่พื้นที่พูดคุยตามประสาพี่สาวน้องสาวของพวกนาง
กลุ่มผู้หญิงหายตัวไปแล้ว พอเหมียวอี้ออกคำสั่ง ตรงนี้ก็มีคนเข้ามารับกำลังพลของเถิงเฟยทันที การจัดระเบียบกองทัพใหม่คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้ามีคนที่มีอำนาจบารมีสักคนยืนขึ้นมาออกคำสั่ง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะดึงกันหนี
“พี่เถิง”
“พี่เฉิง”
ในที่สุดเฉิงไท่เจ๋อกับเถิงเฟยก็พบหน้ากันอีกครั้ง ตอนที่ทั้งสองกุมหมัดคารวะทักทายกัน ก็สบตากันแล้วยิ้ม ให้ความรู้สึกเหมือนยิ้มเพื่อลืมเลือนความแค้นในอดีต
เพียงแต่ความขมฝาดในรอยยิ้มนี้ มีเพียงในใจทั้งสองเท่านั้นที่เข้าใจดีที่สุด ก่อนหน้านี้สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กลับให้คนอื่นชุบมือเปิบได้ สู้กันอยู่ตั้งนานจนทำให้ใต้หล้าเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจ ถึงได้พบว่าตัวเองเป็นเพียงตัวหมากในมือคนอื่น ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรกจะสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนั้นทำไม
ในใจของทั้งสองรู้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่าถ้าไม่ใช่เพราะทั้งสองถูกเสี้ยมให้เกิดความขัดแย้งกัน ขอเพียงทั้งสองมั่นคง หนิวโหย่วเต๋อก็ไม่มีโอกาสปลุกลมสร้างคลื่นเลย ยังจะรักษาสถานการณ์ภาพรวมของใต้หล้าอย่างนี้ต่อไปได้
ทว่าจะโทษใครได้อีกละ? ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ตัวเองไร้ความสามารถ
เถิงเฟยไม่กล้าหันกลับไปมองกำลังพลของตัวเองที่ถูกรับไปอีกแล้ว รากฐานที่ลำบากลำบนสร้างมาหลายปี ตอนนี้สลายหายไปดั่งเมฆหมอก พวกเขากลัวว่าถ้ามองมากแล้วจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จนทำให้หนิวโหย่วเต๋อเข้าใจผิด…
นอกอาณาเขตดาวนิรนาม เถิงเฟยกับเหมียวอี้หนีไปยังบริเวณทางเข้าอาณาเขตดาวนิรนามแห่งหนึ่ง ในเวลานี้มีกำลังพลกระจายตัวอย่างหนาแน่น กองทัพพระหนึ่งพันสามร้อยล้านของแดนสุขาวดี ประมุขชิงเก็บรวบรวมกำลังพลกองทัพองครักษ์หนึ่งพันล้านได้แล้ว แบ่งเป็นกระบวนทัพสองทัพอย่างชัดเจน
ประมุขชิงกับประมุขพุทธะต่างคนต่างขี่มังกรสีทองตัวใหญ่เดินทางอยู่ในดาราจักร สุดท้ายมังกรสองตัวก็สุมหัวกัน สองคนที่ยืนอยู่บนหัวมังกรทอดสายตามองไปยังจุดลึกในดาราจักร
“แน่ใจนะว่าเข้าไปจากตรงนี้?” ประมุขชิงถาม
ประมุขพุทธะพยักหน้าเบาๆ “น่าจะไม่ผิดพลาด สายลับของฝั่งค่าเห็นกับตาตัวเอง”
ประมุขชิงแสยะยิ้ม “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าเวรนี่ช่างเป็นหมาบ้าจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะกัดเถิงเฟยไม่ปล่อย”
“จุดประสงค์ของเขาเรียบง่ายมาก กำจัดภัยที่จะตามมาในภายหลัง เพื่อที่จะสร้างเงื่อนไขให้เกิดศึกตัดสินของเจ้ากับข้า ไม่อยากสู้จนตอนสุดท้ายให้คนอื่นมาชุบมือเปิบก็เท่านั้นเอง” ประมุขพุทธะกล่าว
ประมุขชิงว่า “เถิงเฟยเข้าไปนานขนาดนั้น แต่เขาก็ยังกล้าตามไป เกรงว่าคงมีอะไรในกอไผ่ ข้าสงสัยว่าฝั่งเถิงเฟยจะมีสายลับของหนิวโหย่วเต๋อ เกรงว่าเถิงเฟยคงจะมีอันตรายแล้ว เขาต้องเตือนเขาสักหน่อย” พูดจบก็หยิบระฆังดาราขึ้นมาติดต่อเถิงเฟย
หลังจากติดต่อเสร็จแล้วก็วางระฆังดารา ประมุขพุทธะถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
ประมุขชิงตอบอย่างเย็นชาว่า “เขาขอบคุณที่ข้าเตือน บอกว่าเขารู้แล้ว จะระวังตัวและป้องกัน ข้าให้เขาคิดหาทางล่อกำลังพลของหนิวโหย่วเต๋อออกมา เขาก็ทำตัวคลุมเครืออยู่อย่างนั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังป้องกันข้า”
ประมุขพุทธะบอกว่า “อาณาเขตดาวนิรนาม พวกเขาไม่กล้าเพ่นพ่านไปไหนอยู่ดี เขาจะต้องถอยกลับออกมาโดยทางเดิมตอนเข้าไปแน่นอน พวกเราเฝ้าอยู่ที่นี่ก็พอ นอกเสียจากว่าเขาจะไม่มาเลยอีกตลอดไป”
ประมุขชิงพยักหน้า นี่ก็เป็นวิธีการที่ไม่มีทางเลือกแล้ว ไม่รู้เส้นทางที่เหมียวอี้เข้าไปในอาณาเขตดาวนิรนาม เขาก็ไม่ถ่อหนีไปไหนซี้ซั้วเหมือนกัน มาถึงที่นี่แล้วก็ทำอะไรเหมียวอี้ไม่ได้ ไม่มีทางได้ตามโจมตีต่อไปได้
จากนั้นทั้งสองก็ถ่ายทอดคำสั่งลงไป กำลังพลสองพันกว่าล้านกระจายกันซ่อนตัวบนดาวเคราะห์รกร้างรอบๆ ไม่อย่างนั้นจะดูชัดเจนเกินไป ต่อให้เป็นคนตาบอดก็เห็น เดี๋ยวถ้าให้ทัพฝ่ายศัตรูเห็นแล้วเกรงว่าจะไม่กล้าออกมา
อาณาเขตดาวนิรนามอีกแห่ง ประมุขของสิบปราสาทดำเนินรวมทั้งพวกหั่วเจินจวินกำลังเร่งเดินทางอย่างรวดเร็ว
จู่ๆ พวกเขาก็หยุด แล้วมองไปรอบข้างด้วยความระมัดระวังอย่างสูง เห็นเพียงรอบข้างมีกำลังพลล้อมเข้ามาอย่างหนาแน่น สิบปราสาทดำเนินเผยศักยภาพที่เก็บงำไว้หลายปีทันที ลูกศิษย์หลายแสนคนทยอยกันปรากฏตัว
“บอกว่าที่นี่คืออาณาเขตดาวนิรนามไม่ใช่เหรอ? ทำไมมีกำลังพลตำหนักสวรรค์โผล่มาเยอะขนาดนี้? ลี่หัว เจ้านำทางเป็นหรือเปล่าเนี่ย?” อู๋ฉางด่าขณะมองไปรอบๆ
ลี่หัวปรายตาตอบว่า “ข้าก็ไม่ได้ขอร้องให้เจ้าตามข้ามานี่ ถ้าเก่งนักเจ้าก็ไสหัวไปสิ”
หั่วเจินจวินพลันหัวเราะ “เลิกโวยวายได้แล้ว เจอคนรู้จักเก่าแล้ว”
………………