ทั้งสองตกลงกันตามนี้
เมื่อเก็บระฆังดาราแล้ว เถิงเฟยก็บอกกับเหมียวอี้ว่า “ท่านอ๋อง เขาตอบตกลงแล้ว แต่ไม่ได้จะช่วยข้าสกัดท่านอ๋อง จะล่อท่านอ๋องออกไป…” เขาเล่าสถานการณ์ให้ฟังอย่างละเอียด
“น่าจะติดกับดักแล้ว!” หยางชิ่งที่อยู่ข้างๆ กันกล่าว
เหมียวอี้พยักหน้าเบาๆ ตอนแรกเขาเตรียมจะให้เถิงเฟยไปขอพึ่งพาโค่วหลิงซวี ทว่าหยางชิ่งรู้สึกว่าไม่เหมาะสม ถ้าเป็นฝ่ายไปขอพึ่งพาก่อนจะทำให้โค่วหลิงซวีเกิดความระแวงได้ง่าย ไม่สู้ให้โค่วหลิงซวีเป็นฝ่ายตัดสินใจวางแผนเองจะมีความเชื่อใจมากกว่า
“ท่านอ๋องเถิง ตอนนี้ก็ต้องดูเจ้าแล้ว” เหมียวอี้กล่าวกับเถิงเฟยด้วยรอยยิ้ม
“จะพยายามสุดความสามารถแน่นอน” เถิงเฟยกุมหมัดคารวะ
เหมียวอี้สั่งชิงเยว่ทันที “รวบรวมกำลังพลให้ท่านอ๋องเถิง!”
“รับทราบ!” ชิงเยว่กุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง จากนั้นก็เชิญให้เถิงเฟยไปเลือกกำลังพลด้วยกัน
เป็นไปไม่ได้พี่เหมียวอี้จะให้เถิงเฟยนำกำลังพลเดิมจากไป นั่นเท่ากับปล่อยเถิงเฟยไปแล้ว แม้ในมือจะมีคนในครอบครัวของเถิงเฟยเป็นตัวประกัน แต่ยามเผชิญหน้ากับผลประโยชน์และแรงกดดันของกำลังพลพันกว่าล้าน เถิงเฟยเองก็อาจทนไม่ไหว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเสี่ยงอันตรายนั้น เป็นเพราะกำลังพลที่ให้เถิงเฟยส่วนใหญ่เป็นกำลังพลของเขา กำลังพลของเถิงเฟยเองเป็นส่วนน้อยเท่านั้น ที่ให้พาไปรับมือกับสถานการณ์ด้วย มีแต่ต้องทำอย่างนี้เท่านั้น เถิงเฟยถึงจะไม่กล้าคิดอะไรไม่ซื่อ
กำลังพลเบื้องล่างเริ่มให้ความร่วมมือกับการระดมพล ให้ความร่วมมือเถิงเฟยให้การระดมทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้าน
เหมียวอี้ เฉิงไท่เจ๋อและพวกหยางชิ่งกำลังปรึกษารายละเอียดของปัญหากัน
ทว่าในเวลานี้ ก็มีเสียงต่อสู้วุ่นวายดังมา พวกเขาหันไปมองพร้อมกัน
ผ่านไปครู่เดียวเสียงวุ่นวายนั้นก็เงียบลง ชิงเยว่รีบเข้ามา รู้ว่าเหมียวอี้จะต้องมาถามแน่นอนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เป็นอย่างที่คาดไว้ เหมียวอี้เห็นหน้าแล้วก็ถามทันทีว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ชิงเยว่รายงานว่า “ท่านอ๋อง มีคนคิดจะแอบใช้ระฆังดารา แต่ถูกจับได้แล้ว คาดว่าคงเป็นสายลับจากบ้านไหนสักบ้าน”
ภายใต้สถานการณ์ที่ควบคุมการใช้ระฆังดาราอย่างเข้มงวดแบบนี้ ทุกคนรวมตัวอยู่ด้วยกัน ล้วนจับตาดูกันและกันอยู่ ใครคิดจะใช้ระฆังดารา เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ถูกคนข้างกายสังเกตเห็น เมื่อถ่ายทอดคำสั่งลงไปแล้ว คำสั่งทหารหนักแน่นดุจขุนเขา ใครใช้ระฆังดาราโดยพลการ ประหาร! ถ้าพบแล้วไม่รายงานก็มีความผิดร่วมกัน ประหาร!
เห็นได้ชัดเจนมาก มีคนอยากจะฉวยโอกาสเล่นตุกติกตอนที่กำลังระดมพลอย่างวุ่นวาย ผลปรากฏว่าโดนพบแล้ว
เหมียวอี้สีหน้าขรึมเครียดทันที นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้าเรื่องที่เถิงเฟยมาเข้าข้างฝ่ายนี้หลุดออกไป สายลับคนเดียวก็ทำงานใหญ่ของเขาพังได้เลย ถามเสียงต่ำว่า “ข่าวหลุดออกไปหรือยัง?”
“พวกเราพบทันเวลา คงจะส่งข่าวไปไม่ทันค่ะ” ชิงเยว่ตอบ
น้ำเสียงของเหมียวอี้จริงจังขึ้นหลายส่วน “คงจะ? ข้าไม่อยากได้ยินคำตอบอย่างนี้อีก”
“รับทราบ!” ชิงเยว่ปาดเหงื่อถอยออกไป
หลังจากเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เถิงเฟยก็เก็บรวบกำลังพล แล้วไปยังพิกัดดาวที่เหมียวอี้ระบุไว้
หลังจากทิ้งระยะห่างได้พอสมควร เหมียวอี้ก็เริ่มนำกำลังพลไล่ตามโจมตีไปข้างหลัง
คนกลุ่มหนึ่งอ้อมผ่านกำลังพลดักซุ่มของประมุขชิงและประมุขพุทธะไป ออกจากอาณาเขตดาวนิรนามแล้วยังไม่เผยโฉม แต่เลียบไปยังบริเวณอาณาเขตดาวนิรนามที่ติดกับทัพตะวันออก
ประตูดวงดาวทางผ่านไปอาณาเขตทัพเหนือปรากฏขึ้น เถิงเฟยก็นำกำลังพลบุกเข้าไปเลย
พอถูกพ่นออกมากลางอากาศ ก็เห็นกำลังพลทัพเหนือที่เฝ้าอยู่ทันที
จะเข้าไปทางไหน ระหว่างทางเถิงเฟยได้ประสานงานกับโค่วหลิงซวีเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่าฝั่งนี้เตรียมตัวไว้ตั้ังแต่เนิ่นๆ แล้ว แม่ทัพคนหนึ่งที่เฝ้าอยู่รีบโบกมือ ให้กำลังพลที่ขัดขวางหลีกทางให้ พวกเถิงเฟยรีบผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วกำลังพลทกลุ่มนั้นก็เข้ามาสกัดไว้อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็มีคนหลายร้อยปะปนเข้าไปอยู่ในกลุ่มของเถิงเฟย
“ต้องการจะตรวจสอบพวกเราเหรอ? ใครใช้ให้เจ้าบังอาจอย่างนี้?” เถิงเฟตะคอกใส่แม่ทัพของทัพเหนือที่เข้ามาใกล้
แม่ทัพคนนั้นกล่าวขออภัย “ท่านอ๋องเถิง ในเวลานี้สถานการณ์รบเปลี่ยนแปลงร้อยแปดพันเก้า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ท่านอ๋องโค่วเองก็ต้องระวังเอาไว้ ได้โปรดอภัย”
เมื่อมีกำลังพลกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในอาณาเขตของตัวเอง โค่วหลิงซวีก็ต้องมีการป้องกันแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำตามเถิงเฟยบอกทุกอย่าง ถ้าเถิงเฟยแอบซ่อนกำลังพลคนอื่นเอาไว้แล้วมาสู้กับโค่วหลิงซวีจะทำอย่างไร? จะต้องยืนยันให้แน่ใจอยู่แล้ว
“โค่วหลิงซวีเห็นข้าเป็นอะไรไปแล้ว? ไสหัวไป!” เถิงเฟยตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด
แม่ทัพคนนั้นบอกว่า “ถ้าท่านอ๋องเถิงไม่ให้ความร่วมมือ เพื่อความปลอดภัยของทัพเหนือเอง ทัพเหนือก็ทำได้เพียงขอให้ท่านอ๋องดูแลตัวเองให้ดี ทัพเหนือไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งอะไร…ท่านอ๋องเถิง หนิวโหย่วเต๋อไล่ตามมาแล้วนะ”
เถิงเฟยหันกลับไปมอง เห็นเพียงเหมียวอี้ขี่มังกรดำนำคนบุกด่านป้องกันเข้ามาโดยตรง ไม่สนใจการขัดขวางของทหารยาม ตามอยู่ข้างหลังไม่ลดละ
เถิงเฟยทำสีหน้ากระฟัดกระเฟียด ทำเหมือนถูกบีบจนไม่มีทางเลือกแล้ว สุดท้ายก็หันกลับมาสั่ง ให้กำลังพลของตัวเองยอมรับการตรวจค้น
ดังนั้นกำลังพลกลุ่มหนึ่งจึงเหาะไปพลางรับการตรวจค้นไปพลาง พลังอิทธิฤทธิ์แทรกซึมเข้ามาในที่บรรจุสิ่งของทั้งหมดของพวกเถิงเฟย ตรวจสอบอย่างรวดเร็ว
กำลังพลหนึ่งพันห้าร้อยล้าน เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะแยกแยะหน้าตาได้ทีละคน แบบนั้นต้องใช้เวลาแยกแยะนานเท่าไรกัน เพียงตรวจนับกำลังพลอย่างรวดเร็วเท่านั้น
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังเสียเวลาไปน้อย จนกระทั่งแน่ใจแล้วว่ามีกำลังพลประมาณหนึ่งพันห้าร้อยล้านจริงๆ กำลังพลทัพเหนือถึงได้หยุดค้นหา แล้วรีบรายงานสถานการณ์ขึ้นไปเบื้องบน ขณะเดียวกันก็รายงานลักษณะพิเศษของคนกลุ่มนี้คร่าวๆ ให้เบื้องบนรีบเตรียมตัวโดยเร็วที่สุด
หลังจากได้รับคำตอบจากเบื้องบนแล้ว แม่ทัพคนนั้นก็ยื่นมือชี้บอกทิศทาง “ท่านอ๋องเถิง เชิญทางด้านนี้ ท่านอ๋องโค่วส่งคนมาเตรียมรอรับแล้ว”
เถิงเฟยนำลูกน้องเหาะเบี่ยงออกจากเส้นทางทันที
บนยอดเขาสูงแห่งหนึ่งของดาวเคราะห์ที่รกร้าง ถังเฮ่อเหนียนวางระฆังดาราแล้วรีบรายงานว่า “ท่านอ๋อง หนิวโหย่วเต๋อกัดไม่ปล่อยเลย แบบนี้เกรงว่าจะรับตัวเถิงเฟยได้ยาก ต้องคิดหาทางสกัดไว้ ดึงระยะไล่ติดตามให้ไกลขึ้นหน่อย ถึงจะวางกับดักได้สะดวก ไม่อย่างนั้นก็จะหลุดพ้นจากสายตาหนิวโหย่วเต๋อได้ยากมาก ตอนวางกับดักก็จะถูกเปิดโปงได้ง่าย!”
โค่วหลิงซวีกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าเด็กนี่กัดเถิงเฟยไม่ปล่อยจริงๆ โหดมากทีเดียว ไม่แปลกใจที่เถิงเฟยตระหนกกลัว ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้กำลังพลที่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าดักไว้”
ถังเฮ่อเหนียนเอ่ยรับและจัดการตามที่สั่ง
สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก จู่ๆ ก็มีกำลังพลสิบล้านปรากฏตัวในดาราจักร มาแทรกกลางระหว่างเถิงเฟยพี่กำลังหลบหนีและหนิวโหย่วเต๋อที่กำลังไล่ตาม
“ผู้ที่มาเป็นใคร รีบหยุดเดี๋ยวนี้!” แม่ทัพตะโกนถาม
ฝั่งเหมียวอี้โบกมือ ทัพใหญ่ปรากฏตัว กำลังพลนับสิบล้านพุ่งเข้าไปสังหารโดยตรง ไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร ชั่วพริบตาเดียวก็สังหารกำลังพลที่เข้ามาขวางเอาไว้จนหมด ทัพใหญ่พุ่งผ่านไป ไล่ตามไปข้างหน้าต่อ แต่รอจนกระทั่งกำลังพลรวมตัวกันอีกครั้งแล้วไล่ตาม ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ไกลกันแล้วไม่น้อยจริงๆ
ผ่านไปไม่นาน โค่วหลิงซวีก็ส่งข่าวไปทางฝั่งเหมียวอี้ กล่าวอย่างเดือดดาลว่า : หนิวโหย่วเต๋อ เห็นแก่ที่เจ้ารีบร้อนไล่ตาม ฝ่าด่านป้องกันของข้ามาก็ว่าหนักแล้ว ทำไมต้องลงมือกับกำลังพลของข้า?
เหมียวอี้ : เถิงเฟยไม่ได้มีใจเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเรา นิ่งดูดายปล่อยให้ท่านอ๋องเผชิญอันตรายกับทัพใหญ่ประมุขพุทธะเพียงลำพัง ข้าช่วยล้างความอัปยศให้ท่านอ๋อง อย่าบอกนะว่าข้าทำผิดไป?
โค่วหลิงซวี : อย่าบอกนะว่านี่คือเหตุผลที่เจ้าลงมือกับกำลังพลของข้า? มีใครเขาทำเหมือนเจ้าบ้าง?
เหมียวอี้ : โจรเฒ่าโค่ว เจ้าอย่ามาเล่นลูกไม้นี้ กำลังพลของเจ้าไม่ขัดขวางเถิงเฟย ขัดขวางแค่กำลังพลของข้า หมายความยังไงกันแน่?
โค่วหลิงซวี : อาณาเขตของข้า ใครอยากจะขัดขวางใครก็จะขัดขวางคนนั้น ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาถาม มีหรือที่จะให้เจ้าบุกเข้ามาง่ายๆ!
เหมียวอี้ : โจรเฒ่า เจ้ารอข้าก่อนเถอะ! ถ้าเถิงเฟยหนีไม่พ้นก็แล้วไป ถ้าเถิงเฟยหนีพ้นแล้ว ข้าก็จะเคลื่อนทัพไปกวาดล้างทัพเหนือทันที!
โค่วหลิงซวี : พูดได้ดี! ข้าเองก็อยากจะเห็นนัก ว่าเจ้ามีกี่หัวถึงได้กล้าพูดจากำเริบเสิบสานกับข้าแบบนี้!
ทั้งสองแยกย้ายอย่างไม่สบอารมณ์ เจรจาไม่ลงตัว ไม่จำเป็นต้องเจรจากันต่อแล้วด้วย
ทว่าเมื่อทั้งคู่วางระฆังดาราลง คนที่ยืนอยู่บนหน้าผาก็เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ คนที่ยืนอยู่บนตัวมังกรดำก็แสยะยิ้ม เรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างมีเจตนาไม่ซื่อ
เมื่ออยู่ตรงหน้าผลประโยชน์แบบนี้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายและผลประโยชน์ของคนจำนวนนับไม่ถ้วน ความรู้สึกส่วนตัวไม่สำคัญแล้ว ขนาดคำเรียกท่านพ่อบุญธรรมก็ยังเปลี่ยนเป็นโจรเฒ่า ท่านพ่อบุญธรรมบุตรสาวบุญธรรมอะไรนั้นล้วนถูกโยนทิ้งไว้ข้างหลัง จะเอาความสัมพันธ์ครึ่งๆ กลางๆ อย่างนั้นมาคุยกันได้อย่างไร
“ถามดูหน่อยว่าเป็นยังไงบ้างแล้ว” โค่วหลิงซวีเอียงหน้าถาม
ถังเฮ่อเหนียนร่ายอิทธิฤทธิ์ใช้ระฆังดาราติดต่อกับเบื้องล่างทันที จากนั้นพยักหน้าตอบว่า “ทิ้งระยะห่างจากกันแล้วเล็กน้อย คงจะห่างพอสมควรแล้วขอรับ”
โค่วหลิงซวีทำเสียงฮึดฮัด “โจรเฒ่าเหรอ? รอข้าฮุบกำลังพลของเถิงเฟยให้ได้ก่อนเถอะ ข้าอยากจะเห็นนักว่าเขาจะกวาดล้างทัพเหนือยังไง!”
กลุ่มของเถิงเฟยยังคงหลบหนีไม่หยุด
จนกระทั่งเข้ามาในบริเวณที่มีหินกระจัดกระจายอยู่ในดาราจักร ระหว่างทางตอนผ่านดาวดวงใหญ่ดวงหนึ่ง พวกเถิงเฟยรีบเลี้ยวลงข้างล่าง ขณะเดียวกันก็มีกำลังอีกชุดหนึ่งเหาะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปลอมตัวเป็นพวกเถิงเฟยแล้วหลบหนีต่อไป
“รีบเข้ามาทางนี้!” พอพวกเถิงเฟยเหยียบลงพื้น ก็มีคนชี้บอกทางให้พวกเขาไปหลบในรอยแยกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งทันที
คนกลุ่มนี้เพิ่งจะซ่อนตัว ก็เห็นพวกเหมียวอี้ที่ไล่ตามมาแฉลบผ่านไปแล้ว
เมื่อเห็นพวกเหมียวอี้ไล่ตามคนที่ปลอมตัวไปแล้ว เถิงเฟยก็เอามือลูบหน้าอก ถอนหายใจแรงเหมือนโล่งอก
จนกระทั่งไม่เห็นเงาทหารกลุ่มนั้นแล้ว พวกเถิงเฟยถึงได้ออกเดินทางอีกครั้ง หาทิศทางไปใหม่
ระหว่างทาง เถิงเฟยหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับเหมียวอี้นิดหน่อย
หลังจากในใจมีแผนการแล้ว เหมียวอี้ก็เก็บระฆังดาราแล้วปล่อย ‘เหมียวอี้’ อีกคนหนึ่งออกมา เป็นไป๋เฟิ่งหวงนั่นเอง
พวกเหมียวอี้ทยอยกันเข้าไปไหนแหวนเก็บสมบัติวงหนึง แล้วไป๋เฟิ่งหวงก็ดีดแหวนเก็บสมบัติไปในดาราจักรด้านหลัง ก่อนจะขี่มังกรดำเร่งไปข้างหน้าต่อ
หนิวโหย่วเต๋อตัวปลอมเร่งไล่ตามเถิงเฟยตัวปลอม เพียงแต่หนิวโหย่วเต๋อตัวปลอมกล้าเปิดเผยหน้า แต่เถิงเฟยกลับไม่กล้าหันกลับมา
รอจนกระทั่งกำลังพลที่หลบหนีและไล่ตามหายไปในจุดลึกของดาราจักร แหวนเก็บสมบัติที่ลอยอยู่ในอวกาศก็ระเบิดออก พวกเหมียวอี้ปรากฏตัว ย้อนกลับมาอีกครั้งแล้ว
“ท่านอ๋องเถิง หนีพ้นหนิวโหย่วเต๋อแล้ว ตรงทางข้างหน้าก็ระวังตัวด้วย ข้าน้อยมิกล้ารบกวนแล้ว เพียงแต่ของที่ท่านรับปากท่านอ๋องโค่วไว้ ควรจะส่งให้ข้าได้แล้วหรือยัง?”
แม่ทัพที่เหาะอยู่ข้างกายเถิงเฟยกล่าวอำลา ทวงถามถึงธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่ทั้งสองอ๋องเจรจากันเรียบร้อยแล้ว
เถิงเฟยหยิบกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งโยนให้เขา “นับให้ดีนะ อย่าหาว่าข้าเบี้ยวแล้วกัน”
หลังจากแม่ทัพคนนั้นรับกำไลเก็บสมบัติมาตรวจนับแล้ว เขียนหนังสือส่งมอบให้กันฉบับหนึ่ง แล้วกุมหมัดอำลาอย่างร่าเริง “ไม่ผิดหรอก ครบแล้ว ข้าน้อยขอตัว!”
“ไม่ส่ง!” เถิงเฟยแสยะยิ้ม เหมือนไม่ค่อยพอใจกับข้อตกลงนี้
แม่ทัพคนนั้นโบกมือเล็กน้อย นำกำลังพลทัพเหนือที่ติดตามมาด้วยออกจากกำลังพลของเถิงเฟย มองส่งพวกเถิงเฟยจากไปไกลพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม ในมือถือระฆังดาราขึ้นมาไม่รู้ว่ากำลังติดต่อไปที่ไหน
ทว่าตอนที่ทั้งสองฝ่ายแยกกันได้ไม่นาน กลุ่มของเถิงเฟยก็เพิ่งเข้ามาอยู่ระหว่างดาวเคราะห์ไม่กี่ดวง จู่ๆ ตรงหน้าก็ปรากฏกำลังพลหนาแน่นมาขวางทาง
พวกเถิงเฟยหยุดเดินทางกะทันหัน รีบหันมองไปรอบๆ เห็นเพียงกำลังพลกลุ่มใหญ่พุ่งเข้ามาจากทั่วสารทิศ เหมือนจะล้อมพวกเขาเอาไว้แล้ว
ทางฝั่งเถิงเฟยปล่อยทัพใหญ่หนึ่งพันห้าร้อยล้านออกมาอารักขาทันที เตรียมป้องกันโดยรอบ
“พี่เถิง กำลังจะไปที่ไหนกัน?”
ในดาราจักรมีเสียงหัวเราะลั่นดังมา กลุ่มคนหันไปมอง เพียงตรงกลางของกำลังพลที่ประชิดเข้ามาหลีกเส้นทางให้หนึ่งเส้นทาง อ๋องสวรรค์คุมทัพเหนือปรากฏตัวแล้ว บนใบหน้าเจือรอยยิ้มบางๆ แต่พลังอำนาจทำให้คนรู้สึกกดดัน
เถิงเฟยโบกมือชี้ พร้อมตะโกนถามอย่างโมโห “โค่วหลิงซวี นี่เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“พี่เถิง เจ้าลืมมอบอะไรให้ข้าไปหรือเปล่า?” โค่วหลิงซวีถามเสียงเรียบ
…………………………