พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1040 ทำงานแบบไม่ทุ่มเท

บทที่ 1040 ทำงานแบบไม่ทุ่มเท

เป็นกลุ่มที่มีแปดคน หัวหน้ากลุ่มเป็นสตรีวัยกลางคน ภายใต้เกราะหัวและเกราะรบผลึกแดงขั้นสูง ใบหน้างดงามดุจภาพวาด ตรงหว่างคิ้วเผยวรยุทธ์บงกชทองขั้นเจ็ด ฮุ่ยชิงเหยียนนำคนโจมตีเข้ามาแล้ว

ฮุ่ยชิงเหยียนขี่ค้างคาวที่มีขนสีขาวทั้งตัวราวกับเข็มเหล็ก หน้าตาดุร้ายน่ากลัว เขี้ยวยาวกรงเล็บแหลม ดวงตาสีเขียวขลับ ชื่อว่าค้างคาวขาวอเวจี

ส่วนทางซ้ายและขวาล้วนขี่เดรัจฉานสับปลับ เดรัจฉานสับปลับหกเจ็ดตัวตามอยู่ข้างหลัง

เมื่อเห็นโฉวตั้งไห่โจมตีเข้ามา ฝานอวี้เฟยที่เดิมทีอยากจะนำคนหลบอันตรายชั่วคราว อยากจะหลบอ้อมออกมา แต่ใครจะคิดว่าจะมีคนอีกกลุ่มโจมตีเข้ามา

เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นแบบนี้ ในใจฝานอวี้เฟยก็เดือดดาลมาก คนอื่นเห็นกลุ่มของตนเป็นเนื้อติดมันชิ้นใหญ่แล้วจริงๆ!

โฉวตั้งไห่ที่เปลี่ยนจากฝ่ายดักสังการเป็นฝ่ายไล่โจมตีก็โมโหเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนมาแทรกแถวแย่งของกิน จึงร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนอย่างเดือดดาลทันที “โฉวคนนี้ไม่ได้ต้องการผู้ช่วย ระวังดาบทวนไม่มีตานะ!” เห็นได้ชัดว่าตะโกนให้ฮุ่ยชิงเหยียนฟัง

“คนดัดจริตโผล่มาจากไหนกัน? พออ้าปากก็พูดเรื่องน่าขำเสียแล้ว ถ้าเจ้ายินดีจะช่วยข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอก!” ฮุ่ยชิงเหยียนพูดเหน็บแนมพลางหัวเราะคิกคัก

คนที่ดักกับคนที่ขวางต่างก็โจมตีอย่างรวดเร็ว ฝานอวี้เฟยนำคนเลี้ยวในแนวขวาง หลบคนที่โจมตีทั้งข้างหน้าทั้งข้างหลัง สองฝ่ายที่ไล่ตามมาเลี้ยวตามพร้อมกัน เปลี่ยนเป็นตามหลังพวกฝานอวี้เฟย ฝานอวี้เฟยแค้นจนกัดฟันกรอด พอเดินหมากผิด ตัวเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายทันที ส่วนคนที่ตามหลังก็ทำสีหน้าว้าวุ่นใจ

แต่สิ่งที่ทำให้ฝานอวี้เฟยผิดคาดก็คือ ศัตรูที่แข็งแกร่งสองกลุ่มข้างหลังเริ่มต่อสู้กันเองแล้ว

ก็ช่วยไม่ได้ นางอยากจะกลับไปที่จุดหมายสุดท้าย ไม่อาจอยู่ห่างจากจุดหมายสุดท้ายไกลเกินไป ด้วยเหตุนี้นางจึงเปลี่ยนทิศทางเล็กน้อย ทำให้สองกลุ่มที่ไล่ตามมาข้างหลังต้องเจอกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อคนสองกลุ่มมารวมกัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เริ่มต่อสู้กันก่อนแลว

ถ้าไร้พิษภัยแสดงว่าไม่ใช่สตรี! ชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ! ค้างคาวขาวอเวจีของฮุ่ยชิงเหยียนเอียงตัวเอียงศีรษะ พ่นเปลวเพลิงสีเขียวสดใสออกมากวาดใส่กลุ่มคน

โฉวตั้งไห่นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ลอบจู่โจมกะทันหัน ทำเอาฉุกละหุกรับมือไม่ทัน จึงรีบร่ายอิทธิฤทธิ์ผลักฝ่ามือออกมา พลังอิทธิฤทธิ์ที่โหมซัดสาดกลุ่มหนึ่ง ถึงแม้จะทำให้เปลวเพลิงสีเขียวพังทลายไปแล้วไม่น้อย แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าเปลวเพลิงสีเขียวสามารถเปลวเพลิงสีเขียวพลังอิทธิฤทธิ์

สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากก็คือ ถึงแม้เขาจะปกป้องตัวเองไว้ได้ แต่ร่างกายยาวเหยียดของอสรพิษบินขนทองที่เขาขี่อยู่ หางยาวสะบัดไปโดนเปลวเพลิงสีเขียวนั่นแล้ว

“จี๊ดๆ…” อสรพิษบินขนทองสะบัดหางพลางร้องเสียงเหมือนนก เหมือนจะเจ็บปวดมาก แต่ไม่ว่าจะสะบัดอย่างไรก็สะบัดไม่หลุด ราวกับราวกับเป็นแผลผุพองที่กัดกินลงไปถึงกระดูก ไม่นานก็เผาเนื้อจนเห็นกระดูก ไฟพวกนี้เหมือนจะชอบกลืนกินร่างกายที่มีเลือดเนื้อ ลุกลามยยายไปตามหางงูอย่างรวดเร็ว

อสรพิษบินขนทองสูญเสียการควบคุมทันที โฉวตั้งไห่จะควบคุมอย่างไรก็ไม่ได้ผล ทั้งยังต้องร่ายอิทธิฤทธิ์ต้านทานเปลวเพลิงสีเขียวที่ค้างคาวขาวอเวจีพ่นออกมาไม่หยุดด้วย

ที่โชคร้ายกว่านั้นก็คือ อสรพิษบินขนทองที่สูญเสียการควบคุมสะบัดหางยาวที่โดนเปลวเพลิงสีเขียวลุกไม้เข้าไปกลางสมาชิกกลุ่มข้างหลังแล้ว ทั้งโบกทั้งกวาดมั่วๆ อยู่พักหนึ่ง

กำลังคนข้างหลังที่เดิมทีเสมอกับกับฝ่ายศัตรู พอรังของตัวเองเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ก็ทำให้ดวงซวยมากทันที พลังโจมตีตรงส่วนหางของอสรพิษบินขนทองน่าตกใจมาก ปั้ง! พญาปักษาขนทองตัวหนึ่งโดนฟาดจนกระเด็นออกไปทันที คนที่นั่งอยู่บนนั้นสวมเกราะรบผลึกแดง แต่ก็ต้านทานการโจมตีนี้ไม่ไหว กระอักเลือดสดคำใหญ่ออกมา กระเด็นตามสัตว์พาหนะไปเช่นกัน

ทุกคนขี่สัตว์พาหนะหลบหนีทันที ภายใต้ความฉุกละหุกนี้ คนที่หลบไม่ทันก็รีบควงดาบฟันหางงูอย่างดุเดือด หางงูโดนฟันขาด แต่กลับโดนเปลวเพลิงสีเขียวบนหางงูกวาดมาโดนแล้ว

ภาพที่เกิดขึ้นตามมาก็ทำให้คนขนลุก เปลวเพลิงสีเขียวนั่นเผาไหม้เกราะรบของเขาทันที ราวกับเป็นเปลวเพลิงที่มีชีวิต ไม่น่าเชื่อว่าจะแทรกซึมผ่านรอยแยกของเกราะรบเข้าไปได้โดยตรง ก็เห็นรอยแยกก็แทรกเข้าไป ไม่ว่าคนคนนั้นจะร่ายอิทธิฤทธิ์ดับอย่างไรก็ดับไม่ได้

ผ่านไปไม่นาน คนในเกราะรบก็โดนเปลวเพลิงสีเขียกลุ่มหนึ่งครอบไว้แล้ว เรียกได้ว่าบิดตัวอย่างน่ากลียดน่ากลัว ส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาไร้ที่เปรียบ พญาปักษาขนทองก็ส่งเสียงร้องอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงสีเขียเช่นกัน

ภาพนี้น่าหวาดผวาจนลูกน้องของโฉวตั้งไห่ไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนโฉวตั้งไห่ก็เหาะหนี ทิ้งอสรพิษบินขนทองที่กำลังเหลือกกลิ้งไปแล้ว ไม่ทิ้งคงไม่ได้ เพราะช่วยชีวิตไม่ได้แล้ว ร่างกายเกินครึ่งของอสรพิษบินขนทองโดนเปลวเพลิงสีเขียวครอบแล้ว มันส่งเสียงกรีดร้องพลางกลิ้งตกลงไปในจุดลึกของอวกาศ

ฮุ่ยชิงเหยียนหันกลับมาแสยะยิ้ม แล้วนำกำลังคลไล่ตามโจมตีพวกฝานอวี้เฟยต่อไป

โฉวตั้งไห่เดือดดาลมาด กวักมือเรียกเพื่อนร่วมงาน แล้วกระโดดขึ้นหลังสัตว์พาหนะของเพื่อนร่วมงาน แล้วนำหกคนที่เหลือไล่ตามฮุ่ยชิงเหยียนอย่างบ้าคลั่ง

เหมียวอี้ที่เร่งไปยังจุดหมายสุดท้ายตระหนกตกใจมาก ถามว่า “เปลวเพลิงสีเขียวที่ค้างคาวขนขาวพ่นออกมามันคืออะไรกัน?”

ไม่ตกใจคงไม่ได้ เปลวเพลิงทั่วไปไม่สามารถใช้งานในอวกาศได้เลย แต่เปลวเพลิงสีเขียวนี้กลับยิ่งลุกโชนยิ่งโชติช่วง ช่างน่าประหลาดใจ!

“คงจะเป็นไฟผี ได้ยินว่าพอได้ลุกโชนก็ดับยากมาก ขนานนามว่าสามารถเผาสรรพสิ่งจนหมดสิ้น นึกไม่ถึงว่าพวกโฉวตั้งไห่จะเจอกับของผีๆ แบบนี้” มู่หรงซิงหัวตอบ

ไฟผี? เหมียวอี้ชะงักทันที เคยได้ยินเยารั่วเซียนเอ่ยถึงตอนพูดถึงเรื่องไฟ อัคคีน้ำแข็งกับไฟผีล้วนจัดเป็นไฟหยิน ถ้าอย่างนั้นเปลวเพลิงสีเขียวจะมีประโยชน์กับการฝึกตนหรือเปล่า?

ตอนนี้ยังไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่วันนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตาเยอะจริงๆ สัตว์เทพที่ปกติพบเห็นได้ยากโผล่ออกมาตัวแล้วตัวเล่า! เหมียวอี้เดาะลิ้นด้วยความทึ่ง กำลังและความมั่นใจของตระกูลขุนนางที่ตำหนักสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบติดจริงๆ คนทั่วไปถ้าอยากจะหาให้ได้สักตัวก็ยากมาก แต่ตรงนี้กลับปรากฏพร้อมกันเป็นกลุ่มก้อน

“อ้อมดาวเคราะห์ข้างหน้าไป ระวังจะมีการดักซุ่ม! “เหมียวอี้พลันตบบ่าสวีถังหราน

สวีถังหรานพยักหน้า แล้วรีบขี่สัตว์พาหนะเบี่ยงออกจากเส้นทาง

“ไฟผี!” โค่วเหวินหวงที่อยู่ตรงจุดหมายสุดท้ายหน้าเขียวแล้ว รู้สึกเหมือนขโมยไก่ไม่ได้ ทั้งยังเสียข้าวสารอีกกำมือ พอกวาดสายตามอง พบว่าพวกเหมียวอี้ไม่ได้ไล่ตามไปช่วยพวกโฉวตั้งไห่ แต่กลับมุ่งหน้ามาทางนี้ นี่กำลังจะกลับมารายงานผลการปฏิบัติงานเหรอ?

เขารีบถลันตัวไปข้างกายโค่วเหวินหลานทันที ถายทอดเสียงบอกว่า “เจ้าหก คนเของเจ้านี่ยังไงกัน? เห็นกำลังคนของตระกูลโค่วเผชิญความลำบาก แทนที่จะไปช่วยเหลือ กลับคิดจะกลับมาแล้ว?”

พอได้ยินแบบนั้น โค่วเหวินหลานก็เริ่มโมโห ถามกลับว่า “พี่ถาม ขอถามหน่อยเถอะ ก่อนหน้านี้กำลังคนของท่านทำอะไรเอาไว้?”

“เจ้าพูดจาใส่อารมณ์กับพี่ชายแบบนี้เหรอ?” โค่วเหวินหวงตำหนิ แล้วบอกอีกว่า “ถ้าตอนแรกคนของเจ้าไม่หาแพะรับบาป คนของข้าจะแค้นใจแล้วออกห่างเหรอ? ตอนหลังเจ้าก็เห็นแล้วนี่ พวกเขาโจมตีเข้ามาสนับสนุนแล้ว ปรากฏว่ากลับหาเรื่อเพิ่มอันตรายใส่ตัวเองด้วยซ้ำ”

“พี่สาม คนของท่านตามไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ชัดๆ เจตนาจะกลับไปช่วยเสียที่ไหนกัน?” โค่วเหวินหลานถาม

โค่วเหวินหวงหน้าบึ้งทันที ตำหนิด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ตอนนี้มาเถียงกันเรื่องนี้จะมีความหมายอะไร? ถ้าเจ้ามีความเห็นแย้ง กลับไปก็ค่อยไปฟ้องคนในตระกูลสิ! สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คืออะไร? หน้าตาศักดิ์ศรีของของตระกูลโค่วสำคัญที่สุด เจ้าเป็นหนึ่งในคนของตระกูลโค่ว กินอยู่กับตระกูลมาตั้งแต่เด็ก ใช้ของในตระกูล ตอนนี้เรื่องราวเกี่ยวข้องกับเกียรติอันสูงส่งของตระกูล หรือว่าเจ้าคิดจะนั่งดูคนอื่นหัวเราะเยาะอยู่เฉยๆ?”

“…” โค่วเหวินหลานโมโหจนแทบทนไม่ไหว แต่กลับโดนข้ออ้างของอีกฝ่ายดักจนพูดไม่ออก เพราะอีกฝ่ายพูดไม่ผิด ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพูดมากแล้วว่าสิ่งใดต้องมาอันดับแรก

“เจ้าจะมัวลังเลอะไร? ยังไม่รีบสั่งให้คนของเจ้าไปรวมกับคนของเข้าอีก หรือว่าจะให้ข้าขอคำแนะนำจากท่านอาสาม? ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา เจ้าจะรับผิดชอบไม่ไหวนะ!” โค่วเหวินหวงตะคอก

โค่วเหวินชิงที่อยู่ข้างๆ ถึงแม้จะไม่รู้รายละเอียดว่าทั้งสองกำลังคุยอะไรกัน แต่พอเห็นปฏิกิริยาของทั้งสอง นางก็เดาออกได้คร่าวๆ แล้วว่ากำลังคุยอะไรกัน

โค่วเหวินหลานเก็บกลั้นความโกรธไว้ในอก ไม่สามารถระบายออกมาได้ แต่ในเมื่อใช้ข้ออ้างที่ใหญ่โตแบบนี้แล้ว เขาจะทำอะไรได้อีกล่ะ? ทำได้เพียงหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับเหมียวอี้

“อะไรนะ?” มู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานอุทานอย่างตกใจพร้อมกัน

ทั้งสามหยุดชะงักอยู่กลางท้องฟ้า เหมียวอี้ถือระฆังดาราไว้ในมือ แล้วบอกความประสงค์ของโค่วเหวินหลานให้ฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย

สวีถังหรานยิ้มเจื่อน “น้องหนิวสู้ตายสุดชีวิต พวกเราถึงได้รอดตัวออกมาได้ ตอนนี้จะให้พวกเรากลับไปช่วยคนกลุ่มนั้นอีกแล้วเหรอ ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาทิ้งพวกเราไว้ล่ะ นี่มันมีเหตุผลเสียที่ไหนกัน? ค้างคาวที่พ่นไฟผีนั่นน่ากลัวขนาดไหนทุกคนก็เห็นแล้ว แล้วผู้หญิงที่ประมือกับน้องหนิวก่อนหน้านี้ ตอนหลังก็หยิบแส้ออกมาอีก แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของวิเศษขั้นสูง อีกฝ่ายยังมีท่าไม้ตายที่ยังไม่ได้ใช้ แถมพวกเรายังคนน้อยกำลังอ่อนแอ น้องหนิวก็เสียสัตว์พาหนะไปอีก จะให้พวกเราไปต่อสู้อีกได้ยังไง? นี่ไม่ใช่การสั่งให้พวกเราเอาชีวิตไปทิ้งหรอกเหรอ! ผู้บัญชาการใหญ่กลับคำแบบนี้ได้ยังไง?”

เหมียวอี้ตอบอย่างใจเย็นว่า “ผู้บัญชาการใหญ่บอกว่า เขาเองก็โดนกดดันจนหมดทางเลือก ถ้าตระกูลโค่วเสียผลประโยชน์แต่เขากลับไม่แยแส เขาก็จะหนีความผิดนี้ไม่พ้นเหมือนกัน!”

สวีถังหรานพูดไม่ออก ผลประโยชน์ของเขากับเหมียวอี้ก็ต้องอาศัยโค่วเหวินหลาน ถ้าโค่วเหวินหลานเสียอำนาจ พวกเขาก็เลิกคิดได้เลยว่าจะอยู่ดีมีสุข ก่อนหน้านี้ล่วงเกินเซี่ยโห้วหลงเฉิงไว้ เมื่อครู่นี้ก็คงจะล่วงเกินตระกูลเซี่ยโห้วไปอีกด้วย ถ้าไม่มีต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลโค่วให้พพึ่งพิง ต่อไปก็คงจะยากลำบากแล้ว!

มู่หรงซิงหัวเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะบอกว่า “น้องหนิวมีแผนยังไง? ข้าตามใจน้องหนิว”

เหมียวอี้จนใจมาก พบว่าถ้าคิดจะประสบความสำเร็จ ทำไมต้องพบเจออุปสรรคยากลำบากมากมายขนาดนี้ เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกว่า “จะทำยังไงได้ล่ะ? ตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว ท่ามกลางสายตาฝูงชน พวกเรามีทางเลือกด้วยเหรอ?”

“อย่าบอกนะว่าพวกเราจะเอาชีวิตไปทิ้งจริงๆ?” สวีถังหรานถามอย่างเศร้าโศก

เหมียวอี้นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “พวกเรานับว่าทำดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย พวกเราก็ต้องปกป้องชีวิตตัวเองไว้ก่อน…ถึงอย่างไรสัตว์พาหนะของพวกเราก็พลังเท้าอ่อนด้อย คอยถามอยู่ข้างหลังก็พอแล้ว ส่วนจะช่วยเหลือได้หรือเปล่า…มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้!”

อีกสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็ทำสายตาเหมือนรู้อยู่แก่ใจ ทำงานแบบไม่ทุ่มเท แบบนี้ก็รายงานผลงานได้เหมือนกัน!

แต่แบบนี้ก็ยังอันตรายอยู่ดี ใครจะไปรู้ว่าตอนหลังจะเกิดอะไรขึ้น

แต่ก็ทำได้เพียงเท่านี้ เดรัจฉานสับปลับสองตัวเลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง มุ่งไปทางพวกโฉวตั้งไห่

แต่ใครจะไปคิดว่าตอนนี้สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ฮุ่ยชิงเหยียนที่อยู่ตรงหน้าไล่ตามทันพวกฝานอวี้เฟยแล้ว จู่ๆ ก็มีคนตะโกนเสียงดัง “สาวงามผมแหว่ง ไม่ต้องกลัว! ผังลิ่งกงมาช่วยแล้ว!”

จู่ๆ ก็มีคนสี่คนโผล่ออกมาจากดาวเคราะห์ตรงหน้า ชายชายตรีที่ขี่เดรัจฉานมังกรดำนำหน้ามาก็คือลูกน้องของก่วงจี๋หลานชายของอ๋องสวรรค์ก่วง เคยเสียเปรียบด้วยน้ำมือฮุ่ยชิงเหยียนมาก่อน ตอนนี้กำลังตะโกนโหวกเหวกพร้อมนำคนโจมตีเข้ามาแล้ว

ฝานอวี้เฟยที่กำลังหลบหนีกระตุกมุมปากเล็กน้อย เอียงหน้ามองผมที่ปลิวสะบัดของตัวเองโดยจิตใต้สำนึก แต่ปลิวอยู่ข้างเดียวเท่านั้น เพราะอีกด้านหนึ่งเสียหายไปภายใต้ทวนของเหมียวอี้ ราวกับโดนสุนัขกัดมา ที่เรียกว่า ‘สาวงามผมแหว่ง’ ก็น่าจะหมายถึงตน

แต่ตอนนี้ไม่สนใจแล้วว่าจะไพเราะหรือไม่ ฝานอวี้เฟยไม่รู้จักเขาด้วย นำคนเร่งหลบไปอีกด้าน ป้องกันกลลวง!

“นางตัวดีฮุ่ยชิงเหยียน วันนี้คือวันตายของเจ้า!” ผังลิ่งกงตะโกนเสียงดัง นำคนพุ่งไปข้างๆ พวกฝานอวี้เฟย แล้วถือโอกาสบอกอีกว่า “สาวงามผมแหว่ง ทำไมไม่รวมมือกับผังเพื่อกำจัดนางตัวดีนี่ล่ะ ถ้าได้ของมาก็แบ่งกันคนละครึ่ง ไม่อย่างนั้นผังก็ช่วยเจ้าสกัดได้แค่ช่วงแรก แต่กลับสกัดนานไม่ได้!”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset