ท่ามกลางเสียงเปาะแปะของแผ่นเกล็ดบนเกราะรบ แกร๊ง! บนผนังที่ถักทอด้วยเถาไม้โดนกระแทกจนเกิดเป็นรูใหญ่รูหนึ่ง ไม้พังแตกละเอียด
เหมียวอี้พยายามอาศัยสัญชาตญาณถือทวนกระโดดขึ้นมาเตรียมพร้อมป้องกันให้เร็วที่สุด แต่ตัวกลับโซเซจวนจะล้ม มุมปากและจมูกมีเลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด เลือดสดไหลเปื้อนเต็มหน้าอกตามร่างกายที่โซเซของเขา บนใบหน้าฉาบทาเลือด ของที่เห็นอยู่ตรงหน้าถึงขั้นเกิดเป็นภาพซ้อน เลือดลมในร่างกายปั่นป่วนราวกับพลิกแม่น้ำคว่ำทะเล ในหูมีเสียงดังวิ้งๆ ตลอด สองมือที่จับทวนก็สั่นเทิ้มไม่หยุด
โชคดีที่เขากินสมุนไพรเซียนซิงหัวไว้ล่วงหน้าตั้งแต่แรก ภายใต้การร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุ้นการเยียวยาในร่างกาย ความรู้สึกผ่อนคลายก็แผ่ซ่านไปทั่วตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาได้สติกลับมาเร็วมาก เขารีบร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุมร่างกายให้มั่นคง ปรับเส้นเลือดที่สับสนปนเปของแขนสองข้างให้เหมาะสมเข้าที่ ควบคุมสองแขนที่สั่นเทิ้มเอาไว้ ในที่สุดภาพซ้อนตรงหน้าก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว!
ขณะจ้องมองอวี้ชิงหลางที่ไร้ศีรษะทว่ายังยืนถือทวนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง “ถุย” เหมียวอี้ก็ถ่มน้ำลายปนเลือดออกมาคำหนึ่ง เขาแลบลิ้นสีแดงสดออกมาเลียลือดสดที่ยังไหลซึมจากจมูกลงมาบนริมฝีปาก รสชาติของมันคาวและเค็ม จ้องชายหนุ่มที่ยังยืนไร้ศีรษะอยู่ตรงนั้น ในหัวคิดวกไปวนมาเร็วมาก กำลังคิดหาวิธีการรับมือ
เขาเองกก็นับว่าเคยผ่านศึกษาเป็นร้อยครั้งแล้ว แต่กลับเป็นครั้งแรกที่เห็นคนแปลกแบบนี้ ราวกับได้เห็นผี ขนาดศีรษะไม่มีแล้ว แต่ยังทำท่าทางเหมือนคนไม่เป็นอะไรเลย
ทันใดนั้น เหมียวอี้ก็เบิกตากว้าง บนใบหน้าฉายแววประหลาดใจหาคำอธิบายไม่ได้ เห็นเพียงตรงคอที่ขาดของชิงอวี้หลางเลื้อยขยุกขยิกอย่างรวดเร็ว เนื้อก้อนหนึ่งเริ่มนูนโผล่ออกมา กลายสภาพเป็นศีรษะใบหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวก็มีหน้าตาชัดเจน เป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนกับก่อนที่จะถูกทำลายศีรษะไม่มีผิด เป็นชิงอวี้หลางที่ใบหน้าที่งดงามดุจหยก ปากแดงเหมือนทาชาด หล่อเหลาไม่ธรรมดา
อย่าบอกนะว่าเจ้าบ้านี่มันฆ่าไม่ตาย? เหมียวอี้หวาดผวาในใจ
ชิงอวี้หลางจ้องมองปราณปีศาจโลหิตที่ปรากฏรางๆ บนทวนของเหมียวอี้ แล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “ปราณปีศาจโลหิตของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก!”
แต่หลังจากมองสำรวจเหมียวอี้ศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง ในดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน “แต่เจ้าก็มีฝีมืออยู่บ้างเหมือนกัน วรยุทธ์แค่บงกชทองขั้นสาม โดนวรยุทธ์บงกชทองขั้นแปดอย่างข้าโจมตีไป ไม่น่าเชื่อว่าจะลุกขึ้นยืนได้ในทันที หืม…” จู่ๆ สายตาของเขาก็จ้องที่เกราะรบอันสวยงามประณีตบนตัวเหมียวอี้ จากรูปแบบที่แตกต่างจากเกราะรบทั่วไป เขาพอจะสังเกตอะไรบางอย่างได้แล้ว พึมพำกับตัวเองว่า “อย่าบอกนะว่าเกราะรบชุดนี้…” ในดวงตาฉายแววจ้องอยากได้จนตาเป็นมัน
ไม่ว่าใครก็รู้ทั้งนั้น ว่าการมีเกราะรบป้องกันตัวดีๆ สักชุดเท่ากับมีชีวิตเพิ่มมาอีกชีวิตยามเข่นฆ่ากัน ใครบ้างที่จะไม่ชอบ?
เหมียวอี้อาการบาดเจ็บภายในร่างกายคงที่แล้ว เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ตาเป็นประกาย แล้วกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าโลกนี้จะมีคนที่ฆ่าไม่ตาย!”
ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ เขาก็ถลันตัวเข้าไปแล้ว แทงทวนออกไปอย่างว่องไวปานฟ้าแลบ พุ่งไปที่คอของชิงอวี้หลาง
ชิงอวี้หลางหรี่ตาสองข้าง แต่กลับยังยืนไม่สะทกสะท้านอยู่อย่างนั้น เหมือนมองออกว่าเหมียวอี้ออกทวนตอบสนองได้รวดเร็ว การประลองวิชาทวนกับเหมียวอี้ไม่ใช่วิธีการที่ชาญฉลาด
บึ้ม! คอระเบิดขาดด้วยพลังระเบิดของทวนเกล็ดย้อนที่แทงเข้ามา ศีรษะที่งอกใหม่ของชิงอวี้หลางระเบิดกระเด็นไปอีกครั้ง
ขณะเดียวกันนี้เอง ชิงอวี้หลางที่ไร้ศีรษะก็ขยับร่างกายอีกครั้ง ฉวยโอกาสกวาดทวนออกมาในแนวขวาง ด้วยระยะที่ใกล้และความเร็วในการลงมือของเขา เหมียวอี้ก็เรียกได้ว่าไม่มีทางหลบได้
เหมียวอี้เสียเปรียบไปแล้วหนึ่งครั้ง มีหรือที่จะเสียเปรียบเหมือนเดิมเป็นครั้งที่สอง จะใช้ท่าเดิมไม่ได้แล้ว รีบแหย่ทวนกลับไปอย่างรวดเร็ว
แกร๊ง! เหมียวอี้สะเทือนจนกระเด็นออกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับอาศัยพลังสะบัดทวนและหมุนตัวเหาะออกไปอย่างรวดเร็ว ลดพลังรุนแรงของอีกฝ่ายที่กำลังจะมีผลกับร่างกายของเขาโดยตรง
จนใจที่พื้นที่ว่างในเถาไม้มีจำกัด พลังสั่นสะเทือนบนทวนยังไม่เสื่อมลง เหมียวอี้ที่หมุนตัวเหาะด้วยความเร็วถือโอกาสตีทวนไปบนเถาไม้หนึ่งครั้งเพื่อคลายพลัง เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น บนผนังเถาไม้ระเบิดออกเป็นรูใหญ่ทันที
เสียงความคลื่อนไหวฝั่งเดียวที่ดังและต่อเนื่องขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นจุดหมายสุดท้ายที่โดนคลุมอยู่ใต้ทะเลเถาไม้ หรือจะเป็นคนที่กำลังสู้ตายอยู่นอกทะเลเถาไม้ ต่างก็มองไปยังโลกของเถาไม้ขนาดใหญ่นั่นโดยจิตใต้สำนึก รู้สึกได้ว่าข้างในมีคนกำลังเข่นฆ่ากัน
ขจัดพลังที่เหลือไปหมดแล้ว เกราะรบบนตัวเหมียวอี้เกิดเสียงดังเปาะแปะ เขาใช้สองเท้าถีบผนังเถาไม้ในโพรงใหญ่ที่ระเบิดออก กระโดดถอยหลังกลับมา ถือทวนในแนวเฉียงจ้องฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาเย็นเยียบ
เป็นอย่างที่คาดไว้ ศีรษะของชิงอวี้หลางงอกออกมาอีก ชั่วพริบตาเดียวก็กลับมามีศีรษะใบใหม่ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ แล้วเดาะลิ้นพูดว่า “เป็นอย่างนี้จริงๆ ด้วย! ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมวรยุทธ์บงกชทองขั้นสามอย่างเจ้าถึงต้านทานการโจมตีจากคนวรยุทธ์ขั้นแปดอย่างข้าได้ ต่อให้มีเกราะรบคอยต้านทาน แต่กายเนื้อข้างในก็รับการโจมตีนี้ไม่ไหวหรอก ปัญหาอยู่บนเกราะรบของเจ้าจริงๆ ด้วย ช่างเป็นของดี! เกราะรบบนตัวเจ้าเป็นของข้าแล้วล่ะ!”
เหมียวอี้โบกมือชี้อย่างเด็ดเดี่ยว พร้อมแสยะยิ้มกล่าวว่า “นั่นก็ต้องดูก่อนว่าเจ้าจะเหลือชีวิตไว้เสพสุขหรือเปล่า!”
“ช่างน่าขำ! ข้า…” ชิงอวี้หลางพลันเบิกตากว้าง แล้วอุทานถามอย่างหวาดกลัว “ของอะไรกัน?”
“ของดีไงล่ะ!” นิ้วที่กำลังชี้ของเหมียวอี้หดกลับมา แล้วเปลี่ยนเป็นกำหมัด “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าบนโลกนี้จะมีคนที่ร่างกายเป็นอมตะจริงๆ!”
“ของอะไร…” จู่ๆ ชิงอวี้หลางก็เริ่มสั่นไปทั้งตัว ใช้แขนสองข้างกอดศีรษะเอาไว้ เผยสีหน้าเจ็บปวดทรมานถึงขีดสุด “อา…” ส่งเสียงกรีดร้องอันสุดสังเวชใจ กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ตรงนั้น
ผ่านไปไม่นาน ก็เห็นในเกราะรบบนตัวเขามีเปลวเพลิงที่เหมือนคลื่นน้ำลุกโชน
อีกฝ่ายเหมือนจะไร้แรงต้านทานแล้ว แต่เหมียวอี้กลับยังถือทวนคอยระวังป้องกัน ขณะเดียวกันก็พายามร่ายอิทธิฤทธิ์เร่งสรรพคุณสมุนไพรเซียนซิงหัวในร่างกายตัวเอง เร่งอาการบาดเจ็บในร่างกายให้ฟื้นตัวเร็วๆ
“ไม่…” ชิงอวี้หลางกรีดร้องคอแทกแตก เจ็บปวดทรมานอยู่ภายใต้เปลวเพลิงเดือดที่มีสภาพเหมือนคลื่นน้ำ
ที่มีจุดจบแบบนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเขาแพ้ให้กับพลังของเหมียวอี้ แต่เป็นเพราะไม่ระวังจึงโดนเหมียวอี้วางกับดักลอบทำร้าย
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาทำร้ายเหมียวอี้จนสาหัสและพูดจาสงสัยในเกราะรบของเหมียวอี้ เหมียวอี้ก็จงใจใช้คำพูดประมาณว่าไม่เชื่อว่าเขาจะฆ่าไม่ตาย อยากจะให้โอกาสอีกฝ่ายได้ทดลองเกราะรบ ขณะเดียวกันก็อยากจะให้โอกาสอีกฝ่ายได้โจมตีเขาอีกสักครั้ง
วิธีการนี้ใช้สร้างความดึงดูดใจที่นักพรตคนหนึ่งมีต่อเกราะรบดีๆ สักชุด เหมียวอี้เดาว่าถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเองก็คงอยากจะดูเหมือนกันว่าเป็นยังไงกันแน่ ก็แค่เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพียงแต่การทำแบบนี้ไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่มาถึงขั้นนี้แล้วจึงไม่ถือสาที่จะทดลอง ถ้าไม่ทดลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะได้หรือไม่ได้?
นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะให้โอกาสตนฆ่าอีกครั้งจริงๆ ดังนั้นตอนที่เหมียวอี้ออกทวนอีกครั้ง จึงไม่เลือกตรงศีรษะแล้ว แต่เลือกที่คอแทน เพราะตรงหัวทวนตะคอสามแฉกของทวนเกล็ดย้อนซ่อนกระบี่เล็กเพลิงจิตเอาไว้เล่มหนึ่ง ตอนที่ทวนแทงเข้าไประเบิดคอชิงอวี้หลาง กระบี่เล็กเพลิงจิตก็ฉวยโอกาสทะลุจากคอของชิงอวี้หลางเข้าไปในร่างกาย
และตอนแรกชิงอวี้หลางก็ไม่สังเกตเห็นเหมือนกัน นึกว่าตอนที่คอระเบิดมีของบางอย่างแฝงเข้าไปในร่างกายตัวเอง ต่อให้สังเกตเห็นก็สายไปเสียแล้ว
นี่ไม่ใช่การประลองกำลังที่แท้จริง แต่เป็นการประลองสติปัญญาในชั่วพริบตาเดียว!
จู่ๆ คนที่อยู่ข้างนอกก็ได้ยินเสียงชิงอวี้หลางกรีดร้องอย่างน่าสังเวชใจขนาดนี้ คนไม่น้อยตรงจุดหมายสุดท้ายมองหน้ากันเลิกลั่ก แม้แต่เกาก้วนที่ยืนอยู่บนบันไดหน้าตำหนักก็กวาดสายตาไปหยุดอยู่ตรงทะเลเถาไม้จุดกำเนิดเสียง สายตาฉายแววสงสัยเล็กน้อย
อิ๋งเหย้าเจ้านายของชิงอวี้หลางสีหน้าเปลี่ยนทันที ที่มากกว่านั้นก็ประหลาดใจสงสัย ถึงขั้นทำสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย การที่ชิงอวี้หลางกรีดร้องแบบนี้ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
พวกผู้บัญชาการคนอื่นๆ ถึงขั้นพึมพำในใจ หรือว่าคนของตัวเองทำสำเร็จแล้ว?
พวกเขาต่างก็เฝ้าคอยให้คนของตัวเองทำสำเร็จ
ส่วนพวกผังลิ่งกงกับพวกโฉวตั้งไห่ ไม่ว่าจะกำลังไล่สังหารหรือกำลังสู้สุดชีวิต แต่ละคนพากันระแวงสงสัยไม่หยุด ชิงอวี้หลางตายแล้วเหรอ?
ชิงอวี้หลางตายแล้วจริงๆ เริ่มคืนร่างเดิมท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ในเกราะรบเริ่มมีเถาไม้โผล่ออกมาราวกับกระแสน้ำ ราวกับเป็นงูนับหมื่นเลื้อยออกจากรู แต่เถาไม้ที่โผล่ออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนจะถูกเผาจนเกรียมหมดแล้ว พอออกมาจากเปลวเพลิงคลื่นน้ำก็ทนรับพลังที่พรึ่งพรูออกจากร่างกายตัวเองไม่ไหว จึงขาดเป็นท่อนราวถ่านไม้ที่เปราะบาง
พอเหมียวอี้เห็นภาพนี้ ก็เข้าใจในทันที สงสัยชิงอวี้หลางคนนี้เดิมทีจะเป็นปีศาจเถาวัลย์
บึ้ม! จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น เหมียวอี้ยกแขนขึ้นมาป้องใบหน้า เกราะรบบนตัวชิงอวี้หลางกระเบิดมากระแทกบนตัวเขา
เหมียวอี้สัมผัสได้ ว่ายาเม็ดปีศาจของชิงอวี้หลางระเบิดอยู่ภายใต้การเผาหลอมอย่างฉาบฉวยของเพลิงจิตแล้ว ในที่สุดปีศาจที่ ‘ฆ่าไม่ตาย’ ตนนี้ก็ตายแล้ว
พอเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้ง รอบข้างก็เป็นสีเทาขมุกขมัว ทั้งหมดกลายเป็นเถ้าถ่าน แม้แต่เถาไม้ที่อยู่โดยรอบก็ระเบิดพังไปไม่น้อยแล้ว
ตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะมาสนใจเรื่องนี้ เกราะรบผลึกแดงที่มีความบริสุทธ์สูงบนตัวชิงอวี้หลางมีมูลค่าไม่ใช่น้อยๆ
เขาเก็บเพลิงจิตเข้ามาในร่างกาย แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์สำรวจโดยรอบอย่างรวดเร็ว พอร่ายอิทธิฤทธิ์ดูเข้ามา พวกเกราะรบ แหวนเก็บสมบัติและกำไลเก็บสมบัติก็ถูกดูดเข้ามาหมด
กระเป๋าสัตว์หลายใบที่ห้อยไว้บนเกราะรบถูกเด็ดลงมาร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูก่อน ตอนไม่ดูก็ยังไม่รู้ พอดูแล้วก็ตกใจมาก เด็กดี ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนักโทษหลบหนีถูกมัดไว้อย่างดีสามสิบห้าคน
เหมียวอี้หัวเราะไม่หยุด ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับให้ร่มเงา[1] ไม่น่าเชื่อว่าปีศาจตนนี้จะได้นักโทษมามากมายขนาดนี้
เขารีบดูที่กำไลเก็บสมบัติของชิงอวี้หลางอีก ทำให้ยิ่งตกตะลึงอ้าปากค้าง ยังไม่ต้องพูดถึงของอย่างอื่น เกราะรบผลึกแดงกองนั้นมันสะดุดตาเกินไปแล้ว พอลองนับจำนวนคร่าวๆ ก็ทำให้เขาตกใจแทบตาย เป็นเกราะรบผลึกแดงหนึ่งร้อยสามสิบกว่าชุด ทั้งยังมีเกราะทองและเกราะม่วงด้วย อาวุธผลึกแดงก็มีเป็นกองเหมือนกัน
ในจำนวนนั้นยังมีเกราะรบผลึกแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงหกชุดด้วย ถามหน่อยว่าเหมียวอี้จะไม่ถลึงตาอ้าปากค้างได้อย่างไร
“ปีศาจตนนี้มันฆ่าคนไปมากเท่าไรกันเนี่ย?” เหมียวอี้พึมพำกับตัวเอง ไม่ค่อยกล้าเชื่อสายตาตัวเองสักเท่าไร
เขาไม่รู้ว่าชิงอวี้หลางร่ำรวยจากการนั่งครองทำเลทองอย่างไร ที่จริงของส่วนใหญ่ในนี้ล้วนได้มาตอนที่ชิงอวี้หลางอยู่ในแดนเถาไม้นี้ได้ไม่นาน ชิงอวี้หลางเองก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าพวกมันจะโดนเปลี่ยนเจ้าของเร็วขนาดนี้
เขาร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูสมุนไพรเซียนซิงหัวที่วางสุมกันมั่วๆ อยู่อีกข้างในกำไลเก็บสมบัติ นับดูคร่าวๆ ก็พบว่ามีห้าร้อยกว่าต้น สีสันและอายุแตกต่างกันไป
“แม่งเอ๊ย! รวยใหญ่แล้วโว้ย!” เหมียวอี้พึมพำแล้วกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังฝันไป ถึงขั้นสงสัยว่านี่กำลังล้อเล่นอยู่ใช่มั้ย
ไม่กล้าเชื่อ! ผู้บัญชาการเหมียวอี้เรียกสมุนไพรเซียนซิงหัวออมาต้นหนึ่ง แล้วยัดเข้าปากเคี้ยวลิ้มลองรสชาติ หลังจากกลืนลงท้องแล้วแน่ใจว่าเป็นสมุนไพรเซียนซิงหัว เขาถึงได้กล้าเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง เป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอน ไม่ได้กำลังฝันไป
“แม่งเอ๊ย! ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีแล้วจริงๆ!” เหมียวอี้อ้าปากที่ยังเปื้อนเลือด ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นปากของฉลาม หัวเราะโง่ๆ อยู่อย่างนั้น หัวเราะโง่ๆ แล้วจริงๆ
เมื่อนึกย้อนถึงฉากต่อสู้เมื่อครู่นี้ เหมียวอี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี ในโลกแห่งเถาไม้นี้ ตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชิงอวี้หลางเลย ชิงอวี้หลางมีโอกาสกำจัดตนเยอะเกินไป ตนเริ่มมีความคิดที่จะหนีเอาชีวิตรอดแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับมัววางมาดโอ้อวดอยู่ได้ ผลก็คือโดนตนกำจัดทิ้งไปแล้ว ขณะที่กำลังดีใจที่โชคดีรอดชีวิตมาได้ เขาส่ายหน้าหัวเราะเย้ยไม่หยุด “เจ้าคนสมองมีปัญหา!”
…………………………
[1] ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับให้ร่มเงา มาจากสำนวน 有意栽花花不开,无心插柳柳成阴 ตั้งใจปลูกดอกไม้ กลับไม่ออกดอก ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับให้ร่มเงา หมายถึง เรื่องที่บางอย่างที่ตั้งใจทำเต็มที่ แต่สุดท้ายไม่ได้ดั่งใจ แต่บางเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจทำเท่าไหร่ กลับได้ผลตอบแทนเกินคาดหมาย