ตระกูลอิ๋ง? โค่วเหวินหลานตกใจทันที ทำไมตระกูลอิ๋งถึงออกคำสั่งกับตัวละครที่ไม่สำคัญพวกนี้ อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะการตายของอิ๋งเหย้า? แต่ถึงอย่างไรอิ๋งเหย้าก็ตายด้วยน้ำมือเกาก้วน ถ้าเกาก้วนไม่ฆ่า แล้วใครจะกล้าอิ๋งเหย้า ทำไมต้องกลั่นแกล้งตัวละครเล็กๆ ด้วย ใจแคบเกินไปแล้วมั้ง!
ทว่าปี้เยว่ฮูหยินพูดจาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าบีบบังคับต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ โค่วเหวินหลานทำได้เพียงขอตัวลาเพื่อไปคิดหาทางอื่น
ก่อนจะกลับมาที่จวนผู้บัญชาการใหญ่ โค่วเหวินหลานก็ติดต่อกับพ่อของตัวเองทันที เรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตความสามารถของเขา…
ที่ร้านโฉมเมฆามีแขกคนสำคัญมาเยือน รบกวนให้ผู้บัญชาการเหมียวเดินเป็นเพื่อนด้วยตัวเอง เรื่องนี้ย่อมสะเทือนไปถึงเถ้าแก่เนี้ยอวิ๋นจือชิว
อวิ๋นจือชิวออกจากโถงด้านหลังมามองสำรวจหลังจากได้ข่าว ขณะที่มองดูโค่วเหวินจื่อที่กำลังตาลุกวาวเลือกสรรสินค้าอยู่หน้าโต๊ะยาวนางก็ค่อยๆ เดินมาอยู่ข้างกายเหมียวอี้ แล้วแอบถ่ายทอดเสียงบอกว่า “จุจุ หนิวเอ้อร์ มีสาวงามเดินเคียงข้าง ชีวิตช่างชุ่มฉ่ำเสียจริง เจ้าคงไม่ชอบผู้หญิงแก่อย่างข้าแล้วล่ะมั้ง สาวงามจากไหนกัน!”
พูดจาสองแง่สองง่าม ในคำพูดเผยรสชาติหึงหวง ไม่หึงคงไม่ได้ ตอนที่เห็นผู้ชายของตัวเองมาเดินตลาดกับสาวงาม ไม่ว่าผู้หญิงที่ไหนก็ทนไม่ไหวทั้งนั้น
เหมียวอี้พูดไม่ออกมาก ตอบนางว่า “พูดจาเหลวไหล! นี่คือน้องสาวแท้ๆ ของโค่วเหวินหลาน ชื่อโค่วเหวินจื่อ ไม่อยากมาเดินเป็นเพื่อนก็ต้องมา!” เขาไม่กล้าบอกว่านางมาเพื่อมาดูเขา
“คำพูดนี้ ทำไมฟังดูถ่อมตัวนักล่ะ! ดูเรือนร่างของแม่นางน้อยที่สวยสดใสนั่นสิ ถ้าได้บีบผิวเนื้อแบบนั้นก็คงจะมีน้ำไหลออกมา มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่ชอบ เจ้าไม่ต้องเกรงใจหรอก ถ้าชอบก็หาทางนอนด้วยเสียเลยสิ ถ้าได้กอดขาใหญ่ๆ แบบนี้ รับรองว่าอนาคตเจ้ายาวไกลไร้ขอบเขตแน่!”
“หน้าอกไม่ใหญ่เท่าเจ้า ก้นไม่งอนเท่าเจ้า ไม่ถูกรสนิยมข้า”
“อย่ามาเล่นลูกไม้เลย! เจ้าตัวเดินเล่นที่ตลาด จะให้ใครเดินเป็นเพื่อนก็ได้ จำเป็นต้องให้เจ้าเดินเป็นเพื่อนด้วยตัวเองเลยเหรอ? เจ้ากล้าพูดมั้ยว่าไม่ได้มีความคิดอย่างอื่น? ความคิดเจ้าชู้ของผู้ชายอย่างพวกเจ้าน่ะ คิดว่าข้าไม่รู้รึไง? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นอะไรล่ะ? ใครกันที่จะเอาฉินฉีซูฮว่ามาหาความสำราญพร้อมกันทีเดียวสี่คน? น่าไม่อาย อย่ามาแกล้งทำเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าข้าเลย!”
ทำไมผู้หญิงคนนี้รู้แม้กระทั่งเรื่องนี้? เหมียวอี้แอบปาดเหงื่อในใจ แต่ก็ยังต้องพูดแก้ตัว “ก็เจ้าเองไม่ใช่เหรอที่บอกข้าว่าอย่าเฉยเมยกับพวกนาง”
“แต่ก็ไม่ได้บอกให้เจ้าจัดการพร้อมกันสี่คนนี่นา? สองพี่น้องฝาแฝดยังไม่ถึงอกถึงใจใช่มั้ย? คนหน้าไม่อาย น่าสะอิดสะเอียนมั้ยล่ะ ต่อไปนี้อย่ามาแตะต้องตัวข้านะ!”
“ก็ข้าไม่มีเวลาไงล่ะ”
“ถ้ายังเถียงน้ำขุ่นๆ อีก เชื่อมั้ยว่าข้าจะตบปากเจ้า! บอกมา เจ้ากับผู้หญิงคนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ มารดาเจ้าเถอะ ถึงขนาดสมคบคิดกันมาอยู่ต่อหน้าข้าแล้ว คิดว่าข้าถูกรังแกได้ง่ายๆ ใช่มั้ย?” อวิ๋นจือชิวจ้องเขาด้วยแววตาที่เหมือนจะมีไฟลุกออกมา ดูเหมือนมีอารมณ์ชั่ววูบที่จะตบเขาจริงๆ
เหมียวอี้ร้องทุกข์ไม่หยุด “แม่ทูนหัวของข้า ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันจริงๆ! เพิ่งจะเจอกันวันนี้เอง เจอกันเป็นครั้งแรก รู้จักกันได้ไม่ถึงสองชั่วยาม จะมีความสัมพันธ์กันได้ยังไง ก็โค่วเหวินหลานนำเครื่องประดับจากร้านเจ้ากลับไปให้พี่สาวน้องสาวของเขาไง พวกนางต่างก็ชมว่าสวยดี ครั้งนี้นางมากับโค่วเหวินหลาน ก็เพราะอยากจะมาเลือกเครื่องประดับที่ร้านเจ้าด้วยตัวเองนี่แหละ ถ้านางไปเขตอื่นก็พอปล่อยผ่านได้ ไม่ต้องให้ข้ามาเป็นเพื่อนเลย แต่ร้านของเจ้าอยู่ในอาณาเขตของข้าพอดีไงล่ะ ถ้าข้าไม่มากับนางก็จะฟังไม่ขึ้นแล้ว! แค่นี้เจ้าก็หึง ไร้เหตุผลเกินไปรึเปล่า?”
อวิ๋นจือชิวคลายความโกรธลงนิดหน่อย พ่นเสียงทางจมูกแล้วามว่า “เพิ่งเจอกันวันนี้จริงเหรอ?”
เหมียวอี้ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงไม่เชื่อมั่นในตัวเขาในด้านผู้หญิงถึงขนาดนี้ จึงถอนหายใจแล้วบอกว่า “จริงๆ ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้จริงๆ เจ้าได้ยินเมื่อไรว่าน้องสาวของโค่วเหวินหลานเคยมาที่นี่! ถ้าเคยมาจริงๆ เจ้าจะไม่ได้ยินข่าวสักนิดเลยเหรอ?”
อวิ๋นจือชิวบิดเอวเขาหนึ่งที ทิ้งขุนนางเหมียวเอาไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้ม หันตัวเดินไปข้างกายโค่วเหวินจื่อที่กำลังเลือกและลองใส่เครื่องประดับ แจ้งสถานะของตัวเอง แล้วก็ชี้ไปที่เหมียวอี้อีก พูดจาหยั่งเชิงอยู่พักหนึ่ง หลังจากรู้ว่าเพิ่งได้เจอกับเหมียวอี้จริงๆ รอยยิ้มบนใบหน้าถึงได้ดูมีความสุขยิ่งขึ้น
ใช้มุกเดิมอีกแล้ว ข้างในยังมีชิ้นที่สวยกว่านี้ ยังมีเครื่องประดับที่ยังไม่ได้นำออกมาวาง! อวิ๋นจือชิวใช้วิธีการเดิมเพื่อสานสัมพันธ์กับลูกค้าที่เป็นชนชั้นสูง พาโค่วเหวินจื่อเข้ามานั่งในห้องที่งดงามหรูหรา
เหมียวอี้กลอกตามองบน แล้วเดินตามเข้าไป
ตอนวางกล่องเครื่องประดับใบใหญ่ไว้บนโต๊ะเพื่อให้โค่วเหวินจื่อชื่นชม เหมียวอี้ก็แกล้งเข้ามาดูใกล้ๆ แต่มือข้างหนึ่งกลับอยู่ไม่สุข ลูบคลำบีบเค้นบนก้นของอวิ๋นจือชิวเงียบๆ ช่างใจกล้าคับฟ้าจริงๆ
อวิ๋นจือชิวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ดันอยู่ต่อหน้าโค่วเหวินจื่อจึงขัดขืนไม่ได้ นอกจากจะทนรับไปเงียบๆ แล้ว ยังต้องเจียดรอยยิ้มเพื่อสมาคมกับโค่วเหวินจื่ออีก
ไม่ใช่ว่าเหมียวอี้เป็นคนลามก แต่ใช้วิธีการหยอกล้อแบบนี้เพื่อระงับไฟโกรธของฮูหยิน แต่กลับไม่ได้ป้องกันตอนที่อวิ๋นจือชิวหันตัวมากระทืบบนเท้าอย่างแรง ทำให้เหมียวอี้เจ็บแต่ไม่กล้าร้องออกมา
ตอนที่จะออกจากร้าน โค่วเหวินจื่อก็สนิทกับอวิ๋นจือชิวแล้ว ทั้งสองพูดคุยกันปนเสียงหัวเราะ มีทั้งคล้องแขนทั้งจูงมือ สุดท้ายตอนจ่ายเงินก็ต้องให้ราคาพิเศษอย่างเลี้ยงไม่ได้
ก่อนจะออกจากร้าน เหมียวอี้ก็ส่งสายตาให้อวิ๋นจือชิว บอกใบ้ว่าให้มาหาในคืนนี้
อวิ๋นจือชิวขี้คร้านจะสนใจเขา เอาแต่ยิ้มและโบกมือส่งโค่วเหวินจื่อ…
ว่าตอนที่ส่งโค่วเหวินจื่อกลับถึงจวนผู้บัญชาการใหญ่ เหมียวอี้กลับได้รับข่าวที่ไม่ดีจากโค่วเหวินหลาน ย่อมเป็นเรื่องที่หัวหน้าภาคเฉาไม่ยอมปล่อยคนไป
ตอนที่ออกจากจวนผู้บัญชาการใหญ่ เหมียวอี้ก็ส่งข่าวบอกสวีถังหรานทันที แล้วทั้งสองก็ไปที่จวนผู้บัญชาการการเขตเมืองเหนือด้วยกัน ไปหามู่หรงซิงหัว ให้มู่หรงซิงหัวติดต่อเฉาว่านเสียงเพื่อถามถึงสถานการณ์ให้
และสิ่งที่เฉาว่านเสียงตอบมู่หรงซิงหัวก็มีเพียงความหมายเดียว ว่าไม่ต้องเข้ามายุ่ง นี่เจตประสงค์ของเบื้องบน
ท่าทีแบบนี้ได้พิสูจน์คำพูดของปี้เยว่ฮูหยินทางอ้อมแล้วว่าเกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋ง
มู่หรงซิงหัวยังดีหน่อย ถึงอย่างไรก็มีเฉาว่านเสียงคุ้มครอง แต่สวีถังหรานค่อนข้างตึงเครียด กังวลว่าตระกูลอิ๋งอยากจะล้างแค้น
เหมียวอี้ทำสีหน้าจริงจัง ชิงอวี้หลางถูกเขาสังหาร การตายของอิ๋งเหย้าก็เกี่ยวข้องกับเขาทางอ้อม ถ้าตระกูลอิ๋งจะล้างแค้นขึ้นมาจริงๆ อาศัยอำนาจอิทธิพลของตระกูลอิ๋ง เขาก็ไม่มีทางรับไหวเลยตอนนี้ทำได้เพียงรอให้โค่วเหวินหลานไปคุยกับตระกูลโค่วเพื่อหาผลลัพธ์ก่อน
ในคืนนั้น เหมียวอี้ไปร้านโฉมเมฆาผ่านทางใต้ดิน ไปหาอวิ๋นจือชิวเพื่อคุยเรื่องนี้ อวิ๋นจือชิวอาบ้นำหวีผมรออย่างสูญเปล่า ทั้งสองไม่มีอารมณ์จะทำเรื่องระหว่างชายหญิงแล้ว นอนเคียงกันบนเตียงและปรึกษาหารือแผนการที่จะรับมือกับเหตุไม่คาดคิด…
วันต่อๆ มา เหมียวอี้ย่อมไม่ได้อารมณ์ดีสักเท่าไร สวีถังหรานเองก็วิ่งมาหาเขาทุกวัน จะเห็นได้ถึงความกระวนกระวายภายในใจ
หลังจากนั้นหลายวัน โค่วเหวินหลานที่ในมือถือระฆังดาราก็นั่งถอนหายใจอยู่ในชัยภูมิถ้ำสวรรค์
โค่วเหมี่ยนผู้เป็นพ่อนับว่าช่วงชิงให้เขาอย่างเต็มที่แล้ว ถึงขั้นให้พี่ใหญ่โค่วเจิงออกหน้าเอง ฝั่งตระกูลอิ๋งรู้สึกบันเทิงทันที เดิมทีก็แค่อยากจะถือโอกาสทำให้ลูกหลานตระกูลโค่วมีผู้ช่วยที่มีฝีมือน้อยลง และก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรด้วย แค่หนิวโหย่วเต๋อคนเดียวไม่ได้อยู่ในสายตาตระกูลอิ๋งเลย ใครจะไปคาดคิดว่าจะทำให้พี่น้องตระกูลโค่วออกหน้ามาคุยด้วยตัวเอง
ถ้าไม่ไปหาตระกูลอิ๋ง โค่วเหวินหลานก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะพาพวกเหมียวอี้ไปด้วยได้ การไปหาครั้งนี้…แน่นอน ตระกูลอิ๋งก็ไม่กล้าไม่ปล่อย หนิวโหย่วเต๋อคนเดียวไม่นับว่าสำคัญอะไร แต่ในเมื่อมาหาถึงที่แล้วก็ต้องมีการเจรจาเงื่อนไข
เพียงแต่เงื่อนไขที่เสนอนั้นโหดร้ายไปหน่อย เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลโค่วจะก้มหน้าให้ตระกูลอิ๋งเพื่อหนิวโหย่วเต๋อที่ต่ำต้อยคนเดียว หรือจะหลีกทางให้ผลประโยชน์ของตระกูลเพื่อหนิวโหย่วเต๋อคนเดียว สำหรับตระกูลโค่ว หนิวโหย่วเต๋อในตอนนี้ยัไม่มีค่าพอให้ตระกูลอิ๋งเสนอราคา เรื่องนี้ย่อมคุยไม่สำเร็จ
โค่วเหมี่ยนส่งข้อความมาบอกว่าช่างเถอะ ให้โค่วเหวินหลานยอมแพ้
โค่วเหวินหลานยังอยากจะพยายามอยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็รับปากพวกเหมียวอี้ไว้แล้ว แล้วอีกอย่าง พวกเหมียวอี้ก็ช่วยให้เขาได้เลื่อนขึ้นตำแหน่งสูง ถ้าเขาหนีไปคนเดียวโดยไม่สนใจใคร แบบนั้นมันใช่เรื่องเสียที่ไหน? ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ก่อนอื่นคือเขาเสียหน้าไม่ไหว
โค่วเหมี่ยนส่งต่อคำพูดของโค่วเจิง : คนมีฝีมือที่ไม่เติบโตขึ้นมา ก็ไม่ใช่คนมีฝีมือที่จำเป็นต้องมี!
พูดชัดแล้วว่าหนิวโหย่วเต๋อในตอนนี้ไม่มีค่าพอที่จะให้ตระกูลโค่วจ่ายผลประโยชน์ของตระกูลเพื่อแลกมา
พ่อของเขาพูดโน้มน้าวเขาแล้ว ว่าเดี๋ยวจะหาผู้ช่วยที่มีฝีมือคนอื่นๆ ให้ แน่นอนว่าสิ่งที่ควรจะจ่ายก็ยังต้องจ่าย สั่งโค่วเหวินหลานว่าตอนที่ตัวเองออกจากที่นี่ อย่าปฏิบัติกับพวกหนิวโหย่วเต๋ออย่างขาดความยุติธรรม ตระกูลโค่วไม่ปฏิบัติกับคนที่ทุ่มเททำงานให้ตระกูลโค่วอย่างขาดความยุติธรรม ท่านลุงใหญ่ของเขารับปากแล้วว่าจะจ่ายเงินชดเชยให้ สามารถไปเบิกที่ร้านค้าของตระกูลโค่วได้โดยตรง ทางนี้ได้ประสานงานให้แล้ว
ส่วนตระกูลอิ๋งจะล้างแค้นหรือไม่ โค่วเหมี่ยนบอกลูกชายตัวเองว่าคิดมากเกินไป ตระกูลอิ๋งยังไม่ถึงขั้นทำเรื่องประเภทนี้ หรืออย่างน้อยที่สุด ต่อให้ต้องการจะล้างแค้น แต่ก็คงไม่ลงมือกับคนที่ราชันสวรรค์เพิ่งให้รางวัล ตระกูลอิ๋งไม่มีทางทำผิดข้อห้ามนี้
ให้คำอธิบายมาประมาณนี้…
ท่านลุงใหญ่โค่วเจิงลั่นวาจาแล้ว โค่วเหวินหลานเองก็รู้ว่าฝ่าฝืนไม่ได้แล้ว ได้แต่อับจนปัญญา
หลังจากเรียกพวกเหมียวอี้มาหาแล้ว ก็ให้เข้าไปในบ้านข้างในโดยตรง
ในศาลาที่ชายคาโค้งขึ้น เมื่อเผชิญหน้ากับทั้งสามคน โค่วเหวินหลานก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไรดี
เมื่อเห็นท่าทางเขาเป็นแบบนั้น พวกเหมียวอี้ก็รู้สึกได้ว่าท่าไม่ดีแล้ว
เป็นอย่างที่คาดไว้ สุดท้ายโค่วเหวินหลานก็ยิ้มอย่างขื่นขม “ครั้งนี้ข้ากลืนคำพูดตัวเองแล้ว ท่านลุงใหญ่ที่เป็นคนดูแลเรื่องต่างๆ ในตระกูลข้าออกหน้าด้วยตัวเองแล้ว แต่ตระกูลอิ๋งก็ไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไป ข้าทำผิดต่อทุกคนแล้ว”
มารดามันเถอะ…เหมียวอี้แอบด่าในใจ
มู่หรงซิงหัวขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
สวีถังหรานกลับถามด้วยสีหน้าน่าเวทนา “ผู้บัญชาการใหญ่ ตระกูลอิ๋งคงไม่อาศัยอำนาจส่วนรวมมาล้างแค้นส่วนตัวกับพวกเราหรอกใช่มั้ย?” เจ้าบ้านี่รักตัวกลัวตายมาก
โค่วเหวินหลานโบกผ้าเช็ดหน้าในมือ “คิดมากไปแล้ว! ตระกูลอิ๋งยังไม่ถึงขั้นทำเรื่องไร้คุณธรรมแบบนั้น ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็เพิ่งได้รับรางวัลจากราชันสวรรค์ ตระกูลอิ๋งยังไม่กล้าตบหน้าราชันสวรรค์หรอก แล้วอีกอย่าง ตระกูลโค่วก็ไม่ปฏิบัติกับคนที่เคยทำงานให้อย่างไร้ความยุติธรรม กับเรื่องแบบนี้ พวกเราไม่มีทางที่จะทิ้งพวกเจ้าไว้โดยไม่สนใจใยดี จะต้องแก้ปัญหาที่อาจจะตามมาในภายหลังให้พวกเจ้าแน่นอน ถ้าตระกูลอิ๋งกล้าทำอย่างนั้นจริงๆ พวกเจ้าสามารถติดต่อข้าได้ทุกเมื่อ ถึงตอนนั้นตระกูลโค่วย่อมหาทางคานตระกูลอิ๋งเอาไว้ อย่างมากก็แค่เปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าราชันสวรรค์โดยตรง ดูซิว่าตระกูลอิ๋งจะทำยังไงได้อีก ถึงตอนนั้นตำหนักสวรรค์อาจจะย้ายพวกเจ้ามาอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าโดยตรงเลยก็ได้” นี่คือสิ่งที่ผู้เป็นพ่อบอกเขาไว้ ถ้าไม่มีแม้แต่ความสามารถที่จะแก้ปัญหาเล็กๆ แค่นี้ ในภายหลังใครจะยังกล้าทำงานให้ตระกูลโค่วอีก
เมื่อได้ฟังแบบนี้ ทั้งสามก็นับว่าโล่งใจแล้ว
จากนั้นโค่วเหวินหลานก็ให้แหวนเก็บสมบัติวงหนึ่ง แม้แต่มู่หรงซิงหัวก็มีส่วน ทั้งสามเห็นแล้วมองหน้ากันเลิกลั่ก พวกเขาได้ยาแก่นเซียนคนละสิบล้านเม็ด เห็นได้ชัดว่าเป็นค่าชดเชยการเลิกจ้าง
หลังจากออกจากจวนผู้บัญชาการใหญ่ สวีถังหรานก็ยืนถอนหายใจอยู่บนบันได “ความฝันที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการใหญ่สลายไปแล้ว เสียแรงที่ดีใจ เดี๋ยวอีกหน่อยก็ไม่รู้ว่าคนชั่วที่สมควรโดนฆ่าสักพันดาบคนนั้นจะดูแลปรนนิบัติดีหรือเปล่า!”
เหมียวอี้ถอนหายใจ “เกรงว่าต่อไปชีวิตคงจะไม่สงบสุขสักเท่าไรหรอก เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนมาทำให้พวกเราลำบากใจ เรื่องโยกย้ายกำลังพล ตระกูลโค่วเข้ามาแทรกแซงทางนี้ไม่ได้เชียวเหรอ? ทำไมเรื่องเล็กแค่นี้ต้องไปถึงหูตำหนักสวรรค์?”
“พอแล้ว! เลิกบ่นกันสักที รักษาชีวิตไว้ได้ก็ไม่แย่แล้ว!” มู่หรงซิงหัวกล่าว
สายตาของสวีถังหรานไปหยุดอยู่บนตัวนาง แววตาเป็นประกายเล็กน้อย กำลังครุ่นคิดว่าถ้าผู้หญิงคนนี้กลายเป็นฮูหยินของเฉาว่านเสียง ถ้าอย่างนั้นชีวิตในภายหลังก็อาจจะไม่ได้ทุกข์ยากสักเท่าไรก็ได้
วันต่อมา โค่วเหวินหลานที่ส่งต่องานเสร็จก็บอกลาตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ปี้เยว่ฮูหยินนับว่าไว้หน้าเขาเต็มที่ เรียกทหารสวรรค์ทุกคนที่ไม่ได้เข้าเวรไปรวมตัวกันที่นอกประตูฝั่งตะวันออก นางโผล่หน้าไปส่งด้วยตัวเอง เป็นฉากที่อลังการงานสร้าง!
หลังจากกล่าวอำลาปราศัยกับปี้เยว่ฮูหยินพักหนึ่ง โค่วเหวินหลานก็กุมหมัดอำลาและขอบคุณต่อหน้าทุกคน! จากนั้นก็นำน้องสาวตัวเองเหาะขึ้นฟ้าไปพร้อมผู้ติดตามคุ้มกันส่งหลายคนที่ปี้เยว่ฮูหยินส่งไป จากลากันตรงนี้
ขอบเขตที่ตำหนักสวรรค์ปกครองใหญ่ขนาดนี้ กอปรกับที่นี่ไม่ใช่ขอบเขตอำนาจของตระกูลโค่ว ถ้าไม่มีเรื่องอะไร เกรงว่าทั้งชีวิตนี้โค่วเหวินหลานก็อาจจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว
หลังจากมองส่งพวกโค่วเหวินหลานหายลับไปในขอบฟ้า จู่ๆ ปี้เยว่ฮูหยินที่ยืนอยู่หน้าสุดก็สะบัดกระโปรง หันตัวมาหากลุ่มคน ใช้สายตามั่นคงสงบนิ่งกวาดมอง สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ตัวเหมียวอี้ แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดัง “หนิวโหย่วเต๋อ ผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก ก้าวขึ้นมาฟังคำสั่ง!”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา คนหลายพันที่อยู่ตรงนั้นก็พากันงุนงง นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
มู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานตกใจพร้อมกัน ทั้งคู่มองไปทางเหมียวอี้อย่างเป็นกังวล
มารดาจ้าเถอะ! จะลงดาบกับข้าคนแรกจริงๆ ด้วย! เหมียวอี้แอบด่าแม่ในใจ การล้างแค้นนี้เร็วไปหน่อยหรือเปล่า อย่าบอกนะว่าจะลดตำแหน่งให้ข้าไปนั่งอยู่ในศาลเจ้าของพื้นที่ที่ทุรกันดารอันตราย? นี่ต้องการจะทำให้ข้าดูแย่ต่อหน้าทุกคนชัดๆ
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ฝ่าฝันคำสั่งต่อหน้าฝูงชนเท่ากับรนหาที่ตาย ทำได้เพียงแข็งใจก้าวขึ้นมาข้างหน้า เดินมาตรงหน้าปี้เยว่ฮูหยินแล้วกุมหมัดคารวะ “ข้าน้อยฟังคำสั่ง!”
ปี้เยว่ฮูหยินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกหนิวโหย่วเต๋อมีความสามารถโดดเด่น ในการทดสอบของตำหนักสวรรค์ได้เพิ่มเกียรติยศให้ดาวเทียนหยวน มีผลงานให้ตบรางวัล! เลื่อนขั้นเป็นกรณีพิเศษให้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ของดาวเทียนหยวนตลาดสวรรค์ กิจธุระทั้งหมดผู้บัญชาการตลาดสวรรค์ รับตำแหน่งและจัดระเบียบใหม่เดี๋ยวนี้ ชักช้าไม่ได้!” ขณะที่พูดก็ยื่นแผ่นหยกแต่งตั้งตำแหน่งให้แผ่นหนึ่ง
…………………………