พวกเขาสองคนกังวลเรื่องนี้ เหมียวอี้ก็กังวลเรื่องนี้เช่นกัน ปี้เยว่ฮูหยินให้อำนาจเขาอย่างเต็มที่ เขาเองก็อยากจะทดสอบว่าปี้เยว่ฮูหยินพูดจริงหรือเปล่า พอกลับมาถึงจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเลื่อนขั้นฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ให้เป็นผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกและผู้บัญชาการเขตเมืองใต้เสียเลย
เขาออธิบายสถานการณ์ให้ทั้งสองคนฟังด้วย ให้ทั้งสองครองตำแหน่งไว้ก่อน ป้องกันไม่ให้ตอนหลังมีคนมาใช้เส้นสายกดดันถึงที่
ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋รู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย ไม่มีอะไรจะว่าน้องชายร่วมสาบานคนนี้แล้ว เมื่อมีผลประโยชน์อะไรก็คิดถึงพวกเขาเป็นคนแรกๆ
อิงอู๋ตี๋ถือคำสั่ง นำคนไปที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองใต้เพื่อรับช่วงต่องานในเขตเมืองใต้ทันที ทำตามที่เหมียวอี้บอก ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ตำแหน่งที่สำคัญให้เปลี่ยนเป็นคนของตัวเองให้หมด
และตอนหลังมู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานก็ถูกเหมียวอี้เรียกมาเช่นกัน ดำเนินการโยกย้ายกำลังพลของเขตเมืองทั้งสี่ จับบรรดาราชาปีศาจที่ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋พามาจากทะเลดาวนักษัตรัยดเข้าไปใต้สังกัดของมู่หรงซิงหัวกับสวีถังหราน รองผู้บัญชาการใต้สังกัดของทั้งสองถูกเปลี่ยนหมดแล้ว
เหมียวอี้ไม่ปิดบังการเคลื่อนไหวของตัวเองเลย ควบคุมทั้งตลาดสวรรค์อย่างโจ่งแจ้ง เขาไม่ได้มีภูมิหลังใหญ่โตเหมือนโค่วเหวินหลานที่จะมา ‘หน้าใหญ่ใจโต’ ให้ลูกน้องจัดการเองตามเห็นสมควร มู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานไม่ได้มีความเห็นแย้งอะไรต่อสิ่งนี้
ส่วนเล่าหนานซงกับกงอวี่เฟยรองผู้บัญชาการใหญ่ทั้งสองคน พวกเขาเป็นคนของปี้เยว่ฮูหยิน เหมียวอี้ยังไม่ได้แตะต้อง สาเหตุหลักเป็นเพราะในมือยังไม่มีกำลังคนที่ใช้งานได้มากมายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงเปลี่ยนไปพร้อมกันแล้ว จะดูว่าที่ปี้เยว่ฮูหยินบอกว่าปล่อยอำนาจให้เขานั้นจริงหรือเปล่า
การปรับเปลี่ยนบุคลากรแบบทั้งชุดดำเนินการเสร็จเรียบร้อยภายใหนึ่งชั่วยาม เรียกได้ว่ารวดเร็วเด็ดขาดเหมือนฟ้าผ่าจริงๆ จากนั้นเหมียวอี้ก็ไปหาปี้เยว่ฮูหยินที่ตำหนักคุ้มเมืองเพื่อขอคำแนะนำทันที ปี้เยว่ฮูหยินเพียงอึ้งเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะรวดเร็วขนาดนี้ จึงแสดงความเชื่อใจอย่างเต็มที่อีกครั้ง ไม่แทรกแซง ให้เขาจัดการเองตามเห็นสมควร!
ตอนที่กลับมาถึงจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกอีกครั้ง ก็มีแขกทยอยกันมาเยี่ยมคารวะแล้ว ผู้จัดการของร้านค้าใหญ่ๆ มาแสดงความยินดีอีกครั้ง
เหมียวอี้ปวดหัวกับสิ่งนี้มากจู้จี้จุกจิก น่ารำคาญมาก
ที่จริงผู้จัดการของร้านค้าใหญ่ๆ ก็ปวดหัวเช่นกัน ไม่ใช่เพราะกลัวความยุ่งยาก แต่การขยันส่งของขวัญมากเกินไปทำให้พวกเขารับไม่ไหวนิดหน่อย สิ่งที่ผู้จัดการร้านพวกนี้กลัวที่สุดก็คือการเปลี่ยนแปลงบุคลากรแบบถี่ๆ ที่ตลาดสวรรค์ พอมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องส่งของขวัญแสดงความยินดี นี่เพิ่งจะส่งของขวัญไปได้ไม่นานเท่าไร ก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว อีกทั้งขอบเขตการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ก็ใหญ่มากด้วย
ส่วนเหมียวอี้ก็นับว่าเข้าใจแล้วถึงสิ่งที่เรียกว่ารับของขวัญจนมือไม้อ่อน รอบนี้ไม่ได้มีแค่คนของเขตเมืองตะวันออกมาแสดงความยินดีแล้ว แต่เป็นคนทั้งตลาดสวรรค์มาแสดงความยินดี
ผู้จัดการทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ไม่สนว่าจะได้เจอเหมียวอี้หรือไม่ ต่างก็มามอบของขวัญแสดงความยินดีให้ ถ้าได้พบก็มอบให้แบบต่อหน้า ถ้าไม่ได้พบก็ให้ส่งต่อให้ ของขวัญที่มอบให้ผู้บัญชาการใหญ่กับของขวัญที่มอบให้ผู้บัญชาการย่อมคนละระดับอยู่แล้ว เป่าเหลียนช่วยเขารับของขวัญจนตกอกตกใจ
เขตเมืองทั้งสี่มีร้านค้าเกินแสนร้าน ของขวัญที่พ่อค้ามากมายขนาดนี้ส่งมาให้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าพอนำมารวมกันแล้วจะมีขนาดใหญ่โตขนาดไหน?
แม้แต่มู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานก็แสดงน้ำใจนิดหน่อย ยาแก่นเซียนที่โค่วเหวินหลานมอบให้พวกเขา ทั้งสองแบ่งมามอบเป็นของขวัญคนละห้าล้านเม็ด
“มากขนาดนี้เชียวเหรอ?”
ผู้บัญชาการใหญ่เหมียวพบปะเข้าสังคม ยุ่งจนปลีกตัวออกมาไม่ได้ อวิ๋นจือชิวจึงพาสองพี่น้องโอวหยางมาด้วยกัน แสร้งเป็นมามอบของขวัญแสดงความยินดี เหมียวอี้นำของขวัญที่ได้รับโยนให้เมียผู้จัดการตรวจนับ สรุปรวบยอด และนำไปจัดการ อวิ๋นจือชิวเห็นแหวนเก็บสมบัติที่กองเป็นภูเขาแล้วอุทานอย่างตกตะลึงเช่นกัน
เหมียวอี้นั่งลงและรับนำชาที่โอวหยางหลางยกมาให้ หลังจากดื่มไปคำหนึ่ง ก็ยิ้มเจื่อนพร้อมบอกว่า “มิน่าล่ะที่ใครๆ ก็บอกว่าตำแหน่งที่ตลาดสวรรค์มั่งคั่ง ยังไม่ทันจะทำอะไร ก็มีของขวัญมากมายมาส่งให้เองถึงที่ เมื่อเทียบกับของขวัญพวกนี้แล้ว รายรับประจำตำแหน่งก็น้อยนิดประหนึ่งขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว”
“ไม่เยอะหรอก ไม่เยอะ มีที่ให้ใช้เงินตั้งเยอะ เจ้าแต่งงานกับพวกเราก็ต้องเลี้ยงดูด้วยสิ! ยามปกติก็ช่วยปรนนิบัติให้เจ้าจนผ่อนคลายสบายตัว คงจะปรนนิบัติให้เฉยๆ ไม่ได้หรอกใช่มั้ย?” อวิ๋นจือชิวเล่นหูเล่นตาใส่สองพี่น้องโอวหยาง “ยามปกตินายท่านไม่มีเวลามาอยู่กับพวกเรา พวกเราพี่น้องก็ต้องรู้จักรักตัวเอง เดี๋ยวพวกเราไปเดินตลาดกันสักหน่อยเถอะ ไปซื้อของที่โปรดปรานให้ตัวเองสักหน่อยดีกว่า ถึงอย่างไรนายท่านก็ร่ำรวย พวกเจ้าว่ามั้ยล่ะ?”
สองพี่น้องโอวหยางสบตากันแล้วยิ้ม แล้วกล่าวหยอกล้อพร้อมกันว่า “เชื่อฟังฮูหยินค่ะ”
เหมียวอี้กลอกตามองบน แต่เขาก็ขี้คร้านจะสนใจ เขาไม่ต้องกังวลใจในด้านนี้ อวิ๋นจือชิวรู้ดีกว่าเขาว่าตรงไหนควรจะจ่ายตรงไหนไม่ควรจะจ่าย ช่วยเขาจัดการอย่างเหมาะสมเรียบร้อยมาโดยตลอด
อวิ๋นจือชิวที่หน้าชื่นตาบานนำของเก็บไว้ ในฐานะที่เป็นเมียผู้จัดการเรื่องราวในบ้าน รายรับรายจ่ายปกติก็แทบจะอยู่ในมือของนางหมด นางย่อมรู้ดีว่าเหมียวอี้ก็มีรายจ่ายเยอะเหมือนกัน ถึงอย่างไรก็เลี้ยงคนไว้มากมายขนาดนั้น หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของนางตอนนี้ก็คือดูแลจัดการบัญชี
แต่จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ร่ำรวยติดต่อกันหลายครั้ง จะไม่ให้อวิ๋นจือชิวดีใจก็คงแปลก ก่อนหน้านี้เหมียวอี้ร่ำรวยมาจากสถานที่ไร้ระเบียบก้อนหนึ่ง นั่นต่างหากที่ทำให้นางตกตะลึงอย่างแท้จริง ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ลำพังแค่แค่เกราะรบลึกแดงร้อยกว่าชุด เด็กดี! ทำให้นางดีใจจนมีรอยยิ้มแขวนบนใบหน้าหลายวัน เกือบจะทำให้นางยิ้มค้างแล้ว
ผู้ชายคนนี้หาเงินเก่งเกินไปแล้ว แต่นางชอบมาก!
อวิ๋นจือชิวที่ได้ร่ำรวยอีกรอบรู้สึกหวานชื่นสุขใจ ถามสองพี่น้องโอวหยางว่า “พวกเจ้ายังไม่เคยเห็นเรือนพักด้านในของจวนผู้บัญชาการใช่มั้ย? ไปดูข้างหลังกันเถอะ”
“ค่ะ!” สองพี่น้องเอ่ยรับแล้วจูงมือกันเดินไปข้างหลัง รู้ว่าอวิ๋นจือชิวมีเรื่องจะคุยกับเหมียวอี้เป็นการส่วนตัว
ในด้านนี้อนุภรรยาไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อว่าต่อขานอะไรกับภรรยาเอก ภรรยาเอกมีอำนาจตัดสินใจเรื่องในเรือนหลัง แม้แต่เหมียวอี้เองก็ยังไม่สะดวกจะพูดอะไร เรื่องหลงใหลอนุจนหลงลืมภรรยาเอก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่บ้านไหนก็ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นแบบนี้ สองพี่น้องมีสิทธิ์แค่เชื่อฟัง
เมื่อไม่มีคนอื่นแล้ว อวิ๋นจือชิวก็เก็บใบหน้ายิ้ม นั่งลงข้างเหมียวอี้ แล้วขมวดคิ้วถามว่า “ให้เจ้าเป็นผู้บัญชาการใหญ่นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
“จะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ นอกเสียจากจะอยากให้ข้าทำงานรับใช้นาง…” เหมียวอี้เล่าเรื่องที่คุยกับปี้เยว่ฮูหยินให้นางฟังทันที
อวิ๋นจือชิวฟังจบแล้วมองสำรวจเหมียวอี้ด้วยสีหน้าสงสัย มองจนเหมียวอี้อึดอัดไปทั้งตัว “ทำไมต้องมองข้าแบบนี้?”
“ผู้หญิงคนนั้นมีเจตนาอื่นหรือเปล่า?” อวิ๋นจือชิวเลิกคิ้วถาม
เหมียวอี้พ่นเสียงทางจมูกแล้วบอกว่า “ก่อนหน้านี้ข้าก็สงสัย แต่พอลองคิดไปคิดมา อาศัยภูมิหลังและอำนาจของนาง ยังจะมาหวังอะไรจากข้าได้ล่ะ?”
“เจ้าว่านางหวังอะไรล่ะ? เจ้าอย่าลืมนะว่าผู้หญิงคนนั้นใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอด แม้แต่จิ้งจอกตัวเดียวก็ไม่ปล่อยไป…ใครจะไปรู้ว่านางจะเคยให้จิ้งจอกตัวนั้นแปลงร่างเป็นเจ้าหรือเปล่า แค่คิดก็สะอิดสะเอียนแล้ว” อวิ๋นจือชิวพูดจู้จี้จุกจิกอยู่พักหนึ่ง เรื่องที่เกี่ยวข้องกับปีศาจจิ้งจอกพันหน้า เหมียวอี้เคยเอ่ยถึงตอนที่สองสามีภรรยานอนร่วมเรียงเคียงหมอนกัน สุดท้ายก็พูดเสริมอีกว่า “นางคงไม่ได้ชอบเจ้าหรอกใช่มั้ย?”
เหมียวอี้ตะลึงนิดหน่อย ทำหน้านิ่งทื่อพร้อมบอกว่า “เจ้าคิดไปถึงไหนแล้ว? ข้าก็ไม่ใช่ประเภทใครเห็นใครก็รักเหมือนที่เจ้าว่าหรอกมั้ง?” แต่หลังจากถูกเตือนแล้ว ในหัวก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงภาพที่ปีศาจจิ้งจอกเปลี่ยนร่างเป็นตัวเอง ภาพนั้นงดงามเกินไป เขาไม่ค่อยกล้าคิดต่อ
อวิ๋นจือชิวทำเสียงฮึดฮัด “เจ้าเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน! หนิวเอ้อร์ เจ้าฟังข้าไว้ให้ดีนะ ห้ามไปพักอยู่ที่ตำหนักคุ้มเมือง อยู่กับผู้หญิงคนนั้นทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ เข้า ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าเองก็มองไม่เห็นด้วย เจ้าคงไม่กลายเป็นหยางไท่คนที่สองหรอกใช่มั้ย?”
“เกินไปแล้วล่ะมั้ง ที่เจ้าพูดน่ะ?” เหมียวอี้ยิ้มอย่างขื่นขม
อวิ๋นจือชิวถลึงตา ทำท่าเหมือนจะปรี๊ดแตก “หมายความว่าเจ้าจะอยู่กับนางให้ได้เลยใช่มั้ย?”
ดูพูดเข้าสิ ที่บอกว่าจะอยู่กับนางให้ได้คืออะไร! เหมียวอี้อ้าปากค้างพูดไม่ออก สุดท้ายก็กล่าวอย่างจนใจว่า “ได้ เชื่อฟังเจ้า ทางตำหนักคุ้มเมืองก็ไม่สะดวกจะขุดทางใต้ดินจริงๆ จะโดนคนอื่นจับได้ง่าย ข้าอยู่ที่นี่ต่อก็แล้วกัน จะได้ไปเจอพวกเจ้าได้สะดวก ทำแบบนี้เจ้าคงวางใจแล้วใช่มั้ย?”
“แบบนี้ก็พอไหว!” อวิ๋นจือชิวยิ้มอย่างเบิกบานใจทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปข้างหลังเขา บีบนวดไหล่สองข้างให้เขา “คืนนี้ไปหาข้าสิ ข้าจะชดเชยให้เจ้า”
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว ตาเป็นประกายนิดหน่อย เขาคว้ามือนางไว้ พร้อมฉวยโอกาสเสนอเงื่อนไข “ฮูหยินจ๋า! หรือว่าคืนนี้จะอยู่กับหลางหลาง หวนหวนด้วยกันเลย!” เขาเฝ้ารอให้เกิดฉากนั้นมาก เขารอโอกาสนี้มานานแล้ว เพียงแต่หาโอกาสเหมาะที่จะเอ่ยปากไม่ได้เลย
ปรากฏว่าประโยคนี้ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาแล้ว ชั่วพริบตาเดียวอวิ๋นจือชิวก็อับอายจนโมโห จับหูเหมียวอี้แล้วออกแรงบิดทันที พร้อมสบถด่าว่า “เจ้าหน้าไม่อาย แต่ข้ายังอายเป็นนะ ถ้าให้ไปทำแบบนั้นร่วมกับพวกเจ้าจริงๆ หลังจากนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกนาง ฮูหยินอย่างข้าจะยังมีอำนาจบารมีเหลืออยู่มั้ย? จะเป็นนายของบ้านนี้ได้ยังไง! ไอ้เวรนี่…”
จากนั้นเหมียวอี้ก็ร้องขอชีวิตอยู่พักหนึ่ง
ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำให้นางหยุดมือได้ เหมียวอี้รีบหาเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจ “ฮูหยิน ข้ารับปากทางเวยเวยแล้วว่าจะกลับไปหานาง แล้วก็ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ด้วย ข้ากะว่าจะพาพวกเขากลับไปสักเที่ยว พวกเขาไม่ได้โผล่หน้าไปที่ทะเลดาวนักษัตรนานแล้ว ทำให้หกปราชญ์สงสัยแล้ว ควรจะกลับไปโผล่หน้าให้ลูกน้องเห็นสักหน่อย”
อวิ๋นจือชิวทำเสียงฮึดฮัด แต่ก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจแล้วจริงๆ จัดชุดกระโปรงที่ยับยุ่งให้เรียบร้อย กลับไปนั่งที่ตัวเอง หลังจากลังเลนิดหน่อย ก็ถามว่า “แม้แต่ชิงอวี้หลางที่วรยุทธ์บงกชทองขั้นแปดเจ้ายังฆ่าได้ มี่ความมั่นใจที่จะสู้กับหกปราชญ์รึเปล่า?”
เหมียวอี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้าตอบช้าๆ ว่า “ฆ่าชิงอวี้หลางได้เป็นเพราะโชคช่วยแท้ๆ เลย ข้าเองก็ไม่เคยสู้กับหกปราชญ์แบบจริงจัง ไม่รู้ว่าศักยภาพที่แท้จริงของพวกเขาเป็นยังไงกันแน่ แต่เคล็ดวิชาที่พวกเขาฝึกถูกเรียกว่าหกเคล็ดวิชาพิเศษ คาดว่าคงจะมีจุดที่โดดเด่น…เจ้าอยากให้ข้าเผยไพ่ประลองกับพวกเขาตอนนี้เหรอ?”
อวิ๋นจือชิวพยักหน้า “พิภพเล็กต้องอยู่ในกำมือพวกเรา ข้าถึงจะสงบใจได้! เจ้านำเกราะรบผลึกแดงกลับไปหนึ่งร้อยกว่าชุด ให้กลุ่มปีศาจที่ทะเลดาวนักษัตรใส่ไว้ ก็จะกวาดล้างหกแดนได้อย่างไม่มีปัญหา กลัวก็แต่ว่าหกปราชญ์จะร่วมมือกันสู้กับเจ้า ถ้าเจ้าต้องการจะพยายามช่วงชิงบัลลังก์พิภพเล็ก เกรงว่าท่านปู่ข้าก็คงจะไม่เกรงใจเจ้าเหมือนกัน ถึงตอนนั้นหกปราชญ์จะต้องร่วมมือกันแน่…ช่างเถอะ รออีกหน่อยดีกว่า รอให้วรยุทธ์เจ้าสูงกว่านี้อีกหน่อย รอให้เยารั่วเซียนหลอมสร้างเจดีย์งามวิจิตรออกมาก่อน รอให้มั่นใจอีกหน่อยค่อยลงมือแล้วกัน”
ต้องแปรพัตร์กับท่านปู่ของนาง เหมียวอี้เองก็จนใจเหมือนกัน “ได้ แต่ช่วงหลายวันนี้ข้าจะพาฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋กลับไปสักรอบหนึ่งก่อน”
อวิ๋นจือชิวส่ายหน้า “ไม่ต้องรีบ! รออีกสักสองสามเดือน รอให้ถึงตอนที่ข้าส่งส่วยแล้วกลับไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเอ่ยปากให้พวกเขาเข้าไปในกระเป๋าสัตว์ไม่สะดวก เรื่องนี้ให้ข้าทำจะเหมาะกว่า รู้จักบันยะบันยังไว้บ้าง พวกเขาจะได้เคยชิน ต้องสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมา…”
ดังนั้น ผู้บัญชาการใหญ่อย่างเหมียวอี้จึงให้ปี้เยว่ฮูหยินใช้ตำหนักคุ้มเมืองคนเดียว ให้เล่าหนานซงกับกงอวี่เฟยนั่งรักษาการณ์แทน เขาจะอยู่ที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกต่อไป ส่วนฝูชิงที่เป็นผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกก็พักร่วมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
เดิมทีปรึกษากับอวิ๋นจือชิวไว้ว่าจะกลับไปด้วยกันตอนส่งส่วย ทว่ามีเรื่องที่ไม่ได้คาดหมายมารบกวน ในที่สุดมู่หรงซิงหัวก็ได้สมปรารถนาแล้ว ส่งบัตรเชิญงานแต่งงานมาแล้ว!
เฉาว่านเสียงถอดเถาฮวาฮูหยินออกแล้ กำลังจะแต่งงานกับมู่หรงซิงหัวอย่างเป็นทางการ
…………………………