พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1082 การมาของเกาก้วน

บทที่ 1082 การมาของเกาก้วน

“หนิวโหย่วเต๋อนั่นมีวรยุทธ์เท่าไร?” ประมุขชิงหันกลับมาถามอีก

ถึงแม้เขาจะเคยฟังรายงานมาก่อน แต่เหมียวอี้ผู้ต่ำต้อยคนเดียวไม่มีทางอยู่ในสายตาเขาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีข่าวโผล่มาต่อเนื่องกัน กอปรกับก่อเรื่องใหญ่โตในครั้งนี้ ก็ไม่มีค่าพอให้เขาถามถึงสักเท่าไร

“บงกชทองขั้นสามขอรับ” เกาก้วนตอบอย่างเคารพนอบน้อม

ประมุขชิงส่ายหน้า แล้วเอามือไขว้หลังเดินไปข้างหน้าต่อ “ต่ำไปหน่อย ยังใช้ไปทำงานอะไรไม่ได้ รอให้เขาเดินไปถึงขั้นนั้นให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถึงอย่างไรก็มีข้าทาสของผู้มีอำนาจตายไปมากมายขนาดนั้น ถ้าข้าไม่ถามถึงเลยก็จะฟังดูเหลวไหล เจ้านำคนไปตรวจสอบด้วยตัวเอง รู้ใช่มั้ยว่าให้เจ้าไปตรวจสอบอะไร?”

เกาก้วนที่เดินตามหลังเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ฝ่าบาทได้โปรดเปิดเผย”

ประมุขชิง : “ข้าอยากจะรู้ว่าเป็นเจ้าหนิวโหย่วเต๋อนั่นที่คิดเองเออเอง หรือว่าฮูหยินของเทียนหยวนจงใจให้ท้าย เรื่องในครอบครัวเทียนหยวนข้าเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ฮูหยินของเขาคนนั้นดูไม่เหมือนคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองขนาดนี้ ไปสืบมาให้ชัดเจนว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่”

“ขอรับ!” เกาก้วนเอ่ยรับ แล้วถามหยั่งเชิงอีกว่า “ถ้าในการประชุมราชสำนักมีกลุ่มขุนนางฟ้องร้อง ฝ่าบาทต้องการจะลงโทษหนิวโหย่วเต๋อนั่นจริงๆ หรือขอรับ?”

“ผู้บัญชาการเล็กๆ คนเดียวควรค่าให้ข้าจัดทัพใหญ่ไปสู้เหรอเหรอ?” ประมุขชิงพ่นเสียงทางจมูก “ที่ข้ารอตัดสินใจหลังจากประชุมราชสำนัก เพราะแค่อยากจะเห็นว่าจะมีสักกี่คนที่กระโดดออกมา!”

เรื่องจริงได้พิสูจน์แล้ว ว่ากลุ่มขุนนางยังหวาดหวั่นประมุขชิง ไม่มีใครกล้าพูดสักคน การประชุมราชสำนักที่ตำหนักสวรรค์ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้ ราวกับไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลย

การประชุมราชสำนักที่ตำหนักสวรรค์จบลง เมื่อได้เห็นสถานการณ์ที่การประชุม ในใจเทียนหยวนก็มีความมั่นใจแล้ว พอออกจากตำหนักสวรรค์มา ระหว่างทางก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับปี้เยว่ฮูหยินทันที

เมื่อได้ทราบว่าผู้ชายของตนผลักเรื่องใหญ่ขนาดนี้มาให้ตนต่อหน้าราชันสวรรค์ ปี้เยว่ฮูหยินก็ร้อนใจทันที ตำหนิทันทีว่า : เทียนหยวน เจ้าบ้าไปแล้วรึเปล่า เจ้าอยากจะเปลี่ยนเมียใหม่ก็บอกมาตรงๆ เถอะ ไม่จำเป็นต้องมาทำร้ายข้าอย่างนี้หรอก!

เทียนหยวน : พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า! ข้าบอกว่าเจ้าไม่มีสมองเจ้าก็ไม่เชื่อ เจ้าดูสิว่าทำไมหนิวโหย่วเต๋อถึงกล้าก่อเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ แต่เจ้ากลับอยากจะผลักความรับผิดชอบ เจ้าฟังให้ดีนะ หนิวโหย่วเต๋อเกือบจะโดนเกาก้วนพาตัวไปต่อหน้าราชันสวรรค์แล้ว ทางตระกูลอิ๋งแสดงท่าทีชัดเจนว่าอยากจะรับตัวหนิวโหย่วเต๋อไว้ เป็นข้าที่หาข้ออ้างดันทุรังขัดขวางไว้ให้เจ้า ไม่ง่ายเลยกว่าจะรั้งผู้ช่วยไว้ให้เจ้าได้ แต่เจ้ากลับไม่รู้จักใช้งาน ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ต่อไปถ้าเจอปัญหาอะไรก็ถามความเห็นเขาให้มากๆ หน่อย สมองเขาใช้งานได้ดีกว่าเจ้า ถ้าอยากจะรับเขาไว้เป็นลูกน้องคนสนิท ก็ต้องแสดงความจริงใจออกมา ไม่ใช่เวลาเจอปัญหา ตัวเองยังไม่ทันรู้ชัดว่าเรื่องเป็นยังไงก็เลอะเลอะผลักไสเขาไปแล้ว…

รอจนกระทั่งเข้าใจเจตนาของสามีตัวเองชัดเจนแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินพูดสำออยว่า : ใช้งานคนแบบนี้เหรอ? ข้าทนความตกใจต่อไปไม่ไหวแล้ว

เทียนหยวน : พอแล้ว! เจ้าไม่ใช้เดี๋ยวข้าใช้เอง รอให้คลื่นลมลูกนี้ผ่านไปก่อน เดี๋ยวข้าจะย้ายเขามาไว้ข้างกายข้า

ปี้เยว่ฮูหยินแตกคอทันที : เจ้านี่ใช้ได้เลยนะ! แม้แต่คนของเมียก็ยังจะมาแย่ง อยากจะแย่งก็ไปแย่งที่อื่นไป อย่ามาคิดอยากได้คนของข้า!

เทียนหยวนพูดไม่ออก ไม่มีทางคุยกับผู้หญิงคนนี้ด้วยเหตุผลได้เลย…

ณตลาดสวรรค์ ร้านค้าสามร้อยกว่าร้านยังคงอยู่ในสภาพถูกปิด ร้านค้าแต่ละร้านของตลาดสวรรค์เหมือนได้ครอบครองพื้นที่กว้าง ไม่ใช่สิ่งที่ร้านค้าทั่วไปจะเทียบติดร้

ส่วนผลลัพธ์สุดท้ายในการลงโทษร้านค้าเหล่านั้น เหมียวอี้ที่หลบอยู่ในจวนผู้บัญชาการใหญ่ก็กำลังรอข่าวจากทางตำหนักสวรรค์ หัวใจอยู่ในสภาพกังวลอยู่ตลอด

เวลาสั่งคำเดียวแล้วศีรษะหลายพันตกลงพื้น ถึงแม้จะรู้สึกสะใจ แต่ความกดดันหนักอึ้งที่พ่วงมาด้วยก็ไม่ใช่สิ่งที่คนนอกจะเข้าใจได้ อยู่ท่ามกลางความทรมานวันแล้ววันเล่า ที่จริงตอนนี้เขาอยากจะหาผู้หญิงสักคนมาระบายอารมณ์สักหน่อย แต่ปิดบังทางอวิ๋นจือชิวเพื่อทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก่อนที่ผลลัพธ์จะออกมาเขาก็ไม่อยากไปที่นั่น กับสองพี่น้องโอวหยางก็เหตุผลเดียวกัน

เขานึกถึงหวงฝู่จวินโหรว แต่ก็ได้ล่วงเกินผู้หญิงคนนั้นก็นางแค้นไปแล้ว

พอนึกถึงหวงฝู่จวินโหรว เหมียวอี้ก็อดไม่ได้ที่จะแอบทอดถอนใจ อันที่จริง ในเมื่อมีความสัมพันธ์กับหวงฝู่จวินโหรวแบบนั้นแล้ว วิธีการที่ดีที่สุดก็คือดึงหวงฝู่จวินโหรวมาเป็นพวก รักษาความสัมพันธ์กับหวงฝู่จวินโหรวเอาไว้ แบบนั้นจะสามารถรับข่าวสารที่เป็นประโยชน์จากนางได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ต้องขาดความมั่นใจอยู่อย่างนี้ แต่พอนึกถึงความรู้สึกของพวกอวิ๋นจือชิว ก็ปล่อยไปดีกว่า

เหมียวอี้ค้นพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวละครที่มีความเห่อเหิมทะเยอทะยานไม่ไหว คนที่คิดจะทำการใหญ่ไม่ถูกจำกัดด้วยเรื่องหยุมหยิมแบบนี้แน่นอน ตราบใดที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ก็จะไม่ปล่อยไป ในจุดนี้ตนยังสู้อวิ๋นจือชิวไม่ได้

เขาเองก็ไม่รู้ว่าการที่ตัวเองทำแบบนี้นั้นถูกหรือผิด เพียงแต่พอคิดไปคิดมา จู่ๆ ก็พบว่าถึงแม้ข้างกายตัวเองมีผู้หญิงเยอะ แต่ทำไมบางครั้งก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ล่ะ?

เขาเอนกายพักผ่อนอยู่ใต้เพิงเถาวัลย์ จู่ๆ ก็ได้กลิ่นกายหอมที่คุ้นเคย เขาลืมตาเล็กน้อย พบว่าเป่าเหลียนกำลังช่วยรินน้ำชาให้เขา

สายตากลอกกลิ้งบนร่างกายเป่าเหลียนแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ พบว่าที่จริงแล้วเป่าเหลียนรูปร่างดีมาก ในหัวมีความคิดบางอย่างที่ไม่สมควรแวบเข้ามา พอเกิดความคิดนี้ขึ้นมา มันก็ลุกลามอยู่ในร่างกายทันที สุดท้ายก็บังเอิญไปสบตากับเป่าเหลียนโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้นางรีบหลบสายตา เขาแอบด่าตัวเองในใจว่าสัตว์เดรัจฉาน แล้วก็รีบกำจัดความคิดชั่วร้ายนั่นทันที

ในตอนนี้ เอาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงชีวิตตอนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ชีวิตตอนที่มีแค่เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์อยู่ข้างกายนั้นสบายใจขนาดไหน อยากจะครอบครองตอนไหนก็ได้ ไม่เคยต้องกังวลอะไรเลย แต่พอแต่งงานมีภรรยาแล้ว ก็มีหญิงรับใช้แต่งเข้ามาด้วยอีกหนึ่งกลุ่ม เมื่อมีผู้หญิงเยอะแล้ว กลับไม่ได้ทำอะไรตามใจตัวเองสักเท่าไร วันนี้จะไปหาคนไหน พรุ่งนี้จะไปหาคนไหน ในใจยังต้องชั่งน้ำหนักให้สมดุลสักหน่อย กลัวว่าลำเอียงมาหาคนนี้แล้วคนนั้นจะไม่พอใจ แต่พอลำเอียงไปหาคนนั้นก็จะทำให้คนนี้ไม่พอใจอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน

ไม่คิดแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัด เขากลัวว่าถ้าคิดมากไปแล้วจะอดใจไม่ไหวทำอย่างนั้นกับเป่าเหลียนจริงๆ ยังคงนอนหลับตารอต่อไป

ปรากฏว่าทางตำหนักสวรรค์ยังไม่ทันส่งข่าวมา แต่ปี้เยว่ฮูหยินกลับส่งข่าวมาแล้ว เรียกเขาไปพบที่ตำหนักคุ้มเมือง

ในช่วงเวลานี้ ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยสนใจตนเลย จู่ๆ เรียกเข้าตำหนักแบบนี้ คิดจะทำอะไรกัน?

เหมียวอี้มาถึงตำหนักคุ้มเมืองพร้อมความระแวดระวังและความสงสัยเต็มอก

ที่สวนดอกไม้ด้านหลัง หลังจากเหมียวอี้ทำความเคารพแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็ยื่นสัตว์เลี้ยงที่กำลังอุ้มให้กับผู้การสองหลันเซียง และกำชับว่า “ข้ากับผู้บัญชาการใหญ่หนิงมีเรื่องคุยกันนิดหน่อย ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องที่อยู่ในสวนนี้ออกไปให้หมด”

“ค่ะ!” ผู้การสองหลันเซียงโบกมือไปทางซ้ายและขวา ไล่คนในสวนดอกไม้ออกไปหมดแล้ว

รอจนกระทั่งคนอื่นๆ ไปหมดแล้ว จู่ๆ ปี้เยว่ฮูหยินก็เผยรอยยิ้มอ่อนหวาน “ผู้บัญชาการใหญ่ เดินเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ”

เหมียวอี้กุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง แล้วเดินตามหลังนาง ระหว่างนั้นก็ครุ่นคิดว่ารอยยิ้มนี้ของนางหมายความว่าอย่างไร เป็นการแสดงออกว่าเกิดเรื่องขึ้น หรือเป็นการแสดงออกว่าไม่มีเรื่องอะไร

เดินไปทางนั้นทีเดินไปทางนี้ที ปี้เยว่ฮูหยินเดี๋ยวเด็ดดอกไม้ดอกนั้นเดี๋ยวเด็ดดอกไม้ดอกนี้ พอเด็ดมาแล้วก็ถือโอกาสยื่นให้เหมียวอี้ช่วยถือ

ใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียว ในอ้อมอกเหมียวอี้ก็มีดอกไม้กองใหญ่ ถ้าให้อวิ๋นจือชิวเห็นคงจะหึงแน่นอน

พอเด็ดดอกไม้ไปพอสมควรแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็ปัดไม้ปัดมือ ตอนนี้หยุดเด็ดแล้ว ขณะที่ดึงกระโปรงยาวเดินไปข้างหน้า นางก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า “หนิวโหย่วเต๋อ ครั้งนี้เจ้าก่อเรื่องใหญ่แล้ว เจ้ารู้จักเกาก้วนใช่มั้ย ตำหนักสวรรค์ส่งเกาก้วนมาตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว!”

เกาก้วน? เหมียวอี้หัวใจกระตุกวูบ ฉากที่เจ้าคนหน้าเย็นชาเหี้ยมโหดสั่งฆ่าอิ๋งเหย้ายังชัดอยู่ในความทรงจำ แค่พูดผิดไปประโยคเดียว ก็สามารถสั่งฆ่าได้แม้กระทั่งหลานชายของอ๋องสวรรค์อิ๋ง การคบค้ากับคนแบบนี้เป็นเรื่องที่อันตราย

เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร ปี้เยว่ฮูหยินที่หันกลับมามองแวบหนึ่งก็บอกอีกว่า  “เจ้าเองก็ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวพอเกาก้วนมาตรวจสอบเรื่องนี้ เจ้าแค่ผลักความรับผิดชอบมาให้ข้าก็พอแล้ว บอกว่าข้าเป็นคนบงการทุกอย่าง”

เจ้ามีน้ำใจแบบนี้เป็นด้วยเหรอ?  “แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะกระมัง?” เหมียวอี้ถามอย่างเชิง

“ไม่เหมาะแล้วจะทำยังไงได้อีกล่ะ? ห้ามไม่ให้เจ้าทำ แต่เจ้าก็ทำไปแล้วอยู่ดี!” ปี้เยว่ฮูหยินถอนหายใจอย่างดัดจริต “ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคนที่ข้าเลื่อนตำแหน่งให้ด้วยตัวเอง เรื่องใหญ่ขนาดนี้เจ้ารับผิดชอบไม่ไหวหรอก ต่อให้รอดพ้นโทษตายไปได้ แต่ก็ยากที่จะหนีโทษเป็น ข้าจะช่วยเจ้ารับผิดชอบเรื่องนี้เอง อีกเดี๋ยวต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทางท่านโหวก็จะไปหาอ๋องสวรรค์อิ๋งให้ช่วยออกหน้าคุยให้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้า เจ้ากับตระกูลอิ๋งนอกจากจะเคยขัดแย้งกันแล้ว ตระกูลอิ๋งก็ไม่จำเป็นจะต้องไปมีเรื่องกับคนอื่นเพื่อเจ้าอยู่ดี แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นข้าก็อาจจะไม่แน่”

มีคนยินดีจะรับผิดชอบให้ เหมียวอี้ย่อมปรารถนาอยู่แล้ว จึงกล่าวขอบคุณแบบกึ่งยอมรับกึ่งปฏิเสธ

หลังจากทั้งสองเดินวนอยู่ในสวนดอกไม้สองสามรอบ เหมียวอี้ก็หอบดอกไม้สดเดินออกจากตำหนัก ปี้เยว่ฮูหยินให้เป็นรางวัล

ตรงประตูตำหนักคุ้มเมือง เหมียวอี้มองดูดอกไม้สดที่อยู่ในอ้อมกอด ของประเภทนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ จึงถือโอกาสยื่นให้ทหารยามที่เฝ้าประตู แล้วจากไปด้วยความสงสัยเต็มอก ทำเอาทหารยามงุนงงเหมือนหมอกลงสมอง…

เกาก้วนมาแล้ว นำคนมาที่นี่แล้วจริงๆ!

คนที่รู้ข่าวนี้ล่วงหน้าไม่ได้มีแค่ปี้เยว่ฮูหยินกับเหมียวอี้ พ่อค้าจำนวนมากในเมืองก็รู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วเช่นกัน ต่างก็ให้ความสนใจ ทุกคนต่างก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดที่ตลาดสวรรค์ครั้งนี้ เกาก้วนเป็นผู้ตัดสินใจลงโทษขั้นสุดท้าย

แต่ก่อนที่เกาก้วนจะมา ก็ไม่ได้แจ้งใครไว้ว่าตัวเองจะมาถึงเมื่อไร

เขาสวมหมวกทรงสูงสีดำและผ้าคลุมบ่าสีดำ นำผู้ติดตามยี่สิบกว่าคนเหาะลงมาจากฟ้า แล้วมุ่งตรงเข้าไปในเมืองทันทีโดยไม่หยุดพัก

หลังจากเข้ามาในเมือง ผู้ที่ติดตามมาก็แบ่งเป็นสี่กลุ่ม แยกย้ายกันไปที่จวนผู้บัญชาการทั้งสี่เขตเมือง ส่วนเกาก้วนก็นำคนไม่กี่คนมุ่งตรงไปยังตำหนักคุ้มเมือง

“ใครกัน!” ทหารยามที่เฝ้าตำหนักคุ้มเมืองตะคอกถามมาแต่ไกลๆ

ทางซ้ายและขวาของเกาก้วนมีคนถลันตัวออกไปทันที แล้วเผยป้ายคำสั่งออกมาโดยตรง

ป้ายของทูตตรวจการตำหนักสวรรค์ทำให้ทหารยามตกใจ นี่คือกลุ่มคนที่มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายที่สามารถประหารก่อนแล้วค่อยรายงานความผิด

เกาก้วนไม่ชายตามองและไม่หยุดฝีเท้า เดินก้าวยาวตรงเข้าไปในตำหนัก ไม่เห็นกลุ่มทหารยามของตำหนักคุ้มเมืองอยู่ในสายตา ลักษณะเย็นเยียบบนใบหน้าที่ดุร้ายทำให้คนรู้สึกกลัวทันทีที่ได้เห็น

ภาพเหตุการณ์นี้แทบจะเกิดพร้อมกันที่จวนผู้บัญชาการของเขตเมืองทั้งสี่ คนสี่กลุ่มไม่เห็นทหารยามอยู่ในสายตา เผยป้ายคำสั่งแล้วบุกเข้าไปโดยตรง ขี้เกียจแม้แต่จะพูดบอก

ณ ตำหนักคุ้มเมือง ปี้เยว่ฮูหยินอกสั่นขวัญแขวน ความงามและรอยยิ้มที่หยาดเยิ้มใช้กับเกาก้วนไม่ได้ผล

ตอนที่ได้ข่าวแล้วรีบมาต้อนรับ ต่อให้จะยิ้มสวยกว่านี้ ต่อให้หน้าอกขาวอวบจะเปิดเผยออกมาเยอะกว่านี้ แต่เกาก้วนก็ไม่มองนางตรงๆ เลย เดินเฉียดร่างนางไปพร้อมกับผ้าคลุมบ่าสีดำที่ปลิวสะบัดอยู่ข้างหลัง ผ้าคลุมที่ปลิวสะบัดนั่นถึงขั้นฟาดหน้านางด้วยซ้ำ

ปี้เยว่ฮูหยินที่โดนเมินเฉยเย็นชาใส่ พอได้สติกลับมาก็รีบเร่งฝีเท้าเดินตาม มีคนเข้ามาขวางผู้การสองหลันเซียงและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังนางทันที ไม่ให้ตามเข้าไป

ปี้เยว่ฮูหยินหยุดฝีเท้าและหันตัวมา อยากจะถามสักหน่อยว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม ทางซ้ายและขวาก็มีคนเข้ามาขนาบข้างแล้ว หนึ่ในนั้นดึงแขนนางลากไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง โดนลากตามหลังเกาก้วนเข้าไปข้างใน

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? ปี้เยว่ฮูหยินที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกตกใจจนใบหน้างามถอดสี ยังนึกว่ามีเรื่องอะไรเปิดโปงเข้าแล้ว  ตกใจจนปัสสาวะแทบราด!

ภาพที่เกาก้วนฆ่าคนใช่ว่านางจะไม่เคยเห็นมาก่อน เจ้าบ้านี่ฆ่าคนได้โดยไม่มีกฎหมาย เจ้าตัวเป็นตัวแทนของกฎสวรรค์!

ผู้การสองหลันเซียงและคนอื่นๆ ที่ถูกขวางไว้ เมื่อเห็นภาพฮูหยินถูกลากไปแบบนี้ ก็ตกใจแทบแย่เหมือนกัน!

เริ่มจากปี้เยว่ฮูหยิน เหมียวอี้ ฝูชิง อิงอู๋ตี๋ มู่หรงซิงหัวและสวีถังหราน พวกเขาโดนคนที่บุกเข้ามาควบคุมตัวเอาไว้แทบจะพร้อมกัน เมื่อเผยป้ายคำสั่งทูตตรวจการตำหนักสวรรค์ ก็ไม่มีใครจะเคลื่อนไหวซี้ซั้ว ถูกกันแยกกับคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ก็ทำเอาทหารทั้งตลาดสวรรค์หวาดระแวงไม่หาย

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset