พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1086 มารดาเจ้าเถอะ!

บทที่ 1086 มารดาเจ้าเถอะ!

 

“เหมียวอี้พูดไม่ออก ยังนึกว่าจะสามารถทำให้นางซาบซึ้งสักหน่อย สงสัยจะพูดไปโดยไม่ได้อะไร!

นึกถึงในปีนั้น! เขารู้ถึงนิสัยประหลาดของผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ตอนอยู่โรงเตี๊ยมเมฆาวายุแล้ว เอะอะอะไรก็ใช้เท้าเตะ

ไม่ใช่สิ น่าจะเป็นที่วัดเมี่ยวฝ่าตอนที่เขาเป็นมือใหม่ไร้ประสบการณ์ ตอนนั้นก็ได้รับรู้แล้ว ตอนนั้นนางปั่นหัวเขายับเยิน

แต่พรหมลิขิตเป็นสิ่งที่พูดให้ชัดเจนได้ยากจริงๆ บางทีอาจจะถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ตอนที่เขากอดนางที่วัดเมี่ยวฝ่าในปีนั้นแล้ว การกอดนั้นได้ตีตราความรู้สึกเอาไว้ในใจ เขาไม่รู้ว่าการกอดครั้งนั้นได้ทิ้งอะไรไว้ให้อวิ๋นจือชิวเหมือนกันหรือเปล่า อาจจะกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้นางยอมรับเขาก็ได้ อย่างไรเสียถึงแม้จะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เจ้าอารมณ์ แต่เขาก็ยังปีนขึ้นเตียงนางอยู่ดี

ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไป นี่ไม่ใช่การแส่หาเรื่องใส่ตัวหรอกเหรอ เจอกับผู้หญิงแบบนี้นับว่าตัวเองดวงซวย!

ยังไม่จบแค่นั้น อวิ๋นจือชิวดึงหูเขามาบิดเสียเลย “ถ้าเจ้าไม่พูดถึงเรื่องคัดตัวอักษร ข้าก็แทบจะลืมไปแล้ว ตอนนี้อยู่ห่างกันนานๆ ข้าก็ควบคุมเจ้าไม่ได้ พอผู้บัญชาการหนิวไม่สบอารมณ์ขึ้นมา แม้แต่ประตูบ้านเจ้าข้าก็เข้าไปไม่ได้ ช่างน่าเกรงขามนักนะ! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เก็บเรื่องคัดอักษรขึ้นมาอีกครั้ง ต่อไปนี้เอามาให้ข้าตรวจทุกวัน!”

นี่ไม่ใช่การแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรอกเหรอ ทำไมโยงไปถึงเรื่องคัดอักษรได้ล่ะ! เหมียวอี้หัวเราะแห้งๆ แล้วถือโอกาสยื่นมือไปลูบไล้ภูเขาสองลูกของนาง ดีดเด้งจนน่าทึ่ง สัมผัสมือช่างดีจริงๆ ยังจะมีกะจิตกะใจมาพูดมากอะไรอีก “เอ่อคือ วันนี้ไม่พูดเรื่องคัดอักษรแล้ว!” พูดจบก็อุ้มนางขึ้นมาเสียเลย แล้วเดินก้าวยาวไปที่ห้อง

“รู้สึกว่าเมียคนอื่นดีกว่าไม่ใช่เหรอ? อุ้มข้าแล้วฝืนใจขนาดไหน ปล่อยข้านะ!” อวิ๋นจือชิวดิ้นรนขัดขืน

สองหูของเหมียวอี้โดนบิดจนแทบหลุด เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน แต่ต่อให้ตีให้ตายเขาก็ไม่ยอมปล่อย

ช่วงนี้มีความกดดันสูงมาก อยากจะหาคนมาระบายอารมณ์อยู่ตลอด แต่น่าเสียดายที่ไม่เจอเป้าหมายที่เหมาะสม ทำเอาเรือนร่างที่สุกงมเย้ายวนของปี้เยว่ฮูหยินโผล่เข้ามาในหัวหลายครั้ง ตนมีหญิงงามยั่วราคะอยู่ในมือ เรือนร่างนั้นร้อนแรงยิ่งกว่าปี้เยว่ฮูหยิน ที่บอกว่าเคยฝึกระบำมารสวรรค์มาก่อนไม่ใช่เรื่องโกหก มีผลทำให้เกิดเสน่ห์ดึงดูดจากภายใน กอปรกับทั้งสองฝ่ายเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ หากจะเสพสุขก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามธรรมชาติ ในเมื่อมาแล้วจะไม่ผ่อนคลายสักหน่อยได้อย่างไร วันนี้ไม่เมาไม่เลิก!

“ไอ้เวรนี่! กล้าไม่อ่อนโยนกับข้าเหรอ ข้าจะสู้กับเจ้า…ไอ้บ้า เสื้อผ้าที่ข้าซื้อมาใหม่…”

ในห้องมีเสียงฉีดเสื้อผ้าดังมาพักหนึ่ง ตามด้วยเสียงร้องวี้ดว้ายของอวิ๋นจือชิว

ตอนนี้เหมียวอี้วรยุทธ์สูงกว่านางแล้ว ไปเทียบกับตอนแรกไม่ได้ ตอนนี้เรื่องบางอย่างนางทำตามใจตัวเองไม่ได้ ขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์…

คลื่นลมที่ตลาดสวรรค์จบลงแล้ว ผลที่ตามมาหลังจากเด็ดศีรษะไปหลายพัน ก็คือไม่มีใครกล้าอยากได้ตำแหน่งผู้บัญชาการของสี่เขตเมืองอีก ถ้าทำแบบนั้นอีก ก็ชัดเจนว่ากำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับตลาดสวรรค์ ราชันสวรรค์ไม่ได้ใจดีเหมือนพระโพธิสัตว์นะ

เฉาว่านเสียงที่อยู่น่านฟ้าชวดอี้โลง่ใจแล้ว เขาตกใจแทบตาย สงสัยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องจะไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาเลย ในเมื่อเฉาว่านเสียงไม่เป็นอะไร มู่หรงซิงหัวก็ย่อมไม่เป็นอะไรเช่นกัน นางเองก็โล่งใจตามไปด้วย

เวลาไม่มีงานอะไร บางครั้งสวีถังหรานก็จะเดินเอามือไขว้หลังวางมาดอยู่บนถนน โดยมีเขี้ยวเล็บที่โอ้อวดแสนยานุภาพติดตามอยู่ข้างหลังกลุ่มหนึ่ง

ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องกลัวร้านค้าที่มีคนหนุนหลังใหญ่โตพวกนั้นอีกแล้ว ที่เขตเมืองตะวันตกนี้เขามีอำนาจตัดสินใจอย่างแท้จริง ไม่มีผู้จัดการร้านคนไหนที่เจอเขาแล้วจะไม่สุภาพเกรงใจ

เขาคิดเองเออเองว่า ตั้งแต่ที่เขาติดตามเหมียวอี้ไปทำเรื่องน่าไม่อาย เขาก็ได้กลายเป็นลูกน้องคนสนิทของผู้บัญชาการใหญ่แล้ว รู้สึกว่าตัวเองได้นั่งตำแหน่งนี้อย่างมั่นคงแล้ว เรียกได้ว่าอารมณ์ผ่อนคลายมาก ความรู้สึกยามได้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของเขตเมืองตะวันตกช่างดีจริงๆ รายได้ไม่น้อยกว่าการได้ไปเป็นผู้บัญชาการใหญ่ที่อื่นเลย

ส่วนปี้เยว่ฮูหยินก็ได้รับคำชี้แนะจากท่านโหวเทียนหยวน จึงเรียกเหมียวอี้เข้าตำหนักอีก เจ้าของที่อยู่เบื้องหลังร้านค้าสองร้อยกว่าร้านที่ถูกสั่งปิดอยากจะออกเงินซื้อร้านกลับคืนมาอีก ให้เหมียวอี้อนุโลมผ่อนผัน อย่าต่อต้านอีกเลย

ปี้เยว่ฮูหยินในตอนนี้ เรียกได้ว่าเวลามีเรื่องอะไรก็จะปรึกษากับเหมียวอี้ดีๆ ต้องสื่อสารให้เหมาะสมเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นนางกลัวว่าเหมียวอี้จะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก กอปรกับได้รับคำชี้แนะจากท่านโหวเทียนหยวน ให้นางให้ความสำคัญเหมียวอี้ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องคู่นี้จึงค่อนข้างปรองดอง ให้ความรู้สึกเหมือน ‘ผิดที่เราเจอกันช้าไป’

เหมียวอี้เองก็ไม่ใช่คนที่อ่านสถานการณ์ไม่ออก รู้ว่าถ้าทำเรื่องนี้ให้เด็ดขาดเกินไปจะไม่เป็นผลดีกับตัวเอง ย่อมต้องปฏิบัติตามคำพูดของปี้เยว่ฮูหยินอยู่แล้ว

ก็เป็นอย่างนั้น ร้านค้าสองร้อยกว่าร้านที่โดนค้นและยึดทรัพย์กลับคืนสู่มือเจ้าของคนเดิมอีกครั้ง อ้อมไปรอบหนึ่งก็ยังวนกลับมาสภาพเดิม เจ้าของร้านคนเดิมแค่เสียทรัพย์สินจำนวนหนึ่งกับข้าทาสไปหลายพันคนเท่านั้นเอง คนที่ตายไปก็ตายเปล่า เป็นเพียงเครื่องสังเวยในการต่อสู้ ตัวละครเล็กๆ ไม่ส่งผลกับคนระดับบน จะลำบากทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือไปทำไม!

คลื่นลมก็สงบลงไปแบบนี้ บางครั้งที่เหมียวอี้บังเอิญเจอหวงฝู่จวินโหรวแล้วโดนอีกฝ่ายมองด้วยสายตาอยากจะจับกินทั้งเป็น นอกนั้นที่ตลาดสวรรค์ก็ไม่มีเรื่องอะไรอย่างอื่นแล้ว

รอไปได้สองสามเดือน เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้สงบลงอย่างถึงที่สุดแล้ว เหมียวอี้ก็ตัดสินใจจะกลับพิภพเล็กล่วงหน้า

นี่คือคำแนะนำของอวิ๋นจือชิว รู้สึกว่าถ้าเขากลับไปพร้อมพวกฝูชิง ถ้าปรากฏตัวที่พิภพเล็กพร้อมกันจะทำให้คนสงสัยได้ง่าย แยกกันกลับจะดีกว่า จึงให้เขากลับไปก่อน ส่วนฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ค่อยกลับไปพร้อมนางตอนส่งส่วยประจำปี ถึงอย่างไรนางก็เอ่ยปากให้ทั้งสองเข้ากระเป๋าสัตว์ได้สะดวกกว่า

เหมียวอี้ไปหาปี้เยว่ฮูหยินเพื่อขอลาพักไปทัศนาจร ทั้งสองกำลังอยู่ในช่วงปรองดองกัน ปี้เยว่ฮูหยินย่อมไม่มีอะไรที่คุยยาก อนุญาตแล้ว!

จากนั้น หลังจากเหมียวอี้ปลอมตัวแล้ว ก็พาเป่าเหลียนออกจากตลาดสวรรค์ด้วยกัน เขารับปากไว้แล้วว่าถ้ามีเวลาว่างจะไปหาเจ้าสำนักอวี้หลิง และมีเรื่องจะขอคำชี้แนะจากอวี้หลิงเจินเหรินด้วย

เมื่อกลับมาที่สำนักลมปราณอีกครั้ง สำนักลมปราณที่มีการรื้อซ่อมแซมตามปกติยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่คนไม่เหมือนเดิมแล้ว

เหมียวอี้ที่กลับมาอีกครั้งมีสิทธิ์นั่งเสมอกับอวี้หลิงเจินเหรินและถึงขั้นถูกยกย่องให้เป็นแขกผู้มีเกียรติ เขาพบว่าลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักลมปราณเป็นคนที่เขาไม่รู้จักแล้ว

ทิวทัศน์ตามแนวเทือกเขารอบๆ ไม่เลวเลย เขาเดินเล่นช้าๆ กับอวี้หลิงเจินเหรินอยู่ในสำนักลมปราณ กำลังคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ อวี้หลิงเจินเหรินค่อนข้างทอดถอนใจ บางครั้งก็หันกลับไปมองเป่าเหลียนที่เดินตามหลังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเป็นระยะ

เขาเฝ้ามองหลานสาวตัวเองเติบโตมาตลอด มีหรือที่จะไม่เข้าใจ เขามองออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเหมียวอี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่าเหมียวอี้ไม่ถูกใจหลานสาวตนหรือว่าอย่างไร

จากข่าวที่เป่าเหลียนส่งกลับมา ยังไม่เคยเห็นเหมียวอี้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนเลย เขาแปลกใจนิดหน่อย คนที่ยังหนุ่มยังแน่นจะไม่สนใจผู้หญิงได้อย่างไร โดยเฉพาะคนที่กุมอำนาจมากมายไว้ในมือแบบนี้ ต้องไม่ขาดผู้หญิงสิถึงจะถูก ถ้าไม่เคยแตะต้องผู้หญิงเลยก็อาจจะผิดแปลกธรรมชาติเกินไปแล้ว

ที่จริงแล้ว นี่ก็คือสิ่งที่คนมากมายที่ตลาดสวรรค์แอบเคลือบแคลงอยู่ในใจ ต่างก็สงสัยว่าเหมียวอี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า

แต่สำหรับอวี้หลิงเจินเหริน นี่คือเรื่องดี คนที่รักษาตัวเองให้บริสุทธิ์แบบนี้ คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่จะเป็นหลานเขยของตน

เขาถึงได้ตัดสินใจเปิดเผยตรงๆ ขณะที่คุยกันก็ถามว่า “ตอนนี้ผู้บัญชาการใหญ่ก็นับว่าประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานบ้างหรือเปล่า?”

ในป่าไผ่เขียวชอุ่ม เหมียวอี้ที่เหยียบขึ้นบนเรือนไม้ไผ่และกำลังนึกถึงวันเก่าๆ พอได้ยินแล้วชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ก็คิดวางแผนอยู่เหมือนกันขอรับ คาดว่าเจินเหรินคงจะได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับข้ามาเหมือนกัน ข้าถูกใจเถ้าแก่เนี้ยร้านโฉมเมฆาของตลาดสวรรค์ แต่จนใจที่ดอกไม้อันเลื่องชื่อมีเจ้าของแล้ว”

อวี้หลิงเจินเหรินส่ายหน้า “ผู้บัญชาการใหญ่ ข้าขอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดก็แล้วกันนะ ผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ถ้าพัวพันกับนางต่อไป จะไม่ดีต่อชื่อเสียงของผู้บัญชาการใหญ่ ควรเลือกคู่ใหม่”

เรื่องนี้เหมียวอี้คิดไปคิดมาก็รู้สึกขำ ถามเหมือนสนใจว่า “อย่าบอกนะว่าเจินเหรินจะเป็นพ่อสื่อให้ข้า?”

อวี้หลิงเจินเหรินเอามือลูบเครา พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้บัญชาการใหญ่รู้สึกว่าเป่าเหลียนเป็นอย่างไร?”

เป่าเหลียนที่เดินตามหลัง เมื่อได้ยินคำถามนี้ก็ลนลานทันที เรียกได้ว่าทำอะไรไม่ถูก

“เหมียวอี้งุนงงนิดหน่อย ชายชราผู้นี้ช่างวางใจจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะฝากฝังหลานสาวให้ข้าได้ลงคอ แต่เขาก็ตอบพร้อมรอยยิ้มทันที “”เจินเหรินพูดแบบนี้ทำให้เป่าเหลียนอึดอัดแล้ว เรื่องแบบนี้ เจินเหรินควรจะถามเป่าเหลียนสักหน่อยนะว่าตกลงหรือไม่ตกลง””

อวี้หลิงเจินเหรินหัวเราะลั่นทันที “ขอเพียงผู้บัญชาการใหญ่ตกลง เรื่องเป็นคนกลางติดต่อเป่าเหลียนก็ส่งให้ตาแก่คนนี้เถอะ”

ตาเฒ่าผู้นี้…เหมียวอี้ถูกทำให้พูดไม่ออกแล้ว ตอบตกลงเหรอ…ประเด็นสำคัญคือเป็นไปไม่ได้ที่จะตอบตกลง ต่อให้ตัวเองยินดีจะรับไว้ แต่เป่าเหลียนก็จะได้เป็นอนุภรรยา เลี้ยงดูอนุภรรยาเพิ่มสักคนก็ใช่ว่าตนจะเลี้ยงไม่ไหว แต่เกรงว่าอวี้หลิงเจินเหรินจะไม่เต็มใจ แต่ถ้าไม่ตอบตกลง จะทำให้เป่าเหลียนที่อยู่ตรงนี้ด้วยทนความรู้สึกได้อย่างไร

ทำเอาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นึกถึงปีนั้นที่ตัวเองยังยากจน ไปสู่ขอเมียถึงประตูบ้านก็ยังโดนดูถูกเหยียดหยาม ตอนนี้พอมีฐานะตำแหน่งขึ้นมาบ้าง ก็เรียกได้ว่ามีผู้หญิงมาหาถึงที่ไม่หยุดหย่อน ตอนที่อยู่ตลาดสวรรค์ ก็มีลูกน้องช่วยเชื่อมสัมพันธ์อยู่เสมอ บอกว่าลูกสาวบ้านไหนหน้าตาอย่างไรสวยอย่างไร คุณสมบัติประจำตัวเป็นอย่างไร ทรัพย์สินในบ้านก็อุดมสมบูรณ์ พ่อแม่ของอีกฝ่ายพูดประมาณว่ายินดีจะยกลูกสาวให้แต่งงานด้วยถ้าเขาตอบตกลง

เหมียวอี้เกาศีรษะ แล้วประกาศตรงๆ อย่างจริงใจว่า “เจินเหริน เรื่องนี้ข้าไม่ถือสาที่จะเปิดเผยให้ท่านรู้ ที่จริงข้ามีภรรยาแล้ว”

เขาพูดสิ่งนี้ให้อวี้หลิงเจินเหรินฟัง และพูดให้เป่าเหลียนฟังด้วย จะได้ไม่ทำให้เจ้าตัวหาทางลงไม่ได้

เป่าเหลียนที่กำลังมีสีหน้าอับอาย พอได้ยินแบบนี้ก็หน้าซีดทันที พลันเงยหน้าขึ้นมาแล้ว

อวี้หลิงเจินเหรินชะงักไป “ท่านจะไปมีภรรยาจากไหน ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย? อย่าบอกนะว่าจงใจหาข้ออ้างเพื่อปฏิเสธ? ผู้บัญชาการใหญ่ ถ้าไม่ชอบเป่าเหลียนก็บอกมาตรงๆ ได้ ตาแก่คนนี้ไม่ถึงขั้นโมโหผู้บัญชาการใหญ่เพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้หรอก” ที่จริงในน้ำเสียงก็เจือด้วยความโมโหเล็กน้อย ต่อให้เจ้าไม่ชอบ แต่ก็ไม่ต้องใช้คำพูดประเภทนี้มาขายผ้าเอาหน้ารอดก็ได้หรอกมั้ง?

เหมียวอี้ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ที่จริงตอนแรกหลังจากร้านขายของชำซื่อตรงขยายร้าน ครั้งนั้นที่ข้าจากไปข้าก็ได้พบคนตามวาสนาแล้ว จึงตัดสินใจอยู่ร่วมกัน เดิมทีก็อยากจะประกาศให้รู้ แต่ข้าเป็นศัตรูกับปีศาจโลหิต กลัวภรรยาตัวเองจะโดนปีศาจโลหิตทำอันตราย ถึงได้ปิดเป็นความลับมาตลอด เรื่องราวในตอนหลังท่านเองก็รู้ ข้าโดนกดดันจนหมดหนทาง ถึงได้เข้าตำหนักสวรรค์ การแข่งขันในตำหนักสวรรค์ ต่อให้ข้าไม่พูดแต่เจินเหรินก็น่าจะทราบ เป็นเพราะข้าไม่อยากให้ภรรยาตัวเองพลอยลำบากไปด้วย ถึงได้เก็บเป็นความลับต่อไป และเพื่อที่จะปฏิเสธการแนะนำจากคนอื่นอย่างอ้อมๆ เลยทำได้เพียงใช้เถ้าแก่เนี้ยร้านโฉมเมฆามาเป็นข้ออ้างเพื่อปิดบัง เจินเหรินไม่ต้องห่วง ขอเพียงมีโอกาสเหมาะสม ข้าจะพาภรรยามาพบเจินเหรินแน่นอน ถึงตอนนั้นเจินเหรินก็จะได้รู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้โกหก เพียงแต่ก่อนจะถึงตอนนั้น เจินเหรินได้โปรดรักษาความลับเพื่อข้าด้วย ก็อย่างที่บอก ข้าไม่อยากให้วังวนความขัดแย้งของตัวเองมาทำให้ภรรยาลำบากไปด้วย ข้าแค่อยากให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุข”

“แบบนี้…ภรรยาได้รับการปกป้องจากผู้บัญชาการใหญ่ขนาดนี้ แสดงว่าเป็นความรักที่แท้จริงจากผู้บัญชาการใหญ่!” อวี้หลิงเจินเหรินหันกลับไปมองเป่าเหลียนที่กัดริมฝีปากเงียบๆ แวบหนึ่ง แล้วยิ้มเจื่อนพร้อมบอกว่า “สงสัยเป่าเหลียนของเราจะไม่มีวาสนานั้น!

“เจินเหรินกล่าวเกินไปแล้ว ผู้ชายดีๆ ในโลกนี้มีตั้งเยอะ คนที่ดีกว่าข้ามีเยอะเหมือนปลาในแม่น้ำ และหนิวโหย่วเต๋อคนนี้ก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษคนดีอะไร ไม่คู่ควรกับเป่าเหลียนหรอก””เหมียวอี้กุมหมัดขออภัย ไม่สะดวกจะพูดคุยประเด็นที่น่าอึดอัดต่อไป จึงเปลี่ยนประเด็นสนทนา “เจินเหริน การมาเยี่ยมสหายเก่าคือหนึ่งในจุดประสงค์ของข้า จุดประสงค์รองคืออยากจะขอคำชี้แนะจากเจินเหรินสักเรื่อง”

“อวี้หลิงเจินเหรินแอบถอนหายใจ แล้วก็เปลี่ยนใบหน้าเป็นยิ้มแย้ม “ว่ามาได้เลย”

“ขอบังอาจถามว่าเจินเหรินเคยได้ยินชื่อ ‘อสุราอัคนี’ หรือเปล่า?” เหมียวอี้ถาม

“อสุราอัคนี?” อวี้หลิงเจินเหรินอึ้งไปชั่วขณะ หลังจากลูบเคราครุ่นคิดไปพักหนึ่ง ก็กล่าวอย่างลังเลว่า “เคยได้ยินท่านอาจารย์เอ่ยถึงบุคคลนี้นะ ตอนนั้นยังไม่มีการตั้งตำหนักสวรรค์ ยังเปป็นใต้หล้าของหกมหาราชัน นั่นเป็นบุคคลในอดีตที่นานมากแล้ว ตายไปนานแล้ว ท่านถามถึงเขาทำไมหรือ”

“ตายไปนานแค่ไหนแล้ว?” เหมียวอี้ลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “เจินเหรินได้โปรดรักษาความลับให้ข้าด้วย ตอนที่เข้าร่มการทดสอบของตำหนักสวรรค์ มีคนบอกว่าข้าลงมือเหมือนกับอสุราอัคนี ข้าสงสัยว่าข้าได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากอสุราอัคนี เป็นไปได้สูงว่าอสุราอัคนีจะเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณที่อยู่ต่างยุคกับข้า ดังนั้นข้าจึงอยากจะทำควารู้จักคนคนนี้สักหน่อย”

“…” อวี้หลิงเจินเหรินอ้าปากค้าง ครั้งนี้ถูกทำให้ตกใจแล้วจริงๆ “อสุราอัคนีอยู่ในยุคที่หกมหาราชันยังไม่ได้สร้างระเบียบขึ้นมา และเป็นบุคคลสำคัญที่วางอำนาจบาตรใหญ่ไปทั่วเช่นกัน ท่านจะเป็นลูกศิษย์ต่างยุคของเขาได้อย่างไร? เอ๋…แต่ก็เหมือนจะมีความเป็นไปได้นี้จริงๆ นะ!”

เหมียวอี้ตาเป็นประกายทันที รีบถามว่า “ทำไมถึงคิดว่ามีความเป็นไปได้?”

อวี้หลิงเจินเหรินมองไปรอบๆ ก่อนจะอธิบายว่า “ข้าจำได้ว่าท่านอาจารย์เคยบอก ว่าอสุราอัคนีเคยสู้กับประมุขไป๋ที่ดาวไร้ลักษณ์ ตายด้วยน้ำมือประมุขไป๋ เป็นไปได้สูงว่าจะทิ้งสมบัติอะไรไว้ที่ดาวไร้ลักษณ์ ส่วนท่านก็เกิดที่ดาวไร้ลักษณ์ เก็บวัตถุที่ทำให้ฝึกตนด้วยตัวเองได้จากนักพรตนิรนาม ไม่รู้ว่าอาจารย์มาจากไหน…พอเปรียบเที่ยบกันแบบนี้แล้ว เกรงว่านี้คงจะไม่ใช่ความบังเอิญ การที่ท่านเป็นศิษย์ต่างยุคของอสุราอัคนี ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน! ถ้าเป็นความจริง เช่นนั้นท่านก็ได้รับโอกาสที่ทำให้คนอิจฉา! อสุราอัคนีเป็นบุคคลที่สามารถต่อสู้กับประมุขไป๋ได้เชียวนะ!”

มารดาเจ้าเถอะ! นั่นยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้! เหมียวอี้ลูบคาง ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่ถูก ตนเข้าใจดีกว่าใครว่านำเคล็ดวิชาฝึกตนของตัวเองมาจากไหน ไม่เกี่ยวข้องกับดาวไร้ลักษณ์เลย!

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset