พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1215 ไม่รู้อะไรเลย

คำพูดคำจาแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นประมุขชิงคงจะเดือดดาลมาก แต่พอได้ยินจากปากเจ้าคนที่เย็นชาเหมือนน้ำแข็ง ประมุขชิงก็รู้สึกดีใจอย่างประหลาด โค้งมุมปากกลั้นขำ หันหน้ามองไปอีกด้านแล้ว

“เจ้า…” ซือหม่าเวิ่นเทียนโบกมือชี้

เกาก้วนปัดมือเขาออกเบาๆ “ข้าจะบังคับใช้กฎยังไง ก็ไม่จำเป็นต้องให้หน่วยตรวจการฝ่ายซ้ายของเจ้ามาสอนหรอก”

“เจ้า…” ซือหม่าเวิ่นเทียนทำสีหน้าไม่ถูก เมื่อเจอกับเกาก้วนที่ไร้เหตุผล เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน จึงหันกลับมากุมหมัดคารวะประมุขชิง “ฝ่าบาท เกาก้วนกำลังเถียงข้างๆ คูๆ ขอรับ!”

“เกาก้วน เจ้าคิดว่าควรจะลงโทษหนิวโหย่วเต๋ออย่างไร?” ประมุขชิงถาม

“ถ้าเขาตายอยู่ในนรก การลงโทษนี้ก็ไม่มีความหมายเหมือนกัน แต่ถ้าเขารอดชีวิตกลับมาได้ ทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่ประสงค์ของฝ่าบาทขอรับ จะได้ไม่มีคนคิดว่าข้าน้อยทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว” เกาก้วนตอบ

“เอาตามนี้ก็แล้วกัน ขี้คร้านจะฟังพวกเจ้าสองคนเถียงกันแล้ว ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็กลับไปต่างคนต่างทำงานของตัวเอง” ประมุขชิงพูดทิ้งท้ายแล้วเอามือไขว้หลังเดินออกไป เดินเนิบนาบอย่างสบายใจ

สำหรับเขาแล้ว ระหว่างทูตซ้ายกับทูตขวาใครจะผิดก็ไม่สำคัญ ล้วนเป็นลูกน้องคนสนิทของเขาทั้งคู่ เขาเองก็ไม่อยากจะลำเอียงเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่ง แค่อยากจะเห็นท่าทีที่เป็นเป็นปรปักษ์ของทั้งสองเท่านั้น

“เชอะ!” ซือหม่าเวิ่นเทียนเชิดใส่ แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป

เกาก้วนยังคงทำสีหน้าเย็นชาไม่สะทกสะท้าน จัดผ้าที่ดำที่คลุมบ่าให้เรียบร้อย แล้วเดินเบาๆ จากไปเช่นกัน…

ในจวนเทพประจำดาวเถาะฟ้า ผังก้วนเพิ่งจะเหาะจากฟ้าลงมาเหยียบในเรือนด้านใน ก็เห็นฮูหยินจาหรูเยี่ยนร้องไห้สะอึกสะอื้นพุ่งออกมาจากในบ้าน เข้ามาคุกเข่ากอดต้นขาเขาไว้ พลางร้องไห้โฮบอกว่า “นายท่าน เหรินจวิ้นตายอย่างอนาถมาก นายท่าน ท่านต้องสับร่างหนิวโหย่วเต๋อนั่นพันดาบเพื่อล้างแค้นให้เหรินจวิ้นนะ!”

บ่าวรับใช้หญิงกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาประคอง แต่จาหรูเยี่ยนกลับกอดขาผังก้วนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“หึหึ!” จู่ๆ ผังก้วนก็เดือดดาลจนหัวเราะออกมา แล้วก้มหน้าจ้องนางพร้อมถามว่า “ล้างแค้นเหรอ? จะล้างแค้นยังไงล่ะ? เจ้าคิดจะให้นำคนเข้าไปสังหานในแดนอเวจีเพื่อล้างแค้นให้หลานรักของเจ้าเหรอ?”

“…” จาหรูเยี่ยนหยุดร้องไห้ทันที ใบหน้าที่เลอะน้ำตาเหม่อค้าง สิ่งที่สามีตัวเองพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เป็นไปไม่ได้ที่จะถ่อไปล้างแค้นหนิวโหย่วเต๋อในนรกเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะหาเจอหรือไม่ อย่างน้อยต้องเข้าไปให้ได้ก่อน ต่อให้เข้าไปได้แล้ว แดนอเวจีคือสถานที่ที่ผังก้วนจะไปทำตัวกำเริบเสิบสานได้เหรอ? ถ้ารอให้หนิวโหย่วเต๋อกลับมา และไม่รู้ด้วยว่าหนิวโหย่วเต๋อจะรอดชีวิตออกจากนรกได้หรือเปล่า

หลังจากคิดได้แล้ว แล้วก็ร้องไห้โวยวายอีก “ตระกูลจาของข้าช่างน่าสงสาร คนก็มีอยู่น้อยนิด…”

“หุบปากเดี๋ยวนี้!” ผังก้วนพลันตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดดุจฟ้าผ่า “ข้าเสียหน้าเพราะเจ้าไปหมดแล้ว เจ้ายังมีหน้ามาร้องไห้อีกเหรอ?”

ผังก้วนยกหัวเข่าขึ้น เตะจาหรูเยี่ยนจนล้มลงพื้น แล้วชี้นิ้วขู่จาหรูเยี่ยน ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลจามีบุญคุณในการสนับสนุนให้เขาได้ขึ้นตำแหน่ง ถ้าทำผิดต่อผู้หญิงคนนี้แล้วจะโดนคนวิจารณ์ลับหลัง เขาคงหย่ากับผู้หญิงโง่คนนี้ไปแล้วจริงๆ

เขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วหันตัวเดินจากไป ทำให้เสียงร้องไห้โฮข้างหลังดังอีกครั้ง

ผังก้วนยกมือตบหน้าผากตัวเอง ในบ้านมีฮูหยินแบบนี้ จะไม่ให้ปวดหัวก็คงยาก…

จู่ๆ บนฟ้าเหนือเกาะที่มืดสลัวก็มีดาวตกสามสายแวบผ่าน เสียงระเบิดดังสามครั้ง เฮยทั่นที่สวมเกราะรบหมุนตัวอยู่บนฟ้าสูงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ลำแสงสีแดงสามสายแวบกลับมา กลายเป็นลูกธนูดาวตกสามดอกตกลงในมือเหมียวอี้

มือข้างหนึ่งของเหมียวอี้ถือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ มืออีกข้างถือลูกธนูดาวตก ในใจแอบรู้สึกดีใจ หลังจากผ่านการศึกษาอย่างละเอียดมาหลายวัน ในที่สุดก็เรียนรู้วิธีการควบคุมของวิเศษที่เป็นธนูชุดนี้ได้แล้ว นี่เป็นของล้ำค่าที่ดีชุดหนึ่ง

พวกห้าปราชญ์ที่ดูอยู่ไกลๆ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเฮยทั่นมีความสามารถในการอดทนการโจมตีมากเท่าไร และไม่รู้ด้วยว่าอานุภาพของธนูนี้มากแค่ไหน แต่ก็ทำให้ห้าปราชญ์อิจฉาตาร้อนอยู่ดี  ไม่กี่วันก่อนเพิ่งจะเห็นเหมียวอี้ใช้กระบี่ใหญ่ผลึกแดงบริสุทธิ์ด้ามหนึ่งที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ แล้ววันนี้ก็ได้เห็นธนูวิเศษชุดนี้อีก ล้วนเป็นของที่มีราคาสูงไม่เบา ไม่รู้เหมือนกันว่าครั้งนี้เหมียวอี้โกยสมบัติมาได้มากขนาดไหน

“อูอู…” เฮยทั่นที่สวมเกราะรบดุร้ายน่ากลัวเหมือนปีศาจเหาะลงจากฟ้า พอเหยียบลงข้างกายเหมียวอี้ก็ส่งเสียงร้องเหมือนน้อยใจ เหมือนกำลังบอกให้เหมียวอี้เลิกใช้มันเพื่อทดสอบธนูได้แล้ว

เหมียวอี้เติมยาเจี๋ยตันขั้นห้าใส่ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์และลูกธนูดาวตกสามดอกอย่างละสี่เม็ด เสร็จแล้วถึงได้เก็บเอาไว้

ฉากนี้ทำให้ห้าปราชญ์สงบจิตใจได้ยาก ฟุ่มเฟือยเกินไปจริงๆ ขนาดยาเจี๋ยตันขั้นห้าสี่เม็ดยังใช้เติมพลังงานให้ของวิเศษแบบนี้ไปแล้ว เติมใส่แบบตาไม่กะพริบ ในใจของทั้งห้ากำลังครุ่นคิดว่าเจ้าเวรนี่มันมีเงินมากเท่าไรกันแน่?

หารู้ไม่ว่ายาเจี๋ยตันพวกนี้เหมียวอี้ล้วนได้มาจากการรบ แค่ยาเจี๋ยตันขั้นห้าบนตัวจาหรินจวิ้นอย่างเดียวก็ปาเข้าไปยี่สิบเม็ดแล้ว บนตัวจาหรินจวิ้นมีของอย่างอื่นอีกเป็นกอง ในบรรดาคนที่ตายด้วยน้ำมือเหมียวอี้ จาหรินจวิ้นคือคนที่รวยที่สุด คาดว่าคงจะได้รับการสนับสนุนมาจากอาหญิงของเขา เพียงแต่เหมียวอี้คิดไม่ตกว่าเจ้าปัญญาอ่อนนี่จะพกของมาเยอะขนาดนี้ทำไม นรกมันใช่ที่ที่จะใช้จ่ายได้อย่างมีความสุขเหรอ?

เหมียวอี้โบกมือร่ายอิทธิฤทธิ์ชี้ไปที่เฮยทั่น เห็นเพียงเกราะรบบนตัวเฮยทั่นพลิกม้วนไปเก็บอยู่ที่คอ กลายเป็นห่วงคอผลึกแดงแล้ว

เฮยทั่นที่ได้ผ่อนคลายหันหน้าเหาะออกไปทันที มีเสียงดังตู้ม น้ำสาดกระจายไปทั่ว กระโดดลงไปว่ายน้ำเล่นในทะเลแล้ว

จีฮวนจ้องเฮยทั่นที่หายไปด้วยสีหน้าอิจฉา เขารู้ว่าจากจีเหม่ยลี่แล้วว่าเฮยทั่นคือหลีหลงที่วิวัฒนาการมาจากอาชามังกร มีความเป็นไปได้ที่จะวิวัฒนาการเป็นมังกร สำหรับจีฮวนที่รู้สึกมาตลอดว่าตัวเองญาติที่ใกล้ชิดเผ่าพันธุ์มังกร สิ่งนี้น่าอิจฉามาก

สำหรับเวไนยสัตว์ มังกรคือสิ่งมีชีวิตที่สูงส่ง เป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสูงโดยกำเนิด เป็นสิ่งที่เวไนยสัตว์ต้องเงยหน้ามอง

และเขาเองก็รู้เช่นกัน ว่าถึงแม้ตัวเองจะฝึกฝนโดยใช้วิชาปีศาจควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ให้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ ทว่าเมื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางปีศาจแล้วก็จะมีปราณปีศาจ ไม่ได้เป็นสัตว์เทพบริสุทธิ์แล้ว ถ้าอยากจะใช้ร่างกายที่มีปราณปีศาจวิวัฒนาการให้กลายเป็นมังกรที่มีสายเลือดสูงส่งก็เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ ถ้ามองจากอีกมุมหนึ่ง เขายังสู้เฮยทั่นไม่ได้ด้วยซ้ำ ย่อมต้องอิจฉาอยู่แล้ว

แต่มีเสียก็ต้องมีได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเรียนรู้วิชาปีศาจ เขาก็อาจจะไม่ได้เบิกสติปัญญาได้ตั้งแต่แรก ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นเนื้อสัตว์ในปากคนอื่นไปแล้วก็ได้ จะมีวันนี้ได้อย่างไร เมื่อปีศาจเดินเข้าสู่เส้นทางการฝึกตน สัตว์เทพก็ต้องทำตามกฎธรรมชาติ พัฒนาไปตามพรสวรรค์

จากนั้นเหมียวอี้ก็หยิบน้ำเต้าผลึกแดงบริสุทธิ์ใบหนึ่งออกมา แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ศึกษาวิธีการควบคุมเงียบๆ

ยังมีอีกเหรอ? เจ้าบ้านี่มันได้สมบัติมากี่ชิ้นกันแน่? ห้าปราชญ์พากันแอบถอนหายใจอย่างจนใจ

แต่จะว่าไปแล้ว ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งเหมือนพิสูจน์คำทำนายนั้นของเทพพยากรณ์ ว่าเจ้าเวรนี่เป็นคนที่ดวงดีมาก…

หลังจากนั้นหนึ่งวัน เหมียวอี้ที่ยืนอยู่ริมทะเลก็ลืมตาขึ้น มองดูเฮยทั่นที่เล่นน้ำอยู๋ที่ทะเลไกลๆ พอโบกมือโยน น้ำเต้าวิเศษก็กะพริบแสงสีทอง ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นลำแสงสายหนึ่งวาดผ่านไป

บนผิวทะเล เฮยทั่นที่กำลังลากสัตว์ประหลาดทะเลที่หน้าตาเหมือนปลาหมึกเงยหน้ามองอย่างระวังตัว เมื่อสังเกตได้ว่าท่าไม่ดี มันก็พลิกตัวอย่างฉับพลัน ดำมุดลงไปในทะเลอย่างฉับไว

วูบ! น้ำเต้าวิเศษที่ทะยานขึ้นฟ้าพลันระเบิดหมอกสีแดงออกมา ดูเหมือนหมอกสีแดง แต่ที่จริงมันคือตาข่ายสีแดง มันครอบลงผิวทะเลราวกับทอดแหจับปลา พื้นที่ที่โดนครอบไว้กว้างมาก ตาข่ายสีแดงที่อยู่ในทะเลขยายขึ้นไม่รู้ตั้งกี่เท่า สรุปก็คือมันเอียงลาดไปข้างหน้าและหดแน่นอย่างรวดเร็ว ช้อนเฮยทั่นที่หลบอยู่ในทะเลขึ้นมาโดยตรง

“อ๋าว…” เฮยทั่นที่โดนขังอยู่ในตาข่ายดิ้นรนคำราม ไม่น่าเชื่อว่าจะสะบัดตัวจนน้ำเต้าวิเศษที่ลอยอยู่บนฟ้าสั่นไหว

เหมียวอี้ที่อยู่บนเกาะใช้นิ้วควบคุม ทำให้น้ำเต้าวิเศษกลืนและพ่นตาข่ายสีแดงออกมา ยิงไปที่เฮยทั่น ทำให้เฮยทั่นตัวเล็กลงอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวก็โดนน้ำเต้าวิเศษเก็บเข้าไปพร้อมตาข่ายแล้

น้ำเต้าวิเศษทะยานขึ้นฟ้าและลอยกลับมา มาตกอยู่ในฝ่ามือเหมียวอี้โดยที่ยังสั่นไหวอยู่อย่างนั้น

เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูความเคลื่อนไหวข้างใน เห็นเพียงเฮยทั่นที่โดนขังอยู่ในตาข่ายกำลังห้อยดิ้นรนอยู่กลางน้ำเต้า แต่จนใจที่ต่อให้จะมีแรงมากแค่ไหน แต่ก็หลุดพ้นจากตาข่ายอิทธิฤทธิ์ผลึกแดงได้ยาก ส่วนตรงที่ว่างรอบๆ ก็มีกระบี่บินลอยอยู่หลายด้าม กำลังลอยวนรอบเฮยทั่น ท่าทางเหมือนจะรุกโจมตีได้ตลอดเวลา เฮยทั่นเหมือนกลายเป็นแพะอ้วนที่รอเชือด

เหมียวอี้หัวเราะเบาๆ  คว้าน้ำเต้าวิเศษและจับปากน้ำเต้าให้เอียง ทำให้มีเสียงดังวูบ ชั่วพริบตาเดียวเฮยทั่นที่ถูกคายออกมาก็ลนลานหนีทันที กระโดดดำลงไปในทะเลอีกครั้ง

ขณะมองละอองน้ำที่กระจายอยู่ที่ผิวทะเล เหมียวอี้พิจารณาน้ำเต้าวิเศษที่อยู่ในมือ พบว่าของสิ่งนี้กับกาหลอมปีศาจที่เคยเจอในปีนั้นมีจุดที่คล้ายกัน แต่มีระดับที่สูงกว่าน้ำเต้าปีศาจเยอะ

ของวิเศษชิ้นนี้เขาได้มาจากตัวจาหรินจวิ้น เขาคิดไม่ตกอีกแล้ว จาหรินจวิ้นมีพลังอิทธิฤทธิ์ธรรมดา ทักษาการต่อสู้ก็ธรรมดา มีของดีขนาดนี้แต่ไม่เอาออกมาใช้ กลับพุ่งเข้ามาประลองวิชาทวนกับตน แบบนี้ต้องมีความมั่นใจมากเท่าไรกัน ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกเหรอ?

เหมียวอี้ส่ายหน้าอย่างคิดไม่ตกจริงๆ เขาเก็บน้ำเต้าวิเศษ แล้วถลันตัวไปเหยียบลงข้างกายห้าปราชญ์ที่กำลังมองอย่างติดลมมาตลอด แล้วถามว่า “ทุกคนดูมานานขนาดนี้ ดูพอแล้วหรือยัง?”

“เหมียวอี้ ครั้งนี้เจ้าคงร่ำรวยมากล่ะสิท่า” ซือถูเซี่ยวกล่าวเสียงเย็นเหมือนผี

“ก็งั้นๆ” เหมียวอี้ตอบไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีเหตุผลที่จะต้องบอกคนอื่นเกี่ยวกับทรัพย์สินของตัวเอง เขากวาดสายตามองทั้งห้า แล้วถามอีกว่า “พวกเจ้าอยู่ในนรกมาเกือบร้อยปีแล้ว สืบดูสถานการณ์ในนรกได้เป็นยังไงบ้าง?”

“แทบจะไม่รู้อะไรเลย” มู่ฝานจวินตอบ

“ไม่รู้อะไรเลย?” เหมียวอี้งุนงง เขายังคิดจะประหยัดแรงอยู่เลย จะดูว่าบนตัวคนพวกนี้วาดแผนที่อะไรได้บ้าง กลับไปจะได้รายงานผลงานได้สะดวก เขากล่าวอย่างไม่เข้าใจว่า “ถ้างั้นเกือบร้อยปีมานี้พวกเจ้าทำอะไรกัน? เก็บตัวฝึกฝนเหรอ? ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเจ้าโดนขังอยู่ที่นี่แล้วจะไม่คิดหาทางออก ดูไม่สมกับเป็นคนใจกล้าคับฟ้าอย่างพวกเจ้าห้าคนเลย!”

จีฮวนถอนหายใจแล้วตอบว่า “ไม่ได้ไปไหนเลยจริงๆ หลังจากเข้ามาในแดนอเวจี ส่วนใหญ่พวกเราก็หลบอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน สถานที่อันตรายแบบนี้ใครจะกล้าเพ่นพ่านไปทั่ว จนกระทั่งรู้ว่าเจ้าจะมา พวกเราถึงได้ออกมาเสี่ยงอันตรายเพื่อเจอกับเจ้า”

เหมียวอี้เชื่อก็แปลกแล้ว พูดเหน็บแนมว่า “หลบอยู่เกือบร้อยปีไม่กล้าเพ่นพ่านไปไหนซี้ซั้ว พอข้ามาพวกเจ้าก็โผล่ออกมาเจอข้า ข้าหน้าใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ไปหลอกผีเถอะ!”

ซือถูเซี่ยวเงยหน้าอย่างเถียงไม่ออก

“ไม่ได้หลอกเจ้าจริงๆ เจ้ามาแล้ว พวกเราก็มีทางออก ตอนที่เจ้าทดสอบเสร็จแล้วออกไป เจ้าถือโอกาสเก็บพวกเราใส่กระเป๋าสัตว์แล้วพาออกไปด้วยก็สิ้นเรื่องแล้ว” จีฮวนกล่าว

เหมียวอี้งอึ้งไปชั่วขณะ จกานั้นก็หัวเราะลั่นทันที “งั้นพวกเจ้าก็คิดผิดแล้วจริงๆ ตำหนักสวรรค์ป้องกันโจรกบฏในนรกไม่ให้สมคบคิดกับคนข้างนอก ตอนที่ผู้เข้าร่วมทดสอบเข้ามาก็จะถูกตรวจค้นตัวรอบหนึ่ง หลังจากการทดสอบจบแล้วก็ไม่ให้โอกาสโจรกบฎหนีออกไปเหมือนกัน ต้องค้นตัวเหมือนเดิม ต่อให้ข้าจะอยากพาพวกเจ้าออกไป แต่ก็ไม่มีหนทางอยู่ดี”

เมื่อเหมียวอี้พูดแบบนี้ ทั้งห้าก็สีหน้าเปลี่ยนไปมาก พวกเขาสบตากับแวบหนึ่ง ที่เหมียวอี้พูดก็มีเหตุผล คงจะไม่ได้หลอกพวกเขา

แต่คำทำนายของเทพพยากรณ์มันยังไงกันล่ะ? ถ้าออกไปไม่ได้ก็จะโดนขังอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ จะยังเป็น ‘ยามหกคนพบกันอีกครั้ง สถานการณ์จะพลิกผัน’ ได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าจะให้สร้างสถานการณ์อยู่ในนรกหรอกใช่มั้ย สถานที่อันตรายแบบนี้ ขนาดตำหนักสวรรค์ยังทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าก่อเรื่องที่นี่จะไม่เป็นการรนหาที่ตายหรอกเหรอ?

พวกเขาต่างก็กำลังพึมพำในใจ คำทำนายของเทพพยากรณ์ในช่วงแรกแม่นยำ ไม่มีเหตุผลที่ช่วงหลังจะไม่ตรงกัน?

เมื่อเงียบไปครู่หนึ่ง อวิ๋นอ้าวเทียนก็ขมวดคิ้วถามว่า “เจ้ามีแผนอะไรมั้ย?”

เหมียวอี้มองไปรอบๆ แล้วบอกว่า “เรียนรู้จากพวกเจ้าแล้วกัน เก็บตัวฝึกตนเป็นเพื่อนพวกเจ้า”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset