ผลประโยชน์มาแล้วเหรอ? เหมียวอี้ทำสีหน้าสงสัยอย่างลึกซึ้ง หัวสมองรีบใช้ความคิด เพราะตัวเองไม่ได้สร้างผลงานพิเศษอะไรเลยจริงๆ คนที่อยู่อันดับหน้าตัวเองก็มีตั้งเจ็ดแปดคน ถ้ามีรางวัลเพิ่ม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะมาถึงพวกเขาก่อน!
อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะเรื่องที่ตนเข่นฆ่าอยู่ในทัพใหญ่หนึ่งล้านตามอำเภอใจ? ต่อให้ตนจะแสดงความองอาจห้าวหาญ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ตำหนักสวรรค์จะสรรเสริญการเข่นฆ่ากันเอง? คงไม่ถึงกับลงโทษด้วยเช่นกัน สายตามากมายขนาดนี้มองอยู่ ข้าเองก็โดนกดดันจนหมดทางเลือกเหมือนกัน ถ้าตำหนักสวรรค์จะอยากแสดงให้ใต้หล้าเห็นความยุติธรรมอันน้อยนิดนั่นสักหน่อย ก็คงไม่ถึงขั้นนำเรื่องนี้มาลงโทษหรอก แถมยังไม่ได้ฝ่าฝืนกฎด้วย นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
เป็นเพราะตนกับหมีควายเซี่ยโห้วมีคะแนนเหมือนกันทุกอย่างงั้นเหรอ? แต่มีคนมากมายที่คะแนนเท่ากัน ไม่มีเหตุผลที่จะมาลงโทษข้าคนเดียวหรอกมั้ง?
หรือว่าที่ตำหนักสวรรค์มีสายลับของหกลัทธิ เรื่องที่ข้าเป็นหัวโจกโจรกบฏถูกเปิดโปงออกมาแล้วเหรอ?
ขณะที่เขากำลังสงสัยไม่หยุด จุยหย่วนที่อยู่บนหน้าผาก็ตะโกนอีกครั้ง “หนิวโหย่วเต๋อ ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวน มาฟังคำสั่งหน้าตำหนัก!”
“ไม่ผิดหรอก เขากำลังเรียกเจ้า รีบไปสิ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงหัวเราะพลางผลักเขาออกไป
เหมียวอี้ตื่นตัวและระมัดระวัง อีกฝ่ายเรียกชื่อตำแหน่งแล้ว นอกจากเขาก็ไม่มีคนอื่นแล้ว ถ้าชักช้าอีกก็จะเท่ากับต่อต้านคำสั่ง จึงรีบถลันตัวขึ้นมา เหาะไปบนหน้าผา แล้วกุมหมัดคารวะจุยหย่วน “ข้าน้องฟังคำสั่ง!”
แทบจะทุกคนที่กำลังมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น ไม่รู้ว่าเหมียวอี้จะได้รับรางวัลอะไร มีเพียงจอมพลเถิงที่เอียงหน้ามองเกาก้วนที่สีหน้าเรียบเฉย รู้ว่าเหมียวอี้เกิดปัญหาแล้ว เพราตอนที่เหมียวอี้เพิ่งกลับมา เกาก้วนเคยเอ่ยถึงเรื่องกลองสะท้านฟ้า!
เดิมทีเขาอยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อย ตอนแรกที่เหมียวอี้โดนกดดันจากทุกคนให้ต้องโจมตีกลับ ทุกคนก็ได้เห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว ตอนนี้ทดสอบได้อันดับเก้า สร้างผลงานแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่มีเรื่องกับคนไว้มากมายขนาดนั้น การที่สามารถรอดชีวิตจากนรกกลับมาได้ก็นับว่าไม่ง่ายแล้ว ถ้าตอนนี้มาคิดบัญชีกับเรื่องที่จะทำให้เล็กหรือใหญ่ก็ได้แบบนี้มันเกินไปหน่อย
สังเกตจากการกระทำอันต่อเนื่องของเหมียวอี้ในหลายปีมานี้ ก็พบว่าเขาไม่ใช่แค่กล้าหาญรบเก่งเท่านั้น ทั้งยังมีความสามารถด้วย ไม่ใช่พวกกล้าหาญแต่ไร้แผนการ จอมพลเถิงเกิดความโปรดปรานแล้วจริงๆ ถ้าเก็บคนแบบนี้มาฝึกเลี้ยงสักหน่อย เมื่อวันใดที่วรยุทธ์สูงขึ้น ก็จะเป็นเหมือนดาบคมที่อยู่ในมือจริงๆ จะเป็นหหารกล้าที่ชี้สั่งให้ไปรบที่ไหนก็ไป!
ตัวเองอยู่บนตำแหน่งสูงที่ตำหนักสวรรค์ ถ้าในมือไม่มีคนมีฝีมือไว้สักหน่อยก็คงไม่ได้ จะต้องมีทหารกล้าโอหังจำนวนหนึ่งไว้เป็นตัวหลักเพื่อทุ่มเทชีวิตทำงานให้เขา ใต้บังคับบัญชาจะมีแต่ลูกหลานผู้มีอำนาจที่สำมะเลเทเมากับพวกมีเส้นสายอย่างเดียวไม่ได้ แบบนั้นคงเล่นต่อไปไม่ไหวแล้ว ต้องทราบไว้ว่าเขาจะต่อสู้อยู่ที่ระดับบนอย่างเดียวไม่ได้ ระดับล่างก็ต้องมีคนที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ด้วย ไม่อย่างนั้นถ้าลูกน้องระดับล่างโดนจัดการจนหมอบหมด หรือถ้ามีภารกิจอะไรให้ทำแล้วหน้าม่อยคอตกกันหมด ไม่อย่างนั้นถ้าข้างบนมีเขาคนเดียวก็จะกลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบแล้ว สักวันหนึ่งก็จะต้องโดนคนจัดการลงมา หรือไม่ก็จะมีคนยัดข้อหาไร้ความสามารถให้และโดนกำจัดทิ้ง
แต่ตอนนี้เขาก็ไม่สะดวกจะพูดอะไร เรื่องทำลายกลองสะท้านฟ้าจะว่าใหญ่ก็ใหญ่จะว่าเล็กก็เล็ก แต่ถึงอย่างไรก็เกี่ยวข้องกับอำนาจบารมีของตำหนักสวรรค์ ประเด็นสำคัญก็คือ โอกาสที่เขาจะได้เหมียวอี้มาไว้ในมือนั้นมีต่ำมาก ตอนนี้คนที่ชื่นชมเหมียวอี้ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวแน่นอน ทั้งยังเป็นลูกน้องของคนอื่นด้วย คนอื่นคงไม่ปล่อยตัวมาง่ายๆ ยากมากที่จะขอตัวมาได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องลองออกแรงช่วยเหลือแน่นอน!
จุยหย่วนจ้องประเมินเหมียวอี้ที่ยืนทำความเคารพอยู่ข้างล่าง แล้วตะโกนถามเสียงต่ำว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าจงยอมรับความผิด!”
คำเตือนที่น่าหวาดกลัวดังก้องอยู่ในแอ่งกระทะ
เจ้าจงยอมรับผิด? ฝูงชนที่อยู่ข้างล่างงงทันที ไม่ใช่ให้รางวัลแต่กำลังประณามเหรอ?
จ้านหรูอี้ตะลึงค้าง รอยยิ้มของเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็นิ่งค้างเช่นกัน พวกฝานอวี้เฟยตกใจ ผู้บัญชาการใหญ่ทั้งเก้าของจวนแม่ทัพภาคตงหัวอึ้งแล้วมองหน้ากันเลิกลั่ก จากนั้นก็หลุดขำออกมา แบบนี้ก็ดีเลย ตำหนักสวรรค์กำลังจะช่วยพวกเรากำจัดหอกข้างแคร่ใช่มั้ย?
เหมียวอี้หัวใจกระตุกวูบ อย่าบอกนะว่าฐานะโจรกบฏของตนถูกเปิดโปงแล้วจริงๆ แบบนั้นก็ตายแน่นอน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ตนสามารถหนีได้ด้วยเหรอ! หลังจากสงบจิตใจแล้ว ก็กุมหมัดถามว่า “ข้าน้อยมีความผิดอะไรหรือขอรับ?”
จุยหย่วนเองก็ไม่สืบสวนเขาเหมือนกัน และได้กลั่นแกล้งเขาด้วย ประกาศตรงๆ เลยว่า “ทำลายกลองสะท้านฟ้า ทำลายความน่าเกรงขามของตำหนักสวรรค์ ยังไม่ยอมรับผิดอีก?”
ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง! ทุกคนเข้าใจในทันที นึกไม่ถึงว่าเรื่องที่ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ตำหนักสวรรค์ก็ยังจะสืบสาวเอาเรื่องอีก ว่ากันตามจริง ทุกคนต่างก็รู้ถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ถ้าวิจารณ์จากมุมมองของความยุติธรรม ก็จะรู้ว่าเหมียวอี้ถูกดดันจนหมดทางเลือกแล้ว มาสืบถามตอนนี้ก็เหมือนจะทำเกินไปหน่อย เพียงแต่ตำหนักสวรรค์ก็ต้องปกป้องความน่าเกรงขามของตำหนักสวรรค์ นั่นก็คือเรื่องที่สมเหตุสมผลเหมือนกัน แต่ก็ไม่สนใจหรอก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ทำโทษตนเสียหน่อย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน แค่ดูเอาสนุกก็พอแล้ว
ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง! เหมียวอี้ก็อึ้งเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็โล่งอกแล้ว ขอเพียงฐานะโจรกบฏไม่ถูกเปิดโปงก็พอแล้ว เพียงแต่รู้สึกเซ็งนิดหน่อย ตอนแรกไม่ทำโทษแต่มาทำโทษตอนนี้ แบบนี้มันใช่เรื่องที่ไหน แล้วก็ไม่รู้ชัดด้วยว่าตัวเองจะโดนลงโทษหนักขนาดไหนกันแน่
คิดไปคิดมา เรื่องนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางสายตาฝูงชน ไม่มีทางแก้ตัวได้ แสดงท่าทีที่ซื่อสัตย์ไว้หน่อยจะดีกว่า จึงกุมหมัดคารวะบอกว่า “ข้าน้อยยอมรับผิด ยินดีรับโทษขอรับ!”
จุยหย่วนตะคอกด้วยท่าทางจริงจังว่า “ถอดรางวัลที่หนิวโหย่วเต๋อได้รับจากการทดสอบ ถอดยศแม่ทัพ ลดขั้นเป็นหทารเลวหกแถบ ตัดรายได้หนึ่งร้อยปี! เห็นแก่ที่มีผลงานในการทดสอบ มีทั้งผลงานและความผิด ยังรักษาตำแหน่งปัจจุบันไว้ได้ ดูการประพฤติตัวในภายหลังว่าจะได้ลดหย่อนโทษหรือไม่! หนิวโหย่วเต๋อ สำหรับบทลงโทษนี้ เจ้าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ?”
เมื่อบทลงโทษนี้ออกมา พวกจางฮั่นฟางก็ผิดหวังมาก พวกเขาอยากจะให้เหมียวอี้ได้รับโทษถึงตาย แต่ใครจะคิดว่ายังจะรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ได้ นี่ไม่ใช่การตัดรากถอนโคนเลย
โดยเฉพาะคนที่อยู่ในอันดับแปดพันแปดร้อยเก้าสิบ พอได้ยินว่าจะมีการลงโทษเหมียวอี้ เขาก็เบิกตากว้างรอคอยโอกาสที่จะมีตำแหน่งว่างเพิ่มอีกสักตำแหน่งแล้ว ใครจะคิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ เขาเอามือกุมอกด้วยสีหน้าทุกข์ใจ ผิดหวังจนแทบจะเลอะเลือนแล้ว
และสำหรับพวกที่ไม่มีบุญคุณความแค้นอะไรกับเหมียวอี้ ในใจกลับรู้สึกเสียดาย ผลงานที่เสี่ยงชีวิตสู้มาร้อยปีสูญเปล่าแล้ว ยาเม็ดม่วงทองสิบล้านเม็ดหายไปแบบนี้แล้ว ยศแม่ทัพเกราะม่วงสองแถบก็หายไปด้วย ขนาดยศแม่ทัพหนึ่งแถบที่มีอยู่แต่เดิมยังถูกถอด ลำพังแค่รายได้ของยศนี้ในแต่ละปีก็เสียหายไปตั้งเท่าไรแล้ว! ทั้งยังต้องทำงานโดยได้รับเงินไปอีกหนึ่งร้อยปี
ที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่ทหารเลวจะกระโดดข้ามไปเป็นแม่ทัพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นั่นคืออีกระดับหนึ่งเลย ถ้าอยากจะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคก็ต้องมียศนี้ ถ้ายศไม่ถึงก็ขึ้นตำแหน่งนั้นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสได้รับแต่งตั้งเป็นพิเศษจากราชันสวรรค์เหมือนหวังติ้งเฉา และมีคนมากมายที่ต่อให้มีวรยุทธ์ถึงระดับบงกชรุ้ง แต่ก็อาจจะไม่ได้เลื่อนยศเป็นแม่ทัพเสมอไป ในปีนั้นหนิวโหย่วเต๋อคนนี้ได้อันดับหนึ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เลื่อนยศเป็นแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบเป็นกรณีพิเศษ ตอนนี้ไม่มีแล้ว มิหนำซ้ำยศแม่ทัพสองแถบก็ไม่มีแล้วด้วย ต้องต่อสู้ดิ้นรนกี่ปีกว่าจะชดเชยกลับมาได้ล่ะ!
หวังติ้งเฉาที่ยืนอยู่บนบันได้จ้องมองคนโชคร้ายที่แตกต่างกับคนที่มีหน้ามีตาอย่างตนโดยสิ้นเชิง ในใจก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจเหมือนกัน
ในปีนั้นเขาเองก็นับถือในความกล้าหายของหนิวโหย่วเต๋อ นั่นคือสิ่งที่เขาเห็นเองกับตา โกหกหลอกลวงกันไม่ได้ ลุยเดี่ยวฝ่าเข้าฝ่าออกสังหารในทัพใหญ่หนึ่งล้าน เป็นสิ่งที่คนทั่วไปทำได้เสียที่ไหนกัน! เรื่องราวสำคัญของหนิวโหย่วเต๋อ เขาเองก็เคยได้ยินข่าวมาบ้างเหมือนกัน เคยก่อเรื่องมามากมาย เรื่องที่ดั้งเดิมที่สุดก็คือซื่อตรงและไม่ประจบสอพลอผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์ ตัดหัวทาสรับใช้ของตระกูลผู้มีอำนาจไปสามพันกว่าคน เห็นได้ชัดว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นคนประเภทเดียวกับตน ถึงอย่างไรการเดินมาถึงจุดนี้โดยไร้อำนาจอิทธิพลหนุนหลังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ เขายอมรับว่าเขาทำเรื่องพวกนั้นไม่ได้
เขาต้องยอมรับว่าความสามารถของตัวเองสู้หนิวโหย่วเต๋อได้ ขนาดอีกฝ่ายล่วงเกินผู้มีอำนาจไว้มากมาย ก็ยังเดินหน้าก้าวมาจนถึงทุกวันนี้ได้ คะแนนทดสอบในครั้งนี้ก็ไม่ได้แย่ บางทีอาจจะสำรวจน้อยกว่าตัวเองไปแค่นิดเดียวก็ได้ แต่จะเห็นได้ว่าเขามีความสามารถมาก ส่วนตัวเองก็แค่โชคดีรอดชีวิตจนประสบความสำเร็จอย่างฉับพลันเท่านั้นเอง
ความพยายามในหลายปีกลับสูญสลายเพียงเพราะความผิดจุดเดียวที่ทำไปเพราะโดนกดดันจากคนมากมายในปีนั้น ในใจหวังติ้งเฉารู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเหมียวอี้
แต่หารู้ไม่ว่าเหมียวอี้กลับแอบโล่งใจ สำหรับเขา แค่เอาชีวิตออกจากที่นี่ไปได้ก็ถือว่าไม่แย่แล้ว ทั้งยังรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ได้ด้วย ถือว่าได้กำไรแล้ว เขาไม่ได้แยแสรายได้ประจำเล็กน้อยพวกนั้นเลยจริงๆ รายได้ประจำเล็กน้อยพวกนั้นเป็นได้แค่ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดของอนุภรรยาของเขาเท่านั้น เขาไม่อาศัยรายได้ประจำในการดำรงชีวิต เขาอาศัยรายได้จากภายนอก
ส่วนการถูกลดยศ เขาก็ไม่แยแสเหมือนกัน เริ่มตั้งแต่ตอนอยู่พิภพเล็ก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกลดขั้น เขาขึ้นๆ ลงๆ จนชินตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ขอเพียงมีชีวิตต่อไปได้ ตราบใดที่ภูเขายังเขียวขจี ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีไม้ไว้ทำฟืน
ดังนั้นเขาจึงกุมหมัดตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน “พระคุณของสวรรค์ช่างยิ่งใหญ่ หนิวโหย่วเต๋อยินดีรับโทษ!”
เกาก้วนที่ยืนอยู่บนบันไดหน้าตำหนักกลอกสายตาเล็กน้อย เหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง เถิงเฟยก็เลิกคิ้วเบาๆ เช่นกัน ในสายตาของคนระดับเขา การลงโทษแบบนี้ไม่นับว่าร้ายแรงอะไรเลย ประเด็นสำคัญคือตอนนี้เหมียวอี้ไม่เป็นอะไรแล้ว ก่อนหน้านี้เขายังกังวลนิดหน่อยว่าจะโดนเกาก้วนประหาร!
พอจุยหย่วนโบกมือ ก็มีคนเดินขึ้นมาตรงหน้าเหมียวอี้ทันที บอกว่า “ส่งเกราะรบแม่ทัพหนึ่งแถบมา!”
เหมียวอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถอดเกราะรบแม่ทัพหนึ่งแถบมอบให้ทันที นับว่าถูกลดยศอย่างเป็นทางการแล้ว
“ลงไปเถอะ!” จุยหย่วนโบกมือ
“ขอรับ!” เหมียวอี้กุมหมัดคารวะ แล้วหันตัวลอยลงมาในแอ่งกระทะ กลับมาอยู่ที่เดิม
จ้านหรูอี้หันกลับมามองเขาแวบหนึ่ง แล้วยกมุมปากยิ้มหยอกล้อซ้ำเติม
เซี่ยโห้วหลงเฉิงลูบพุงพร้อมยิ้มสู้ “น้องหนิว นึกไม่ถึงจริงๆ เลย ไม่เป็นไร อย่าเก็บมาใส่ใจเลย แค่ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ยังอยู่ก็ดีแล้ว ยังมีโอกาสร่ำรวย”
เหมียวอี้หัวเราะเจื่อนๆ ก่อนหน้านี้เขาคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะเอาเรื่องนี้มาลงโทษตน แต่พอมาคิดดูตอนนี้แล้ว ในเมื่อตำหนักสวรรค์ให้ความสำคัญกับความน่าเกรงขามของตำหนักสวรรค์ขนาดนี้ การที่ตนโดนลงโทษตอนนี้กลับเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ ในภายหลังจะได้ไม่มีคนเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเล่นงานตน
พอคิดดูอีกที ก็รู้สึกโชคดีที่โดนลงโทษตอนนี้ ถ้าโดนลงโทษตั้งแต่ในปีนั้น ก็จะไม่มีผลงานมาชดเชยความผิด ดีไม่ดีตนอาจจะรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไว้ไม่ได้ก็ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะถ่วงเวลามาหลายปีจนผลกระทบของเรื่องนี้จางลง การลงโทษในปีนั้นก็อาจจะทำให้เขาตายได้เลย นับว่าคุ้มแล้ว นับว่าตัวเองยังดวงดี ถือว่าได้กำไรแล้ว!
“แดนอเวจี การทดสอบหนึ่งร้อยปี จบลงอย่างเป็นทางการ! ผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนกลับไปรายงานผลการปฏิบัติงานที่อาณาเขตตัวเอง รอการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง!” จุยหย่วนยืนประกาศเสียงดังอยู่ริมหน้าผาว่าการทดสอบจบลงแล้ว
กำลังพลหลายแสนที่อยู่ด้านล่างภูเขารู้สึกทอดถอนใจ ในที่สุดก็จบลงแล้ว ในที่สุดก็ได้ออกจากสถานที่ผีๆ แบบนี้สักที
คนที่ได้รับรางวัลก็เฝ้าคอยอย่างตื่นเต้น ส่วนคนที่ไม่ได้อะไรเลยก็ทำสีหน้าเสียดาย ลูกหลานผู้มีอำนาจที่ต้องกลับไปโดนลดตำแหน่งทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ บ่นด่าอยู่ในใจ
ทางออกแดนอเวจีบนดาวหกดวงที่ถูกปิดผนึกไว้ภายใต้แสงอันงดงามตระการตา ในที่สุดก็ถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง หลังจากกำลังพลหลายแสนที่จัดกระบวนอยู่บนดาราจักรได้ยินประกาศเตือนครั้งสุดท้าย ก็ทยอยกันออกมา ในที่สุดก็ได้ออกจากดาราจักรประหลาดลี้ลับผืนนั้นแล้ว
การออกจากที่นี่ได้คือความโชคดี มีคนมากมายที่หลับยาวอยู่ในดาราจักรผืนนั้น ถ้าคนในครอบครัวรู้ข่าวก็ไม่รู้ว่าจะปวดใจขนาดไหน
ท่ามกลางสายตาที่อิจฉาของฝูงชน หลังจากออกมาแล้ว หวังติ้งเฉาก็ติดตามเก้ากวนทูตขวาตรวจการของตำหนักสวรรค์จากไปอย่างรวดเร็ว ไปพบราชันสวรรค์ที่วังสวรรค์ เรียกได้ว่าพลิกตัวทะยานขึ้นสู่เมฆครามอย่างแท้จริง!
“ถ้ายังมีการทดสอบครั้งหน้า ข้าจะมาอีกครั้ง!” มีบางคนบ่นอย่างไม่ยอมแพ้
…………………………