เหมียวอี้หยุดฝีเท้า แล้วหันตัวช้าๆ กลับมา
อีกห้าคนก็หันหน้ากลับมามองเช่นกัน แต่กลับไม่สะดวกจะอยู่นาน พอจะเดาได้ว่าปี้เยว่ฮูหยินคิดจะทำอะไร ทั้งเก้าค่อนข้างเสียหน้า รีบเดินออกไปแล้ว จะได้ไม่ต้องอึดอัดกระดากอาย
ปี้เยว่ฮูหยินก็เดินเนิบนาบมาตรงประตูใหญ่ของตำหนักเช่นกัน มายืนอยู่ด้วยกันกับเหมียวอี้ มองคล้อยหลังเก้าคนนั้นเดินออกไป
“ไม่ทราบว่าฮูหยินมีอะไรจะกำชับขอรับ?” เหมียวอี้กุมหมัดคารวะถาม
ปี้เยว่ฮูหยินเอียงหน้ามองมา แล้วยิ้มบางๆ พร้อมถามว่า “ต้องโทษที่ตอนแรกข้าไม่ได้ปกป้องเจ้า ยังโกรธข้าอยู่อีกเหรอ?”
“มิบังอาจ!” เหมียวอี้ตอบ
ปี้เยว่ฮูหยินจึงบอกว่า “เจ้าเองก็ต้องเข้าใจถึงความลำบากใจของข้าเหมือนกัน ข้าเองก็ทำตามใจตัวเองไม่ได้”
จะทำตามใจตัวเองได้หรือไม่นั้น เหมียวอี้ไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เขารู้อย่างชัดเจน นั่นก็คือตอนแรกที่เขาถูกทำให้อับอาย แต่ผู้บังคับบัญชาท่านนี้กลับหลบเลี่ยงไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ผู้หญิงคนนี้ก็ยังเป็นผู้บังคับบัญชาของตน ยังคงพูดประโยคเดียวแล้วตัดสินอนาคตของตนได้ ตอนนี้เขายังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะไปแปรพักตร์ใส่นาง ดังนั้นจึงกล่าวยอมรับผิดเองว่า “เป็นข้าน้อยเองที่ล่วงเกินคนไว้เยอะเกินไป”
“เฮ้อ! ก็ใช่นั่นแหละ ตอนแรกทำอะไรทำไมต้องวู่วามขนาดนั้น?” ปี้เยว่ฮูหยินส่ายหน้าถอนหายใจ
วู่วามเหรอ? ฉากหน้าข้าวู่วาม แต่เจ้าคอยชุบมือเปิบอยู่เบื้องหลัง ได้รับรางวัลจากตำหนักสวรรค์แล้ว ยังมีหน้ามาบอกว่าข้าวู่วามอีกเหรอ? เหมียวอี้รู้สึกขำในใจ แต่ภายนอกยังคงยอมรับเองว่า “ข้าน้อยก็นึกเสียใจทีหลังไม่หายเหมือนกัน”
“เอาล่ะ! เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว เมื่อก่อนถือเสียว่าข้าทำผิดต่อเจ้า ในเมื่อเจ้ารักษาชีวิตกลับมาได้ ในภายหลังถ้ามีเรื่องอะไรเราก็จะได้ปรึกษากันสะดวกหน่อย ข้าพูดถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าไม่มีอะไรจะแนะนำข้าเกี่ยวกับการทดสอบครั้งต่อไปสักหน่อยเหรอ?” สิ่งที่ปี้เยว่จะสื่อก็คือ เจ้าเลิกปิดบังได้แล้ว
เหมียวอี้อยากจะให้ผู้หญิงคนนี้ตายอยู่ที่แดนอเวจี อันที่จริงขอเพียงปี้เยว่เข้าไปในแดนอเวจี เขาก็มีวิธีการทำให้นางตายอยู่แล้ว ต้องทราบไว้ว่าตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าของโจรกบฏนรก แต่โดนอีกฝ่ายเรียกมาแล้ว ถ้าเขายังกล้าตั้งตัวเป็นศัตรู อีกฝ่ายเป็นผู้บัญชาการของตน ก่อนที่อีกฝ่ายจะตายก็มีวิธีการทำให้ตนตายก่อนอยู่ดี
เห็นได้ชัดเจนมาก การที่นางกล้ามาถามเขา ก็แสดงว่านางไม่กลัวว่าเขาจะล่อลวงไปเจอกับดักอะไรในนรก ขอเพียงเกิดเรื่องขึ้นกับนาง คนที่คุมจวนแม่ทัพภาคตงหัวแทนนางจะต้องลงมือจัดการกับเหมียวอี้แน่นอน
และเขาก็กำลังครุ่นคิดเช่นกันว่า ยังมีความจำเป็นมากที่จะสานสัมพันธ์อันดีกับปี้เยว่ฮูหยิน การเสียเปรียบที่พูดไม่ได้แบบนี้เขาต้องรับไว้ ถึงอย่างไรก็ตัดสินไม่ได้ว่าหลังจากปี้เยว่ตายแล้วใครจะมาเป็นผู้บังคับบัญชาของตน ถ้าเปลี่ยนให้ผู้มีอำนาจคนอื่นมา ก็จะไม่ใช่เรื่องดีอะไร เขาคุ้นเคยกับปี้เยว่มากกว่า ถ้ามีเงื่อนไขอะไรก็ยังพอรับมือได้
ระหว่างทางที่มาเขาก็ได้ติดต่อกับโค่วเหวินหลานแล้ว หวังว่าจะได้ไปอยู่ที่อาณาเขตของตระกูลโค่ว แต่โค่วเหวินหลานตอบกลับมาว่า ข้างบนไม่ยอมปล่อยคน ทางเกาก้วนก็เย็นชาไม่แยแสอีก ไม่เข้าใจว่าเจ้าหมอนั่นมีเจตนาอะไรกันแน่
ทว่าเขาก็ไม่มีทางจะเปิดเผยเรื่องของตัวเองในนรกให้ปี้เยว่รู้เช่นกัน หลังจากรีบครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็ถามกลับว่า “ไม่ทราบว่านายท่านอยากจะได้คำแนะนำแบบไหน”
ปี้เยว่ยิ้มพร้อมตอบว่า “ก็ย่อมต้องการคำแนะนำที่จะทำให้รักษาชีวิตไว้ได้อยู่แล้ว”
“ถ้าอยากจะรักษาชีวิตไว้ ที่จริงก็ไม่ยากเหมือนกัน อย่าติดตามกำลังพลกลุ่มใหญ่เพ่นพ่านไปทั่ว ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งถูกโจรกบฏพบได้ง่าย พอนายท่านไปที่นรกแล้วก็หาดาวเคราะห์ซ่อนตัวทันที แบบนั้นก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว” เหมียวอี้ตอบ
ไม่ต้องให้เขาบอก ปี้เยว่ฮูหยินก็เข้าใจหลักการนี้ ในปีนั้นท่านโหวเทียนหยวนก็เคยเป็นคนที่เคยมาปราบในนรกเหมือนกัน มีหรือที่จะไม่รู้แม้กระทั่งหลักการนี้ ก่อนหน้านี้ท่านโหวเทียนหยวนก็เคยบอกนางถึงเรื่องที่ต้องระวังแล้ว ทว่าทุกเรื่องก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ไม่อย่างนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องขอคำชี้แนะหรอก
“ถ้าเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ควรจะจัดการยังไงถึงจะเหมาะสมที่สุด?” ปี้เยว่ถาม
“สู้ตาย! ถ้าหนีได้ก็หนี ถ้าหนีไม่ได้ก็ทำได้แค่สู้ตาย! นอกจากแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็ไม่มีวิธีการอื่นแล้ว!” เหมียวอี้ตอบ
ปี้เยว่พูดไม่ออก แบบนี้เท่ากับไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น
ก็เท่ากับไม่ได้พูดอะไรจริงๆ ตอนนี้เหมียวอี้ก็ไม่ได้คิดจะบอกอะไรด้วย ไม่อาจถ่ายทอดวิธีการได้ง่ายๆ ดังนั้นตอนหลังเหมียวอี้จึงถูกไล่ออกไปแล้ว…
ณดาวเทียนหยวน ตลาดสวรรค์ นอกประตูเขตเมืองตะวันออก กำลังพลกลุ่มใหญ่มาปิดประตูเมืองแล้ว ฝูชิง อิงอู๋ตี๋ อิงอู๋ตี๋ มู่หรงซิงหัว ผู้บัญชาการสี่เขตเมืองเดินไปเดินมาอยู่หน้าประตู
“มาแล้ว!” จู่ๆ อิงอู๋ตี๋ก็ชี้ขึ้นไปบนฟ้า ทุกคนจึงเงยหน้ามองตาม
ซวบ! เหมียวอี้เหาะลงมาจากฟ้า มาเหยียบลงนอกเมือง
ผู้บัญชาการทั้งสี่จัดระเบียบเสื้อผ้าทันที ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน แล้วกุมหมัดคารวะพร้อมกัน “ยินดีต้อนรับผู้บัญชาการใหญ่!”
“ยินดีต้อนรับผู้บัญชาการใหญ่!” กองทัพหนึ่งพันตะโกนพร้อมกัน พลานุภาพทำให้คนในเมืองตกใจจนต้องมองมาทางนี้
เหมียวอี้ไม่พูดอะไรสักคำ สีหน้าท่าทางสุขุมเยือกเย็น ยกมือบอกใบ้ให้ยืนตรง แล้วเดินตรงเข้าไปในเมืองเลย
กำลังพลที่รวมตัวกันแยกออกเป็นสองฝั่งทันที หลีกทางให้หนึ่งทาง พวกฝูชิงสบตากันแวบหนึ่ง พบว่านายท่านกลับมาครั้งนี้เหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย แต่ก็บอกไม่ถูกว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไร จากนั้นทั้งสี่ก็รีบเดินตามหลังเหมียวอี้ไป
พอเข้ามาในเมือง ก็เห็นสองข้างทางเต็มไปด้วยผู้จัดการร้านใหญ่ๆ อวิ๋นจือชิวกับหวงฝู่จวินโหรวก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ทั้งยังยืนเคียงกันเหมือนเป็นพี่น้องที่สนิทกันด้วย จีเหม่ยลี่และอนุภรรยาคนอื่นๆ ก็เงยหน้ามองอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเช่นกัน เพียงแต่ยืนไกลไปหน่อย
เมื่อเห็นนายท่านของอาณาเขตนี้กลับมาแล้ว ทุกคนก็ทยอยกันกุมหมัดคารวะ “ยินดีต้อนรับผู้บัญชาการใหญ่ที่ได้ชัยชนะกลับมา!”
เหมียวอี้กวาดสายตาเย็นเยียบมองสองข้างทาง ไม่ได้หยุดนั่งลงตรงไหน และไม่ได้มอบใบหน้ายิ้มให้ด้วย ซวบ! เหาะขึ้นฟ้าไปเหยียบลงในตำหนักคุ้มเมืองโดยตรง
ประตูเมืองเงียบลงในทันที ผู้จัดการร้านค้าใหญ่ๆ ที่อยู่สองข้างทางมองหน้ากันเลิกลั่ก ความเย็นชาของเหมียวอี้ทำให้คนกลุ่มนี้รู้สึกไม่สงบใจทันที รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ไร้รูปร่าง
ไม่ใช่หนิวโหย่วเต๋ออายุสั้นเหมือนที่ทุกคนคาดไว้ตอนแรก แต่หนิวโหย่วเต๋อในตอนนี้กุมอำนาจมหาศาลไว้อย่างมั่นคง อำนาจของผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ยังคงกุมอยู่ในมือของหนิวโหย่วเต๋ออย่างมั่นคงเหมือนเดิม ความเป็นความตายของทุกคนที่ตลาดสวรรค์ล้วนอยู่ในการตัดสินใจของผู้บัญชาการใหญ่ นี่ก็คืออำนาจที่ทุกคนจ้องอยากได้!
อวิ๋นจือชิวกับหวงฝู่จวินโหรวสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็รู้สึกได้ถึงความเย็นชาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนจากตัวเหมียวอี้ พอมองดูปฏิกิริยาของกลุ่มผู้จัดการร้านค้าอีกครั้ง ทั้งสองก็กังวลนิดหน่อยว่าเหมียวอี้กำลังจะเปิดฉากสังหารใหญ่หรือเปล่า
หวงฝู่จวินโหรวรู้ว่าผู้จัดการร้านค้ากลุ่มนี้กังวล แต่อวิ๋นจือชิวกลับรู้ตั้งแต่แรกว่าเหมียวอี้กำลังจะลงมือแล้ว เหมียวอี้ถามแผนการจากหยางชิ่งโดยปิดบังนาง ตอนหลังไม่รู้ว่าหยางชิ่งมีจุดประสงค์อะไร มาบอกให้อวิ๋นจือชิวรู้อีก ก่อนหน้านี้เหมียวอี้ยังอยู่ระหว่างการทดสอบ อวิ๋นจือชิวไม่สะดวกจะไปรบกวนเขา นางกะว่ารอให้เหมียวอี้กลับมาแล้วค่อยเกลี้ยกล่อม
กลุ่มผู้จัดการร้านค้าก็ไม่ได้พูดอะไรมากแล้ว เพราะตกใจกับความเย็นชาของเหมียวอี้ รีบร้อนออกไปเตรียมรับมือ
สีหน้าของเหมียวอี้ตอนเข้าเมือง ก็ได้สร้างแรงกดดันมหาศาลให้ร้านค้าใหญ่ๆ ที่อยู่ในเมืองแล้ว ทำให้ทั้งตลาดสวรรค์ตกอยู่ในความอึดอัดกดดันอย่างประหลาด ขนาดลูกค้าขาจรที่เข้ามาซื้อของในร้านค้ายังรู้สึกได้ว่าบรรยากาศไม่ชอบมาพากล
ตำหนักคุ้มเมือง เหมียวอี้กำลังแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ หลับตานอนแช่อยู่ในน้ำ ฟองที่พ่นออกมาจากรูปสลักปลาราวกับเม็ดไข่มุก ไหลกลิ้งอยู่ข้างกายเขา
หวงฝู่จวินโหรวส่งข้อความมาบอกว่าอยากมาพบเขา แต่ถูกเขาปฏิเสธไปแล้ว อวิ๋นจือชิวที่อยากมาพบเขาก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน บอกว่าเดี๋ยวค่อยไปหานางทีหลัง เขาจากที่นี่ไปนานเกิน ต้องจัดการงานราชการก่อน
ที่ด้านนอกห้องน้ำ เป่าเหลียนกำลังยืนเฝ้าประตูอยู่เงียบๆ
ผู้บัญชาการสี่เขตเมืองกำลังรออยู่ด้านนอก
เหมียวอี้ที่เดินออกมาจากห้องอาบน้ำปล่อยผมยาวสยาย ผมยาวห้อยไปด้านหลัง สวมชุดคลุมสีขาวเดินออกมา
“ผู้บัญชาการใหญ่!” พวกฝูชิงกุมหมัดคารวะพร้อมกัน
เหมียวอี้พยักหน้า แล้วเดินไปนั่งลงใต้เพิงเถาวัลย์ในลานบ้าน จากนั้นเป่าเหลียนก็หยิบหวีเดินเข้ามาข้างหลังเขาและช่วยหวีผมให้
“ตลาดสวรรค์ไม่มีเรื่องอะไรใช่มั้ย?” เหมียวอี้นั่งถามอยู่อย่างนั้น
ฝูชิงตอบว่า “ทุกอย่างปกติขอรับ เพียงแต่ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งมาจากเบื้องบน ว่าให้ยึดของในานค้าทุกร้านของตระกูลเทพประจำดาวมะโรงดินให้เป็นของหลวงให้หมด เคลื่อนไหวใหญ่โตมาก ได้ยินว่าโกงการทดสอบจนกำลังพลของตำหนักสวรรค์โดนโจรกบฏดักโจมตี ราชันสวรรค์เดือดดาลมาก แล้วสั่งให้ประหารทั้งตระกูลของเทพประจำดาวมะโรงดิน!”
เหมียวอี้ขานรับ แล้วจู่ๆ ก็พูดนอกประเด็นไปไกลมาก “สวีถังหราน ฝีมือของเจ้ายังไม่ตกใช่มั้ย?”
พวกเขาอึ้งไป ฝีมืออะไร? สวีถังหรานเข้าใจในทันที หัวเราะกลบเกลื่อนพร้อมตอบว่า “ยังไม่ตกๆ นายท่านอยากจะกินอะไรล่ะ? ข้าจะเตรียมให้ด้วยตัวเองเลย”
“เข้าไปที่ครัวของตำหนักคุ้มเมืองแล้วจัดการเอาเองแล้วกัน” เหมียวอี้ตอบ
“ได้! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” สวีถังหรานยิ้มหน้าบานแล้ววิ่งส่ายก้นไปทันที
ผ่านไปครู่เดียว ด้านนอกก็มีคนมารายงานอีกแล้ว บอกว่าข้างนอกมีผู้จัดการร้านค้าหลายคนนำของขวัญมา ต้องการจะขอพบผู้บัญชาการใหญ่
เหมียวอี้ที่เกล้าผมเรียบร้อยแล้วยืนขึ้น “มู่หรง เจ้าไปจัดการแทนข้าหน่อย บอกไปว่าข้ามีงานต้องทำ เป่าเหลียน เจ้าก็ไปด้วย รับของขวัญไว้!”
“ค่ะ!” มู่หรงซิงหัวและเป่าเหลียนเอ่ยรับคำสั่งแล้วออกไป
ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าบนตัวเหมียวอี้ให้ความรู้สึกที่คาดเดาไม่ได้ รู้สึกว่าทั้งตัวเหมียวอี้ลึกล้ำขึ้นไม่น้อย มองไม่เห็นรอยยิ้มที่เคยเห็นตามปกติ
เหมียวอี้เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาในลานบ้าน ทั้งสองคนเดิมตามหลัง ฝูชิงถามหยั่งเชิงว่า “นายท่าน ทางสมาคมร้านค้าจะจัดการยังไงขอรับ?”
“ตอนนี้ยังไม่ต้องแตะต้องพวกเขา ทำงานตามปกติ” เหมียวอี้ตอบอย่างเรียบง่ายมาก
หลายวันต่อมาเหมียวอี้ก็ได้โผล่หน้าออกไปไหนเลย ผู้บัญชาการสวีถังหรานแห่งเขตเมืองตะวันตกทำครัวอยู่ที่ตำหนักคุ้มเมืองทุกวันอย่างเอาใจใส่ จะไม่มีความสุขได้อย่างไร!
ผู้จัดการทั้งร้านเล็กร้านใหญ่ทยอยกันมาหาหน้าประตู ไม่เจอตัวผู้บัญชาการใหญ่ก็ไม่เป็นอะไร แต่ของขวัญกลับไม่เคยขาด แถมครั้งนี้ยังให้ของขวัญล้ำค่าราคาแพงด้วย ไม่เคยให้เยอะขนาดนี้มาก่อน ไม่ได้ชักสีหน้าใส่เหมือนตอนก่อนที่เหมียวอี้จะไปทดสอบด้วย
เหมียวอี้ก็ได้รับคำเตือนมาจากปี้เยว่ฮูหยินเช่นกัน ว่าไม่ให้ทำซี้ซั้ว บอกว่าเบื้องบนมีคนสั่งมาแล้ว
เมื่อเห็นตำหนักคุ้มเมืองไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ทุกอย่างยังเหมือนเดิม บรรดาผู้จัดการร้านค้าใหญ่ๆ ก็เริ่มโล่งใจแล้ว
หลังจากรับของขวัญครบแล้ว เหมียวอี้ก็โผล่หน้าออกมาแล้ว ไปที่ร้านโฉมเมฆาผ่านทางใต้ดิน
ในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ของอวิ๋นจือชิว กลุ่มอนุภรรยามากันครบแล้ว ขนาดหงเฉินที่ไม่ค่อยจะโผล่หน้าออกมาก็อยู่แล้ว
กฎระเบียบของบ้านก็เหมือนจะถูกอวิ๋นจือชิวตั้งขึ้นเช่นกัน อวิ๋นจือชิวอยู่ข้างหน้า นำกลุ่มอนุภรรยาที่เรียงแถวอยู่ข้างหลังย่อตัวทำความเคารพพร้อมกัน “นายท่าน!”
อนุภรรยากลุ่มนี้ก็รู้เช่นกันว่าครอบครัวของพวกนางหักหลังผู้ชายของพวกนาง หมายจะเล่นงานเหมียวอี้ให้ถึงตาย เมื่อได้เจอเหมียวอี้อีกครั้ง ความรู้สึกก็ค่อนข้างซับซ้อน
เหมียวอี้อึ้งนิดหน่อย เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้หญิงกลุ่มนี้ทำตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยและให้ความสำคัญกับเขา เขาจึงเผยรอยยิ้มเป็นกันเองอย่างที่พบเห็นได้ยาก “ไม่ต้องมากพิธี”
ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา สุราอาหารชั้นเลิศถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เหมียวอี้ยิ้มพลางวนชนแก้วกับเกล่าอนุภรรยา พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเหมือนเดิม
ทว่าอวิ๋นจือชิวรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าในรอยยิ้มของเหมียวอี้มีความห่างเหินซ่อนอยู่หนึ่งชั้น พอมองดูเหล่าอนุภรรยาที่กำลังยิ้มสู้ อวิ๋นจือชิวก็แอบทอดถอนใจ มีแค่นางเท่านั้นที่รู้ ว่าตอนแรกเหมียวอี้จะฆ่าอนุภรรยาตัวเองให้หมดบ้าน
แต่นางย่อมไม่เอ่ยเรื่องนี้ต่อหน้าใครอยู่แล้ว!
…………………………