พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 884

บาดเจ็บเล็กน้อยไม่ทำให้ฟันร่วง

คำพูดนี้ทำให้ผู้ชายรู้สึกหนาวเป้ากางเกงจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อเจอกับฮูหยินที่กล้าลงมือจริงแบบนี้

“เจอกับผู้หญิงไร้เหตุผลอย่างเจ้า ข้าพูดไม่ออกแล้ว!” เหมียวอี้ใช้ความโมโหกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดในใจตัวเอง ออกแรงจับขานางแยก แต่จนใจที่วรยุทธ์ไม่สูงเท่าอีกฝ่าย ไม่มีทางจับแยกออกได้เลย จึงสบถอย่างหงุดหงิด “ผู้หญิงปากร้าย! ปล่อยข้า!”

อวิ๋นจือชิวที่กำลังใช้ขาสองข้างไขว้คอเขาเอาไว้หัวเราะอย่างเบิกบานใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นใบหน้าปูดช้ำที่กำลังดิ้นรนอยู่ตรงหว่างขาของตัวเอง มันดูน่าขำสุดๆ ยิ่งเหมียวอี้พูด สองขาของนางก็ยิ่งขนาบแน่นขึ้น

“ถ้ายังไม่ปล่อยก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจนะ!” เหมียวอี้คำราม แม่งเอ๊ย อย่ากดดันให้ข้าต้องใช้เคล็ดวิชาอัคนีดาราเลย!

“อ๋อเหรอ! จะไม่เกรงใจยังไงล่ะ?” อวิ๋นจือชิวหัวเราะจนหายใจไม่ทัน

เหมียวอี้ที่กำลังโน้มตัวพลันยืนขึ้น ทำให้ทั้งตัวของอวิ๋นจือชิวถูกยกออกจากเตียงหยก ทำให้ตัวนางพลิกขึ้นมา

อวิ๋นจือชิวกลับใช้สองมือเลิกกระโปรงตัวเองขึ้น เอากระโปรงคลุมศีรษะเหมียวอี้ ไขว้ขาสองข้างขี่คอเสียเลย จากนั้นใช้สองมือดึงหูเขาผ่านกระโปรง พลางหัวเราะคิกคัก “ท่านสามี ทัศนียภาพใต้กระโปรงหม่อมฉันเป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”

ข้างในใส่กางกางในอยู่ จะไปเห็นทัศนียภาพบ้าอะไรล่ะ! ไม่เห็นอะไรนั้น! มิหนำซ้ำเหมียวอี้ก็ยังไม่มีอารมณ์จะมาชมทัศนียภาพด้วย เขาอับอายจนโมโห จึงควงฝ่ามือตบก้นนางพักหนึ่ง พร้อมคำรามเสียงอู้อี้อยู่ใต้กระโปรง “ลงมาเดี๋ยวนี้นะ!”

อวิ๋นจือชิวโดนเขาตบก้นจนหน้าแดงและกะพริบตาแสดงความปรารถนา นางค่อนข้างทนไม่ไหว พลันเหาะขึ้นมา ในที่สุดเหมียวอี้ก็หลุดพ้นจากการโดนขังใต้กระโปรงแล้ว เห็นเพียงอวิ๋นจือชิวหมุนตัวกลางอากาศแล้วลอยลงช้าๆ ก่อนเท้างามสองข้างจะเหยียบลงบนเตียงหยก

กลับพิภพใหญ่! นี่คือความคิดชั่ววูบที่แวบเข้ามาในหัวเหมียวอี้ จากนั้นก็หันตัวเดินออกไปทันที

“ไม่อยากถามเรื่องเยียนเป่ยหงแล้วเหรอ?” อวิ๋นจือชิวกล่าวเสียงเรียบ ทำให้ร่างของเหมียวอี้หยุดชะงักทันที นางมีวิธีบีบจุดอ่อนของเขาเสมอ

เหมียวอี้ที่กำลังหันหลังให้ใช้สองมือถูหน้าแรงๆ ลืมไปแล้วว่าตัวเองโดนซ้อมจนจมูกเขียวหน้าช้ำ เขาแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างเจ็บปวดครู่หนึ่ง แล้วหันตัวมา ถามอย่างดุดันว่า “เรื่องเยียนเป่ยหงเป็นยังไงกันแน่?”

อวิ๋นจือชิวทำสีหน้าประชดประชันทันที “สงสัยเพื่อนจะสำคัญกว่าเมีย หนิวเอ้อร์ เจ้านี่มันใช้ได้เลยนะ!”

เหมียวอี้ค่อนข้างจนปัญญากับนาง โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ “เจ้าจะบอกหรือไม่บอก? ถ้าไม่บอกข้าจะไปถามที่นภาจอมมารด้วยตัวเอง!”

อวิ๋นจือชิวกระโดลงจากเตียงหยก แล้วกระดกนิ้วเรียกเขา “ไปยืนทำไมตั้งไกล? กลัวข้าซ้อมเจ้าเหรอ?”

เหมียวอี้ทำสีหน้าเหมือนโดนตะคริวกิน เขากังวลเรื่องนี้จริงๆ แต่ไม่แสดงออกเด็ดขาด เดินก้าวยาวกลับมาแล้วถามว่า “บอกมาสิ! มันเรื่องอะไรกันแน่?”

อวิ๋นจือชิวกางแขนสองข้างแล้ว “ช่วยข้าถอดเสื้อผ้าหน่อย!”

เหมียวอี้เอียงหน้าไปด้านข้าง “ข้าไม่มีอารมณ์มาทำเรื่องแบบนั้นกับเจ้าหรอกนะ!”

“ไปตายซะ!” อวิ๋นจือชิวเตะหน้าแข้งเขาย่างไม่ลังเล แล้วพูดดูถูกว่า “ใครอยากจะทำเรื่องนั้นกับเจ้า ข้าจะไปอาบน้ำต่างหาก!”

“…” เหมียวอี้อ้าปากค้าง พ่นเสียงทางจมูกแล้วบอกว่า “เรื่องนี้ก็ไปเรียกเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์มาสิ”

ใบหน้างามของอวิ๋นจือชิวเย็นเยียบลงทันที โมโหอีกแล้ว “ให้เจ้าปรนนิบัติข้าสักครั้งจะเป็นไรไป? เจ้าไม่เต็มใจเหรอ? หนิวเอ้อร์! ในปีนั้นไอ้เวรที่ไหนมันคอยฉวยโอกาสบีบนวดลูบไล้ไปทั่วร่างกายข้า? เมื่อก่อนไอ้บ้าที่ไหนมันชอบเปิดกระโปรงข้า ล้วงกางเกงในข้า? เมื่อก่อนไอ้บ้าที่ไหนมันสู้ตายเพื่อแย่งชิงตัวข้ากลับมา? วันนี้พอได้มาแล้วก็ไม่อยากแตะต้องอีกใช่มั้ย? เล่นจนเบื่อแล้วใช่มั้ยล่ะ? หรือออกไปเจออะไรที่ดีกว่ามา เลยเริ่มรังเกียจข้าแล้ว?”

“ข้าจะปรนนิบัติ! เจ้าคือบรรพบุรุษของข้า! ข้าจะปรนนิบัติให้เอง พอใจรึยัง?” เหมียวอี้ยกมือสองข้างซ้ำๆ เพื่อหยุดนาง รับว่านางโหด ถ้าให้พูดต่อไป ก็ไม่รู้ว่านางจะพูดอะไรออกมาอีก

เขาถอดชุดคลุมยาวตัวนอกของนางออก แล้วโยนไปบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็ถอดผ้าคาดเอวของนาง ปลดกระโปรงของนางออก

จากนั้นก็ถอดเสื้อชั้นใน ตอนนี้เหมียวอี้เริ่มหัวใจเต้นรัวแล้ว ภูเขาหิมะยอดสีแดงสองลูกกำลังท้าทายอยู่ตรงหน้าเขา ทั้งยังมีเรือนรางอ่อนช้อยที่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง ประกอบกับใบหน้าสวยหยาดเยิ้มของอวิ๋นจือชิว ทำให้เหมียวอี้ขยับลูกกระเดือกแล้วจริงๆ เป็นเสียงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

มีอยู่จุดหนึ่งที่เหมียวอี้ไม่ยอมรับไม่ได้ นั่นก็คือในบรรดาผู้หญิงทุกคนที่เขาเคนสัมผัส  ไม่มีใครที่มีเรือนร่างเย้ายวนใจเท่าอวิ๋นจือชิวเลย ยิ่งได้สัมผัสผู้หญิงมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของล้ำค่าหายากแน่นอน

พอเห็นเขาทำท่าทางแบบนั้น ในดวงตาอวิ๋นจือชิวก็ฉายแววภาคภูมิใจ แต่กลับไม่ให้เขามองเยอะ เอาสองมือปิดหน้าอกแล้วหันตัวเดินไปที่อ่างอาบน้ำ ก้าวช้าๆ ลงในคลื่นน้ำที่ใสแจ๋ว

เหมียวอี้หันตัวเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ไม่ออกมาไม่ได้หรอก กลัวว่าถ้าอยู่ต่อแล้วตัวเองจะอดใจไม่ไหว แต่เป็นแบบนั้นจริงๆ ตัวเองก็จะดูไม่เอาไหนเกินไป เพิ่งจะโดนอีกฝ่ายซ้อมจนสภาพเป็นแบบนี้ จะทำเรื่องไม่เอาไหนแบบนั้นได้อย่างไร

“หยุด! จะไปไหน?” อวิ๋นจือชิวหันกลับมาตะคอก

เหมียวอี้หันหลังให้พร้อมตอบว่า “รอเจ้าอาบน้ำเสร็จก่อนแล้วค่อยคุยกัน”

“อย่าไปไหน เฝ้าอยู่ที่นี่ ช่วงนี้ข้าชอบรู้สึกว่ามีคนแอบดูข้าอาบน้ำ” อวิ๋นจือชิวกล่าวอย่างคับแค้นใจ

เมื่อกล่าวมาแบบนี้ เหมียวอี้ก็ถลึงตาทันที ล้อเล่นอะไรกัน มีคนแอบมองเมียตัวเองอาบน้ำ แบบนี้ไม่เกินไปเหรอ? เขาพลันหันตัวมา ถามว่า “มันเป็นใคร?”

“รอข้าอาบน้ำเสร็จก่อนแล้วค่อยบอก” อวิ๋นจือชิวยืนอยู่ใต้ปลาหลี่ที่เงยหน้ากระดกหาง ด้านบนมีน้ำพ่นใส่ศีรษะนางพอดี เริ่มชโลมผมงามจนเปียกลงมาทั้งร่าง ทั้งตัวถูกครอบด้วยระลอกคลื่นน้ำบางๆ หนึ่งชั้น

สองมือที่ปิดหน้าอกคลายออกแล้ว นางยกมือเสยผมงามที่เปียกจนปิดบังใบหน้าไปไว้ข้างหลัง แล้วเงยหน้ารับน้ำ เรือนร่างอ่อนช้อยที่อยู่ใต้เสาน้ำบิดขยับทำท่าทางที่ทำให้คนเห็นประหลาดใจ เอวที่อ่อนนุ่มราวกับงู ประกอบกับคลื่นน้ำที่ไหลแผ่คลุมร่างงาม ให้ความรู้สึกเย้ายวนใจราวกับมนต์มายากระตุ้นอารมณ์ปรารถนา

ในขณะที่รู้สึกผ่อนคลายยามน้ำอาบน้ำ ริมฝีปากสีแดงเรื่อของอวิ๋นจือชิวขยับเล็กน้อยเหมือนพึมพำอะไรบางอย่าง เสียงเล็กๆ ที่กรอกเข้าหูเหมียวอี้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเพียงว่าน้ำเลือดในร่างกายไหลเวียนเร็วขึ้น จนทำให้ได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง

เหมียวอี้กำลังบอกตัวเองในใจ ว่าห้ามทำตัวไม่เอาไหน แต่ดวงตายังจ้องเรือนร่างอ่อนช้อยที่เปล่งประกายระยิบระยับอยู่ใต้เสาน้ำนั่น ไม่ยอมออกไปไหน

สุดท้ายก็รีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก กระโดดลงไปในอ่างน้ำเช่นกัน ลงไปอยู่ในน้ำกับอวิ๋นจือชิว

อวิ๋นจือชิวรีบใช้สองมือปิดหน้าอก หนีบต้นขาขาวหมดจดเย้ายวนใจเอาไว้แน่น พลางจ้องเหมียวอี้ด้วยสีหน้าระวังตัว “หนิวเอ้อร์ เจ้าคิดจะทำอะไร?”

เหมียวอี้ยื่นมือไปด้านข้าง คว้าผ้าขนหนูในถาดข้างอ่างมาไว้ในมือ แล้วยิ้มแห้งๆ พลางบอกว่า “ฮูหยิน เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ไม่อยู่ ให้ข้าช่วยปรนนิบัติอาบน้ำให้เจ้าแล้วกัน”

“ไม่ต้อง ข้ามีมือ ไม่ต้องให้เจ้าช่วยปรนนิบัติหรอก!” อวิ๋นจือชิวบิดร่างกาย อยากจะหลบเลี่ยงเขา

ประมุขปราสาทเหมียวจะเกรงใจได้อย่างไร โยนผ้าขนหนูในมือทิ้ง ช้อนอุ้มนางขึ้นมาโดยตรง อุ้มออกมาจากเสาน้ำแล้ว

“อ๊า! คนบ้า!” อวิ๋นจือชิวร้องโวยวายพลางดิ้นรน “หนิวเอ้อร์ เจ้าปล่อยข้านะ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าคิดจะทำอะไร ไอ้คนบ้า เจ้าคิดจะรังแกข้า!”

“เจ้าเป็นฮูหยินของข้า ถ้าไม่รังแกเจ้าแล้วจะไปรังแกใคร!” ท่านขุนนางเหมียวหัวเราะเริงร่าไม่ยอมปล่อย อุ้มไปวางไว้ตรงขอบอ่างโดยตรง แล้วโถมทับหญิงงามล้ำค่าที่ขาวนุ่มเหมือนก้อนแป้งอย่างไม่ปรานี ลงโทษอย่างบ้าคลั่ง…

หลังจากพายุฝนกระหน่ำเสร็จแล้ว เสียงน้ำที่ไหลอยู่ในอ่างยังคงดังไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน

ที่ขอบอ่าง ท่านขุนนางเหมียวที่เปลือยล่อนจ้อนกำลังนอนหลับตาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย อวิ๋นจือชิวที่ร่างเปลือยเปล่านอนหมอบอยู่บนตัวเขา น่องขาเล็กที่ขาวดุจหยกกำลังกระดกแกว่งไปมา ในมือถือสมุนไพรเซียนซิงหัวต้นหนึ่ง ริมฝีปากแดงเรื่อกำลังเป่าหมอกประกายดาวใส่หน้าเขา พร้อมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ยังเจ็บอยู่รึเปล่า?”

เหมียวอี้ใช้สองมือลูบแผ่นหลังที่เกลี้ยงเกลาของนาง “เจ้าลงมือได้โหดเหี้ยมมาก!”

อวิ๋นจือชิวพ่นเสียงทางจมูก แล้วบอกว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าปรานีข้าเสียที่ไหนล่ะ ไม่รู้จักถนอมข้าเลยสักนิด”

“แบบนี้เรียกว่าใช้บทลงโทษเล็กน้อย นี่คือผลของการไม่เชื่อฟัง!” เหมียวอี้ยิ้มอย่างลำพองใจ

“หน้าไม่อาย! อย่าเอาเรื่องน่าไม่อายมาโอ้อวดบารมีหน่อยเลย!” อวิ๋นจือชิวด่า แล้วถามด้วยน้ำเสียงละมุนอีกว่า “ภายนอกมองไม่เห็นแผลแล้ว ยังเจ็บอยู่เหรอ?”

“แผลเล็กแค่นี้ฟันไม่ร่วงหรอก บาดเจ็บหนักกว่านี้ก็เคยมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ไม่เท่าไรหรอก ไม่เจ็บแล้ว!” พอเหมียวอี้พูดถึงตรงนี้ ก็เปลี่ยนคำถาม “เกิดเรื่องอะไรกับเยียนเป่ยหงกันแน่?”

“ตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ตายหรอก แค่โดนขังชั่วคราว ไม่มีอันตรายอะไรแน่นอน เพียงแต่ถ้าอยากจะช่วยออกมาก็ยุ่งยากนิดหน่อย หนิวเอ้อร์ มาพูดเรื่องนี้ในเวลานี้ ทำลายบรรยากาศไปหน่อยรึเปล่า?”

เมื่อได้ยินว่าไม่มีอันตรายใดๆ เหมียวอี้ก็วางใจแล้ว แต่ยังขมวดคิ้วถามอีกว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่ามีคนแอบดูเจ้าอาบน้ำ มีเรื่องแบบนี้จริงเหรอ?”

อวิ๋นจือชิวที่นอนหมอบบนตัวเขาพยักหน้าตอบอย่างจริงจังว่า “เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์มักจะแอบดูข้าอาบน้ำอยู่ข้างๆ เดี๋ยวเจ้าช่วยไปลงโทษพวกนางสองคนให้หนักๆ เลยนะ”

“…” เหมียวอี้อ้าปากค้าง เข้าใจในทันทีว่าตัวเองโดนปั่นหัว “อ๊า” เสียงร้องอุทานดังขึ้น จู่ๆ เขาก็อุ้มนาง แล้วทั้งสองก็ล้มลงไปในอ่างน้ำพร้อมกัน

ตอนที่โผล่ศีรษะขึ้นมาจากน้ำอีกครั้ง อวิ๋นจือชิวก็กอดเขาไว้แน่น คลอเคลียข้างหูเขาพร้อมบอกว่า “หนิวเอ้อร์ ชาตินี้ได้แต่งงานกับเจ้า ต่อให้ตายข้าก็ยินดี!”

ตอนที่เดินออกมาอีกครั้ง ทั้งสองก็ใส่เสื้อคลุมยาวสีขาวเหมือนกัน ปล่อยผมยาวสยายไปข้างหลังเหมือนกัน จูงมือกันเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ กลับมากลมเกลียวกันเหมือนเดิมแล้ว

เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์สบตากันแวบนึ่ง ในที่สุดก็เข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่า สามีภรรยาเริ่มทะเลาะกันที่หัวเตียง แล้วคืนดีกันที่ปลายเตียง

เห็นสีของท้องฟ้าใกล้จะค่ำแล้ว นึกไม่ถึงว่าทั้งสองอยู่ในห้องอาบน้ำนานขนาดนั้น อวิ๋นจือชิวมองค้อนเหมียวอี้แวบหนึ่ง

เหมียวอี้หัวเราะแห้งๆ อย่างเข้าใจความหมาย

อวิ๋นจือชิวหันกลับมาบอกว่า “เชียนเอ๋อร์ นายท่านจากบ้านไปนานเพิ่งจะกลับมา คืนนี้จัดอาหารให้เต็มที่ เลี้ยงรับรองนายท่าน เสวี่ยเอ๋อร์ เตรียมเสร็จแล้วก็ไปเชิญประมุขตำหนักฉินมาด้วย ข้าเชิญนางมารับประทานอาหารร่วมกัน”

“เจ้าค่ะ!” หญิงรับใช้ทั้งสองเอ่ยรับคำสั่ง

สองสามีภรรยาแต่งหน้าทำผมย่างเรียบง่าย อะไรไม่จำเป็นก็ตัดออก หลังจากม้วนม้วนผมขึ้นอย่างง่ายๆ เสร็จ โต๊ะอาหารก็เตรียมเสร็จแล้ว ฉินเวยเวยมาถึงแล้วเช่นกัน

เมื่อแขกและเจ้าบ้านพบหน้ากัน ทั้งสามก็เหลือบมองเครื่องแต่งกายของกันและกันโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาพบว่าตัวเองสวมชุดสีขาวเหมือนกันหมด

หลังจากเหมียวอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก็ทักทายอย่างร่าเริง “เวยเวยมาแล้วเหรอ”

ส่วนฉินเวยเวยก็คำนับทักทาย “คำนับประมุขปราสาท คำนับพี่สาวค่ะ”

“พี่สาว?” เหมียวอี้ตะลึงงัน หันหน้าไปมองอวิ๋นจือชิว ทำสีหน้าฉงนใจ เหมือนกำลังถามว่า นางใช้คำว่า ‘พี่สาว’ เรียกเจ้าเหรอ?

“น้องสาวมาแล้วเหรอ! บอกแล้วไงว่าเจ้าไม่ต้องทำตามกฎของตำหนักหลัง มาที่นี่ไม่ต้องจำกัดตัวเองขนาดนั้น คิดเสียว่ามาบ้านตัวเอง มาสิ มานั่งตรงนี้!” อวิ๋นจือชิวยิ้มอย่างสนิทสนม เป็นฝ่ายก้าวเข้ามาจูงมือฉินเวยเวย จูงมือนางมานั่งที่โต๊ะ

ทำแบบนี้ค่อนข้างเสียมารยาท ฉินเวยเวยมองประมุขปราสาทเหมียวที่เป็นเจ้าบ้านของที่นี่อย่างกังวล เจ้าบ้านยังไม่ทันนั่ง ถ้านางนั่งก่อนจะไม่เหมาะสม มิหนำซ้ำยังเป็นผู้บังคับบัญชาของนางอีก

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset