พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1291 กฎระเบียบในวงการ

มู่หรงซิงหัวเอียงหน้าถามว่า “อาศัยวิธีการฉวยผลประโยชน์ของผู้บัญชาการสวี ไม่ได้แอบหักไว้ส่วนตัวสักนิดเลยเหรอ?”

“นี่เจ้าชมข้าหรือด่าข้า?” สวีถังหรานถาม จากนั้นก็ถอนหายใจอีก “หักอะไรได้ล่ะ ถ้าถูกตรวจเจอขึ้นมา ผู้พิพากษาหน้าตายจะสนใจใยดีศีรษะของข้าเหรอ? ไม่กล้าเก็บไว้เลยสักนิด ส่งให้ไปหมดแล้ว”

มู่หรงซิงหัวหัวเราะเบาๆ “เสียทรัพย์สินนิดหน่อยแต่ได้อุ้มสาวงามกลับมา ก็ยังคุ้มค่าอยู่นะ ถึงยังไงเรื่องมงคลของเจ้าก็ใกล้จะมาถึงแล้ว กำหนดวันแต่งงานหรือยัง?

สวีถังหรานเหลือบมองเหมียวอี้แวบหนึ่ง ก่อนจะเอามือลูบจมูกพร้อมตอบว่า “กำหนดเป็นสิ้นดือนหน้า”

ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ได้ยินแล้วอดไม่ได้ที่จะกลั้นขำ เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรอีกแล้ว สวีถังหรานบังคับซื้อตัวเสวี่ยหลิงหลง หลังจากนอนด้วยแล้วเดิมทีก็คิดจะรับเป็นอนุภรรยา แต่ปรากฏว่าโดนหวงฝู่จวินโหรวบังคับให้รับเป็นฮูหยินภรรยาเอก ทำเอาข้างนอกมีคนมากมายหัวเราะเยาะสวีถังหราน ไม่น่าเชื่อว่าจะแต่งงานกับคนเต้นกินรำกินมาเป็นภรรยาเอก

“เลิกห่อเหี่ยวได้แล้ว เสวี่ยหลิงหลงมีความสามารถทางศิลปะ ความงดงามก็ยิ่งไม่ธรรมดา ได้แต่งงานกับนางถือเป็นวาสนาของเจ้า นางเองก็ลำบากเหมือนกัน ดูแลนางดีๆ หน่อย…ไม่อย่างนั้นหวงฝู่จวินโหรวคงไม่ปล่อยเจ้าไป!” มู่หรงซิงหัวพูดหยอกล้อ แล้วหันกลับมาถามเหมียวอี้อีกว่า “นายท่าน เรื่องของทูตขวาเกาก้วนนับว่าผ่านไปรึยัง?”

“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น!” เหมียวอี้มองดูเงาร่างที่หายลับไปจากขอบฟ้าพลางถอนหายใจ

“เออใช่!” จู่ๆ สวีถังหรานก็เข้ามาใกล้ตรงหน้าเหมียวอี้ แล้วกล่าวอบย่างกังวลเกินเหตุว่า “นายท่าน ข้าเพิ่งได้ข่าวจากลูกน้องมา บอกว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงมาแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ที่ร้านค้าสมาคมวีรชน”

เหมียวอี้อึ้งไปชั่วขณะ เบื้องบนมีคนได้ข่าวไวจริงๆ ด้วย ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์แปดพันกว่าตำแหน่งเพิ่งจะถูกกำหนด รายชื่อเพิ่งจะประกาศได้ไม่นาน เจ้าหมีควายนั่นก็มาที่นี่แล้ว เห็นได้ชัดว่าได้ข่าวล่วงหน้า เพียงแต่แทนที่จะมาหาตนก่อน กลับไปหาหวงฝู่จวินโหรว ไปหาอดีตผู้หญิงของตน ในใจเหมียวอี้รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไร ถามว่า “มาถึงเมื่อไร?”

สวีถังหรานตอบว่า “ได้ยินว่ามาถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หาโรงเตี๊ยมค้างแรม ระหว่างนั้นไปที่ร้านค้าสมาคมวีรชนหลายรอบ นายท่าน ได้ยินว่าตอนนี้ท่านกับเขาค่อนข้างสนิทกัน ท่านเองก็รู้ถึงความขัดแย้งระหว่างข้ากับเขาก่อนหน้านี้ ข้าน้อยกลัวว่าเขาจะมาหาเรื่อง ตอนนี้อาหญิงของเขากุมอำนาจของตลาดสวรรค์ ข้าไปมีเรื่องด้วยไม่ไหว!”

“จัดการเรื่องงานแต่งงานอย่างสงบใจเถอะ” เหมียวอี้พูดทิ้งท้ายแล้วหันหน้าเดินจากไป

ปรากฏว่าเรื่องบางเรื่องก็ค่อนข้างอธิบายยาก พอเข้าเมืองแล้วเหาะมาลงนอกตำหนักคุ้มเมือง ก็เห็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำกำลังเอามือไขว้หลังเดินเนิบนาบ พอหันกลับมาก็แหกปากทักทายด้วยรอยยิ้มทันที “น้องหนิว เราเจอกันอีกแล้วนะ”

นอกจากเซี่ยโห้วหลงเฉิงแล้วจะเป็นใครไปได้ อีกฝ่ายวิ่งเข้ามากุมหมัดทักทายเหมียวอี้ แต่พอสายตาไปหยุดอยู่บนหน้าสวีถังหราน บนหน้าก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายทันที โบกมือชี้ด่าว่า “โจรสุนัข! เจ้ายังไม่ตายอีกเหรอ?” พูดจบก็ช้อนดาบใหญ่ผลึกแดงออกมา เตรียมจะพุ่งไปข้างหน้า

สวีถังหรานตกใจจนหน้าซีด ในปีนั้นโดนเซี่ยโห้วหลงเฉิงฟันแขนขาดไปข้างหนึ่ง ตอนนี้รีบไปหลบข้างหลังเหมียวอี้แล้ว

เหมียวอี้ลงมือรวดเร็ว คว้าข้อมือที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงใช้ถือดาบเอาไว้ แล้วกล่าวเสียงเย็นว่า “พี่เซี่ยโห้ว เจ้าทำแบบนี้หมายความว่ายังไง? พอมาถึงบ้านข้าก็จะสังหารลูกน้องข้า รู้สึกว่าข้ารังแกง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ? เชื่อมั้ยว่าข้าจะเด็ดหัวเจ้าก่อน?”

เขาเองก็เริ่มเดือดดาลแล้วเหมือนกัน มีคนมาหาถึงประตูอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกก็เทพประจำดาวฟ้าเถาะ แล้วก็เกาก้วน ตอนนี้แม้แต่หมีควายก็ยังมาพาลเกเรที่นี่

“…” เซี่ยโห้วหลงเฉิงงุนงงพูดไม่ออก ถูกคำพูดเหมียวอี้สยบแล้ว คนอื่นๆ ที่อยู่ตรงนี้อาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาเห็นเองกับตาว่าตอนเหมียวอี้ฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้านนั้นเหี้ยมหาญขนาดไหน จ้านหรูอี้ก็เกือบจะตายเพราะทวนของเขาแล้ว ครั้งนี้ได้ยินว่าตัดหัวคนไปอีกแปดพันกว่าคน สิ่งที่เขาทำล้วนเป็นสิ่งที่ตนไม่กล้าทำ

ประการแรกเป็นเพราะเขานับถือเหมียวอี้มากจริงๆ ประการต่อมาเป็นเพราะไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะได้คบหาสหายที่มีอนาคตสักคน เขาเป็นคนที่ไม่มีสหาย แล้วสาเหตุอีกอย่างก็เป็นเพราะเจ้าหมอนี่เอะอะก็ลงดาบตัดหัวคนในตระกูลผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์ นับรวมทั้งตอนแรกทั้งตอนหลังก็เกรงว่าจะฆ่าไปเป็นหมื่นแล้ว ได้ยินว่าครั้งนี้แม้แต่ผู้จัดการร้านของตระกูลตนก็ยังโดนกดดันให้มาฆ่าตัวตายที่นี่แล้ว เขาไม่สงสงสัยเลยสักนิดว่าเหมียวอี้จะกล้าลงมือกับเขาหรือไม่

เซี่ยโห้วหลงเฉิงหดดาบกลับมาอย่างช้าๆ แล้วยิ้มแห้งพร้อมบอกว่า “น้องหนิว ทำไมต้องทำลายความรู้สึกระหว่างเราเพื่อโจรสุนัขตัวเดียวด้วย”

เหมียวอี้จึงบอกว่า “ในเมื่อไม่อยากทำลายความรู้สึก เช่นนั้นวันนี้ข้าก็จะเป็นคนกลาง ปล่อยให้เรื่องในอดีตมันผ่านไป ไม่ต้องไปหาเรื่องสวีถังหรานอีก ดีมั้ย?”

เซี่ยโห้วหลงเฉิงเม้มปากนิดหน่อย ทำสีหน้าเหมือนไม่สมัครใจ เก็บดาบใหญ่ในมือ แล้วบอกว่า “ในเมื่อน้องหนิวเอ่ยปากแล้ว ข้าก็จะไว้หน้าน้องหนิวสักครั้ง” แต่ก็ยังโบกมือชี้สวีถังหรานที่อยู่ข้างหลังพร้อมเตือนว่า “โจรสุนัข ถ้าครั้งหน้าล่วงเกินปู่คนนี้อีก ก็จะไม่ปล่อยไปง่ายๆ เด็ดขาด!”

เหมียวอี้จับข้อมือเขาแล้วพาเดินเข้าไปในตำหนักด้วยกัน “ได้ยินว่าพี่เซี่ยโห้วมาตั้งนานแล้ว แต่กลับหลบไม่ยอมมาพบข้า มัวไปหาผู้หญิง แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน?”

“เหอะๆ! ฟังน้องหนิวพูดเข้าสิ ทีแรกก็อยากจะมาหาเจ้าก่อนนั่นแหละ ได้ยินว่าผู้พิพากษาหน้าตายก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน ข้าจะกล้ามาที่นี่ได้ยังไง เลยได้แต่ไปหาโรงเตี๊ยมพักก่อน เป็นเพราะได้ยินว่าผู้พิพากษาหน้าตายนั่นไปแล้ว ข้าถึงได้มาเยี่ยมน้องหนิวทันที”

“ไปร้านค้าสมาคมวีรชนแล้วได้เจอผู้จัดการร้านหวงฝู่หรือยัง นางเป็นยังไงบ้าง?”

“อาจจะตกใจเรื่องที่เกือบโดนน้องหนิวตัดหัวละมั้ง สีหน้าห่อเหี่ยวลงเยอะมาก เจ้าอารมณ์จนน่าตกใจ ข้าได้ยินว่าเจ้าจับนางมาสองรอบแล้ว ต่อไปนี้เห็นแก่หน้าข้าและอย่าทำให้นางลำบากได้มั้ย เอะอะเจ้าก็ตัดหัวคนร่วงลงพื้นเป็นกอง ฆ่าจนเลือดนองกลายเป็นแม่น้ำ ข้าเป็นชายอกสามศอกยังอกสั่นขวัญแขวน แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงอย่างนาง”

เมื่อได้ยินว่าผู้หญิงที่สดใสมีสง่าราศีคนนั้นห่อเหี่ยวแล้ว ในใจเหมียวอี้ก็รู้สึกเศร้าอย่างประหลาด เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ก่อนหน้านี้อยากจะสะบัดนางให้หลุด ไม่ได้คิดว่าตัวเองจริงใจกับนาง แต่ทำไมตอนนี้ในใจถึงรู้สึกไม่สงบล่ะ? จู่ๆ ก็กล่าวเสียงดังว่า “ในเมื่อพี่เซี่ยโห้วมาแล้ว วันนี้พวกเราไม่เมาไม่เลิก!”

“เหอะๆ! ต่อไปยังมีโอกาสไม่เมาไม่กลับอีก ตอนนี้อยู่ใกล้กันแล้ว ไปมาหาสู่กันสะดวก ครั้งหน้าน้องหนิวไปดื่มที่จวนข้าให้สะใจเลย ข้ายังไม่รู้เลยว่าที่นั่นหน้าตาเป็นยังไง…”

เกาก้วนไปแล้ว เซี่ยโห้วหลงเฉิงย่อมไม่พักที่โรงเตี๊ยมอีก แต่มาพักที่ตำหนักคุ้มเมืองโดยตรง แทบจะวิ่งไปที่ร้านค้าสมาคมวีรชนทุกวัน ส่วนเหมียวอี้ก็สืบข่าวหวงฝู่จวินโหรวจากปากเขาบ่อยๆ แต่เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ไม่ได้อยู่ที่นี่นานเช่นกัน อยู่ที่นี่แค่ครึ่งเดือนเท่านั้น เขายังต้องไปรับตำแหน่งอีก ก่อนไปรับตำแหน่งยังต้องไปรับคำสั่งที่จวนแม่ทัพภาคตงหัว เขาเฝ้าคอยการรับตำแหน่งครั้งนี้มาก นี่คือตำแหน่งสูงสุดของเขาในตอนนี้ และเป็นตำแหน่งที่เขาคิดว่าได้มาด้วยความสามารถตัวเองและไม่ต้องพึ่งพาอำนาจของตระกูล หารู้ไม่ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าตระกูลของเขา เหมียวอี้ก็ไม่ให้อันดับเก้ากับเขาเหมือนกัน!

แต่ความคิดแบบเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็เป็นปรากฏการณ์ที่ปกติมาก หลังจากลูกหลานผู้มีอำนาจพวกนั้นพยายามทำเรื่องอะไรบางอย่างแล้ว ต่างก็คิดว่าได้ความสำเร็จมาเพราะอาศัยความพยายามของตัวเอง รู้สึกว่าความสามารถของตัวเองก็ไม่เลวเลย

หลังจากการสังหารหมู่ที่สะเทือนขวัญทั้งเมือง ตอนนี้ก็ได้ต้อนรับงานมงคลที่อึกทึกครึกโครมไปทั้งเมืองแล้ว งานแต่งงานของสวีถังหรานผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตกกับเสวี่ยหลิงหลงดาวเด่นแห่งหอกลิ่นสวรรค์มาถึงแล้ว

ผู้บัญชาการใหญ่หนิวโหย่วเต๋อออกคำสั่ง ให้ประดับประดาโคมไฟและผ้าหลากสีทั้งเมือง ร้านค้าสองข้างทางต่างก็โยนดอกไม้สดต้อนรับเกี้ยวเจ้าสาว

ทั้งตลาดสวรรค์ตกอยู่ในบรรยากาศมหามงคลทันที  ร้านค้าไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต่างก็ประดับตกแต่งอย่างมีจิตสำนึก ไม่กล้าฝ่าฝืน ความน่าหวาดกลัวยามศีรษะร่วงลงพื้นยังใช้ได้ผลดีมาก งานเฉลิมฉลองได้ชนปะทะให้กลิ่นคาวเลือดที่สะสมอยู่ในใจของผู้คนหายไปแล้ว

หอกลิ่นสวรรค์ย่อมถูกตกแต่งให้ดูคึกคักเป็นพิเศษ หวงฝู่จวินโหรวมาถึงหอกลิ่นสวรรค์ตั้งนานแล้ว กำลังมองดูเสวี่ยหลิงหลงล้างมือในอ่างทอง จากนั้นก็มองดูเสวี่ยหลิงหลงแต่งตัว นั่งอยู่หน้าโต๊ะข้างๆ แล้ววางแขนลงบนโต๊ะ ใช้สองมือเท้าคางเอาไว้ หรี่ตายิ้มมองอยู่อย่างนั้น มองอย่างไรก็มองไม่หนำใจ มองจนใบหน้างามของเสวี่ยหลิงหลงแดงเรื่อ รู้สึกเขินอายมาก

เดิมทีสวีถังหรานอยากจะหาสถานที่อื่นเพื่อเป็น ‘บ้านเจ้าสาว’ ให้เสวี่ยหลิงหลง รู้สึกว่าการรับเกี้ยวเจ้าสาวจากหอกลิ่นสวรรค์มันแปลกๆ แต่หวงฝู่จวินโหรวเป็นตัวแทนบ้านเจ้าสาวที่มีอำนาจมาก นางดึงดันไม่ยอมทำตาม ต้องการจะให้เสวี่ยหลิงหลงแต่งงานออกจากหอกลิ่นสวรรค์อย่างสง่าผ่าเผย ไม่มีอะไรต้องปิดบัง

สวีถังหรานอยากจะจัดให้เรียบง่ายหน่อยเพื่อปิดบังความน่าอับอาย แต่หวงฝู่จวินโหรวกลับต้องการให้เอิกเกริก ต้องการให้วนรอยเมืองหนึ่งรอบ ต้องการให้ทุกคนได้รู้ว่าเสวี่ยหลิงหลงเป็นฮูหยินภรรยาเอกของสวีถังหราน ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนปิดบัง

สวีถังหรานคาดคะเนว่านางขาใหญ่ ไม่งัดข้อกับนางไม่ไหว เขาพบว่าช่วงนี้ผู้จัดการร้านหวงฝู่ค่อนข้างอารมณ์ร้าย ดังนั้นจึงตามใจนางตั้งแต่ตอนที่คุยเรื่องการแต่งงานแล้ว

ในตอนนี้ ท่านแม่สวีเรียกคนกลุ่มใหญ่มาล้อมเสวี่ยหลิงหลงที่กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

เสียงดนตรีด้านนอกดังเข้ามา ท่านแม่สวีวิ่งไปดูที่ริมหน้าต่าง แล้วหันกลับมาสะบัดผ้าเช็ดหน้าในมือพร้อมบ่นว่า “ขบวนรับเกี้ยวเจ้าสาวมาถึงแล้ว เร็วๆ หน่อย”

สวีถังหรานที่อยู่ใต้ตึกยิ้มทื่อนิดหน่อย ประดับผ้าสีแดงบนตัว บนศีรษะสวมมงกุฎ สวมชุดสีแดงทั้งตัว แต่สิ่งนี้ล้วนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือรอบข้างมีคนมาดูเอาสนุกเยอะเป็นพิเศษ

ตอนนี้สวีถังหรานอยากจะบีบคอหวงฝู่จวินโหรวให้ตาย ไม่น่าเชื่อว่าจะกดดันให้เขามารับเกี้ยวเจ้าสาวที่สถานบันเทิง คาดว่าข้าคงเป็นคนแรกที่ทำแบบนี้!

ฝูชิง อิงอู๋ตี๋และมู่หรงซิงหัวก็มาเช่นกัน ต่างก็มารับเกี้ยวเจ้าสาวเป็นเพื่อนสวีถังหราน ไว้หน้าสวีถังหรานมาก

ปั้งๆ! มู่หรงซิงหัวเคาะเปิดประตูใหญ่ของหอกลิ่นสวรรค์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน คนอื่นล้วนรออยู่ข้างนอก นางเดินเข้าไปประสานงาน ตอนที่ออกมาอีกครั้ง ยามประตูใหญ่เปิดออก เสวี่ยหลิงหลงที่สวมมงกุฎหงส์และม่านไข่มุกปิดบังใบหน้างามก็ออกมาจากประตูใหญ่โดยมีพวกท่านแม่สวีคอยประคอง

พอส่งตัวให้สวีถังหรานแล้ว สวีถังหรานก็ใช้ผ้าสีแดง ‘มงคล’ เส้นหนึ่งจูงให้เสวี่ยหลิงหลงขึ้นไปนั่งบนเกี้ยว จากนั้นทหารสวรรค์สิบหกคนก็ยกเกี้ยวใหญ่เดินไปข้างหน้า ข้างหน้าเกี้ยวมีทหารสวรรค์คอยเบิกทาง ข้างหลังมีเสียงดนตรีบรรเลง ทุกที่ที่เกี้ยวไปถึง ร้านค้าใหญ่ๆ ก็จะพากันโปรยดอกไม้ มีดอกไม้ปลิวว่อนตลอดทาง ลอยเข้ามาในตู้เกี้ยว กลิ่นหอมสดชื่น ใบหน้างามที่อยู่หลังม่านไข่มุกเขินอายเล็กน้อย

ตอนที่ขบวนรับเกี้ยวเข้าสาวเดินไปได้ไม่ไกล ในถนนข้างๆ ก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งออกมา แต่ละคนลบเครื่องประทินโฉมจนหมด ปักปิ่นจิงไชแบบหญิงชาวบ้าน ม้วนขนเสื้อขึ้น ถือไม้กวาดและยกถังน้ำสาดไปที่ถนน ล้างทำความสะอาดถนน

วันนี้สถานบันเทิงอย่างหอนางโลม คณะระบำของทั้งตลาดสวรรค์ล้วนหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว พักกิจการเอง มารวมตัวกันเอง ทำความสะอาดถนนที่ขบวนรับเกี้ยวเจ้าสาวผ่านไป พวกนางหวังว่าจะช่วยเสวี่ยหลิงหลงล้างชื่อเสียงที่ไม่ดีก่อนหน้านี้ให้สะอาดหมดจดได้ นี่คือกฎระเบียบในวงการของพวกนาง เหมือนจะเป็นกฎระเบียบในวงการที่คนนอกวงการไม่เคยได้ยินมาก่อน ค่านิยมในสังคมก็เป็นแบบนี้ จะมีผู้หญิงจากสถานบันเทิงสักกี่คนที่ได้แต่งงานเป็นภรรยาเอก ถ้าจะเคยมีก็เป็นเรื่องที่นานมากแล้ว คนนอกย่อมไม่เคยได้ยินหรือไม่ก็ลืมเลือนไปแล้ว แต่พวกนางไม่ลืม เพราะนี่คือความฝันของพวกนาง ไม่มีทางลืมได้ หวังว่าตั้งแต่นี้ไปเสวี่ยหลิงหลงจะมีชีวิตที่ดี

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset