แต่ท่านโหวเทียนหยวนก็พูดคำไหนคำนั้น ชดเชยให้ฮูหยินอย่าง ‘สุดกำลัง’ หลายวัน แน่นอนว่าเป็นเพราะอยู่ห่างกันนานแล้วได้พบกันอีก จึงรู้สึกหวานชื่นกว่าคู่แต่งงานใหม่
แต่ปี้เยว่ฮูหยินที่มีปมในใจกลับต้องฝืนยิ้มรับอย่างมีความสุข ไม่ได้คิดแค้นท่านโหวเทียนหยวนที่ทำให้นางแห้งแล้งเหมือนก่อนหน้านี้ นึกถึงว่าใกล้จะได้พบหน้าลูกสาวในเร็วๆ นี้แล้ว แต่ในใจกลับสุดจะทนจนไม่มีทางบรรยายออกมาได้ ตอนนี้อยากจะหลบกลับไปที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวไวๆ แต่กลับไม่กล้าแสดงพิรุธอะไรต่อหน้าท่านโหวเทียนหยวน
แต่ใครจะคิดว่าอีกไม่กี่วันไห่ยวนเค่อจะส่งข่าวมาอีก ข่าวที่ส่งมาไม่ใช่เรื่องที่นางกับลูกสาวจะได้พบหน้ากัน แต่เป็นข่าวที่ไม่ดี
ไห่ผิงซินผู้เป็นลูกสาวหายตัวไปแล้ว ไห่ยวนเค่อบอกว่า คนข้างนอกที่รับตัวลูกสาวไปขาดการติดต่อไปพร้อมกับลูกสาว ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ปี้เยว่ฮูหยินเริ่มหวาดกลัวแล้ว ถ้าพูดถึงด้านความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นท่านโหวเทียนหยวนหรือไห่ยวนเค่อ ก็ไม่มีใครสำคัญไปกว่าลูกสาวนาง นั่นคือเลือดเนื้อที่หลุดออกมาจากร่างกายของตัวเอง เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนเติบโต อยู่ข้างกายตัวเองร้อยกว่าปีโดยไม่เคยแยกจากกัน ท่านโหวเทียนหยวนและไห่ยวนเค่อที่มีเพียงความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงย่อมเทียบไม่ติดอยู่แล้ว
การออกจากแดนอเวจีเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งที่นางมีให้ตัวเอง นางเพียงใฝ่หาชีวิตที่ดีกว่าเท่านั้น ไม่ได้แปลว่านางจะไม่สนใจความเป็นความตายของลูกสาว
นางระบายไฟโกรธใส่ไห่ยวนเค่ออย่างที่เกิดขึ้นไม่บ่อย ถามว่าอีกฝ่ายว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ไห่ยวนเค่อไม่มีทางให้คำอธิบายได้ ทำได้เพียงบอกว่ากำลังหาทางติดต่อต่อไป
นางหลบร้องไห้อยู่ที่จวนท่านโหว ตอนแรกนางเกลียดตัวเองนิดหน่อย เกลียดตัวเองที่ทิ้งลูกสาวและจากมา ถ้าไม่ใช่เพราะตนจากมา ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้กับลูกสาเช่นกัน
หลังจากแม่กับลูกสาวแยกจากกัน ไห่ผิงซินก็เคยติดต่อกับนางหลายครั้งไม่หยุดหย่อน แต่นางก็ยังใจแข็งไม่ตอบกลับ ครั้งนี้นางเป็นฝ่ายหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อลูกสาวเอง ผลปรากฏว่าไม่มีการตอบกลับใดๆ แต่แน่ใจได้ว่าลูกสาวยังมีชีวิตอยู่
สิ่งนี้ทำให้นางกังวลสุดขีดว่าลูกสาวจะตกอยู่ในมือคนชั่วที่ไหนหรือเปล่า ที่นางกลัวที่สุดก็คือตกอยู่ในมือคนของตำหนักสวรรค์
นางไม่กล้าอยู่ที่จวนท่านโหวต่อไปแล้ว กลัวว่าจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้วท่านโหวเทียนหยวนมองออกถึงเบาะแสอะไรบางอย่าง จึงอ้างว่าจะกลับไปเตรียมส่งต่องานที่จวนแม่ทัพภาคตงหัว นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อยู่ที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวต่อไปอีก ท่านโหวเทียนหยวนเองก็ตอบตกลงแล้วเช่นกันว่าจะพยายามช่วยเปลี่ยนสถานที่ให้นาง
นางยังต้องเป็นแม่ทัพภาคที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวชั่วคราว อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครุ่นคิดพิจารณาตำแหน่งแม่ทัพภาคแปดร้อยกว่าตำแหน่ง คนที่ผ่านการทดสอบจะต้องเลือกเองก่อนว่าจะไปรับตำแหน่งที่ไหน ถ้าเลือกซ้ำกันก็ต้องเตรียมปรับใหม่ คนที่มีผู้มีอำนาจหนุนหลังก็ไม่แคล้วต้องเลือกตำแหน่งที่ดีกว่า การแข่งขันเล็กๆ น้อยๆ คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นปี้เยว่ฮูหยินยังต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมก่อนในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ขณะเดียวกัน การทดสอบตำแหน่งหัวหน้าภาคตลาดสวรรค์ก็กำลังอยู่ในช่วงรับสมัคร วรยุทธ์ของผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องสูงถึงระดับบงกชกลาย สูงกว่าระดับหัวหน้าภาคที่แค่มีวรยุทธ์ระดับบงกชรุ้งก็สามารถรับตำแหน่งได้ อย่างไรเสีย ต่อให้จะเป็นระดับบนกว่านี้ของตลาดสวรรค์ แต่ก็สิ้นสุดแค่หัวหน้าภาคใหญ่ตำแหน่งเดียวแล้ว ไม่เหมือนอำนาจท้องถิ่นที่ข้างบนยังมีท่านโหวและเทพประจำดาว และหัวหน้าภาคตลาดสวรรค์ก็มีผลประโยชน์มากกว่าหัวหน้าภาคตามสถานที่ทั่วไปจริงๆ
ขณะที่ปี้เยว่ฮูหยินกำลังจะออกจากจวนท่านโหวเทียนหยวน นางก็ได้ข่าวที่น่าตกตะลึงจากปากท่านโหวเทียนหยวน
แดนสุขาวดี ที่อาสนวิหารของประมุขพุทธะ ได้เชิญสี่อ๋องสวรรค์และจอมพลสิบเอ็ดคนไปที่นั่น จากนั้นซือหม่าเวิ่นเทียน ทูตตรวจการฝ่ายซ้ายตำหนักสวรรค์ก็นำกำลังพลกลุ่มใหญ่เข้าจับกุมหัวหน้าภาคตลาดสวรรค์แปดสิบกว่าคนที่รวมตัวกันลาออกจากตำแหน่งทั้งหมด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่และขุนนางในตระกูลก็ไม่ละเว้น จับไปหลายพันคน
สาเหตุที่จับกุมก็เป็นเพราะในบ้านของหัวหน้าภาคตลาดสวรรค์แปดสิบกว่าคนนั้นล้วนมีคนยืนขึ้นชูหลักฐาน นำหลักฐานที่มีน้ำหนักมาพิสูจน์ว่าหัวหน้าภาคตลาดสวรรค์พวกนี้แอบสมคบกันทำเรื่องผิดกฎหมาย ที่จริงคนที่อยู่ในตำแหน่งนั้นมีใครบ้างที่ไม่เคยทำเรื่องฝ่าฝืนกฎระเบียบเลย ราชันสวรรค์เดือดดาลมาก ควบคุมคนหลายพันคนไปรับโทษที่แดนอเวจีแล้ว
เกิดเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ขึ้น ปี้เยว่ฮูหยินจึงต้องล้มเลิกแผนที่จะกลับจวนตัวเองชั่วคราว เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของบุคคลระดับสูง ท่านโหวเทียนหยวนก็อยู่ในกลุ่มผลประโยชน์นี้ด้วย ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาก็จะโดนพัวพันไปด้วย ไม่มีทางลอยตัวเหนือปัญหาได้ หากเกิดเรื่องขึ้นกับท่านโหวเทียนหยวน ปี้เยว่ฮูหยินก็หนีไม่พ้นเช่นกัน นางอกสั่นขวัญแขวน ยังจะมีอารมณ์กลับจวนแม่ทัพภาคตงหัวได้อย่างไร
ท่านโหวเทียนหยวนที่สีหน้ามืดครึ้มเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาไม่หยุดอยู่ในห้องทำงาน พลางกล่าวด้วยอารมณ์ตื่นตกใจว่า “นี่คือแผนร้าย! นี่คือแผนร้ายของฝ่าบาท! ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดเรื่องบังเอิญขนาดนั้นขึ้น บังเอิญเกิดเรื่องกับหัวหน้าภาคตลาดสวรรค์ที่รวมกลุ่มกันลาออกพอดี เห็นได้ชัดว่าพยานบุคคลพวกนั้นเป็นคนของซือหม่าเวิ่นเทียนทูตซ้ายตำหนักสวรรค์พวกเขาคือสายลับที่ส่งไปไว้แต่ละบ้าน”
ปี้เยว่ฮูหยินถอนหายใจเบาๆ คนที่ตาไม่บอดล้วนดูออก ว่าการกระทำของคนกลุ่มนั้นทำให้ราชันสวรรค์เดือดดาลแล้ว เจตนาของราชันสวรรค์ชัดเจนมาก พวกเจ้าไม่ไปเข้าร่วมการทดสอบก็ว่าแย่แล้ว ทั้งยังบังอาจรวมตัวกันให้บทเรียนกับข้าอีก เช่นนั้นข้าก็จะส่งพวกเจ้าไปทั้งตระกูลเลย นี่ก็คือจุดจบของคนที่ต่อต้านข้า!
“ที่อาสนวิหารของประมุขพุทธะกำลังให้ความร่วมมือกับฝ่าบาทรึเปล่า?” ปี้เยว่ฮูหยินถามอย่างกังวล
ท่านโหวเทียนหยวนกล่าวเสียงต่ำว่า “ยังต้องพูดอีกเหรอ? ถ้าฝ่าบาทยังจัดการเรื่องทางฝั่งนี้ไม่เสร็จ สี่อ๋องสวรรค์กับสิบเอ็ดจอมพลก็อย่าได้คิดเลยว่าจะได้ออกจากแดนสุขาวดีง่ายๆ นี่คือการแสดงท่าทีของประมุขพุทธะ ต่อให้ต้องแตกคอกับอ๋องสวรรค์แต่ก็ต้องสนับสนุนฝ่าบาท!”
“ประมุขพุทธะจะลงมือกับพวกอ๋องสวรรค์และพวกจอมพลรึเปล่า?” ปี้เยว่ฮูหยินถาม
ท่านโหวเทียนหยวนตอบว่า “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะลงมือจริงๆ พวกอ๋องสวรรค์ก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน ทางประมุขพุทธะเองก็จะมีราคาที่ต้องจ่ายไม่ใช่น้อยๆ แต่พวกอ๋องสวรรค์กับจอมพลก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรเหมือนกัน ถ้าใช้กำลังขึ้นมา มีหรือที่ประมุขพุทธะจะไม่ลงมือ!”
“แล้วตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะ?” ปี้เยว่ฮูหยินถาม
ท่านโหวเทียนหยวนถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง “ยังจะทำยังไงได้ล่ะ ทำได้เพียงดูความเปลี่ยนแปลงเงียบๆ!”
ผ่านไปไม่กี่วัน ก็มีข่าวที่น่าตกใจกว่านั้นออกมาแล้ว จู่ๆ ก็มีโจรที่ปิดบังตัวตนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว ลูกน้องพวกนั้นของซือหม่าเวิ่นเทียน หรืออีกตัวตนหนึ่งก็คือพยานบุคคลเหล่านั้น พวกเขาโดนฆ่าล้างเลือด คนในตระกูลก็แทบจะโดนฆ่าจนหมด คนที่รอดไปได้มีแค่ไม่กี่คน โจรแทบจะก่อเหตุอย่างโจ่งแจ้ง และในบรรดาโจรที่โดนฆ่าตาย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีนักโทษหลบหนีที่ถูกออกหมายนำจับมานานแล้ว ตำหนักสวรรค์เดือดดาลมาก!
เมื่อข่าวนี้แพร่มา ปี้เยว่ฮูหยินที่นั่งเป็นเพื่อนสามีอยู่ในศาลาก็สูดหายใจอย่างตกตะลึง นางนับว่าได้รับรู้ถึงกำลังความสามารถของคนบางกลุ่มแล้ว ช่างเป็นการโต้ตอบที่รวดเร็ว!
ท่านโหวเทียนหยวนติดต่อกับเบื้องบนแล้ว พอเก็บระฆังดาราเสร็จก็แสยะยิ้มพักหนึ่ง ปี้เยว่ฮูหยินจึงรีบถาม “สถานการณ์อะไรกัน?”
ท่านโหวเทียนหยวนพ่นเสียงทางจมูก แล้วตอบว่า “ยังจะมีสถานการณ์อะไรได้ เบื้องบนสั่งให้ปิดประตูดวงดาวใหญ่ๆ แต่ลพแห่งทันที ข้าเองก็เพิ่งได้รับคำสั่งจากเบื้องบนเช่นกัน”
“แล้วเจ้าเตรียมจะทำยังไง?” ปี้เยว่ฮูหยินถามหยั่งเชิง
“ยังจะทำยังไงได้อีกล่ะ? ข้างบนมีคำสั่งลงมา ข้าก็ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดสิ” ท่านโหวเทียนหยวนลุกขึ้นยืน เอามือไขว้หลังเดินออกนอกศาลา เงยหน้ามองพระจันทร์ พลางพูดแดกดันว่า “ยังต้องตรวจสอบอีกเหรอ? ขอแค่ไม่ใช่คนโง่ ไม่ว่าใครก็รู้ทั้งนั้นว่าฝีมือใคร จะให้ข้าตรวจสอบยังไงล่ะ? ถ้าทำให้เบื้องบนที่คอยบังลมบังฝนให้ถล่มลงมา ถ้าข้างบนเปลี่ยนคน พวกเขาก็จะต้องเปลี่ยนให้เป็นเป็นคนของตัวเองถึงจะสงบใจ แบบนั้นข้ายังจะมีส่วนร่วมอยู่อีกมั้ยล่ะ? การตบหน้าคืนครั้งนี้เสียงดังจริงๆ! ตอนนี้รู้จักตรวจสอบเบื้องล่างแล้วสินะ แต่จะตรวจสอบยังไงล่ะ? ฝ่าบาทมีพลังอิทธิฤทธิ์สูงส่งล้ำลึกไม่ใช่เหรอ? ถ้าเก่งนักก็ไปจับโจรเองสิ โหวคนนี้มีความสามารถจำกัด คนอื่นก็มความสามารถจำกัดเหมือนกัน เกรงว่าจะตรวจสอบออกมาไม่ได้! ทุกคนแค่ทำพอเป็นพิธีเพื่อรายงานผลการปฏิบัติงานก็พอแล้ว”
“ฝ่าบาทคงไม่ให้เกาก้วนไปตรวจสอบหรอกใช่มั้ย?” ปี้เยว่ฮูหยินที่เดินตามออกมาถามอย่างประหลาดใจสงสัย
“ตลกน่า!” ท่านโหวเทียนหยวนพูดเหยียดหยามว่า “หน่วยตรวจการที่มีคนอยู่แค่นั้นน่ะเหรอ? ถ้ากำลังพลเบื้องล่างไม่ให้ความร่วมมือ ต่อให้เกาก้วนจะมีความสามารถมากกว่านี้แต่ก็ไร้ประโยชน์ ต่อให้เขาจะสืบเจอโจรแล้วยังไงล่ะ? ถ้าคนเบื้องล่างปล่อยโจรไปโจร ใต้หล้าใหญ่ขนาดนี้ เกาก้วนจะไปจับตัวที่ไหนล่ะ? ฮูหยิน เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก กลับไปรอฟังข่าวที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวอย่างสงบใจได้เลย”
“ไม่มีเรื่องอะไรแล้วเหรอ?” ปี้เยว่ฮูหยินถามยืนยัน
ท่านโหวเทียนหยวนพยักหน้า “ฝ่าบาทให้บทเรียนกับลูกพี่ใหญ่พวกนั้น แสดงท่าทีแข็งกร้าวชัดเจน ลูกพี่ใหญ่พวกนั้นจึงโจมตีกลับทันที แสดงท่าทีแข็งกร้าวอย่างชัดเจนเช่นกัน พวกลูกพี่ใหญ่จะทำให้ฝ่าบาทได้เห็นว่า ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากทุกคน เขาก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย จับกำลังพลของพวกเขาแยกไปก็ไม่มีประโยชน์! พวกเขากำลังแจ้งเตือนฝ่าบาทด้วยว่า ถ้าฝ่าบาทำเกินไป พวกเขาก็จะสู้แบบปลาตายแหขาด[1] ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะอยู่อย่างสงบเลย ฮูหยิน เจ้าเชื่อมั้ยว่าถ้าทำให้พวกเขาเข้าตาจน ก็จะมีคนปล่อยโจรกบฏจากนรกทั้งหมดอออกมาเพิ่มความวุ่นวาย!”
ปี้เยว่ฮูหยินหัวใจกระตุกวูบ ถามว่า “ฝ่าบาทจะไม่ส่งลูกน้องคนสนิทไปเฝ้านรกเองเชียวเหรอ?”
ท่านโหวเทียนหยวนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คนทั่วไปจะปิดผนึกนรกได้เหรอ? ถ้าฝ่าบาทให้ลูกน้องคนสนิทไปเฝ้าที่นรกหมด แบบนั้นก็ยิ่งไม่มีใครให้ใช้งานแล้ว แล้วอีกอย่าง ลูกพี่ใหญ่พวกนั้นไม่ใช่ลูกน้องคนสนิทที่ร่วมบุกยึดใต้หล้ากับฝ่าบาทในปีนั้นหรอกเหรอ? การบุกยึดใต้หล้านั้นง่าย แต่การปกครองใต้หล้านั้นยาก!”
“ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันถึงขั้นนี้ จะไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ?” ปี้เยว่ฮูหยินถาม
“ยังจะทำยังงได้อีกล่ะ? ขอเพียงทุกฝ่ายถอยกันคนละก้าว ขอเพียงฝ่าบาทไม่ทำให้เรื่องใหญ่โตกว่านี้ กลับไปทุกคนก็จะยังเป็นขุนนางและราชัน เดี๋ยวภายหลังถ้าเจอหน้ากันอีกก็จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะถึงอย่างไรการทำให้ใต้หล้าวุ่นวายก็ล้วนไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งนั้น เรื่องครั้งนี้ฝ่าบาทเป็นคนผิด เขาไม่ควรผลักให้หัวหน้าภาคพวกนั้นถึงที่ตายเพียงเพราะกลัวตัวเองเสียหน้า กำลังพลเบื้องล่างกลายเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าพวกลูกพี่ใหญ่ไม่ตอบโต้อย่างดุเดือด แล้วจะยังมีบารมีชื่อเสียงอยู่อีกเหรอ ในภายหลังลูกน้องจะยังเชื่อฟังพวกเขาอยู่อีกเหรอ เฮ้อ! แต่ถ้าว่ากันตามจริง ฝ่าบาทก็ยังเป็นฝ่ายชนะ หัวหน้าภาคแปดสิบกว่าคนรวมตัวกันลาออก แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานความแน่วแน่ของฝ่าบาทที่จะปรับปรุงตลาดสวรรค์ได้ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ถึงอย่างไรพวกลูกพี่ใหญ่ก็ยังต้องหาบันไดให้ฝ่าบาทลง ทำได้เพียงปล่อยให้การปรับปรุงตลาดสวรรค์ดำเนินต่อไป พวกพี่ใหญ่ก็แค่กู้หน้ากลับมานิดหน่อยเท่านั้น ข้างในนั้นไม่มีได้อะไรสักนิด ถึงที่สุดแล้ว ถ้าฝ่าบาทกับประมุขพุทธะร่วมมือกันขึ้นมาก็จะมีอิทธิพลมาก! เพียงแต่เสียดายหัวหน้าภาคแปดสิบกว่าคนกับพยานพวกนั้น ทั้งยังมีครอบครัวของพวกเขาอีก ล้วนกลายเป็นเครื่องสังเวยสำหรับการต่อสู้ของคนระดับบน!” ท่านโหวเทียนหยวนกล่าว
ปี้เยว่ฮูหยินก็ทอดถอนใจไม่หายเช่นกัน…
ดาวเทียนหยวน ตำหนักคุ้มเมือง เหมียวอี้กลับเข้ามาในตำหนัก กันคนที่อยู่รอบข้างออกไป สั่งว่าถ้าไม่มีคำสั่งจากเขา ก็ห้ามไม่ให้ใครเข้ามาที่ตำหนักหลัง
หลังจากพวกเหยียนซิวถอยออกไปแล้ว เหมียวอี้ก็เข้ามาในห้องสมาธิทันที แล้วเรียกไห่ผิงซินออกมาวางลงบนเตียง
ตอนนี้เขาถึงได้เพ่งมองหน้าตาของไห่ผิงซินอย่างละเอียด เขาพบว่าผู้หญิงคนนี้ได้รับข้อดีเรื่องหน้าตาของไห่ยวนเค่อกับปี้เยว่ฮูหยินรวมกัน นางหน้าตาสวยกว่าปี้เยว่ฮูหยินเสียอีก เพียงแต่ขาดเสน่ห์เย้ายวนเหมือนลูกท้อสุกที่ทำให้คนเห็นแล้วอยากกัดเหมือนปี้เยว่ฮูหยิน
เขาใช้มือกดหน้าผากไห่ผิงซิน ร่ายอิทธิฤทธิ์กำจัดผนึกบนร่างกายนางอย่างง่ายๆ
“อือ…อืม…” ลมหายใจไห่ผิงซินปั่นป่วนเล็กน้อย ส่งเสียงครางออกมาเบาๆ เปลือกตาสั่นไหวเล็กน้อย ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ
…………………………
[1] ปลาตายแหขาด 鱼死网破 อุปมาว่า ต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย