พอลืมตาสองข้าง ก็พบว่าสภาพแวดล้อมแปลกไป ด้านบนคือเพดานหิน พอเอียงหน้ามองทางซ้ายก็เพียงผนังหิน พอเอียงหน้ามองทางขวา ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มบางๆ อยู่ตรงนั้น…
ไห่ผิงซินที่รู้สึกตัวตกใจจนรีบลุกขึ้นนั่ง จากนั้นลงจากเตียงแล้วถอยหลังอย่างช้าๆ ถามด้วยสีหน้าระแวดระวังว่า “ท่านเป็นใคร?”
เหมียวอี้เอามือไขว้หลังมองนาง หรี่ตายิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ไห่ผิงซิน!”
อีกฝ่ายรู้ชื่อตัวเองแล้ว ไห่ผิงซินอึ้งทันที ถามหยั่งเชิงว่า “ท่านคือคนที่ท่านพ่อส่งมารับตัวข้าเหรอ? ไม่ใช่สิ ท่านเป็นใคร ท่านรู้ชื่อของข้าได้ยังไง?” ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โง่ สังเกตได้ทันทีว่าหน้าตาของอีกฝ่ายไม่มีจุดไหนที่สอดคล้องกับคนที่บิดาบรรยายไว้เลยสักนิด
เหมียวอี้ยิ้มบางๆ “ก่อนหน้านี้เจ้ายังเลอะเลือนละเมอเรียกแม่ ข้าถามไปส่งเดชแค่สองคำ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะตอบข้าจริงๆ น่าสนใจเหมือนกันนะ ลูกสาวของไห่ยวนเค่อหัวโจกโจรกบฏกับปี้เยว่แห่งจวนแม่ทัพภาคตงหัว ปี้เยว่ฮูหยินไปทดสอบที่นรก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีลูกสาวกับหัวโจกโจรกบฏเสียแล้ว น่าสนใจเกินไปแล้วมั้ง”
พอเห็นเขาเอ่ยปากบอกว่าบิดาตัวเองคือโจรกบฏ ไห่ผิงซินก็ถามอย่างตกใจกลัวว่า “ท่านเป็นใครกันแน่?”
เหมียวอี้หรี่ตายิ้ม “ข้าเป็นใครน่ะเหรอ? ถ้าพูดออกมาก็ยิ่งน่าสนุกน่ะสิ บังเอิญว่าผู้บังคับบัญชาของข้าชื่อว่าปี้เยว่ ตอนการทดสอบจบลง เดิมทีข้าเดินทางไปรับนาง แต่ใครจะคิดว่าจะได้เจอกับเรื่องบังเอิญขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอกับลูกสาวนางแล้ว แม่นางไห่ผิงซิน เจ้าว่าทำไมบนโลกนี้จึงมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้ล่ะ?”
ในใจไห่ผิงซินราวกับมีคลื่นโหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง แต่ภายนอกยังพยายามสงบเยือกเย็นเอาไว้ “ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดเรื่องอะไร”
“ฟังไม่เข้าใจเหรอ?” เหมียวอี้พลิกฝ่ามือหยิบระฆังดาราอันหนึ่งออกมา แล้วส่ายหน้าถามว่า “แล้วทำไมตราอิทธิฤทธิ์ที่อยู่บนระฆังดาราอันนี้ถึงบังเอิญตรงกับปี้เยว่ล่ะ?”
ไห่ผิงซินรีบมองดูบนข้อมือตัวเองแวบหนึ่ง พบว่าของที่อยู่บนข้อมือตัวเองหายไป นางร้องในใจว่าแย่แล้ว แต่กลับเงยหน้าชี้ข้างหลังเหมียวอี้พร้อมถามว่า “แล้วเขาคนนั้นเป็นใคร?”
มีคนเข้ามาแต่ข้าไม่รู้งั้นเหรอ? เหมียวอี้ตกใจ รีบหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่เห็นใครทั้งนั้น กลับรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างโจมตีเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แทบจะไม่ได้มองอะไร เหมียวอี้โบกมือคว้าเอาไว้ กักข้อมือของไห่ผิงซินไว้แล้ว
ไห่ผิงซินมีเพียงวรยุทธ์บงกชม่วงขั้นหนึ่ง จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของเหมียวอี้ได้อย่างไร นางถูกพลังอิทธิฤทธิ์อันแข็งแกร่งของเหมียวอี้ควบคุมจนขยับไม่ได้ เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟันอยู่อย่างนั้น
นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเด็กสาวคนนี้จะใช้อุบายลอบโจมตี ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะตกหลุมพรางอุบายที่เด็กสามขวบใช้กัน ขณะมองดูเด็กสาวที่ดูเหมือนจะไร้เดียงสาคนนี้ เหมียวอี้ก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พบว่านางสมกับเป็นลูกสาวของหัวโจกโจรกบฏจริงๆ! เขาถอนหายใจ แล้วพูดหยอกว่า “ข้าว่านะนางหนู มารดาเจ้าเป็นผู้บังคับบัญชาของข้า ข้ารู้ความลับของมารดาเจ้าแล้ว การที่ข้าจับลูกสาวนางมา มีหรือที่ข้าจะไม่เตรียมตัวเลยสักนิด ต่อให้เจ้าสังหารข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ พอข้าตายไป เรื่องของมารดาเจ้าก็จะถูกเปิดโปงทันที”
พอโบกมือหนึ่งครั้ง ไห่ผิงซินก็โซเซถอยไปข้างหลัง นางทำสีหน้าตกใจกลัว…
จวนแม่ทัพภาคตงหัว ในคฤหาสน์ตรงตีนเขา นอกจากท่านนั้นที่อยู่ดาวเทียนหยวน ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์อีกเก้าคนก็มากันครบ ท่านแม่ทัพภาคกำลังจะกลับมาแล้ว ทุกคนมาต้อนรับล่วงหน้าแล้ว พอทุกคนได้มาเจอกัน ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับหัวหน้าภาคตลาดสวรรค์ในช่วงนี้
เซี่ยโห้วหลงเฉิงเดินบิดขี้เกียจออกมาจากประตู พอเห็นผู้บัญชาการใหญ่แปดคนในสวนรวมตัวกันอยู่ โดยให้ความสำคัญกับจ้านหรูอี้มากที่สุด เขารู้สึกไม่สบอารมณ์นิดหน่อย จึงเดินหัวเราะร่าเข้าไปทันที แล้วพูดหนอกว่า “จ้านคนสวย วันนี้สวยอีกแล้วนะ”
เมื่อเห็นเขามาแล้ว ทุกคนที่กำลังวิพากวิจารณ์เรื่องเบื้องบนของตลาดสวรรค์ก็หุบปากทันที เพราะอาหญิงของท่านที่อยู่ตรงหน้านี้คือคนคุมตลาดสวรรค์
จ้านหรูอี้เหล่ตามองมา “ถ้าปากไม่สะอาดอีก…ข้าจะคอยดูว่าหวงฝู่จวินโหรวจะว่ายังไง”
ใบหน้ายิ้มของเซี่ยโห้วหลงเฉิงค้างชะงัก เปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที “เออใช่ ข้าเพิ่งได้ยินข่าวมานิดหน่อย ตำแหน่งแม่ทัพภาคตงหัวอาจจะเปลี่ยนคนเหรอ”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา คนที่อยู่ตรงนั้นก็มองมาพร้อมกันทันที ต่างก็รู้ว่าถ้าเป็นเรื่องของตลาดสวรรค์ แหล่งข่าวของเจ้าหมีควายนี่รวดเร็วที่สุด
จ้านหรูอี้จำเป็นต้องวางเรื่องเมื่อครู่นี้ลงก่อน แล้วถามว่า “คะแนนของท่านแม่ทัพภาคไม่ได้แย่ นางรักษาตำแหน่งแม่ทัพภาคได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ใครจะไปรู้ล่ะ! ถึงยังไงก็ได้ยินข่าวมาแบบนี้ ท่านโหวเทียนหยวนกำลังช่วยนายท่านดำเนินการ เหมือนนายท่านจะไม่อยากทำงานที่จวนแม่ทัพภาคตงหัวแล้ว อยากจะย้ายไปเป็นแม่ทัพภาคที่อื่น”
เหยียนซู่และคนอื่นๆ มองหน้ากันเลิกลั่ก ทำท่าเหมือนทั้งประหลาดใจทั้งคิดว่าสมเหตุสมผล เมื่อมีสองท่านตรงหน้าอยู่ที่จวนแม่ทัพภาคตงหัว ใครมาแล้วจะทำงานได้อย่างอิสระบ้างล่ะ?
จ้านหรูอี้ขมวดคิ้วพูดไม่ออกครู่หนึ่ง นางมองไปรอบๆ แล้วถามอีกว่า “เจ้ากับหนิวโหย่วเต๋อสนิทกันมากไม่ใช่เหรอ? ท่านแม่ทัพภาคกำลังจะกลับมาแล้ว พวกเรามาต้อนรับล่วงหน้า ทำไมเขาถึงไม่มาล่ะ?”
เหยาสิ้งที่อยู่ข้างๆ ทำเสียงฮึดฮัดแล้วบอกว่า “เจ้าคนที่ไม่เห็นผู้บังคับบัญชาอยู่ในสายตาแบบนี้สมควรลงโทษให้หนัก!”
“หึ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงเหล่ตามองพร้อมพูดแดกดันทันที “ตอนทดสอบครั้งแรก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครที่โดนหนิวโหย่วเต๋อไล่ตามจนหนีแทบไม่ทัน ถ้าเก่งนักก็ไปพูดต่อหน้าหนิวโหย่วเต๋อสิ”
โดนเปิดโปงปมด้อยแล้ว เหยาสิ้งแค้นจนกัดฟันกรอด พบว่าเจ้าหมีควายนี่ช่างอกตัญญู ช่วยแก้ปัญหาให้คนไปมากมายขนาดนั้น แต่ปากกลับพูดจาไม่เกรงใจใครเลยสักนิด ต่อให้เป็นสุนัขก็เลี้ยงเสียข้าวสุก ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ภูมิหลังของเซี่ยโห้วหลงเฉิง เขาก็คงจะฆ่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงตายไปแล้วจริงๆ
“พูดต่อหน้าเขาแล้วยังไงล่ะ? ต่อให้พูดต่อหน้าท่านแม่ทัพภาค ข้าก็พูดเหมือนเดิมอยู่ดี จะพูดไม่ได้เชียวเหรอว่าเขาไม่เห็นผู้บังคับบัญชาอยู่ในสายตา? ข้าพูดให้ชัดเลยก็ได้ ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อคิดบัญชีกับเขานี่แหละ ทำไมเหรอ เจ้าอยากจะเข้ามาร่วมด้วยรึไง?” จ้านหรูอี้กล่าว พวกเหยาสิ้งล้วนเป็นลูกน้องของตระกูลอิ๋ง อีกทั้งคนพวกนี้ยังให้ความสำคัญกับนางด้วย ในเวลานี้นางย่อมต้องออกหน้าช่วย
เซี่ยโห้วหลงเฉิงกำลังจะเถียง แต่พอสัมผัสได้กับสายตาที่แฝงความหมายลึกซึ้งของจ้านหรูอี้ เขาก็เม้มปากไม่กล้าพูดอะไร เขารู้ว่าจ้านหรูอี้กับหวงฝู่จวินโหรวเป็นเพื่อนสนิทกัน ผู้หญิงสองคนนี้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก ถ้าอยากจะมีความสัมพันธ์อันดีกับหวงฝู่จวินโหรว ก็จะไปมีเรื่องกับจ้านหรูอี้ไม่ได้
เหยาสิ้งและคนอื่นๆ สบตากันทันที พวกเขานับว่ามองออกแล้ว ว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงกลัวจ้านหรูอี้!
“วันนี้อากาศไม่เลวเลย!” พอเงยหน้ามองฟ้า เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็หาบันไดลงให้ตัวเอง เอามือไขว้หลังเดินไปไกลแล้ว
พอเดินไปหลบตรงจุดที่ไร้คน เขาก็หยิบระฆังดาราออกมา รีบติดต่อกับเหมียวอี้แล้ว : น้องหนิว ท่านแม่ทัพภาคกลับลังจะกลับเดี๋ยวนี้แล้ว ทำไมเจ้ายังไม่กลับมาอีก? ให้ผู้บังคับบัญชารอแบบนี้ ไม่ว่าจะเอาไปพูดที่ไหนก็ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น! ขนาดข้ายังไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลยนะ!
เขาไม่ได้พูดมั่ว ภายใต้การอบรมสั่งสอนจากตระกูลของเขา เมื่อเห็นผู้บังคับบัญชาก็ไม่เคยเมินเฉย ในปีนั้นที่เป็นลูกน้องปี้เยว่ฮูหยิน ภายนอกเขาก็ทำตัวสุภาพเกรงใจมาก จนกระทั่งหลังจากเลิกเป็นลูกน้องของปี้เยว่ฮูหยินแล้วถึงได้ทำตัวกำเริบเสิบสาน
เหมียวอี้ : กำลังอยู่ระหว่างทาง ใกล้จะถึงแล้ว
หลังจากเขารับธนูเทพสังหารแล้ว ก็อ้อมไปไกลมากจริงๆ ใช้เวลาไปเกือบครึ่งปีกว่าจะอ้อมกลับมาถึง หลังจากจัดการเรื่องไห่ผิงซินเรียบร้อยแล้วถึงได้ออกเดินทาง
เซี่ยโห้วหลงเฉิง : น้องหนิว รีบๆ หน่อยเถอะ รีบกลับมาก่อนปี้เยว่ ไม่อย่างนั้นถ้าจ้านหรูอี้ฉวยโอกาสใช้เรื่องส่วนรวมแก้แค้นส่วนตัว นางก็จะกลั่นแกล้งเจ้านะ เจ้าเองก็รู้ถึงภูมิหลังของนาง ข้าไม่สะดวกจะพูดอะไรมากแล้ว
เหมียวอี้ : ขอบคุณเจตนาดีของพี่เซี่ยโห้ว ข้าทราบแล้ว กำลังจะถึงเดี๋ยวนี้
หลังจากติดต่อกันแล้ว เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เก็บระฆังดาราก็พลันเงบหน้าขึ้น เห็นเพียงเงาคนวาดผ่านท้องฟ้ามาเหยียบลงในจวนแม่ทัพภาค ผู้ที่นำหน้ามาก็คือปี้เยว่ฮูหยินนั่นเอง
เซี่ยโห้วหลงเฉิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าพึมพำ “หมดกัน นางมาถึงก่อนแล้ว น้องหนิวเอ๊ย เจ้าอวยพรให้ตัวเองเถอะนะ!”
ผ่านไปไม่นาน เหยียนซู่ เหยาสิ้ง ติงเจ๋อเฉวียน ซ่างหรูเยว่ เกาโย่ว เหลียนฟางอวี้ รุ่ยฝาน จ้านหรูอี้รวมทั้งเซี่ยโห้วหลงเฉิงรีบไปคารวะในจวนแม่ทัพภาค
พอกลับมาแล้ว ปี้เยว่ฮูหยินก็สั่งให้คนจัดหาที่พักให้คนที่คุ้มกันส่งนาง แล้วเรียกพบลูกน้องกำลังหลักที่ตำหนักใหญ่ทันที
“คารวะท่านแม่ทัพภาค!”
เก้าคนที่รออยู่ในตำหนักกล่าวคารวะ
“ทุกคนลำบากแล้ว!” ปี้เยว่ฮูหยินเดินออกมาจากตำหนักหลัง นางผายมือขึ้นด้วยรอยยิ้ม กวาดสายตามองคนที่อยู่ข้างล่าง โดยเน้นที่จ้านหรูอี้กับเซี่ยโห้วหลงเฉิง จากนั้นก็พบว่าขาดไปคนหนึ่ง จึงถามอย่างแปลกใจว่า “หนิวโหย่วเต๋ออยู่ที่ไหน?”
จ้านหรูอี้กุมหมัดตอบ “หนิวโหย่วเต๋อไม่มาค่ะ”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แต่ในใจกลับด่าว่า ช่างตรงไปตรงมาจริงๆ เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเขาไม่มา อีกฝ่ายกำลังอยู่ระหว่างทางชัดๆ เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้จงใจจะวางกับดัก!
เหยียนซู่และคนอื่นๆ ทำสีหน้าเรียบเฉย แต่สายตาที่กำลังสังเกตสีหน้าท่าทางปี้เยว่ก็ชัดเจนแล้วว่าก็กำลังรอดูละครสนุกๆ
“ไม่มาเหรอ?” ปี้เยว่ฮูหยินอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นสีหน้าก็เย็นเยียบลงเล็กน้อย ก่อนมานางสั่งให้หลันเซียงประกาศลงไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะยังไม่มา แบบนี้มองข้ามหัวกันเกินไปรึเปล่า ผู้บังคับบัญชาเรียกพบ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มา นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นลูกน้องแบบนี้ หรือคิดว่าช่วยนางทำคะแนนทดสอบแล้วจะทำตามอำเภอใจได้?
นางเอียงหน้ามองหลันเซียงที่อยู่ข้างๆ พร้อมถามว่า “แจ้งไปหรือยัง?”
หลันเซียงพยักหน้าเบาๆ “แจ้งไปแล้วค่ะ”
ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าอันรีบร้อนดังมา ทุกคนหันไปมอง พวกเหยียนซู่ทำสีหน้าเยาะเย้ยทันที
ผู้ที่มาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเหมียวอี้ที่รีบมาแล้วแต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งนั่นเอง พอเข้ามาในตำหนักแล้ว ก็รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วกุมหมัดคารวะ “คารวะท่านแม่ทัพภาค ข้าน้อยมาสาย ได้โปรดอภัยด้วย!”
ปี้เยว่ฮูหยินทำสีหน้าเรียบเฉย มองต่ำลงมาพร้อมถามว่า “ทำไมมาสาย?”
“ช่วงนี้โจรขวักไขว่ บังเอิญว่าถูกข้าน้อยพบระหว่างทางที่มา เลยต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนเสียเวลาแล้ว” เหมียวอี้ตอบ
เซี่ยโห้วหลงเฉิงอมลมในกระพุ้งแก้ม แทบจะหัวเราะออกมาแล้ว พบว่าน้องหนิวคนนี้ช่างพูดจาเหลวไหลได้แบบตาไม่กะพริบจริงๆ!
จ้านหรูอี้หันกลับไปส่งสายตาให้คนอื่นๆ
ปี้เยว่ฮูหยินสีหน้าเครียดขรึมลง ถามว่า “เป็นโจรจากไหน?”
“ปิดหน้าหมดเลยขอรับ ไม่รู้จัก” เหมียวอี้ตอบ
“จับได้บ้างรึเปล่า?” ปี้เยว่ฮูหยินถาม
เหมียวอี้ : “ข้าน้อยไร้ความสามารถ เอาตัวรอดมาได้ก็นับว่าโชคดีแล้วขอรับ ปล่อยให้พวกเขาหนีไปแล้ว”
ปี้เยว่ฮูหยินไม่พูดอะไรแล้ว จ้องเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ
เหมียวอี้ยืนนิ่งสงบเยือกเย็นอยู่ตรงนั้น เรียกได้ว่าไม่สะทกสะท้านเลยจริงๆ แต่กลับมีคนที่ไม่อยากปล่อยเขาไป เหยียนซู่ที่อยู่ข้างกันกล่าวว่า “ผู้บัญชาการใหญ่หนิว เจ้าไม่เห็นนายท่านอยู่ในสายตา มาช้าก็คือมาช้าไง จะปั้นเรื่องแก้ตัวอะไรมากขนาดนั้น?”
เหมียวอี้หันขวับ แล้วหันตัวตามาช้าๆ ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ แล้วถามว่า “นางแพศยา เจ้าใช้ตาดวงไหนมองว่าหนิวคนนี้ไม่ให้นายท่านอยู่ในสายตา?”
ทหารกล้าที่บุกเดี่ยวโจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้าน เหยียนซู่ตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่สถานที่ที่หนิวโหย่วเต๋อจะมาเกเรได้ จึงยืนนิ่งทันที แล้วชี้หน้าเหมียวอี้พร้อมตะคอกว่า “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าทำปากให้สะอาดหน่อย เจ้าด่าใครว่านางแพศยา?”
“ด่าเจ้าไงล่ะ!” ไม่ใช่แค่ด่า พอเหมียวอี้พูดจบ จู่ๆ ยกเท้าถีบออกมาทีหนึ่ง ตุ้บ! โดนท้องน้อยเหยียนซู่พอดี
“อ๊า…” เหยียนซู่ส่งสียงร้อง นางไม่ได้ป้องกันเพราะนึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะจู่โจมกระทันหัน บวกกับเหมียวอี้ลงมือเร็วมาก นางเตรียมป้องกันไม่ทัน กระอักเลือดสดออกมาคำหนึ่ง โดนถีบจนตัวกระเด็นออกไป
ขนาดเมียหัวหน้าภาคยังโดนถีบเลยเหรอ? เซี่ยโห้วหลงเฉิงเบิกตากว้าง อ้าปากเป็นวงกลม ทำสีหน้าตกตะลึงพูดไม่ออก วันนี้เขานับว่าได้รับรู้ถึงความห้าวหาญของน้องหนิวอย่างแท้จริงแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าทำร้ายคนอื่นในตำหนักประชุมต่อหน้าเบื้องบน!
…………………………