พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1313 น้องหนิว กงสี่ฟาไฉ!

นี่ก็คือความจริงเช่นกัน ต่อให้เป็นคนโง่ก็ดูออกว่าคนกลุ่มนี้ขอโทษอย่างไม่มีความจริงใจเลยสักนิด เป็นเพราะโดนกดดันจนหมดทางเลือก จึงพูดขายผ้าเอาหน้ารอดเท่านั้น ท่าทางไม่เหมือนสำนึกผิดเลยสักนิด

แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าดึงดันจะบังคับให้คนพวกนี้ขอโทษออกมาจากใจ ก็คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน

พวกเหยาสิ้งถูกคำพูดของเหมียวอี้ทำให้หมดแผนรับมือ จะขึ้นข้างบนก็ไม่ได้ จะลงข้างล่างก็ไม่ได้

“หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าพูดมาตรงๆ เถอะ เจ้าต้องการจะให้ทำอะไรกันแน่?” จ้านหรูอี้ถามเสียงต่ำ

“ง่ายมาก!” เหมียวอี้ตะโกนตอบ แล้วโบกทวนชี้รอบวง “ตอนแรกพวกเขาต้องการจะเอาชีวิตข้า แต่ข้ารักษาไว้ได้ ตอนนี้ข้าก็จะเอาชีวิตพวกเขาเหมือนกัน แค่ต้องคอยดูว่าพวกเขาจะรักษาไว้ได้รึเปล่า ยื่นมือยื่นแมว ยุติธรรมสมเหตุสมผล!”

เด็กดี! เซี่ยโห้วหลงเฉิงรีบหลบถอยหลังไปไกล นี่ต้องการจะสู้กันให้ถึงที่สุดให้ได้เลยให้ได้เลย!

จ้านหรูอี้กัดฟันถาม “หมายความว่า เจรจากันไม่ได้ใช่มั้ย?” ถ้าจะสู้ตายกันจริงๆ นางเองก็ทำได้เพียงร่วมด้วย

ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะอ่อนข้อให้แล้ว “ก็ได้ ในเมื่อจ้านคนสวยเอ่ยปากแล้ว ข้าก็จะไว้หน้าเจ้าสักครั้ง แต่อย่าเอาคำขอโทษปากเปล่าที่ไม่จริงใจมาหลอกตบตากันเลย ข้าเองก็จะไม่กลั่นแกล้งพวกเขาเหมือนกัน ต้องการเงินหรือต้องการชีวิต เลือกเอาเอง!”

จ้านคนสวย? เซี่ยโห้วหลงเฉิงยิ้มมุมปาก ทำไมน้องหนิวเรียนรู้จากข้าเสียแล้วล่ะ?

ที่จริงเขาใช้คำพูดนี้ลวนลามจ้านหรูอี้มาตลอด คำว่า ‘จ้านคนสวย[1]’ นี้ ขึ้นอยู่กับว่าจะทำความเข้าใจอย่างไร ถึงอย่างไรเขาก็ใช้วิธีการที่ค่อนข้างลามกสกปรกเพื่อทำ

แน่นอน สิ่งที่ทำให้เขาร่าเริงยิ่งกว่ากันก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าเหมียวอี้จะใช้วิธีการแบบนี้รีดไถเงิน

นี่เป็นอุบายขู่รีดเงินชัดๆ จ้านหรูอี้แค้นจนกัดฟันกรอด ถามด้วยสีหน้าแดกดันว่า “เจ้าต้องการเท่าไร?”

“จ่ายมาเท่าไร ก็แสดงว่าตัวเองมีความจริงใจเท่านั้น” เหมียวอี้ตอบ

จ้านหรูอี้หันกลับมาถ่ายทอดเสียงบอกผู้บัญชาการใหญ่ที่เหลือ “เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ บุรุษอาชาไนยสามารถยอมลดราวาศอก เดี๋ยวในภายหลังข้าจะช่วยทวงคืนให้พวกเจ้าทั้งต้นทั้งดอก”

ซ่างหรูเยว่คว้าแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมา “ที่ข้ามียาแก่นเซียนหนึ่งล้านเม็ด”

เหมียวอี้แสยะยิ้ม “ที่แท้ชีวิตเจ้าก็มีค่าเท่ายาแก่นเซียนหนึ่งล้านเม็ดนี่เอง แบบนั้นก็ดีเลย จ้านคนสวย ข้าให้ยาแก่นเซียนเจ้าสองล้านเม็ด ข้าจะซื้อชีวิตของนางก็แล้วกัน!” พูดจบก็หยิบแหวนเก็บสมบัติออกมา

“เจ้าพูดมาตรงๆ เถอะ เจ้าต้องการเท่าไร!” จ้านหรูอี้ตะคอก

เหมียวอี้ก็ไม่เกรงใจเช่นกัน ชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “ขอยาแก่นเซียนคนละยี่สิบล้านเม็ด!”

เด็กดี! เซี่ยโห้วหลงเฉิงเดาะลิ้น รวมกันเจ็ดคนก็ปาไปหนึ่งร้อยสี่สิบล้านเม็ดแล้ว เพียงพอให้นักพรตบงกชทองขั้นหนึ่งเพิ่มวรยุทธ์จนถึงบงกชทองขั้นแปดเลย

ทั้งเจ็ดคนได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนพร้อมกัน ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์มาก แต่ไม่มีใครที่สามารถฮุบทุกอย่างเอาไว้คนเดียว

เมื่อพูดแบบนี้ ถ้านำทรัพยากรที่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ได้ในแต่ละปีมาแลกเป็นยาแก่นเซียนแล้วเทียบกัน ยกตัวอย่างเช่น ร้านค้าหนึ่งแสนกว่าร้านที่ตลาดสวรรค์ แต่ร้านค้าก็มีทั้งใหญ่ทั้งเล็ก มีร้านที่ทำกำไรได้ แต่มีร้านที่กิจการไม่รุ่งเรือง ไม่ใช่ว่าร้านค้าทุกร้านจะมีสินบนมากมายขนาดนั้น มิหนำซ้ำส่วนใหญ่ก็เป็นร้านค้าขนาดกลางและขนาดเล็กด้วย และร้านค้าพวกนั้นก็ไม่ได้ติดสินบนผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์แค่คนเดียวด้วย ยังมีทหารเล็กๆ ใต้บังคับบัญชาอีก พวกเขาก็ต้องให้สินน้ำใจบ้างเหมือนกัน เพียงแต่ผู้บัญชาการใหญ่ได้เยอะกว่าก็เท่านั้นเอง

เมื่อเฉลี่ยแล้วนำมาคำนวณเป็นยาแก่นเซียน เมื่อเฉลี่ยร้านค้าแต่ละร้านแล้วก็มีแค่หนึ่งร้อยเม็ดเท่านั้น เมื่อแลกเป็นผลึกแดง ก็เฉลี่ยได้ร้านละร้อยล้านผลึกแดงเท่านั้น ต้องมอบให้ทุกปี สำหรับนักพรตส่วนใหญ่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

หรือพูดได้อีกอย่างว่า ในหนึ่งปีผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์คนหนึ่งจะได้ทรัพยากรเป็นยาแก่นเซียนเกือบสิบล้านเม็ด แต่มีผู้บัญชาการใหญ่คนไหนจะฮุบไว้คนเดียวได้ล่ะ? ท่านแม่ทัพภาคเบื้องบนที่ควบคุมโดยตรงไม่ได้มีไว้ประดับตำแหน่งเฉยๆ จะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากตลาดสวรรค์แต่ละแห่งเชียวหรือ? ท่านแม่ทัพภาคเองก็ต้องมอบสินน้ำใจให้เบื้องบนเช่นกัน คนทั้งระดับบนทั้งระดับล่างของจวนแม่ทัพภาคล่ะ ต้องมอบให้สักหน่อยมั้ย? ยกตัวอย่างเช่นผู้การสองหลันเซียง จะไม่มอบสินน้ำใจให้สักหน่อยเหรอ?

แค่ค่าใช้จ่ายสำหรับมอบสินน้ำใจให้ท่านแม่ทัพภาคกับจ่ายให้คนในจวนแม่ทัพภาคก็เป็นสามถึงสี่ส่วนแล้ว

แล้วคนที่ทำให้เจ้าได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ล่ะ ต้องมอบให้สักหน่อยรึเปล่า? ยกตัวอย่างเช่นหัวหน้าภาคบางคนที่ช่วยให้เจ้าได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ เจ้าคงไม่มอบสินน้ำใจให้หัวหน้าภาคแค่คนเดียวหรอกใช่มั้ย? ลูกน้องคนสนิทข้างกายของหัวหน้าภาคล่ะ ต้องให้สักหน่อยรึเปล่า?

ค่าใช้จ่ายสำหรับเบื้องบนก็ปาเข้าไปสามถึงสี่ส่วนแล้ว

รคนสองกลุ่มนี้กล่าวมาข้างต้น ผู้บัญชาการใหญ่ล้วนต้องมอบสินน้ำใจให้ ไม่อย่างนั้นถ้าขาดการสนับสนุนจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไป เจ้าก็จะนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ได้อย่างไม่มั่นคง ทั้งยังอาจจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจด้วย ทุกคนต่างก็รู้ว่าตำแหน่งนี้ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ขนาดไหน ใครๆ ก็อยากจะขูดรีดจากตัวเจ้าทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เอง ทรัพยากรที่ตกถึงมือตัวเองในตอนสุดท้ายจึงมีแค่สามส่วน เป็นยาแก่นเซียนประมาณสามหมื่นกว่าเม็ด

ไม่ใช่ว่าผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ทุกคนจะทำแบบเหมียวอี้ได้ ที่แค่ต้องมอบสินน้ำใจให้จวนแม่ทัพภาคนิดหน่อยก็พอแล้ว และก็ด้วยเหตุนี้เอง จึงอธิบายได้ว่าเหมียวอี้ไม่มีอิทธิพลอำนาจอะไรหนุนหลัง ดังนั้นจึงทำมาหากินที่ตลาดสวรรค์ลำบาก

และผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักพรตบงกชทอง การฝึกตนในหนึ่งปีที่ต้องใช้ยาแก่นเซียนแสนกว่าเม็ดก็นับว่าเยอะแล้ว มิหน้ำซ้ำในแต่ละปียังมีแค่สามหมื่นเม็ด

ยาแก่นเซียนสามหมื่นเม็ดหมายความว่าอย่างไรล่ะ?

ยาแก่นเซียนหนึ่งเม็ดมีค่าเท่ากับลูกแก้วพลังปรารถนาหนึ่งแสนลูก หรือเท่ากับหนึ่งแสนผลึกแดง และค่าจ้างของผู้ช่วยผู้บัญชาการของตำหนักสวรรค์ก็คือลูกแก้วพลังปรารถนาหนึ่งร้อนล้านลูก ผู้บัญชาการสามร้อยล้านลูก ผู้บัญชาการใหญ่ห้าร้อยล้านลูก ค่าจ้างของผู้บัญชาการใหญ่คนหนึ่งก็เท่ากับยาแก่นเซียนห้าพันเม็ดเอง ส่วนยศของระดับบงกชทองแต่ละขั้นก็เพิ่มยาแก่นเซียนเพียงหนึ่งพันเม็ดเท่านั้น ต่อให้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ยศทหารเลวหกแถบ ในหนึ่งปีก็ได้เพียงยาแก่นเซียนหนึ่งหมื่นกว่าเม็ดเท่านั้น ลองคิดดูว่าผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ ทรัพยากรที่ได้ในแต่ละปีมากถึงสามแสนกว่าเม็ด ผู้บัญชาการใหญ่ที่อยู่ตามอำนาจท้องถิ่นเทียบไม่ติดเลย ทรัพยากรเยอะเกินไปแล้ว จะไม่ทำให้คนอิจฉาตาร้อนได้ยังไง

และคนที่สามารถเป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ได้ ส่วนใหญ่ล้วนมีอำนาจอิทธิพลหนุนหลัง ใช้จ่ายมือเติบจนติดเป็นนิสัย ค่าใช้จ่ายก็เยอะ ใช้สำหรับคบค้าสมาคมทั่วไป ใช้ตบรางวัลยามลูกน้องทำงานให้ ใช้เลี้ยงพวกอนุภรรยา เสพสุขกับชีวิต และค่าใช้จ่ายที่เยอะที่สุด ส่วนใหญ่ก็เตรียมไว้สำหรับทำพวกของวิเศษและเครื่องมือต่างๆ เมื่อเทียบกันแล้ว ก็ไม่ถือว่าใช้ไปกับการฝึกตนมากเท่าไรนัก

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ถึงแม้จะมีทรัพยากรเยอะ แต่ที่เก็บออมได้ก็มีไม่มากเท่าไร พอเหมียวอี้เอ่ยปากว่าต้องการยาแก่นเซียนคนละยี่สิบล้านเม็ด ทุกคนจะไม่สีหน้าเปลี่ยนได้อย่างไร แบบนี้เท่ากับต้องทำงานให้เหมียวอี้โดยไม่รับเงินไปกี่ปี?

พวกเขาไม่เหมือนเหมียวอี้ ที่เอาแต่ไปแอบสร้างความร่ำรวยจากข้างนอก ในแต่ละปีอนุภรรยาในบ้านเหมียวอี้ใช้ยาแก่นเซียนได้มากสุดถึงแสนเม็ด ทรัพยากรฝึกตนสำหรับลูกน้องคนสนิทก็มีเพียงพอ ทำให้ผู้บัญชาการใหญ่ในพื้นที่ต่างๆ ของผู้มีอำนาจอับอายแทบตาย

แต่สำหรับเหมียวอี้แล้ว เงินจำนวนนี้ก็ยังไม่พอใช้ เพราะเฮยทั่นกับตั๊กแตนใช้เงินเยอะมาก

จ้านหรูอี้ได้ยินแล้วโมโห “หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าอย่าทำเกินไปนัก!”

เหมียวอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง พอพลิกฝ่ามือ เกราะรบผลึกแดงบริสุทธิ์ก็ครอบคลุมร่างกายแล้ว จากนั้นโบกทวนชี้ “หนิวโหย่วเต๋ออยู่นี่ ใครกล้าสู้ตายกับข้า!”

เซี่ยโห้วหลงเฉิงเบะปากอย่างร่าเริง

จ้านหรูอี้โมโหจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างถี่กระชั้น นางพลิกฝ่ามือถือทวนยาวด้ามหนึ่ง ก็ลังจะพุ่งเข้าไปสู้ตายแล้ว

เหยียนซู่และคนอื่นๆ กลับรีบดึงนางไว้ ถ้าสู้ชนะได้มีหรือที่จะยอมให้หนิวโหย่วเต๋อกำเริบเสิบสาน ที่สำคัญคือสู้ไม่ชนะ!

ครั้งนี้ถ้าปล่อยให้จ้านหรูอี้ตายด้วยน้ำมือหนิวโหย่วเต๋อเพราะพวกเขา ต่อให้พวกเขาจะพ้นเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ แต่ก็ไม่มีทางอธิบายกับทางตระกูลอิ๋งได้อยู่ดี!

ผู้บัญชาการใหญ่รุ่ยฝานกล่าวเสียงต่ำว่า “หนิวโหย่วเต๋อ บนตัวพวกเราไม่ได้มียาแก่นเซียนมากมายขนาดนั้น ลดให้หน่อยได้มั้ย”

“ชีวิตของเจ้าลดน้อยลงได้มั้ยล่ะ?” เหมียวอี้ถามกลับ

“บนตัวไม่ได้มียาแก่นเซียนมากขนาดนั้นจริงๆ ให้พวกเรากลับไปแลกก่อนแล้วค่อยว่ากันได้มั้ย?” ผู้บัญชาการใหญ่เกาโย่วถาม

เหมียวอี้โมโหแล้ว โบกทวนชี้พร้อมบอกว่า “เจ้ากำลังล้อข้าเล่นใช่มั้ย? ถ้าเจ้าไปหลบแล้วข้าจะไปหาพวกเจ้าจากที่ไหนล่ะ? ข้าจะเอาตอนนี้ ถ้ายาแก่นเซียนไม่พอก็เอาของอย่างอื่นมารวมกันได้ ถ้ารวบรวมได้ไม่ครบก็เอาชีวิตมาเติม ถ้ากล้าไม่ให้ก็ลองดู!”

จ้านหรูอี้ที่โกรธจนหน้าเขียวพลันตะคอกว่า “ให้เขา!”

ดวงตาสองข้างที่เหมือนจะพ่นไฟได้กำลังจ้องเหมียวอี้ เหมือนกำลังบอกว่า เดี๋ยวกลับไปคอยดูเถอะว่าเจ้าจะตายอย่างไร

พวกเหยียนซู่เรียกได้ว่าได้รับความไม่เป็นธรรม ค้นหาของในกำไลเก็บสมบัติทันที

เหลียนฟางอวี้ที่รวบรวมได้ครบแล้วโยนกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งเข้ามา

เหมียวอี้กลับไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กำไลเก็บสมบัติที่โยนเข้ามากระทบร่างกายตกลงพื้น ไม่มีท่าทีว่าจะเก็บไว้เลย

เหลียนฟางอวี้อึ้งไปชั่วขณะ เหมียวอี้เลิกคิ้วเหล่ตามองนาง

เหลียนฟางอวี้กัดริมฝีปาก ยกมือขึ้นดูดกำไลเก็บสมบัติบนพื้นขึ้นมา แล้วส่งให้ตรงหน้าเหมียวอี้ด้วยตัวเอง

“เพี้ยะ!” เหมียวอี้ลงมืออย่างกระทันหัน มือไวจนเหลียนฟางอวี้หลบไม่ทัน ตบหน้านางอย่างแรงจนเสียงดังชัดอยู่ในหู

เหลียนฟางอวี้โดนตบจนโซเซ มุมปากมีเลือดไหล เอามือปิดหน้าหันกลับมา ยังไม่ทันได้ระบายความโกรธ หัวทวนเกล็ดย้อนที่แหลมคมก็มาจ่ออยู่ที่คอแล้ว นางตกใจจนหน้าซีด

เซี่ยโห้วหลงเฉิงเบิกตากว้างอย่างพูดไม่ออก ขนาดเมียของหัวหน้าภาคก็ยังโดนตบแล้ว…

“การตบฉาดนี้คือดอกเบี้ย!” เหมียวอี้บอกเหตุผลที่ตบนางอย่างเยือกเย็น แล้วขยุ้มนิ้วทั้งห้ากลางอากาศ กำไลเก็บสมบัติของเหลียนฟางอวี้เข้ามาอยู่ในมือ เขาร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูของที่อยู่ข้างใน พอคาดคะเนได้ว่าจำนวนใกล้เคียง ถึงได้เก็บทวนเกล็ดย้อน แล้วตะคอกว่า “ไสหัวไป!”

การตบฉาดนี้ทำให้คนอื่นๆ ตกใจแล้ว ยิ่งเหมียวอี้ทำแบบนี้ กลับยิ่งทำให้พวกเขาคิดว่าเหมียวอี้อยากจะหาเรื่องพวกเขา

จะรับความตายหรือจะรับความอัปยศ ไม่ใช่สิ่งที่ตัดสินใจเลือกยาก ล้วนเป็นคนอ่านสถานการณ์ออกที่ยืดได้หดได้ทั้งนั้น ยังดีกว่าเหมียวอี้ในปีนั้นที่ต้องทนรับความอัปยศจากพวกเขา

“เพี้ยะ!” ติงเจ๋อเฉวียนที่ส่งของมาให้โดนตบหน้า แล้วเม้มริมฝีปากแน่นเดินกลับไป

เพี้ยะ! เพี้ยะ! เพี้ยะ…

ผ่านไปคนแล้วคนเล่า หลังจากโดนตบแล้ว ผู้บัญชาการใหญ่ทั้งเจ็ดก็ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เรียกว่าอัปยศอดสูแล้ว นับว่าเข้าใจความรู้สึกของเหมียวอี้ในปีนั้นอย่างถ่องแท้ แต่ละคนไม่อยากอยู่นาน เชิญจ้านหรูอี้ที่กำลังจะพ่นไฟออกจากดวงตาเหาะพุ่งขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากมองส่งคนกลุ่มนั้นกลับไปแล้ว เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็เดินหัวเราะแห้งเข้ามาอยู่ข้างกายเหมียวอี้ที่กำลังถอดเกราะรบ แล้วกุมหมัดคารวะ “น้องหนิว กงสี่ฟาไฉ! แต่เกรงว่าจ้านหรูอี้กับป้าๆ พวกนั้นจะไม่ยอมเลิกราน่ะสิ!”

“ข้าล่วงเกินผู้มีอำนาจมาหมดราชสำนักแล้ว ต้องกลัวนางด้วยเหรอ?”เหมียวอี้พูดเหยียด แล้วก็บอกว่า “พี่เซี่ยโห้วหนิวคนนี้ร่ำรวยแล้วแจกจ่ายทุกคนเสมอมา ตอนนี้ขอมอบโอกาสร่ำรวยนี้ให้เจ้า จะเอาหรือไม่เอา?”

เซี่ยโห้วหลงเฉิงตาลุกวาวทันที พยักหน้าถามว่า “โอกาสอยู่ไหนล่ะ?”

เหมียวอี้เอามือไขว้หลังพลางกล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า “ยังมีอีกสองคน จางฮั่นฟางกับหลิ่วกุ้ยผิงออกจากจวนแม่ทัพภาคตงหัวไปแล้ว ไปอยู่จวนใกล้ๆ กันแล้ว ถ้าพี่เซี่ยโห้วยินดีจะไปให้สักรอบ ยาแก่นเซียนสี่สิบล้านเม็ดนั่นก็จะเป็นของพี่เซี่ยโห้วแล้ว”

มียาแก่นเซียนเข้าบัญชีรวดเดียวสี่สิบล้านเม็ด สิ่งนี้ทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงใจเต้นจริงๆ เขาแววตาวูบไหว เอามือเกาคางพลางกล่าวอย่างลังเลว่า “แบบนี้ไม่เหมาะสมกระมัง! สองคนนั้นไปอยู่ที่จวนแม่ทัพภาคหนีฉางแล้ว ถ้าข้าถ่อไปช่วยคิดบัญชีให้น้องหนิวที่นั่นจะฟังดูเหลวไหลนะ! แล้วอีกอย่าง ถ้าไปก่อเรื่องถึงบ้านคนอื่น อีกประเดี๋ยวจะแก้ตัวกับปี้เยว่ฮูหยินลำบากน่ะสิ!”

…………………………

[1] จ้านคนสวย 战美人 จ้าน 战 แปลว่าพิชิต สู้รบ รวมกันเป็นพิชิตสาวงาม

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset