บทที่ 1323 ตอนนี้เบื้องบนไม่พอใจเจ้ามาก
โดย
Ink Stone_Fantasy
สำหรับเขา ขอเพียงผู้บัญชาการใหญ่ก่อเรื่อง นั่นก็จะถึงเวลาแสดงความสามารถของเขาแล้ว ดังนั้นจึงมานั่งเฝ้าอยู่บนหอประตูกำแพงเมืองด้วยตัวเอง!
ตรงประตูของอีกสามเขตเมืองก็เกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กัน ในเมืองมีทหารเดินลาดตระเวนตรวจสอบขวักไขว่ไปมากลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ทำให้ร้านค้าทุกร้านไร้ลูกค้ามาเยือนอย่างแท้จริง ทั้งตลาดสวรรค์ดูเงียบเหงาซึมเซา
“นี่นายท่านต้องการจะทำอะไร?” ช่างไม้ที่อยู่ด้านหลังกลุ่มคนในเมืองถ่ายทอดเสียงถามอวิ๋นจือชิว
อวิ๋นจือชิวส่ายหน้าพลางถอนหายใจ ตั้งแต่เหมียวอี้กลับมาจากแดนอเวจี ก็เรื่องราวมากมายที่ไม่ปรึกษานางแล้ว
พ่อค้าระดับล่างไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่บรรดาร้านค้าที่มีอำนาจหนุนหลังตระหนักได้แล้วว่ามีปัญหาบางอย่างอยู่ ร้านสาขาอื่นที่อยู่ในในอาณาเขตจวนแม่ทัพภาคตงหัวก็เผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน พวกเขาได้รับข่าวมาแล้ว ต่างก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเหมียวอี้ แต่เป็นท่านโหวเทียนหยวนกับฮูหยินที่งัดข้อกัน
ตลาดสวรรค์สิบแห่งในจวนแม่ทัพภาคตงหัวว่างเปล่าหมดแล้ว เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ไม่มีทางปิดบังหูตาของท่านโหวเทียนหยวนไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้บัญชาการส่วนใหญ่ในจวนแม่ทัพภาคตงหัวก็ล้วนเป็นของคนของท่านโหวเทียนหยวน
ตำหนักสูงตระหง่านโดดเด่นบนยอดเขา เมฆขาวลอยวนเวียนบนตึกสูง ขณะที่ยืนพิงระเบียง ท่านโหวเทียนหยวนสีหน้ามืดครึ้ม แววตาเย็นเยียบดุร้าย
ผู้การถูเหย่รายงานข่าวที่ได้รับมาจากทางจวนแม่ทัพภาคตงหัว ถูเหย่ติดตามรับใช้อยู่ข้างกายท่านโหวเทียนหยวน จึงถูกเรียกว่าผู้การใหญ่ นี่ก็คือที่มาที่ไปของคำเรียก ‘ผู้การสองหลันเซียง’ ที่อยู่ข้างกายปี้เยว่
ยิ่งไปฟังไปเรื่อยๆ สีหน้าของท่านโหวเทียนหยวนก็ยิ่งแย่ สุดท้ายก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถามว่า “นางตัวแสบนั่นคิดจะทำอะไร?”
คิดจะทำอะไรท่านยังไม่รู้ชัดอีกเหรอ? ถูเหย่เงียบงันไม่ตอบคำถาม ในใจแอบทอดถอนใจ สามีภรรยากันจำเป็นต้องทะเลาะกันจนกลายเป็นแบบนี้มั้ย?
เขาได้ยินมาแล้ว ว่าท่านโหวตบตีทำร้ายฮูหยินต่อหน้าฝูงชน
ในขณะนี้เอง เทียนหยวนก็ขมวดคิ้ว พลิกมือหยิบระฆังดาราอันหนึ่งออกมา ตอบว่า : เทพประจำดาว มีอะไรจะกำชับขอรับ?
ผู้ที่ส่งข่าวมาคือเทพประจำดาวคนฉลู และเป็นผู้บังคับบัญชาของท่านโหวเทียนหยวนเช่นกัน เทพประจำดาวคนฉลูถามว่า : เทียนหยวน พวกเจ้าสองสามีภรรยาเล่นบ้าอะไร?
เรื่องที่ตลาดสวรรค์เพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน ผู้บังคับบัญชาก็ถามแล้ว เทียนหยวนค่อนข้างพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี สุดท้ายก็แข็งใจถามไปว่า : เทพประจำดาว เรื่องเล็กๆ แค่นี้ทำไมสะเทือนถึงท่านได้ล่ะ?
เทพประจำดาวคนฉลู : เรื่องเล็กเหรอ? นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่กับข้า? ตอนนี้มันเวลาไหนแล้ว เจ้าก่อเรื่องนี้ในช่วงเวลาแบบนี้ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? ตลาดสวรรค์สิบแห่งลูกค้าหายหมดเกลี้ยง เจ้าเคยได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อนมั้ย? เรื่องนี้สะเทือนไปถึงจอมพลเฉิงที่คุ้มรักษาการณ์ที่นรกแล้ว อ๋องสวรรค์อิ๋งถามจอมพลเฉิงว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่ ตอนนี้จอมพลเฉิงมาถามข้าแล้ว เจ้าว่าข้าควรจะตอบยังไงดีล่ะ?
ท่านโหวเทียนหยวน : เทพประจำดาว ท่านวางใจเถอะ ข้าน้อยจะจัดการให้ดีแน่นอน
เทพประจำดาวคนฉลู : วางใจเหรอ? ได้ยินว่าเรื่องนี้เริ่มขึ้นเพราะเจ้าตบเมียตัวเองไม่ใช่เหรอ?
ท่านโหวเทียนหยวนหน้าดำคร่ำเครียดทันที ตอบว่า : เทพประจำดาว นั่นเป็นข่าวลือทั้งนั้น
เทพประจำดาวคนฉลู : ข้าไม่สนใจว่าจะเป็นข่าวลือหรือไม่ งานแต่งงานของเจ้ากับปี้เยว่ข้าเองก็เห็นมากับตาแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาปี้เยว่ก็เชื่อฟังคล้อยตามเจ้าเสมอ ครั้งนี้ทะเลาะกันจนหลายเป็นแบบนี้ ยังต้องให้พูดอีกเหรอว่าใครผิดหรือใครถูก? เทียนหยวนเอ๊ยเทียนหยวน เจ้าจะให้ข้าว่าเจ้ายังไงดีล่ะ? ถึงยังไงปี้เยว่ก็เป็นฮูหยินของเจ้า ถ้าเจ้าอยากจะตบตีนาง เมื่ออยู่ลับสายตาคนเจ้าจะตบตีนางยังไงก็ได้? แต่การตบตีนางต่อหน้าฝูงชน นางก็ต้องการศักดิ์ศรีหน้าตาเหมือนกัน น้ำเข้าสมองเจ้าจนโง่ไปหมดแล้วเหรอ?
ตอนแรกที่เทียนหยวนตบปี้เยว่ เจ้าตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องจะวุ่นวายถึงขนาดนี้ ตอนนี้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น ไม่ว่าใครจะมองมา ปี้เยว่แค่ทำนิสัยดื้อดึงแบบผู้หญิงไปชั่วขณะ ผลปรากฏว่าโดนเทียนหยวนตบตีแบบนั้น ตบจนเกิดเรื่องแล้ว
เรื่องที่เทียนหยวนตบปี้เยว่ ไม่ใช่คนฝั่งปี้เยว่หรือคนฝั่งเหมียวอี้ที่ปล่อยข่าวออกไป ที่จริงแล้วลูกน้องของเทียนหยวนเป็นคนปล่อยข่าวเอง ตอนนั้นก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เหมียวอี้ออกอุบายรีดไถตบตีพวกผู้บัญชาการใหญ่ คนที่อยู่เบื้องหลังพวกผู้บัญชาการใหญ่กำลังโมโหเรื่องที่ปี้เยว่โดนตบ ดังนั้นจึงพูดชี้แนะนิดหน่อย เบื้องล่างมีคนที่รู้เรื่องนี้เยอะมาก เรื่องราวย่อมต้องแพร่ออกไปอยู่แล้ว
กุญแจสำคัญของปัญหาก็คือ ลูกน้องของเทียนหยวนไม่มีทางเอาเรื่องที่เทียนหยวนตบเมียไปพูดข้างนอกอย่างละเอียดชัดเจน และไม่มีทางบอกเรื่องที่ปี้เยว่ไม่ไว้หน้าเทียนหยวนจนทำให้ท่านโหวเสียหน้าด้วย คนสมองมีปัญหาเท่านั้นที่จะพูด พอเป็นแบบนี้คนส่วนใหญ่จึงรู้แค่ว่าเทียนหยวนตบเมียตัวเอง
ในตอนนี้ ต่อให้เทียนหยวนมีเหตุผลแต่ก็แก้ตัวไม่ได้อยู่ดี ถ้าพูดแก้ตัวให้ชัดเจนเขาก็ยิ่งเสียหน้า และไม่มีทางพูดเรื่องในครอบครัวต่อภายนอกเช่นกัน
ขุนนางที่ยศใหญ่กว่าสามารถกดดันให้คนตายได้ เขาตอบเพียงว่า : เทพประจำดาว ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้ดี
เทพประจำดาวคนฉลู : ข้าหวังว่าเจ้าจะจัดการได้ดี ถ้าแค่เมียตัวเองยังคุมไม่ได้ เจ้ายังจะไปทำอะไรได้อีก? เทียนหยวน ข้าคิดว่าเจ้าก็น่าจะรู้ ว่าการที่ร้านค้าในตลาดสวรรค์สิบแห่งไม่มีธุรกิจให้ทำนั้นเกี่ยวข้องกับผลประโยคของคนจำนวนไม่น้อย ความเสียหายที่เกิดขึ้นติดต่อกันหลายวัน เจ้าสามารถรับผิดชอบได้หรือเปล่า? ถ้าก่อเรื่องจนเบื้องบนรวมตัวกันแสดงความเห็นอย่างไม่พอใจ แท้แต่พวกเดียวกันก็ดูแลเจ้าไม่ได้เหมือนกัน ถึงตอนนั้นข้าก็จะปกป้องเจ้าไม่ได้ด้วย ดังนั้นตอนนี้เจ้าต้องให้ข้อมูลที่แน่นอนกับข้า ว่าเมื่อไรสถานการณ์ของตลาดสวรรค์ถึงจะกลับมาเป็นปกติ? คนอื่นถามข้า ข้าจะได้ให้คำตอบได้สะดวก!
เทียนหยวนย่อมรู้อยู่แล้วว่าถ้าร้านค้ามากมายถูกดดันให้หยุดกิจการจะมีผลที่ตามมาเป็นอย่างไร จึงรีบตอบว่า : สามวันขอรับ! เทพประจำดาวให้เวลาข้าสามวัน สามวันหลังจากนี้ข้าจะทำให้ธุรกิจในตลาดสวรรค์ของจวนแม่ทัพภาคตงหัวกลับมาเป็นปกติแน่นอน
เทพประจำดาวคนฉลู : ดี! นี่เจ้าพูดเองนะ อย่าบอกนะว่าข้าไม่ช่วยเจ้า ข้าจะแบกรับให้เจ้าสามวัน ถ้าหลังจากสามวันนี้เจ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เจ้าก็ต้องสละตำแหน่งตัวเอง เปลี่ยนให้คนอื่นไปจัดการแทน!
เทียนหยวน : ขอรับ! ข้าน้อยจะจัดการให้ดีแน่นอน
เทพประจำดาวคนฉลู : เทียนหยวน มีข่าวข่าวหนึ่งที่ข้าจะเปิดเผยให้เจ้าได้รู้สักหน่อย แผนนี้ที่เจ้าใช้ เดิมทีก็อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเบื้องบนเช่นกัน เดิมทีเบื้องบนเตรียมจะใช้แผนนี้กดดันพวกไร้อำนาจหนุนหลังที่ตลาดสวรรค์ให้ยอมศิโรราบ นี่คือแผนสำรองที่เบื้องบนปลุกระดมให้ผู้ร้ายมาสังหารล้างเลือด ถ้าคนที่มารับตำแหน่งใหม่พวกนั้นอ่านสถานการณ์ไม่เป็นก็จะใช้วิธีการนี้กดดัน ปรากฏว่าตอนนี้โดนเมียเจ้าโจมตีทีเดียวจนแผนพังหมดแล้ว ถ้าเบื้องบนใช้แผนนี้อีก คนพวกนั้นที่ตลาดสวรรค์ก็จะเอาเยี่ยงอย่างแน่นอน เจ้าคิดดูสิว่าเจ้าทำอะไรลงไป ตอนนี้เบื้องบนไม่พอใจเจ้าเป็นอย่างมาก ต่อให้ข้าจะช่วยพูดให้เจ้าเต็มที่แล้ว แต่ถ้าเจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี เจ้าก็รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ข้าเองก็ปกป้องเจ้าไม่ได้เหมือนกัน เจ้าชั่งน้ำหนักให้ดี!
ตอนยังไม่รู้ก็ยังดีอยู่ แต่พอรู้เบื้องลึกของเรื่องนี้ เทียนหยวนก็รู้สึกอับอายจนเหงื่อตก ในใจเขารู้แจ่มแจ้ง ว่าถ้าไม่ใช่เพราะแผนนี้พัง เทพประจำดาวก็คงไม่พูดออกมาให้ตัวเองรู้ จึงตอบอย่างเคารพว่า : ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!
เทพประจำดาวคนฉลู : เมื่อก่อนปี้เยว่เชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง เจ้ากลบบังความยอดเยี่ยมของนางไว้ มองไม่ออกจริงๆ เลยนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีความสามารถ ตอนนี้แม้แต่เบื้องบนก็มองเมียเจ้าด้วยสายตาใหม่ ข้าว่าเจ้าน่ะ มีเมียแบบนี้คอยช่วยเหลือก็ไม่รู้จักเห็นคุณค่า ทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่ข้างนอกนานๆ โดยไม่สนใจก็ว่าแย่แล้ว ไม่ง่ายเลยกว่านางจะรอดชีวิตกลับมาจากนรกได้ เจ้ายังไปตบนางต่อหน้าฝูงชนอีก ต่อให้เป็นตุ๊กตาดินเผา แต่ก็มีธาตุไฟอยู่สามส่วน ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นใครก็รับไม่ไหวทั้งนั้น ถ้านางไม่ให้บทเรียนเจ้าสักหน่อยก็แปลกแล้ว ปลอบใจนางให้ดีล่ะ!
กลบบังความยอดเยี่ยมของนางไว้เหรอ? เทียนหยวนโมโหจนแทบกระอักเลือด แต่ย่อมไม่กล้าตีฝีปากกับเบื้องบน ได้แต่เขย่าระฆังดาราตอบว่า : ขอรับ!
เมื่อรับมือกับเบื้อบนเสร็จแล้ว เทียนหยวนที่เก็บระฆังดาราก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นางตัวแสบ!” พูดจบก็เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา เรียกได้ว่าโมโหจะแย่อยู่แล้ว
ผู้การใหญ่ถูเหย่ยืนเก็บมือเงียบๆ อยู่ด้านข้าง ไม่พูดอะไรเช่นกัน
จู่ๆ เทียนหยวนที่เดินไปเดินมาหลายรอบก็หยุดฝีเท้า หันมาชี้ถูเหย่พร้อมบอกว่า “ไปถามหลันเซียง ดูว่าใครออกความคิดให้นางตัวแสบนั่น ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางตัวแสบนั่นจะคิดวิธีการแบบนี้ได้”
ถูเหย่หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อหลันเซียง หลังจากติดต่อแล้วก็ตอบว่า “ท่านโหว หลันเซียงบอกแล้ว ว่าหลังจากตลาดสวรรค์แต่ละแห่งรายงานขึ้นไปว่าจำนวนลูกค้าลดลง ฮูหยินก็สังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากล รีบออกตรวจที่ตลาดสวรรค์แต่ละแห่งด้วยตัวเอง ตอนที่ผ่านประตูดวงดาวถึงได้รู้ว่าเป็นแผนของท่านโหว หลังจากออกตรวจเสร็จแล้วก็วางแผนรับมือทันที ไม่พบว่ามีใครช่วยออกความคิดให้ฮูหยินขอรับ เออใช่ หลันเซียงบอกว่าตอนที่ฮูหยินวางแผน ก็เหมือนจะกลัวนางจะส่งข่าวให้ท่านโหวรู้ จึงกันนางเอาไว้นอกแผนแล้ว”
เทียนหยวนใบหน้าบูดเบี้ยว ถามกลับว่า “อย่าบอกนะว่านางตัวแสบนั่นเบิดสติปัญญาแล้วจริงๆ?”
แล้วก็เอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอีกหลายรอบ จากนั้นก็หยุดฝีเท้า ดวงตาฉายแววเย็นเยียบ แล้วกล่าวอย่างดุร้ายว่า “นางตัวแสบ อยากจะสู้กับข้า เจ้ายังอ่อนหัดไปหน่อย! เฒ่าถู เจ้าไปตำหนักคุ้มเมืองที่ดาวอวี้หลัวสักเที่ยว ไปหาเซี่ยโห้วหลงเฉิง…ช่างเถอะ เวลากระชั้นชิดแล้ว เบื้องบนให้เวลาข้าสามวัน ข้าจะไปด้วยตัวเอง ข้าจะออกหน้าไปกดดันเขาด้วยตัวเอง!”
“ท่านโหว! เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ทำไมต้องทะเลาะกันเอาเป็นเอาตาย ฮูหยินเคยชินกับการฟังคำสั่งท่านโหว เพียงแต่ครั้งนี้ลำบากตัวเองนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง เรื่องระหว่างสามีภรรยาไงขอรับ ใครชนะใครแพ้ก็ไม่สำคัญ ท่านโหวแค่ก้มศีรษะไปปะเหลาะฮูหยินดีๆ เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว” ถูเหย่โน้มน้าวด้วยความหวังดี
“ฮึ! จะให้ข้าก้มศีรษะเหรอ?” เทียนหยวนแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ข้าว่านางพลิกบทบาทแล้ว ครั้งนี้ถ้าไม่ให้บทเรียนนางสักหน่อย ในภายหลังจะไม่แย่หรอกเหรอ?” ที่สำคัญคือก็ ครั้งนี้เขาควบคุมไม่ได้แม้กระทั่งเมียตัวเอง เรื่องนี้จะไม่ทำให้เพื่อนร่วมงานหัวเราะเยาะหรอกเหรอ จะมีคนเอาเขาไปล้อเลียนอย่างเลี่ยงไม่ได้ คิดไปคิดมาก็พบว่าไม่มีทางทนรับไหว จะต้องทำให้ปี้เยว่ยอมแพ้แต่โดยดีให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องสะอิดสะเอียนกับคำว่า ‘ความยอดเยี่ยมของปี้เยว่’ ไปทั้งชีวิต
“ท่านโหว! ท่านโหว…” ถูเหย่ตะโกนบอกอย่างร้อนใจ ขณะมองคล้อยหลังเทียนหยวนเหาะขึ้นท้องฟ้าไป ก็ส่ายหน้าอย่างอับจนปัญญา
ขณะกำลังอยู่ระหว่างทาง ยังไม่ทันถึงดาวอวี้หลัว ท่านโหวเทียนหยวนก้ได้รับข้อความจากบรรดาเพื่อนร่วมงานติดต่อกัน ส่วนใหญ่อยากจะโน้มน้าวให้สองสามีภรรยาดีกัน
ท่านโหวเทียนหยวนยิ่งอับอายจนโมโห นี่เป็นการโน้มน้าวให้คืนดีเสียที่ไหนกัน เทียนหยวนรู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าร้านค้าที่อยู่ใต้สังกัดของตัวเองจะหยุดดำเนินกิจการไปจนถึงเมื่อไร เลยอยากจะมาสืบข่าวจากเขา
ในใจเขารู้ชัด ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนจำนวนมาก ตอนแรกทุกคนก็ยังข่มอารมณ์ไหว เพียงแค่อาศัยฐานะเพื่อนร่วมงานมา ‘แสดงความห่วงใย’ พวกเขาสองสามีภรรยาเท่านั้นเอง ถ้าปล่อยให้เรื่องนี้ยืดยาวต่อไป ความขัดแย้งระหว่างสองสามีภรรยาก็จะตัดช่องทางรายได้ของพวกเขา ไม่มีใครว่างมาจ่ายเงินเพื่อยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว มิหนำซ้ำตอนนี้ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ปกติด้วย
เทียนโหวเร่งความเร็วในการเดินทางทันที เหาะด้วยความเร็วสุดกำลัง เตรียมตัวจะงัดข้อกับปี้เยว่สักหน่อย ให้ปี้เยว่ได้รับรู้ถึงวิธีการของเขา พยายามแก้ไขเรื่องนี้ให้ทุกคนเห็นอย่างรวดเร็วที่สุด จะได้ทำให้ทุกคนรู้ว่าเทียนหยวนก็ไม่ใช่ไก่อ่อน
ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันกว่าๆ เทียนหยวนก็ไปถึงดาวอวี้หลัวแล้ว หลังจากปลอมตัวแล้วก็มาโผล่นอกตำหนักคุ้มเมือง เขาไม่อยากให้คนเห็นเยอะเกินไปว่าตัวเองมาที่นี่
ผู้จัดการร้านค้าในสังกัดของเขาได้รับข่าวจากผู้การใหญ่ถูเหย่แล้ว จึงมารอที่นี่ล่วงหน้า
เมื่อเจอหน้ากับผู้จัดการร้านซุน เทียนหยวนเหลือบมองตำหนักคุ้มเมืองที่สูงตระหง่าน พร้อมถามว่า “เซี่ยโห้วหลงเฉิงยังไม่ได้ไปไหนใช่มั้ย?”
ผู้จัดการร้านซุนตัวสั่นเล็กน้อย ตอบว่า “หลังจากผู้การใหญ่แจ้งมา ข้าน้อยก็ไปสืบมาแล้ว ว่าเมื่อวานนี้หลังจากดื่มสุรากับลูกน้องเสร็จ ผู้จัดการใหญ่เซี่ยโห้วก็กลับเข้าตำหนักคุ้มเมืองเลย วันนี้ยังไม่ออกจากประตูมาเลย ทางนี้ส่งคนมาเฝ้าตำหนักคุ้มเมืองไว้ตลอด ไม่มีใครเห็นเขาออกมาขอรับ”
เทียนหยวนเองก็ไม่สะดวกจะเปิดเผยตัวตนและบุกเข้าไป จึงเอียงหน้าเล็กน้อย บอกใบให้เขาไปรายงาน
ผู้จัดการร้านซุนที่เตรียมการไว้ตั้งแต่แรกเดินมาที่ตีนบันไดนอกตำหนักคุ้มเมืองทันที หลังจากถูกขวางไว้ก็กุมหมัดคารวะ “ไปรายงานให้หน่อย บอกว่าข้าน้อยมีสมบัติชิ้นหนึ่งจะมามอบให้ผู้บัญชาการใหญ่”
สมบัติเหรอ? ทหารยามมองหน้ากันเลิกลั่ก แล้วหนึ่งในนั้นก็หยิบระฆังดาราออกมารายงาน
………………………