“โพ่จวินไปแล้วเหรอ?”
ในเรือนพักอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่นั่งดื่มเบาๆ รอฟังข่าวอยู่ในศาลาถามอย่างงุนงง แล้วถามอีกว่า “มีความเคลื่อนไหวยังไง? เกาก้วนล่ะ?”
ผู้เฒ่าถังรู้ถึงความหมายที่เขาจะสื่อ ตอบว่า “ข้างในเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่เกาก้วนไปแล้ว กลับไปมือเปล่าขอรับ”
โค่วหลิงซวียกจอกสุราจ่อข้างปากแล้วดื่มช้าๆ พลางครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มเจื่อน “ลืมไอ้แก่นั่นไปได้ยังไง ประโยค ‘ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ’ คงจะตรงรสนิยมของไอ้ล่อแก่นั่นพอดี หมดกัน เจ้าเด็กนั่นหมดวาสนากับหลานสาวข้าแล้ว เจอโพ่จวินใช้ไม้แข็งแล้ว เจ้าเด็กนั่นไม่ต้องกังวลว่าจะอันตรายถึงชีวิตแล้ว ครั้งนี้พวกเรามาเสียเที่ยว จะได้ไม่ต้องเรื่องเยอะ เหอะๆ กลัวก็แต่อิ๋งจิ่วกวงจะระงับความเดือดดาลนี้ได้ยาก”
“กลับจวนมั้ยขอรับ?” ผู้เฒ่าถังถาม
พอวางจอกสุรา โค่วหลิงซวีก็เอามือไขว้หลังเดินออกนอกศาลา “พรุ่งนี้ค่อยไปแล้วกัน พอโพ่จวินมาถึง พวกเราก็ไปทันที แบบนั้นจะทำให้คนคิดมากได้ง่าย คืนนี้พักที่นี่แล้วกัน”
นอกตำหนักดาราจักร เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เดินเนิบนาบเข้ามา บังเอิญเจอกับเกาก้วนที่กลับมาพอดี เกาก้วนเห็นแล้วทำความเคารพนาง จากนั้นทั้งสองก็เดินตามกันเข้ามาในตำหนักดาราจักร
ความตั้งใจเดิมของประมุขชิงก็คือ จัดการเรื่องของเหมียวอี้ให้เรียบร้อยแล้วไปเจอจ้านหรูอี้จะได้อธิบายกับอีกฝ่ายได้สะดวก จะปลอบใจสนมคนใหม่ รู้ว่าเหมียวอี้กับจ้านหรูอี้มีความขัดแย้งกัน คิดเสียว่าถือโอกาสแสดงน้ำใจ
แต่กลับไม่คิดว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะมาแล้ว ประมุขชิงชำเลืองมองเกาก้วนที่ตามหลังมา จึงอดทนหุบปากไว้ชั่วคราว ถามซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก่อนว่า “ราชินีสวรรค์มีเรื่องอะไรเหรอ?”
หลังจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ทำความเคารพแล้ว ก็ถามว่า “ไม่ทราบว่าฝ่าบาททราบหรือไม่ว่าหนิวโหย่วเต๋อมีพฤติธรรมจาบจ้วงในงานพิธีรับสนมใหม่ของฝ่าบาท?”
ที่แท้ก็มาเพื่อเรื่องนี้นี่เอง ประมุขชิงขานรับ “รู้แล้ว เฉิงอวี่มีความเห็นอย่างไรบ้าง?”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตอบอย่างแค้นเคืองว่า “เขาด่าว่าตระกูลอิ๋งขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ ชัดเจนว่าลากหม่อมฉันไปด่าด้วยเพคะ หม่อมฉันมาขอให้ฝ่าบาทส่งเจ้าคนบ้าระห่ำนั่นมาให้หม่อมฉันลงโทษ!”
“เรื่องนี้ข้ามีการวางแผนไว้แล้ว” สองเรื่องกลายเป็นเรื่องเดียว เขามองเกาก้วนแล้วถามว่า “เกาก้วน หนิวโหย่วเต๋อยอมรับโทษประหารชีวิตหรือยัง?” ประมุขชิงถาม
พอได้ยินแบบนี้ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็หางคิ้วกระตุกนิดหน่อย รู้ว่ามาช้าเกินไปแล้ว ที่จริงนางจงใจจะอ้อยอิ่งนิดหน่อยเพื่อมาสาย รู้ว่าเกาก้วนถูกประมุขชิงส่งตัวออกไปคงจะเป็นเพราะเรื่องหนิวโหย่วเต๋อ ดังนั้นนางจึงจงใจถ่วงเวลาสักหน่อย สาเหตุย่อมเป็นเพราะเซี่ยโห้วท่าต้องการให้นางช่วยเหมียวอี้ แต่ในใจนางแค้นจนไม่อยากช่วย แต่ก็ไม่กล้าไม่ช่วย ดังนั้นจึงจงใจถ่วงเวลา เมื่อถึงเวลาแล้วช่วยไม่ได้ นางจะได้อธิบายกับเซี่ยโห้วท่าได้สะดวก ว่าไม่ใช่เพราะหลานไม่อยากช่วย แต่เพราะฝ่าบาทลงมือเร็วเกินไป หลานมาช่วยไม่ทัน
เกาก้วนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าตอบว่า “เปล่าขอรับ”
เปล่าเหรอ? เซี่ยโห้วเฉิงอวี่งงงัน
ประมุขชิงพลันหรี่ตาสองข้าง “ทำไมไม่ทำ? หรือว่าซ่างก่วนได้ข่าวมาผิด หรือว่าที่หนิวโหย่วเต๋อทำแบบนี้เพราะมีเรื่องอย่างอื่นปิดบังอยู่?”
ซ่างก่วนชิงย่อมรู้ว่าข่าวของตัวเองไม่มีทางผิดพลาด เขามองไปที่เกาก้วน อยากจะเห็นว่าเกาก้วนจะอธิบายอย่างไร
เกาก้วนตอบว่า “ข้าน้อยจะเอาตัวเขามาแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าผู้บัญชาการองครักษ์โพ่จวินของหน่วยองครักษ์ซ้ายจะบุกเข้ามา โพ่จวินบอกว่าที่หนิวโหย่วเต๋อบอกว่า ‘ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ’ เป็นเขาเองที่สั่งให้หนิวโหย่วเต๋อพูด!”
“…” ช่างใช้ดาบนี้กักได้ดี ทำให้ประมุขชิงงุนงงพูดไม่ออก นึกไม่ถึงว่าโพ่จวินจะเล่นแบบนี้ สีหน้าของเขาจึงค่อยๆ บึ้งตึงลง ปั้ง! เขาตบโต๊ะแล้วยืนขึ้น “โพ่จวินคิดว่าข้าเป็นคนโง่รึไง? เขาคิดจะทำอะไร อยากจะก่อกบฏเหรอ?”
อย่างอื่นเขาไม่รู้ชัด แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เขารู้อย่างชัดเจน นั่นก็คือถึงแม้โพ่จวินจะปากไม่ดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นสอนให้ลูกน้องจาบจ้วงอำนาจบารมีสวรรค์ ผู้บัญชาการองครักษ์หน่วยองครักษ์ซ้ายผู้สง่าภูมิฐานสอนให้ลูกน้องพูดแบบนั้นต่อหน้าฝูงชน ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับสมองมีปัญหา คงไม่ถึงขั้นไม่รู้จักบันยะบันยัง เห็นได้ชัดว่าจงใจจะขัดขวางคำสั่งของเขา
“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ!” ซ่างก่วนชิงรีบโน้มน้าว เขารู้อย่างลึกซึ้ง ว่าถ้าตั้งข้อหาให้โพ่จวินก่อกบฏ เรื่องนี้ก็จะลุกลามใหญ่โตแล้ว โพ่จวินคุมหน่วยองครักษ์ซ้ายมาหลายปีขนาดนี้ มีลูกน้องคนสนิทที่หน่วยองครักษ์ซ้ายเยอะมาก ถ้าเรื่องลุกลามใหญ่โตก็จะเกิดปัญหาได้ จึงรีบคลี่คลายสถานการณ์ แอบส่งสายตาให้เกาก้วน แล้วบอกว่า “บางทีอาจจะมีเรื่องอื่นปิดบังอยู่ก็ได้ขอรับ ฝ่าบาทลองฟังทูตขวาเกาอธิบายให้จบก่อนก็ได้”
ประมุขชิงเองก็รู้ว่าเช่นกันว่าการว่าลูกน้องคนสนิทของตัวเองแบบนี้ถือว่าแรงไปหน่อย จึงข่มไฟโกรธเอาไว้ แล้วแสยะยิ้มถามว่า “ว่ามา สถานการณ์โดยละเอียดเป็นอย่างไร?”
“ข้าน้อยไปหาหนิวโหย่วเต๋อที่จวนแม่ทัพภาคอุทยานหลวง ขณะกำลังสืบสวนต่อหน้าว่าเคยพูด ‘ขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ’ ต่อหน้าฝูงชนหรือไม่ ใครจะคิดว่าจู่ๆ โพ่จวินจะบุกเข้ามา พออ้าปากก็บอกทันทีว่า เป็นข้าเองที่สั่งให้เขาพูด ถ้าทูตขวาเกามีความเห็นอะไรก็ถามข้าได้เลย…” เกาก้วนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียด ไม่แต่งเติมหรือตัดทอน เรียกได้ว่ายึดความเป็นจริงเป็นหลักการ
พอฟังไปเรื่อยๆ สีหน้าของประมุขชิงก็เริ่มดำมืดลงทีละนิด เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็สีหน้าค่อนข้างแย่เช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าตาแก่หนังเหนียวนั่นจะประกาศว่านางไม่คู่ควรกับการเป็นมารดาแห่งใต้หล้า ต้องมีสักวันที่นางจะทำให้ตาแก่นั่นไม่ตายดี!
ซ่างก่วนชิงชำเลืองมองสีหน้าของประมุขชิงแวบหนึ่ง เรียกได้ว่าแอบร้องโอดครวญในใจ เกาก้วนไม่เห็นที่เขาส่งสัญญาณให้หรือว่ากำลังแกล้งโง่กันแน่ ข้าให้เจ้าคลี่คลายสถานการณ์ เจ้าจำเป็นต้องซื่อสัตย์ขนาดนี้มั้ย
เป็นอย่างที่คาดไว้ ประมุขชิงเดือดดาลถึงขีดสุด รอจนเกาก้วนรายงานเสร็จ เพล้ง! ประมุขชิงโบกแขนเสื้อกวาดกองแผ่นหยกบนโต๊ะ แล้วชี้นอกประตูใหญ่ของตำหนักดาราจักร ตะโกนอย่างโมโหว่า “โพ่จวิน ตาแก่ปัญญาทึบ บังอาจมาหลอกลวงข้า ข้าสาบายเลยว่าจะฆ่าเจ้า!”
ซ่างก่วนชิงกับเกาก้วนพูดไม่ออก ถ้าพูดคำนี้กับคนอื่น ทั้งสองก็ยังเชื่อ แต่ถ้าฝ่าบาทพูดอะไรแบบนี้กับโพ่จวิน ทั้งสองฟังมาจนหูจะด้านเป็นรังไหมอยู่แล้ว ทุกครั้งที่โดนโพ่จวินยั่วโมโห ฝ่าบาทก็จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่เคยเห็นฝ่าบาทฆ่าจริงๆ สักครั้ง แต่ละครั้งล้วนโวยวายใหญ่โตในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ปล่อยไปง่ายๆ เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขนาดเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยังกลอกตามองบน มองเหยียดประมุขชิงแวบหนึ่ง คิดในใจว่า แน่จริงเจ้าก็ลองฆ่าให้ข้าดูสักครั้งหนึ่งสิ!
ทว่าสิ่งที่ทำให้คนคาดไม่ถึงก็คือ จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงคนคนหนึ่งตอบเสียงดัง “เหตุใดฝ่าบาทจึงต้องการสังหารข้าน้อย ข้าน้อยมาเพื่อขออภัยโทษ!”
“…” ประมุขชิงอึ้งไปครู่เดียว ก่อนจะสะบัดมือมีค้างอยู่กลางอากาศ “ไสหัวเข้ามาให้ข้า!”
ชายสวมชุดคลุมสีดำเดินก้าวยาวเข้ามาจากนอกตำหนัก รูปร่างผอมตัวเตี้ย ถ้าไม่ใช่โพ่จวินแล้วจะเป็นใครไปได้
“คารวะฝ่าบาท!” โพ่จวินยืนทำความเคารพ
“เจ้า!” ประมุขชิงโบกมือชี้ไปที่เกาก้วน “พูดรายงานเมื่อครู่นี้อีกครั้ง พูดให้ผู้บัญชาการองครักษ์ซ้ายฟัง”
“ขอรับ!” เกาก้วนเอ่ยรับคำสั่ง แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดในจวนแม่ทัพภาคต่อหน้าโพ่จวินรอบหนึ่ง
ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ ด้านนอกก็มีรายงานเข้ามาอีก ทูตซ้ายซือหม่าเวิ่นเทียนมาขอพบ
“ไสหัวเข้ามา!” ประมุขชิงตะคอก
ซือหม่าเวิ่นเทียนที่เดินเข้ามาได้ยินแล้วอกสั่นขวัญแขวน ไม่รู้ว่าตัวเองมีปัญหาอะไร ถึงได้ยั่วให้ฝ่าบาทโมโหขนาดนี้ ผลปรากฏว่าพอให้สถานการณ์ตรงนี้ ก็เข้าใจทันทีว่าไม่เกี่ยวข้องกับตน
ประมุขชิงกำลังหัวร้อน ไม่สนใจซือหม่าเวิ่นเทียน จ้องโพ่จวินอย่างเดือดดาลพร้อมถามว่า “ได้ยินหมดแล้วใช่มั้ย มีตรงไหนที่พูดผิดมั้ย?”
“ทูตขวาเกาชำนาญเรื่องการสอบสวนลงโทษ บันทึกปากคำได้ยอดเยี่ยม แต่ละประโยคล้วนเป็นความจริงๆ ไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย ไม่มีคำไหนโกหก” โพ่จวินตอบ
“เกาก้วนบอกแล้วว่าได้รับคำสั่งจากข้าให้ไปจัดการเรื่องนี้ เหตุใดเจ้าจึงขัดขวาง?” ประมุขชิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถาม
โพ่จวินตอบว่า “ข้าน้อยไม่ได้ขัดขวาง ข้าน้อยพูดไว้ชัดเจนมากแล้ว สิ่งที่หนิวโหย่วเต๋อพูดในพิธีรับสนม ข้าน้อยเป็นคนสั่งให้เขาพูดเองขอรับ ยอมให้ทูตขวาเกาจับตัวข้าน้อยไป ข้าน้อยไม่ได้ขัดขืน และไม่ได้บ่นอะไรด้วย”
“ตาแก่ปัญญาทึบ ขนาดอยู่ต่อหน้าข้ายังกล้าหลอกลวงอีก!” ประมุขชิงเดือดดาลสุดขีด เขาถือโอกาสคว้ารูปสลักมังกรหยกที่สวยประณีตตัวหนึ่งบนโต๊ะ แล้วทุ่มออกไปอย่างเกรี้ยวกราด
ตุ้ง! มีเสียงดังขึ้น ทุกคนยืนนิ่งอยู่กับที่
เห็นเพียงโพ่จวินยืนอย่างมั่นคงอยู่ที่เดิม ไม่โซเซสั่นไหว และไม่หลบหลีกด้วย ปล่อยให้รูปสลักมังกรหยกกระแทกที่หน้าผากตัวเอง เรียกได้ว่าหัวแตกเลือดไหลคาที่ ถึงแม้จะไม่ได้ใช้พลังอิทธิฤทธิ์ต้านทาน ใช้กายเนื้อฝืนรับการโจมตีนี้ไว้ แต่เลือดก็ไหลหยดติ๋งๆ ลงมาตามรูจมูก
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แอบดีใจ ตาแก่หนังเหนียวก็มีวันนี้เหมือนกัน
ประมุขชิงที่ข่มความโกรธไว้ไม่ไหวอึ้งเล็กน้อย พอเห็นโพ่จวินที่ยืนเลือดออกเต็มหน้า ความเดือดดาลในใจก็หายไปเจ็ดส่วน เขาถามเสียงต่ำว่า “รู้ตัวรึเปล่าว่าผิดอะไร?”
ใครจะคิดว่าโพ่จวินจะแข็งกร้าวมาก กุมหมัดเถียงว่า “ข้าน้อยรู้ตัวว่าผิด ผิดที่ไม่ควรให้ลูกน้องพูดจาบ้าระห่ำออกมา ฝ่าบาทได้โปรดประณาม! เพียงแต่ข้าน้อยมีคำพูดหวังดีที่ไม่รื่นหูติดอยู่ในลำคอเหมือนก้าง ไม่คายไม่โล่ง!” เขาโบกมือชี้ไปที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ แล้วกล่าวเสียงดังว่า “ผู้หญิงคนนี้จิตใจคับแคบ ไม่มีเมตตาปรานี ทำแต่เรื่องต่ำช้าทุกอย่างที่วังหลัง ไม่คู่ควรจะเป็นมารดาแห่งใต้หล้า ข้าน้อยขอให้ปลดเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จากตำแหน่งราชินีสวรรค์ ส่งกลับไปให้ตระกูลเซี่ยโห้วเลี้ยงดูยามแก่ชรา!”
เลี้ยงดูยามแก่ชรา? ข้ายังสาวอยู่นะ มาเลี้ยงดูยามแก่ชราอะไรกัน? เซี่ยโห้วเฉิงอวี่โกรธแค้นจนหน้าซีดทันที โมโหจนตัวสั่น ตวาดกลับเสียงแหลมว่า “โพ่จวิน ไอ้โจรชราบังอาจกำเริบเสิบสาน เจ้ายังรู้จักที่ต่ำที่สูงอยู่มั้ย!”
โพ่จวินไม่สนใจนางเลย พูดเสียงดังต่อไปว่า “ถ้าฝ่าบาทอยากจะดื่มด่ำกับความงาม ข้าน้อยก็ไม่มีความเห็นแย้งอะไร แต่อำนาจบารมีของฝ่าบาทสะท้านใต้หล้า มีผลงานเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า จำเป็นต้องอาศัยผู้หญิงพวกนี้มาคานอำนาจอะไรด้วยหรือ พี่น้องกองทัพองครักษ์ทำศึกเลือดเพื่อฝ่าบาท แต่กลับมีผลงานสู้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เปลื้องเสื้อผ้าไม่ได้ แบบนี้จะไม่ทำให้พี่น้องกองทัพองครักษ์ผิดหวังท้อใจได้อย่างไร! จ้านหรูอี้ก็เป็นทหารของกองทัพองครักษ์ แต่ฝ่าบาทกลับรับนางเป็นสนมเพื่อคานอำนาจอะไรนั่น จะให้พี่น้องกองทัพองครักษ์มองฝ่าบาทอย่างไรล่ะ ถ้ากองทัพองครักษ์เอาเยี่ยงอย่างฝ่าบาทหมด แค่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนไหนหน้าตาสวยก็รับผู้ใต้บังคับบัญชาคนนั้นมาเป็นผู้หญิงของตัวเองหมด ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป หน่วยองครักษ์ซ้ายขวาจะไม่กลายเป็นสถานบันเทิงหรอกเหรอ จิตใตของทหารจะไปอยู่ที่หนหมด จะยังสู้รบเพื่อฝ่าบาทได้อย่างไร? วังหลังมีผู้หญิงเยอะขนาดนั้น ฝ่าบาทยังใช้ไม่หมดเลย ไม่สู้เอาเงินที่ใช้จ่ายกับผู้หญิงพวกนั้นมาให้รางวัลทหารดีกว่า! ข้าน้อยขอให้ฝ่าบาทปล่อยจ้านหรูอี้กลับไปทันที ถอดออกจากชื่อสนมสวรรค์ และยกเลิกสนมเก้าส่วนของวังหลัง เพื่อชื่อเสียงที่ดีของฝ่าบาท!”
ประมุขชิงโมโหจนหน้าเขียวแต่พูดไม่ออก
“โพ่จวิน ถ้ากล้าจาบจ้วงอำนาจบารมีสวรรค์อีก รู้มั้ยว่าจะมีจุดจบเป็นอย่างไร!” เกาก้วนกล่าวเสียงต่ำ
โพ่จวินโบกมือชี้เขาทันที “เจ้าก็เหมือนกันเกาก้วน ทุกคนต่างก็รู้ว่าเจ้าเชื่อคำพูดและปฏิบัติตามฝ่าบาท ให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ทำอย่างนั้น ทำอะไรโหดเหี้ยมไร้ความปรานี เคยคิดถึงผลที่ตามมารึเปล่า นี่เจ้ากำลังช่วยฝ่าบาทเหรอ? ฝ่าบาท คนที่ทำตามใจท่านทุกอย่าง อาจจะไม่ใช่ขุนนางที่จงรักภักดีอย่างแท้จริงก็ได้! พวกเจ้าแต่ละคนก็เหมือนกัน…” เขาชี้ไปที่ซ่างก่วนชิงและซือหม่าเวิ่นเทียน “รู้จักแต่อ่อนน้อมพูดสิ่งที่รื่นหูให้ฝ่าบาทฟัง ไม่มีใครกล้าพูดความจริงสักคน ใต้หล้ายังไม่สงบเลย จำเป็นต้องช่วยสร้างความโอหังให้ฝ่าบาทด้วยเหรอ? หนิวโหย่วเต๋อก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ถ้าแบบอิ๋งจิ่วกวงไม่เรียกว่าขายผู้หญิงแลกเกียรติยศแล้วจะเรียกว่าอะไรได้? ถ้าไม่ใช่การขายผู้หญิงแลกเกียรติยศ เช่นนั้นก็ต้องมีเจตนาไม่ซื่อแน่นอน! หนิวโหย่วเต๋อมีความผิดอะไร? ถ้าวันไหนคนที่อยู่เบื้องล่างของฝ่าบาทไม่มีใครกล้าพูดความจริงสักคน ใต้กล้าจะไม่วิกฤติ…”
“พอแล้ว!” ประมุขชิงพูดตัดบทด้วยความเดือดดาลสุดขีด แล้วโบกมือชี้ไปด้านนอก “ไสหัวไป! ตาแก่ปัญญาทึบ ไสหัวออกไป!”
“คำพูดหวังดีที่ฟังไม่รื่นหู หวังว่าฝ่าบาทจะฟังเข้าใจ ข้าน้อยขอตัว!” โพ่จวินกุมมหัดคารวะ ไม่มีท่าทีนึกเสียใจทีหลังเลยสักนิด สะบัดชายเสื้อแล้วหันตัวก้าวยาวเดินออกไป
ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยจริงๆ! ประมุขชิงเรียกได้ว่าแค้นจนกัดฟันกรอด ชาวาบราวกับใบหน้าโดนตะคริวกัน รู้สึกวู่วามอยากจะฆ่าโพ่จวินให้ตายเสียเลย
…………………………