หนึ่งคนกับหนึ่งตัวกระโดออกมา เรื่องแรกที่เหมียวอี้ทำก็คือหดเจดีย์งามวิจิตรให้เล็กลงและเก็บไว้
พอเท้าเฮยทั่นเหยียบพื้น เหมียวอี้ก็พบว่าสภาพด้านนอกยังทำให้ใจหายใจคว่ำเหมือนเดิม เป็นภาพที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ก้อนน้ำแข็งทั้งเล็กทั้งใหญ่กำลังปลิวว่อนมาทางนี้
สิ่งที่ทำให้เขายิ่งขนหัวลุกก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าบ้าอวี้ซาจะไม่อยากหนีแล้ว แต่กลับระเบิดสังหารมาทางนี้แทน
เหมียวอี้ย่อมไม่คิดว่าอวี้ซาจะเข้ามาเพื่อช่วยชีวิตเขา จึงโบกทวนชี้ไปยังจุดลึกของทุ่งน้ำแข็ง “ไป!”
คิดจะหนีจริงๆ ด้วย
เฮยทั่นวิ่งตะบึงอย่างบ้าคลั่งทันที เหมียวอี้ไม่เหมือนอวี้ซาเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนหน้านี้ไม่กล้าไปจุดสูง กล้ามุดอยู่ในหุบเขาน้ำแข็งอย่างเดียว ทางไหนใกล้ เขาก็หนีไปทางนั้น
สาเหตุก็ไม่ได้ซับซ้อนเลย ก่อนหน้านี้เขาหวังจะเห็นอวี้ซาสู้กับคนฝั่งนี้ ผลปรากฏว่าคนฝั่งนี้ก็มีพลังข่มอวี้ซาแบบร้ายกาจเกินไป ที่จริงศักยภาพก็ไม่ได้แข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้นคงกำจัดอวี้ซาไปได้ตั้งนานแล้ว ในเมื่อกำลังฝั่งนี้ไม่แข็งแกร่ง เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรให้เขากลัวแล้ว วิญญาณน้ำแข็งหรืออัคคีน้ำแข็งอะไรนั่นไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย
ที่เขาไม่ช่วยอวี้ซาก็เพราะจงใจจะให้อวี้ซาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย และเป็นสาเหตุที่เขากล้าไปยังจุดลึกของทุ่งน้ำแข็งในเวลานี้เช่นกัน เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าอวี้ซาจะผนึกวรยุทธ์เขาแล้วโยนเขาเข้าไปในกำไลเก็บสมบัติ ไม่กลัวว่าเขาจะโดนขังตายในกำไลเก็บสมบัติเลย เห็นได้ชัดว่าถ้าอวี้ซาฝ่าวงล้อมออกไปได้ เหมียวอี้ก็จะรอดไปด้วย ไม่อย่างนั้นก็ตายไปด้วยกัน
สิ่งที่ยิ่งนึกไม่ถึงก็คือ หลังจากตนหนีออกมาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าอวี้ซาจะไม่รีบหนีแต่กลับพุ่งเป้าจะเอาชีวิตเขาแทน เดิมทีเขานึกว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ขอเพียงหลุดพ้นเงื้อมมืออวี้ซาได้ ถ้าอวี้ซายังมีสติปัญญาสักหน่อย ก็จะรีบหนีโดยไม่สนใจเขา แต่ใครจะคิดล่ะว่าผลจะเป็นแบบนี้ มารดาเจ้าเถอะ เขาอยากจะตบหน้าตัวเองสักสองที
อวี้ซาก็เป็นคนเหี้ยมโหดคนหนึ่ง ขณะที่กำลังรีบถลันตัวผ่านไป ฉีกดึงแขนข้างที่โดนเผาทั้งเป็นทิ้งไป แล้วหันกลับมาฝ่าวงล้อมอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาไม่สนใจเหมียวอี้แล้ว เพราะโดนไฟเผาจนได้สติขึ้นมากะทันหัน ถ้าเอาชีวิตไปทิ้งเพื่อเหมียวอี้คนเดียวก็ไม่คุ้ม ไม่มีสมบัติแล้วก็ไม่เป็นไร ตามใดที่มีชีวิตย่อมมีหวัง
ตอนนี้เขาเรียกได้ว่านึกเสียใจทีหลังแล้ว ตัวเองเห็นเงินสำคัญกว่าชีวิตได้อย่างไร บางครั้งเขาควรจะเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างปลอดภัยจากหยางชิ่งบ้าง
แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงหลบหนีอย่างสุดชีวิตแล้ว หลบให้ไกลจากอวี้ซาหน่อยก็ยังดี พยายามหลบไปให้ไกลๆ
ที่ยุ่งยากก็คือ วิญญาณน้ำแข็งที่กระจายตัวอยู่ทุกพื้นที่พวกนั้นก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเขากลัววิญญาณน้ำแข็งพวกนี้ เพียงแต่ตอนที่กำลังโดนอวี้ซาไล่สังหาร ปัญหาที่วิญญาณน้ำแข็งพวกนี้ก่อขึ้นก็ทำร้ายให้เขาตายได้เหมือนกัน
เฮยทั่นเพิ่งจะพุ่งผ่านภูเขาลูกหนึ่ง ขึ้นไปที่ภูเขาอีกลูกหนึ่ง กระโจนตัวไปยังภูเขาที่อยู่ตรงข้าม แต่ใครจะคิดว่าหนึ่งคนกับหนึ่งตัวจะแข็งทื่อค้างอยู่กลางอากาศ โดนภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ขึ้นมาแบบเฉียบพลันแช่แข็งไว้ในนั้นแล้ว
ขนาดอวี้ซายังโดนแช่แข็งเลย ไม่มีเหตุผลที่เขาจะหนีพ้น พอเขาออกมาจากเจดีย์งามวิจิตร ก็โดนวิญญาณน้ำแข็งพวกนั้นจับจ้องทันที
สถานการณ์แบบนี้แทบจะทำให้เหมียวอี้ร้อนใจตาย เขาสะบัดแขนสองข้าง ทำให้ภูเขาน้ำแข็งพังทลายโดยตรง
ภายใต้ความร้อนใจ เขาก็ยังมีสติชัดเจน ไม่ได้ลุกลี้ลุกลนจนทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้พังภูเขาน้ำแข็งเสียทั้งหมด แต่พังให้เกิดรอยแยกรอยเดียวเท่านั้น เป็นรอยเดียวที่เพียงพอให้เฮยทั่นผ่านไปได้ เขาต้องการฉวยโอกาสในวิกฤติ ต้องการอาศัยภูเขาน้ำแข็งลดอานุภาพการโจมตีของอวี้ซา แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ควงทวนฟาดไปข้างหน้า กวาดก้อนน้ำแข็งมาอุดรอยแยกข้างล่าง ปูทางแคบเอาไว้ทางหนึ่ง ให้เฮยทั่นบุกไปข้างหน้าต่อได้ ให้มันวิ่งตะบึงอยู่ในรอยแยกของภูเขาน้ำแข็ง
มีลมอันเหน็บหนาวเข้ากระดูกและน้ำแข็งโผเข้ามาตรงหน้า เหมียวอี้ที่กำลังขี่เฮยทั่นวิ่งตะบึงอยู่ท่ามกลางลมหนาวในทางแคบถือทวนพร้อมใช้ตามองหกถนน ใช้หูฟังแปดด้าน เวลาในทางแคบมีบางอย่างยื่นเข้ามาจะชน เขาก็จะโบกทวนกระหน่ำให้ราบทันที สีหน้าตึงเครียด สุขุมเยือกเย็นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขารู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายถึงขีดสุด รู้ว่าตัวเองกำลังสู้สุดชีวิต ยิ่งเวลาแบบนี้ก็ยิ่งต้องใจเย็น จะลุกลี้ลุกลนไม่ได้เด็ดขาด ถ้าตอบสนองแบบไม่สุขุมเยือกเย็นแม้แต่นิดเดียว ก็อาจจะทำให้เขาอันตรายถึงชีวิตได้
ในใจเขาบอกตัวเองไม่หยุด ขนาดผ่านอุปสรรคลำบากมามากมายแล้วยังรอดได้ เขาจะมาตาอยู่ที่นี่ไม่ได้ จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป จะต้องคิดหาทุกวิถีทางเพื่ออยู่รอดต่อไปให้ได้ เขารับปากอวิ๋นจื่อชิวไว้แล้วว่าจะไม่เป็นอะไร จะกลับไปหานางให้ได้
เขาไม่อยากให้ภาพที่อวิ๋นจือชิวนั่งดื่มสุราตากแดดคนเดียวอยู่บนหลังคาที่ทะเลทรายม่านเมฆาเกิดขึ้นอีกแล้ว วันนี้เขายอมทุ่มเททุกอย่างในชีวิตเพื่อหวังให้นางได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
ดังนั้นต่อให้ฟ้าดินสั่นสะท้าน ด้านนอกมีเสียงระเบิดตูมตามไม่หยุด แต่ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็ยังสงบเยือกเย็นอยู่ท่ามกลางลมหนาว
แกร๊ง! น้ำแข็งที่ยื่นออกมาจากผนังเล็กน้อยชนที่หัวไหล่เขาแล้ว ชนจนแตกละเอียด เหมียวอี้ไม่แยแสอุปสรรคเล็กน้อยเลย เขาปล่อยให้มันชนบนร่างกาย เพียงแต่เศษเกล็ดน้ำแข็งที่ระเบิดใส่เขาทั้งตัวทำให้เขาดูสะบักสะบอมเล็กน้อย แต่กลับขัดขวางเขาที่กำลังควบเฮยทั่นวิ่งตะบึงอยู่ในรอยแยกไม่ได้
บึ้ม! แสงกระบี่สีเลือดสายหนึ่งโจมตีเข้ามา ภูเขาน้ำแข็งพังถล่ม ระเบิดปลิวว่อนเต็มท้องฟ้า
เหมียวอี้กับเฮยทั่นที่ตัวอยู่ในนั้นก็ปลิวตามแรงระเบิดเช่นกัน ที่โชคดีก็คือ เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ เมื่อมีภูเขาน้ำแข็งสกัดขวาง ก็ลดอานุภาพพลังโจมตีของอวี้ซาเมื่อมาถึงตัวเขาได้เยอะมาก ไม่สามารถสร้างพลังทำลายล้างมหาศาลให้เขาได้แล้ว
ขณะที่พลิกม้วนอยู่กลางอากาศ เหมียวอี้ที่ใช้ขาสองข้างขนาบท้องเฮยทั่นไว้แน่นโบกทวนฟาดน้ำแข็งก้อนใหญ่อย่างบ้าคลั่ง
เฮยทั่นเองก็ร่วมรบกับเหมียวอี้มานานแล้ว เมื่อเจอสถานการณ์วิกฤติแบบนี้มันก็ไม่ได้ลนลาน แต่เคลื่อนไหวอย่างแข็งแรง ตอนที่ร่างกายพลิกคว่ำก็ยังใช้เท้าหลังเหยียดข้ามน้ำแข็งก้อนใหญ่ข้างหลังผ่านไปได้ จากนั้นหมุนตัวเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ ใช้หัวชนก้อนน้ำแข็งที่ขวางทางข้างหน้าจนปลิวว่อน หลังจากเหยียบลงพื้นก็แบกเหมียวอี้พุ่งชนอย่างบ้าคลั่ง หนึ่งคนกับหนึ่งตัวฝ่าออกไปท่ามกลางฝนน้ำแข็งที่ปลิวว่อน
เมื่อมีเหมียวอี้อยู่ เหมียวอี้ก็ย่อมโจมตีน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่ตกลงมาจากฟ้าได้ มันก็แค่ต้องทำเรื่องของตัวเองให้ดีก็พอ นั่นก็คือการพาเหมียวอี้หนีออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
หนึ่งคนกับหนึ่งตัวมีเกล็ดหิมะเกาะทั่วร่างกาย พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงระเบิดตูมตาม
อวี้ซาที่พยายามฝ่ามาทางนี้เหลือบมาเห็น ยังคงไล่ตามต่อไป เดิมทีอยู่ในระยะห่างที่ชั่วพริบตาเดียวก็ไปถึงแล้ว แต่กลับโดนพัวพันจนก้าวไปไหนลำบาก
ทว่าหนึ่งคนกับหนึ่งตัวเพิ่งจะพุ่งออกมา ร่างกายก็แข็งค้างอีกแล้ว โดนภูเขาน้ำแข็งลูกใหญ่แช่แข็งผนึกไว้อีกครั้ง
เหมียวอี้ที่โดนผนึกอยู่ในน้ำแข็งกางแขนอีกครั้ง ทำลายภูเขาน้ำแข็งจนเกิดรอยแยกรอยหนึ่ง แล้วโบกมือใช้ทวนฟาดจนเกิดช่องทางหนึ่งทาง ให้เฮยทั่นบุกไปข้างหน้าต่อ
ใครจะคิดว่าในกำแพงน้ำแข็งสองฝั่งจะมีวิญญาณน้ำแข็งกลุ่มหนึ่งสังหารออกมา กรวยน้ำแข็งแทงออกมาอย่างดุดัน
เหมียวอี้ออกทวนราวกับมังกร สังหารวิญญาณน้ำแข็งที่จู่โจมกะทันหันจนล้มตายตลอดทาง สังหารจนเกิดเสียงกรีดร้องตลอดทาง
ขนาดวิญญาณน้ำแข็งที่อวี้ซาฆ่าไม่ตาย แต่ตอนนี้กลับโดนเหมียวอี้สังหารจนล้มตายตลอดทาง พวกปีศาจเล็กๆ ที่คนอื่นจัดการได้ยาก แต่สำหรับทวนเกล็ดย้อนที่มีเพลิงจิตของเหมียวอี้ กลับสังหารได้อย่างง่ายดายราวกับหั่นผักผ่าฟัก แค่โจมตีครั้งเดียวก็ทำให้วิญญาณน้ำแข็งที่ฝึกตนมาหลายปีสลายหายไปแล้ว
สถานการณ์เดียวกันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดทาง ลำแสงสังหารสีเลือดโจมตีพังภูเขาน้ำแข็ง หนึ่งคนกับหนึ่งตัวพุ่งออกมาท่ามกลางก้อนน้ำแข็งที่ปลิวว่อนอีกครั้ง แต่ก็โดนภูเขาน้ำแข็งแช่ผนึกไว้อีกแล้ว จากนั้นก็บุกออกมาตลอดทาง สังหารวิญญาณน้ำแข็งจนพลิกล้มตลอดทาง พุ่งต่อไปข้างหน้า
พอเห็นสถานการณ์แบบนี้ อวี้ซาก็พลันคำรามอย่างเกรี้ยวกราดทันที “นี่พวกเจ้ากำลังช่วยเขาเหรอ?”
เขาแทบจะเป็นบ้าแล้ว ขนาดทำแบบนี้แล้วยังไม่ตายอีกเหรอ? ถ้าไม่มีวิญญาณน้ำแข็งพวกนั้นใช้ภูเขาน้ำแข็งคุมเหมียวอี้ไว้ บางทีเขาอาจจะฆ่าเหมียวอี้ทิ้งไปแล้วก็ได้ ภูเขาน้ำแข็งที่ผุดขึ้นต่อเนื่องหลายลูกกลับช่วยเหมียวอี้สกัดขวางการโจมตีจากเขาได้เยอะด้วยซ้ำ
แต่อานุภาพการโจมตีของเขาก็มหาศาลเกินไปจริงๆ ถึงแม้จะมีภูเขาน้ำแข็งขวางอานุภาพการโจมตีส่วนใหญ่ของเขา แต่ภายใต้อานุภาพการโจมตีซ้ำของเขา เหมียวอี้ก็สะเทือนบาดเจ็บไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ที่มุมปากมีเลือดไหลออกมาแล้ว ในรูจมูกก็มีเลือดสดไหลออกมาเป็นทางเช่นกัน
เลือดสดย้อมเศษน้ำแข็งตรงหน้าอกเขาจนแดงฉาน เขาแค่รีบร้อนยัดสมุนไพรเซียนซิงหัวต้นหนึ่งเข้าปากแล้วเคี้ยวกลืนลงท้อง แล้วรีบใช้ทวนฟาดน้ำแข็งที่ยื่นออกมาขวางข้างหน้าอย่างเร่งด่วน แล้วพุ่งออกไปราวกับลมท่ามกลางดอกน้ำแข็งที่พร่าตา
เฮยทั่นเรียกได้ว่าทนไม้ทนมือโดยธรรมชาติ มันไม่เป็นอะไร ภายใต้สภาพการณ์แบบนี้ ตราบใดที่ยังมีหนทางให้วิ่ง มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะหยุด
บางทีอาจจะเป็นเพราะได้ยินเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของอวี้ซา ตรงที่ไกลๆ มีหงส์อัคคีน้ำแข็งสิบกว่าตัวพุ่งมาอีกแล้ว อัคคีน้ำแข็งสิบกว่าสายถูกพ่นออกมา ทะลุภูเขาน้ำแข็งไปเผาใส่เหมียวอี้อย่างบ้าคลั่ง
หนึ่งคนกับหนึ่งตัวมองข้ามราวกับพวกมันไม่มีตัวตน พุ่งเข้าไปท่ามกลางเปลงเพลิงเดือดสีฟ้าโดยตรง วิ่งตะบึงท่ามกลางเพลิงอย่างบ้าคลั่ง วิ่งฝ่าเพลิงออกมาแล้ว
หงส์อัคคีน้ำแข็งสิบกว่าตัวนั่นไล่ตามพร้อมใช้อัคคีน้ำแข็งพ่นไปก็ไม่มีประโยชน์
ขนาดทำแบบนี้แล้วยังฆ่าเขาไม่ได้เลยเหรอ? อวี้ซาตกตะลึงแล้ว แต่ไม่นานก็รู้ตัว ว่าที่เจ้าบ้านั่นบอกว่าไม่เคยเห็นอัคคีน้ำแข็งมาก่อนและทำอะไรอัคคีน้ำแข็งไม่ได้ ที่จริงแล้วเป็นอัคคีน้ำแข็งต่างหากที่ทำอะไรเขาไม่ได้ ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายไม่ได้อยากช่วยตนเลย จงใจให้ตนตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
หลังจากเข้าใจแล้ว ก็รู้แล้วว่าตัวเองโดนเหมียวอี้หลอกจนยับเยิน ตัวเองดันชักศึกเข้าบ้านจนทรัพย์สมบัติถูกเขาโกยไปหมดแล้ว
“อา!” อวี้ซาเงยหน้าคำรามอย่างเดือดดาล เสียงดังสะเทือนฟ้าดิน โมโหจนแทบกระอักเลือดออกมา บ้าคลั่งอย่างถึงที่สุดแล้ว
ชั่วพริบตานั้น ปราณสังหารที่ไขว้ตัดสลับกันมั่วทานราวกับไม่ต้องใช้พลังอิทธิฤทธิ์ ใส่อย่างบ้าคลั่งราวกับได้จ่ายเงินซื้อมา
ภูเขาน้ำแข็งระเบิดพังอย่างบ้าคลั่ง หงส์อัคคีน้ำแข็งที่ล้อมโจมตีระเบิดจนพังทลาย เปลวเพลิงสีฟ้าสะบัดโบกเต็มท้องนภา
อาศัยโอกาสเวลาสั้นๆ ที่หงส์อัคคีน้ำแข็งพวกนั้นยังไม่ก่อตัวฟื้นชีพ ฉวยโอกาสช่องว่างตรงนี้ ปล่อยปราณสังหารสีเลือดออกมารัวๆ ราวกับปราณกระบี่อัสนีบาตถล่มใส่เหมียวอี้ที่กำลังหลบหนี
หนึ่งคนกับหนึ่งตัวปลิวอยู่ท่ามกลางก้อนน้ำแข็งที่ระเบิด แกร๊ง! ปราณกระบี่ที่มีน้ำแข็งเกาะหลายชั้นโจมตีโดนเฮยทั่นแล้ว
เฮยทั่นที่โดนโจมตีข้างก้น ปากและจมูกของมันมีเลือดพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ชั่วพริบตาเดียวร่างกายก็ม้วนกลิ้ง เกราะรบบนตัวขาดพลังงานสนับสนุนทันที เกราะม้วนกลับไปที่คอเสียงดังเปาะแปะ กลายเป็นห่วงเหล็กบนคอแล้ว
เหมียวอี้ก็เกือบจะโดนเฮยทั่นสะบัดออกไปเช่นกัน สุดท้ายยามหน้าสิ่วหน้าขวานเขาก็ไม่ได้ทิ้งเฮยทั่น กระโจนตัวออกไปคว้าเขาของมันเอาไว้ ก่อนที่ลูกกลมสีดงขนาดใหญ่จะปรากฏขึ้น เกิดเสียงดังแกร๊ง ครอบหนึ่งคนกับหนึ่งตัวเอาไว้ในนั้นแล้ว ปิดล้อมไว้อย่างหนาแน่น
ทว่าการโจมตีที่มั่วและบ้าของอวี้ซานั้นโหดเกินไปจริงๆ ‘ลูกกลมตีไม่พัง’ โดนถล่มโจมตีใส่อย่างหนักหน่วง ชั่วพริบตาเดียวพลังสนับสนุนก็โดนโจมตีพังแล้ว หดกลับสภาพเดิมอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ทวนเกล็ดย้อนในมือเหมียวอี้ยังถือในแนวขวางอยู่ในนั้น ค้ำลูกกลมตีไม่พังไม่ให้หดเล็กไปกว่านี้ เหลือช่องว่างเพียงพอไว้ให้หนึ่งคนกับหนึ่งตัวที่อยู่ข้างใน
ลูกกลมตีไม่พังที่ใส่หนึ่งคนกับหนึ่งตัวเอาไว้โดนโจมตีจนปลิวออกไป แล้วก็ไปชนกับภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งจนพัง สุดท้ายก็โดนภูเขาน้ำแข็งผนึกไว้อีกแล้ว
อวี้ซาที่ปล่อยปราณสังหารพุ่งขึ้นฟ้าพุ่งเข้ามาอย่างไม่สนใจอะไร เขาถล่มเปิดภูเขาน้ำแข็งแล้ว ดีดนิ้วปล่อยลำแสงดรรชนีโจมตีลูกกลมตีไม่พังอีกครั้ง ทำให้ลูกกลมตีไม่พังเปลี่ยนรูปร่างแล้ว แต่กลับไม่สามารถโจมตีฝ่าของที่หลอมสร้างจากผลึกแดงได้ง่ายๆ ภายใต้ความอับจนหนทาง เขาดูดลูกกลมตีไม่พังมาไว้ในมือเสียเลย ถึงแม้อาวุธชิ้นใหญ่จะถือลำบาก แต่กลับถูกเขาดูดไว้ในฝ่ามือและลากไปแล้ว จากนั้นก็ล้อมสังหารอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
ใครจะคิดว่าในตอนนี้ จู่ๆ บรลูกกลมตีไม่พังก็มีสายฟ้าหมุนวน สายฟ้าทำให้ร่างกายของอวี้ซาที่อยู่กลางอากาศสั่นเทิ้ม จำเป็นต้องคลายมือออกจากลูกกลมตีไม่พัง กระแสไฟฟ้ามีบทบาทในการข่มวิญญาณชั่วร้ายเช่นกัน
ลูกกลมตีไม่พังที่ตกลงมาจากท้องฟ้าโดนภูเขาน้ำแข็งผนึกไว้อีกครั้ง
ส่วนอวี้ซาที่โดนลูกกลมตีไม่พังใช้กระแสไฟฟ้าโจมตี การเคลื่อนไหวก็ช้าลงเล็กน้อย ตอนที่เติมปราณสังหารเพื่อต้านทานอัคคีน้ำแข็งไม่ทัน ก็โดนอัคคีน้ำแข็งเผาปราณสังหารที่ปกป้องร่างกาย เผาโดนแขนของเขาแล้ว
อวี้ซาก็เป็นคนโหดเช่นกัน ขณะที่รีบถลันตัวผ่านไป ก็ดึงแขนที่โดนเผาทิ้งไปทั้งเป็นๆ เลย แล้วก็หันมาฝ่าวงล้อมอย่างเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง เขาไม่สนใจเหมียวอี้แล้ว เป็นเพราะโดนไฟเผาจนได้สติกลับมาแล้ว เอาชีวิตไปทิ้งเพราะเหมียวอี้คนเดียวนั้นไม่คุ้ม ไม่มีสมบัติก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่มีชีวิตย่อมมีหวัง
ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะปล่อยเหมียวอี้ไป ที่สำคัญเป็นเพราะโดนเหมียวอี้หอบสมบัติไปหมดแล้ว บนตัวไม่มีแม้แต่แหวนเก็บสมบัติสักวง ภายใต้สถานการณ์ที่โดนล้อมโจมตีแบบนี้ แต่ลูกกลมสีแดงนั่นจะปล่อยให้เขาหนีไปได้อย่างไร? หลังจากได้สติกลับมาก็พบว่าสูญเสียพลังอิทธิฤทธิ์ไปเยอะมาก ถ้ายังไม่หนีไปตอนนี้ก็จะไม่มีทางหนีได้แล้ว ตอนนี้จะหนีพ้นหรือไม่ก็ยังรับประกันไม่ได้ด้วยซ้ำ
…………………………