หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง? แค่ของเล่นอันนี้เนี่ยนะ?
ฟังดูเหมือนร้ายกาจมาก แต่ทำไมเหมียวอี้ฟังแล้วรู้สึกเหมือนเอาอัคคีน้ำแข็งกับวิญญาณน้ำแข็งมารวมร่างกัน เขาขมวดคิ้วถามว่า “ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ง่ายเหรอ?” หลิงหลันยิ้มบางๆ “ดูเหมือนจะง่าย แต่กลับไม่ได้ง่ายอย่างที่จินตนาการ นี่คือสิ่งที่นายท่านหลอมสร้างขึ้นโดยรวบรวมอัคคีน้ำแข็งกับวิญญาณน้ำแข็งจำนวนมากเอาไว้ ระดับความทนทานไม่ใช่สิ่งที่อาวุธผลึกแดงจะเทียบติด แน่นอน ผู้มีวรยุทธ์สูงที่อาศัยพลังอิทธิฤทธิ์อันแข็งแกร่งเจาะรูก็อาจจะทำไม่สำเร็จก็ได้ แต่ถ้าฝืนเจาะสิ่งนี้ก็อาจจะทำให้แตกพังได้ ไม่นับว่าทำสำเร็จ ถ้าหากใช้ไฟฟ้า การเผาในระยะเวลานานก็อาจจะทำให้มันละลายได้ แต่กลับมีกฎกติกาควบคุมไว้ จำกัดให้เจาะรูข้างในครึ่งเดียวเท่านั้นถึงจะสำเร็จ ถ้าทำเกินกฎก็ถือว่าล้มเหลว ตอนนี้ท่านยังคิดว่าง่ายอยู่อีกมั้ย?”
เหมียวอี้แทบจะหัวเราะออกมา เป็นการรรวมกันระหว่างอัคคีน้ำแข็งกับวิญญาณน้ำแข็งจริงๆ ด้วย เขาถึงได้ยิ้มบางๆ พร้อมบอกว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าก็ลองดูได้แล้วจริงๆ”
หลิงหลันไม่ได้พูดอะไรมาก ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ในฝ่ามือลอยขึ้นช้าๆ ลอยไปตรงหน้าเหมียวอี้
เหมียวอี้กวาดเข้ามาไว้ในมือ สิ่งที่ตกอยู่ในมือหนาวเข้ากระดูกจริงๆ น้ำค้างขาวลุกลามจากนิ้วมือขึ้นไปบนแขนอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เกาะทั้งร่างกายแล้ว กระตุ้นจนแม้กระทั่งดวงจิตวิญญาณก็สั่นสะท้าน ทำให้เหมียวอี้ตกใจทันที นึกไม่ถึงว่าบนโลกยังมีวัตถุที่เย็นเยือกขนาดนี้อยู่ ที่ดูมีเงื่อนงำที่สุดก็คือ ความรู้สึกหนาวเย็นอันน่าสะพรึงนั่นสามารถถูกผนึกไว้ในไข่มุกได้ ตอนที่ยังไม่เอามือไปสัมผัส ก็ไม่รู้เลยว่าความหนาวในนั้นจะน่ากลัวขนาดนี้ เขารีบร่ายเคล็ดวิชาอัคนีดาราต่อต้านความหนาวที่สามารถแช่แข็งวิญญาณได้เอาไว้ทันที
น้ำค้างขาวที่เกาะขึ้นไปบนบ่าถ่อยร่นกลับไปอย่างรวดเร็ว แขนกลับมาขยับได้อย่างอิสระอีกครั้ง จกานั้นก็พลิกดูไข่มุกที่อยู่ในมือกลับไปกลับมา
หลิงหลันเห็นเขาไม่ได้รับผลกระทบจาก ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ในดวงตางามก็ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย แต่พอนึกขึ้นได้ว่าในเมื่ออีกฝ่ายสามารถผ่านทุ่งน้ำแข็งโบราณมาได้ นางก็ใจเย็นลงแล้ว ตอนนี้กำลังทำท่าเหมือนตั้งตารออยู่
พอเหมียวอี้พลิกฝ่ามือ หินไขมันเพลิงสีทองที่เผาจนเหลือครึ่งเดียวก็ปรากฏอยู่ในมือ มีเสียงดังพรึ่บพร้อมเปลวเพลิงสีทองกลุ่มหนึ่งที่สร้างความรู้สึกกดดัน เพลิงสีทองกดอัดจนยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ และสุดท้ายก็เหมือนเข็มปักลายผ้าเล่มหนึ่ง แสงของมันสะดุดตา
เข็มไฟที่รวบรวมอานุภาพไฟไว้หมุนวนด้วยความเร็วสูงภายใต้การควบคุมของเหมียวอี้ หัวเข็มเจาะขึ้นบน ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ แล้วทะลวงอย่างรวดเร็ว
เฮยทั่นที่อยู่ข้างๆ ส่ายหัวราวกับได้เห็นเรื่องสนุก หลายครั้งที่มันอยากจะอ้าปากพูด แต่ก็โดนเหมียวอี้ใช้สายตาจ้องถลึงกลับมา จึงได้ทำตัวเป็นเจ้าโง่ที่พูดไม่ได้ต่อไป ตอนนี้ย่อมเบิกตากว้างอย่างสงสัยใคร่รู้
เหมียวอี้ที่ทดลองไปนิดหน่อยกลับรู้สึกตกใจมาก เขาใช้เพลิงสีทองเจาะรูอย่างเต็มกำลัง แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่สามารถทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้บน ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ได้เลย ความแข็งแรงทนทานของมันเป็นเพียงด้านหนึ่งเท่านั้น ที่แปลกกว่านั้นก็คือไม่น่าเชื่อว่าไฟหยินใน ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ จะต่อต้านอุณหภูมิสูงของเพลิงสีทองที่เจาะเข้าไปได้ด้วยตัวมันเอง ให้ความรู้สึกว่าหยินหยางข่มกัน ถ้าใช้ไฟหยินมาโจมตี อาจจะถูกมันหลอมรวมด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะเจาะทะลุได้
พอเป็นแบบนี้ ถ้าอยากจะใช้อานุภาพของเพลิงทองเจาะรูข้างในครึ่งหนึ่งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ นอกเสียจากจะใช้อานุภาพของไฟเผาหลอมเป็นเวลานาน ต่อให้ทำแบบนี้ก็ตาม แต่คาดว่าถ้าใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็อย่าหวังเลยว่าจะเจาะ ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ให้ทะลุได้
เขากำฝ่ามือ ดับไฟบนหินไขมันเพลิงสีทองแล้วเก็บไว้ จากนั้นพลิกตรวจดู ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ซ้ำไปซ้ำมา
หลิงหลันเหมือนรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะเป็นแบบนี้ จึงยิ้มบางๆ พร้อมบอกว่า “เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนเลย”
เหมียวอี้เหลือบมองนางแวบหนึ่ง ยังไม่ถึงตอนสุดท้ายเลย มาพูดได้อย่างไรว่าไม่ไหว สาเหตุที่ตอนแรกเขาไม่ใช้เพลิงจิต ก็เป็นเพราะไม่อยากเปิดเผยเคล็ดวิชาฝึกตนของตัวเองสุ่มสี่สุ่มห้า ประการต่อมาก็เป็นเพราะอยากจะทดสอบว่า ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ มหัศจรรย์เหมือนที่อีกฝ่ายบอกจริงหรือเปล่า
ในตอนนี้ นิ้วสองนิ้วเริ่มฟั่นขยี้ไข่มุก ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ตรงจุดที่ระหว่างนิ่วชี้กับนิ้วหัวแม่มือและ ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ติดกันแอบมีเข็มเพลิงจิตเจาะออกมา
เขาไม่รู้ว่าเพลิงจิตใช้ได้ผลกับสิ่งนี้หรือเปล่า ตอนนี้ก็แค่ทดลองดูเท่านั้น ผลปรากฏว่าพอลองไปได้นิดเดียว บนใบหน้าไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร แต่ในใจกลับแอบยิ้มแล้ว
ได้ผล! เคล็ดวิชาอัคนีดาราของเขาสามารถใช้ได้ทั้งไฟหยินและไฟหยาง ตอนนี้เข็มเพลิงจิตสองเล่มกำลังข่มไฟหยินใน ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ได้อย่างราบรื่นแล้ว แทบจะไม่เปลืองแรงอะไรก็เจาะทะลุเข้าใน ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ได้แล้ว
เนื่องจากหัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็งมีลักษณะโปร่งแสง คนนอกสามารถมองเห็นผลลัพธ์นี้ได้ หลิงหลันเบิกตากว้าง ได้แต่มองดูสองฝั่งของ ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ที่อยู่ระหว่างสองนิ้วของเหมียวอี้มีรอยกลวงไปรวมกันตรงกลาง แววตาที่เย็นชาสงบนิ่งของหลิงหลันเริ่มเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ไม่นานนัก ในที่สุดช่องว่างสองสายที่ยาวขึ้นเรื่อยๆ ในหัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็งก็มาบรรจบกันแล้ว เชื่อมทะลุถึงกันแล้ว
เหมียวอี้หยุดใช้วิชา หมุนนิ้วเปลี่ยนด้านขยี้ ตัวเองดูรูที่ทะลุบนหัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็งคณู่หนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหา ก็โยนไปข้างหลังอย่างไม่ใส่ใจ “แม่นางหลิงดูหน่อยว่าข้าผ่านด่านหรือยัง”
หลิงหลันรับมาไว้ในมือ แล้วรีบพลิกไปพลิกมาเพื่อตรวจดู สองมือเริ่มสั่นทีละนิด นางที่สงบเยือกเย็นมาตลอด ตอนนี้มองเหมียวอี้ด้วยแววตาที่เหมือนมองเห็นผี ในแววตานั้นเจือด้วยความตื่นเต้นดีใจและเร้าใจอย่างที่อธิบายออกมาไม่ได้
“หรือว่าตำแหน่งที่ข้าเจาะรูไม่ถูก? หรือว่าเจ้าจะกลับคำพูด?” เหมียวอี้ถามเสียงเรียบ
ใครจะคิดว่าหลิงหลันจะถอยหลังสองก้าว แล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่น่าเชื่อ่วาจะคุกเข่าให้เหมียวอี้ คุกเข่าอย่างกะทันหันและไม่ลังเลเลย
เป็นเพราะทำให้รู้สึกผิดคาดเกินไป ทำให้เหมียวอี้ตกใจมาก ก้าวถอยหลังโดยจิตใต้สำนึกเช่นกัน นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
เฮยทั่นเอียงหน้ามองตาปริบๆ ในดวงตาฉายแววประหลาดใจ
สิ่งที่ทำให้หนึ่งคนกับหนึ่งตัวยิ่งคิดไม่ถึงก็คือ หลิงหลันที่กำลังมองเหมียวอี้อย่างตะลึงงันเริ่มมีน้ำตาเอ่อแล้ว ในดวงตามีหยดน้ำตาพรั่งพรูออกมา กลายเป็นเม็ดไข่มุกน้ำตาไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่า
น้ำตาที่ไหลออกมาจากดวตานางเรียกได้ว่าเป็นมุกน้ำตาที่มีมูลค่าจริงๆ ขณะตกลงพื้นมีเสียงดังเปาะแปะราวกับไข่มุกตกลงในถาดหยก ทั้งหมดล้วนเป็นไข่มุกน้ำแข็ง
เหมียวอี้ถูกนางทำให้อับอายเล็กน้อย เขามีอีกด้านหนึ่งที่ใจอ่อน จึงไอแห้งๆ แล้วบอกว่า “เจ้าจะมาโทษว่าข้าทำลายสมบัติของเจ้าไม่ได้นะ เจ้าต้องเข้าใจเอาไว้นะ เป็นเจ้าเองที่บอกให้ข้าทดลอง ไม่เกี่ยวกับข้านะ”
หลิงหลันพยายามออกแรงส่ายหน้า จากนั้นก็หมอบศีรษะให้เหมียวอี้อีก เอาศีรษะโขกพื้น ทั้งยังโขกเสียงดังด้วย โชกสามครั้งต่อเนื่องกัน จากนั้นก็เอาหน้าผากแนบพื้นไม่ยอมลุกขึ้นมา นางร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมกล่าวว่า “รอจนเจอแล้ว ในที่สุดข้าก็รอจนเจอแล้ว นายท่าน ในที่สุดข้าก็รอจนเจอท่านแล้ว
เหมียวอี้ทำสีหน้าฉงนทันที “เจ้ารออะไรนะ?”
หลิงหลันเงยหน้าปาดน้ำตา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่น้ำตายังนองหน้า “บ่าวกำลังดีใจที่ในที่สุดก็มีคนสามารถเจาะรู ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ที่นายท่านทิ้งไว้ให้ได้แล้ว”
แค่นี้ก็ควรค่าแก่การดีใจเหรอ? เหมียวอี้ยังคงมีสีหน้าสงสัย “งั้นเจ้าก็คงไม่ถึงขั้นคุกเข่าให้ข้าหรอกมั้ง?”
“นั่นเป็นเพราะบ่าวมีเรื่องจะขอร้องท่าน ท่านได้โปรดรับปาก” หลิงหลันกล่าว
เฮยทั่นเอียงหน้ามา มองเหมียวอี้อย่างสงสัย
“…” เหมียวอี้พูดไม่ออกไปพักใหญ่ ไม่รู้ว่าตัวเองจะช่วยอะไรอีกฝ่ายได้ เขากลอกตาไปมา มีการคาดเดาของตัวเองในใจแล้ว จึงถามหยั่งเชิงว่า “เจ้าอยากให้ข้าพาเจ้าออกไปเหรอ? เกรงว่าจะไม่เหมาะสมเกินไปแล้ว เจ้าคือคนที่ตำหนักสวรรค์สั่งให้คุมที่นี่ ถ้าเจ้าไปจากที่นี่แล้ว เกรงว่าข้าเองก็จะซวยไปด้วยเหมือนกัน”
หลิงหลันพยายามส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องนี้ อยากจะขอให้ท่านนำของสองอย่างออกมาจากจุดลึกของแหล่งกำเนิดปราณชั่วร้าย จากนั้นก็ส่งไปที่ ‘บ่อเพลิงมังกร’ ที่ถ้ำมังกร ขอร้องท่านล่ะ”
ความสงสัยบนใบหน้าเหมียวอี้ยังไม่หายไป “บ่อเพลิงมังกร? ส่งของอะไรไปบ่อเพลิงมังกร?”
หลิงหลันกล่าวขอร้องว่า “บ่าวก็ไม่ทราบเหมือนกัน นายท่านเป็นคนสั่งไว้ ท่านได้โปรดตอบตกลงด้วย”
สิ่งนี้ทำให้เหมียวอี้ค่อนข้างลำบากใจ เขาต้องการไปที่ถ้ำมังกรจริงๆ ไม่อย่างนั้นถ้าเอาไฟหยินแท้อย่างเดียวก็ไม่ค่อยมีผลต่อการฝึกตนสักเท่าไร แต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้เขาอยากจะอยู่ที่ถ้ำมังกรกับรังหงส์อย่างละห้าร้อยปี เขาเพิ่งจะมาที่รังหงส์ ถ้าจะให้ไปที่ถ้ำมังกรเลยก็ขัดกับเจตนาของเขา แล้วอีกอย่าง ตลอดทางที่ผ่านมานี้ก็อันตรายจริงๆ นอกทุ่งน้ำแข็งโบราณมีคนเฝ้ารออยู่ เป็นไปได้ว่าที่ ‘หุบเขาฟ้าไม่ดับสูญ’ ก็มีคนอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
แต่ถ้าปฏิเสธอีกฝ่ายล่ะ ถ้าอยากจะฝึกตนอยู่ที่นี่ก็คงจะเหนื่อยพอสมควร หงส์อัคคีน้ำแข็งกับวิญญาณน้ำแข็งพวกนั้นจะต้องมากวนแน่
เขาลำบากใจเลือกไม่ถูกอยู่นานมาก จึงถามว่า “ทำไมจะต้องเป็นข้าที่เอาไปส่งให้ เจ้าไปส่งเองก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลิงหลันส่ายหน้า “ข้าไม่มีทางออกจากแอ่งกระทะที่อยู่ในรังหงส์ได้ ตำหนักสวรรค์ผนึกบางอย่างไว้บนตัวข้า พอข้าออกจากที่นี่ก็จะถูกตำหนักสวรรค์จับได้ทันที มิหนำซ้ำต่อให้ข้าออกไปได้ แต่ถ้าไม่มีชัยภูมิอย่างทุ่งน้ำแข็งโบราณ พลังของข้าก็ไม่ถือว่าแข็งแกร่งในแดนมรณะดึกดำบรรพ์เลย ไม่กล้ารับประกันว่าจะไปถึงหุบเขาฟ้าไม่ดับสูญได้อย่างราบรื่น และเรื่องที่สำคัญแบบนี้ก็จะไหว้วานวิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ข้างนอกไม่ได้ ถ้าพลาดขึ้นมา บ่าวก็รับผลที่จะตามมาไม่ไหวค่ะ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ต่อให้ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์จะมีคนที่สามารถไปถึงหุบเขาฟ้าไม่ดับสูญได้ แต่ก็ไม่มีทางล่วงล้ำเข้าขอบเขตที่ถูกป้องกันนอกถ้ำมังกรได้ ข้าทำไม่ไหวหรอกค่ะ วิญญาณชั่วร้ายพวกนั้นก็ทำไม่ไหว แต่ท่านมีความสามารถนี้”
เหมียวอี้ฟังออกแล้ว เรื่องที่ขอร้องให้ตนทำจะต้องเป็นเรื่องที่ต้องแอบปิดบังตำหนักสวรรค์แน่นอน ไม่อย่างนั้นตอนที่หงมังกรมาปราบวิญญาณชั่วร้าย ทำไมถึงไม่ทำล่ะ ทำไมจะต้องลักลอบทำตอนนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เกรงว่าเจ้าคงจะไม่อยากให้ตำหนักสวรรค์รู้เรื่องนี้สินะ ในเมื่อเจ้าไม่กล้าไหว้หวานวิญญาณชั่วร้ายพวกนั้น แต่ไม่กลัวว่าข้าจะเปิดเผยความลับต่อตำหนักสวรรค์เชียวเหรอ?”
หลิงหลันส่ายหน้าอีกครั้ง “นายท่านเคยสั่งไว้ ว่าคนที่สามารถผ่านด่านยากอย่าง ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ได้ตามกติกา ไม่มีทางเปิดเผยเรื่องนี้ต่อตำหนักสวรรค์เด็ดขาด สามารถวางใจฝากฝังเรื่องนี้ได้เลย”
มารดาเจ้าเถอะ! นายท่านของเจ้าพยากรณ์ได้รึไง? เหมียวอี้พึมพำในใจ ตอนนี้กลุ้มใจแล้ว เขาไม่เชื่อว่าเผ่าหงส์ที่เป็นทาสให้ตำหนักสวรรค์หลายปีจะเดาออกตั้งแต่หลายปีที่แล้วว่าเขาจะมาที่นี่ ต้องทราบไว้ว่าตอนนั้นบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเขายังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ!
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ เผ่าหงส์เดาทางเขาถูกแล้วจริงๆ เขาไม่มีทางเปิดเผยเรื่องนี้ต่อตำหนักสวรรค์แน่นอน
ขณะที่เขากำลังลังเลลำบากใจ จู่ๆ หลิงหลันก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ใช้สองมือรอง ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ แล้วชูไว้บนศีรษะ “แล้วก็อันนี้ด้วย นายท่านบอกไว้แล้ว ว่าถ้าเจอคนที่สามารถผ่านด่าน ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ได้ตามกติกา ก็ให้มอบ ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ให้เพื่อขอร้อง เพราะ ‘หัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็ง’ ที่นายท่านหลอมสร้างไว้สามารถสั่งวิญญาณหงส์กับวิญญาณน้ำแข็งของทุ่งน้ำแข็งโบราณได้ สามารถช่วยให้ท่านเข้าออกทุ่งน้ำแข็งโบราณได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรค นายท่านบอกว่าท่านจะต้องได้ใช้งานมันยามฝึกตนที่ทุ่งน้ำแข็งโบราณแน่นอน นายท่านยังบอกอีกว่า ขอให้นายท่านเห็นแก่ไมตรีของคนสองรุ่น ต้องช่วยเผ่าหงส์ในครั้งนี้ให้ได้ นายท่านสัญญาไว้ ว่าบุญคุณอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ เผ่าหงส์จะไม่มีวันลืมและจะตอบแทนอย่างดี!”
…………………………