ปรากฏว่าพอใช้เหยียบขึ้นไปถึงได้รู้ ว่าพายุหมุนปราณชั่วร้ายที่พรั่งพรูขึ้นมาจากข้างล่างมีแรงชนปะทะเยอะพอสมควร ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้เขาลอยขึ้นมาแล้ว หมุนวนลอยขึ้นมาตามลม
หลิงหลันเงยหน้ามองตาม
เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ควบคุมไว้ ร่างกายถึงได้จมลงไป ค่อยๆ จมลงไปในโพรงของเตียงน้ำแข็ง
หลังจากเข้ามาแล้วก็โดนปราณชั่วร้ายสีดำปุดๆ พัดกระพือ มองอะไรไม่ชัดเจนเลย ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์ก็ดันทุรังพอสมควร เขาจึงควบคุมหัวใจแห่งอัคคีน้ำแข็งในมืออีกครั้ง หงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าที่สวยสง่าเปล่งรัศมีแวววาววนรอบตัวเขา รัศมีแวววาวนั่นเหมือนจะทะลุหมอกหนาที่อยู่รอบๆ ได้ ตอนนี้ถึงได้ทำให้เหมียวอี้มองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างชัดเจน
พื้นที่ว่างค่อนข้างแคบเล็ก ไม่น่าเชื่อว่าเป็นทางเลี้ยวเอียงลาดไปข้างนอก ให้คนคนหนึ่งยืนก็ยังต้องงอตัวนิดหน่อย ที่นี่ไม่มีชั้นน้ำแข็งอีกแล้ว แต่เป็นชั้นดินและชั้นหินสีดำของแท้ เหมียวอี้ลองกำหมัดชกสองที พบว่ามันแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ
เมื่อเดินไปตามทางลาดเอียงข้างหน้าได้ประมาณร้อยจั้ง ทางก็ขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นถ้ำกลวงที่ดิ่งลงเป็นแนวเส้นตรง ปราณเหี้ยมโหดสีดำพัดม้วนขึ้นมาจากด้านล่าง เมื่อไม่มีทางเลี้ยงมาลดความเร็ว ลมก็เหมือนจะแรงขึ้นแล้ว
เหมียวอี้ดิ่งหัวลง กระโจนลงไปข้างล่างแล้ว ความเร็วตอนตกก็ไม่ได้เร็วสักเท่าไร พื้นที่ว่างขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าแล้ว ปราณเหี้ยมโหดสีดำทำให้ตามองไม่ชัด อยากจะเห็นผนังหินรอบๆ ให้ชัดเจนก็ค่อนข้างลำบาก จะให้ใช้ตาทิพย์ก็ได้เหมือนกัน ทว่าตาทิพย์สิ้นเปลืองพลังอิทธิฤทธิ์เยอะมาก ถ้ายังไม่รู้สถานการณ์ชัดเจนก็ไม่สะดวกจะทำอะไรบุ่มบ่าม
พอเป็นแบบนี้ ก็เกรงว่าจะพลาดเป้าหมาย ตอนที่ตกลงมาจึงไม่กล้าเร่งให้เร็วเกินไปนัก
หงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าที่เปล่งประกายสะดุดตายังคงบินรอบตัวเขา สามารถช่วยส่องสว่างให้เขาได้บ้างนิดหน่อย ผนังหินที่อยู่รอบๆ เป็นรูปทรงกระบอก ถึงแม้จะหยาบลวก แต่ถ้ามองโดยรวมแล้วก็นับว่าค่อนข้างกลมเกลี้ยง ดูจากรอยเว้านูนบางรอยก็พอจะมองออก ว่าคงจะโดนลมพัดสะสมกันหลายปีจนนเรียบแล้ว
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เหมียวอี้ที่ดำลงมาข้างข้างก็เจอก้นบึ้งแล้ว เขาแอบตกใจ นี่มันต้องลึกขนาดไหนกัน?
เขาเข้าไปดูใกล้ๆ ผนังหินโดยรอบ พบว่ายังเป็นสีดำขลับเหมือนกัน สีไม่เคยเปลี่ยนเลย อดไม่ได้ที่จะร่ายอิทธิฤทธิ์เร่งความเร็วในการจมลง กะว่าพอถึงจุดหมายแล้วค่อยดูให้ละเอียดตอนกลับ เขาอยากจะเห็นว่าจะลึกขนาดไหนกันแน่
ทันใดนั้น ตอนที่เขาเพิ่งเร่งความเร็วได้ไม่นาน หงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าที่บินอยู่รอบกายก็เคลื่อนไหวผิดปกติ จู่ๆ ก็บินออกไปจากรอบกายเขา ไปหยุดและบินขึ้นบนลงข้างๆ ผนังหินจุดหนึ่ง ตอนนี้เหมียวอี้ที่ผ่านมาแล้วจำต้องกลับขึ้นไปใหม่ ไปหยุดอยู่ตรงจุดที่หงส์เฟิ่งหวงสีฟ้ากำลังบิน เขากำลังคิดว่า อย่าบอกนะว่าของซ่อนไว้ตรงนี้?
เขามองดูรอบๆ เหมือนกับผนังหินรอบกายรวมทั้งผนังหินที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ถึงขั้นมองไม่ออกด้วยว่ามีตรงไหนผิดปกติ
เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์เก็บหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้า ใช้ฝ่ามือกดด้านบนแล้วร่ายอิทธิฤทธิ์กรอกเข้าไปตรวจสอบในผนัง พลังอิทธิฤทธิ์ที่ขยายเข้าไปสามารถตรวจสอบได้อย่างมีขีดจำกัดกว้างมาก แต่ก็ยังไม่เจอจุดไหนที่ผิดปกติ ทั้งหมดล้วนเป็นก้อนหิน ทำให้เขาแปลกใจทันที ถ้าไม่มีความผิดปกติ แล้วทำไมจู่ๆ หงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าถึงมาหยุดอยู่ตรงนี้ล่ะ?
เพื่อที่จะทดสอบดูสักหน่อย เขาจึงฟันกระบี่วิเศษผลึกแดงที่เอาไว้ใช้ป้องกันตัวออกไป บนผนังทิ้งรอยไว้รอยหนึ่ง แล้วตัวก็ทะยานขึ้นไปตามลม พอไปถึงตำแหน่งข้างบนแล้วก็ปล่อยหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าออกมาอีกรอบ ผลก็คือพบว่าหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าที่เปล่งประกายสะดุดตาบินวนรอบกายเขา ไม่มีความผิดปกติใดๆ
เขาดำลงไปอีกครั้ง ตั้งใจจะทำสัญลักษณ์เอาไว้ตรงจุดที่เพิ่งผ่านไป แต่ใครจะคิดว่าหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าจะบินออกไปจากตัวเขาอีก มันบินไปตรงจุดที่เขาทำสัญลักษณ์เอาไว้อีกครั้ง
ครั้งนี้เหมียวอี้ที่แอบอุทาน “เอ๋” แน่ใจแล้วว่าตรงนั้นมีเงื่อนงำ เขาเก็บหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้า แล้วใช้กระบี่ฟันไปสักพักโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
มีเสียงดังโครมคราม เศษหินที่ถูกฟันแตกโดนลมพัดม้วนขึ้นไปด้านบน เหมียวอี้ไม่สนใจสิ่งนี้ สนใจแค่ฟันให้เกิดช่องทางหนึ่งที่คนสามารถเข้าไปได้ บางครั้งก็ปล่อยหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าออกมายืนยันทิศทาง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่เบี่ยงเบน เขาก็ยังคงมุ่งไปข้างหน้า ขุดไปข้างหน้าต่อไปแบบนั้น
“แกร๊ง…” มีเสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น หลังจากขุดไปไกลประมาณสามจั้ง กระบี่วิเศษผลึกแดงก็ฟันจนเกิดแสงไฟกลุ่มหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นของที่แม้แต่กระบี่วิเศษผลึกแดงก็ฟันออกได้ยาก เขาดวงตาอิทธิฤทธิ์ดูให้ละเอียด พบว่าบนผนังหินเกิดอีกด้านหนึ่งที่มีจุดแตกต่างกับรอบๆ นิดหน่อย
พื้นผิวโค้งนูนขนาดเท่าฝ่ามือ รอบข้างถูกตัวเองฟันจนเป็นหลุมขรุขระหมดแล้ว มีเพียงแค่ตรงนี้ที่ปรากฏระดับที่นูนเกลี้ยงเกลา ราวกับฝังเลี่ยมอะไรเอาไว้ในผนังหิน
มันคืออะไร? อย่าบอกนะว่าเป็นของที่ตนกำลังตามหา? เหมียวอี้ยกกระบี่งัดรอบๆผิวนูนด้วยความรวดเร็วทันที ผิวนูนเกลี้ยงเกลาที่เผยออกมายิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผิวนูนรูปวงรีปรากฏอยู่ใกล้ๆ แล้ว
เหมียวอี้ทำต่อไป ไม่นานก็งัดบนผนังจนเจอวัตถุรูปวงรีที่มีขนาดเท่าหมอนใบหนึ่ง เขาโอบไว้ในมือแล้วพลิกไปพลิกมา พบว่าสิ่งนี้ต่างจากสีของผนัง เพราะมันเป็นสีดำทะมึน พอร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูก็พบว่าเป็นหินก้อนหนึ่ง และเป็นหินที่เหมือนกับหินที่อยู่รอบๆ ด้วย
สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือระดับความแข็งทนทานของหินก้อนนี้ไม่ใช่สิ่งที่หินรอบๆ จะเทียบติด เหมียวอี้สงสัยนิดหน่อยว่านี่คือของที่ตัวเองต้องการหารึเปล่า จึงปล่อยหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าออกมาอีกครั้ง พอหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าออกมา มาก็ไม่บินไปข้างหน้าอีกแล้ว และไม่บินไปรอบๆ ด้วย เป้าหมายชัดเจนแล้ว มันโผลงมาเกาะบนหินวงรีในมือ ทั้งยังใช้ขานั่งหมอบด้านบนด้วย จากนั้นหลับตาก้มหัว ท่าทางสงบสุข ทำท่ากางปีกโอบกอด ราวกับมาถึงบ้านแล้ว สิ่งนี้ทำให้เหมียวอี้แปลกใจมาก นี่คือของที่เผ่าหงส์ไหว้วานให้ตนค้นหาเหรอ?
เขาเก็บหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าเอาไว้แล้วปล่อยออกมาอีก ทดลองทำแบบนี้ซ้ำหลายครั้ง ผลก็คือทุกครั้งล้วนเป็นแบบนี้ เขาถึงได้แน่ใจแล้ว
เหมียวอี้เขาใช้มือประคองวัตถุรูปวงรีที่หงส์เฟิ่งหวงสีฟ้ากอดไม่ปล่อยขึ้นมาดู ในใจรู้สึกสงสัย อย่าบอกนะว่านี่คือไข่? แต่พอร่ายอิทธิฤทธิ์พิสูจน์ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ของสิ่งนี้ก็เหมือนจะไม่ต่างอะไรกับก้อนหินที่อยู่รอบๆ เลย เพียงแต่แข็งกว่าเยอะ ในรูปวงรีก็เป็นหินเช่นกัน ไม่มีโครงสร้างแบบนี้ในไข่ควรจะมี ช่างแปลกประหลาดจริงๆ
แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ขุดเข้าไปแล้วรู้ว่าระดับความแข็งของสิ่งนี้ต่างกับหินที่อยู่รอบๆ อาศัยแค่ร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูจากภายนอก ผีที่ไหนจะหาของสิ่งนี้เจอ ซ่อนเอาไว้อย่างแน่นหนาจริงๆ
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ภายนอกของสิ่งนี้ เขาก็สงสัยนิดหน่อยว่าเป็นไข่ที่หงส์เฟิ่งหวงทิ้งไว้หรือเปล่า แต่ถ้าเป็นไข่หงส์ จะให้ตนส่งไปที่ ‘บ่อเพลิงมังกร’ ในหุบเขาฟ้าไม่ดับสูญทำไม?
ในเมื่อคิดไม่ออก เขาก็ไม่คิดแล้ว เมื่อเห็นหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าไม่สนใจที่อื่น เขาจึงเก็บไข่หินนี้เอาไว้ ออกจากถ้ำที่ตัวเองขุด แล้วทะยานตัวขึ้นด้านบน
ทว่ายังลอยขึ้นได้ไม่ไกลเท่าไร เขาก็หยุดอีกแล้ว เขาชำเลืองมองใต้เท้าตัวเอง
ไม่ง่ายเลยกว่าจะลงมาในสถานที่ที่ลึกขนาดนี้ได้ ไม่แน่ว่าจุดสิ้นสุดอาจจะอยู่ไม่ไกล ไม่สู้ไปดูหน่อยดีกว่าว่าจุดสิ้นสุดมีสภาพเป็นอย่างไร เดี๋ยวถ้าลงไปในบ่อลึกแล้วเจอของ ก็ไม่ต้องถ่อไปที่อื่นอีกแล้ว
เขาถึงได้หมุนตัวกลางอากาศ มุดศีรษะลงข้างล่างอีกครั้ง หงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าบินวนส่องแสงให้รอบกาย เขาเหาะลงไปด้วยความเร็วตลอดทาง
ยิ่งลงไปข้างล่าง ลมก็ยิ่งแรงขึ้น อาจจะเป็นเพราะเหาะลงมาด้วยความเร็ว ครั้งนี้ใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ตรงจุดสิ้นสุดมีช่องสุญญะอยู่แห่งหนึ่งจริงๆ มีสายฟ้าแลบไม่หยุด กะพริบแสงราวกับมีรอยแยกที่ช่องสุญญะ ปราณเหี้ยมโหดที่ลอยโขมงก็เข้ามาจากช่องสุญญะที่มีรอยแยกนั้น แต่สิ่งนี้ไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือ ตอนที่มาถึงจุดสิ้นสุด หงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าก็บินแยกออกจากเขาไปอีกแล้ว ตรงจุดไกลๆ ข้างหลังเขาไม่กี่สิบจั้งมีแสงสีฟ้าจางๆ เปล่งออกมา
เหมียวอี้ที่จ้องประเมินช่องสุญญะอยู่ครู่หนึ่งลอยขึ้นข้างบนอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจสงสัยไม่หายก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าประหลาดนั่นจะยังบินวนอยู่บริเวณหน้าผนังหิน
สถานที่บ้าๆ นี่คงไม่เกิดอะไรขึ้นอีกใช่มั้ย? บอกว่ามีของสองอย่างอยู่ในแหล่งกำเนิดปราณชั่วร้ายไม่ใช่เหรอ? หรือว่าเป็นของชนิดเดียวกันแต่มีสองชิ้น มันมาเป็นชุดเหร?
เหมียวอี้แอบประหลาดใจ เอามือกดบนผนังหินพร้อมร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจ แต่ยังคงไม่พบความผิดปกติอะไร เขาจึงทำแบบก่อนหน้านี้ ยกกระบี่ฟันมั่วๆ อีก
ครั้งนี้ขุดลึกกว่าครั้งก่อนหนึ่งเท่า “แกร๊ง” ตอนที่มีเสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น เขาก็เอามือลูบคลำผนังหิน พบว่าเป็นผิวนูนเกลี้ยงเกลาอีกแล้ว เมื่อมีประสบการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็งัดออกมาเร็วมาก เป็นไข่หินสีดำทะมึนที่เหมือนกับหินก่อนหน้านี้ไม่มีผิด พอปล่อยหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าออกมา มันก็ทำเหมือนก่อนหน้านี้ทุกอย่าง
ไข่หินสองใบนับว่าเป็นของชนิดเดียวกัน? เหมียวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเก็บของเอาไว้ พอออกจากโพรงที่ขุดแล้ว ก็ไปตรงช่องสุญญะที่จุดสิ้นสุดอีก
เขานึกไม่ถึงว่าจุดสิ้นสุดจะลึกขนาดนี้ ถ้าจะบอกว่าเป็นเหวลึกก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไป เทียบเท่ากับหุบเหวลึกหลายแห่งเลย
พูดตามตรง เขาอยากจะไปดูด้านหลังของช่องสุญญะมาก จะดูว่าปราณชั่วร้ายมาได้อย่างไรกันแน่ แต่พอนึกถึงคำเตือนจากใจจริงของผู้ที่หลิงหลันเรียกว่านายท่าน เขาก็ล้มเลิกความคิดแล้ว ถ้าไปโผล่ยังสถานที่อื่นของแดนมรณะดึกดำบรรพ์จริงๆ เขาก็จะต้องมาที่นี่ใหม่อีกรอบแน่นอน ถ้าเจอคนแบบอวี้ซาอีกรอบ เขาก็ไม่สะดวกจะเล่นด้วยแล้ว
หลังจากล้มเลิกความคิด เขาก็อาศัยแรงลมทะยานตัวขึ้นไป ครั้งนี้เขาไม่มองสำรวจรอบๆ อีกแล้ว ขึ้นไปอย่างรวดเร็วมาก ใช้เวลาไม่นานก็ถูกพ่นออกมาจากฌพรงถ้ำบนเตียงน้ำแข็งแล้ว เขาหยุดอยู่กลางอากาศ แล้วถลันตัวลงไปเหยียบบนพื้น
หลังจากเหยียบลงพื้นแล้วก็มองดูก้อนหินที่กระจัดกระจายอยู่ในวังใต้ดิน เห็นได้ชัดว่าเป็นหินที่เกิดจากการขุดผนังก่อนหน้านี้ ทั้งหมดถูกลมพัดขึ้นมาแล้ว
หลิงหลันรีบก้าวเข้ามา แล้วถามด้วยสีหน้าคาดหวัง “ท่านคะหาเจอมั้ย?”
“หาไม่เจอ” เหมียวอี้ส่ายหน้า ขณะที่สังเกตุการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าอีกฝ่าย ก็ถามอีกว่า “เจ้าแน่ใจนะว่านายท่านบอกเจ้าว่าเป็นของสองอย่าง?” เขาอยากจะดูปฏิกิริยาบนใบหน้าผู้หญิงคนนี้ว่ารู้หรือไม่ว่าในถ้ำซ่อนของอะไรไว้ หรือไม่ก็หยั่งเชิงว่าผู้หญิงคนนี้เคยไปหาเองหรือเปล่า
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเร่งเร้าให้เขาไปหาในถ้ำถัดไป ก็เหมือนว่านางจะไม่รู้จริงๆ
“ใช่ค่ะ” หลิงหลันพยักหน้า
“เจ้าแน่ใจนะว่านายท่านบอกว่ามีของสองอย่างซาอนอยู่ในสองถ้ำ?” เหมียวอี้ถามอีก
หลิงหลันพยักหน้าอีกครั้ง “ใช่แล้ว นายท่านไม่มีทางหลอกข้า”
“เจ้าไม่รู้จริงเหรอว่าข้างล่างซ่อนอะไรเอาไว้?” เหมียวอี้ถาม
หลิงหลันส่ายหน้า “บ่าวไม่รู้จริงๆ ค่ะ”
งั้นก็ช่างเถอะ เหมียวอี้กระโดดขึ้นไปบนเตียงน้ำแข็งอีกตัวท่ามกลางสายตางุนงงของอีกฝ่าย กระโดดเข้าไปในปราณสังหารที่เป็นหมอกสีแดง
เมื่อมีประสบการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว ก็รู้แล้วว่าถ้ามีหงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าบินตาม ต่อให้ลงมาเร็วก็ไม่พลาดอยู่ดี สิ่งนี้ทำให้เขาไม่เปลืองแรง ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาไปทั่วอีกแล้ว เขาเหาะลงไปตลอดทาง ไม่นานก็ถึงจุดสิ้นสุดตรงช่องสุญญะแล้ว สภาพของจุดสิ้นสุดเหมือนกับครั้งก่อนหน้านี้ เพียงแต่ครั้งนี้หงส์เฟิ่งหวงสีฟ้าไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยสักนิด
พอหันกลับมามองอีกครั้ง เขาก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วกระโดดเข้าไปในหมอกสีขาวที่เป็นปราณอาฆาต ดำดิ่งลงไปไวมาก
สถานการณ์เหมือนกับก่อนหน้านี้ทุกอย่าง หงส์เฟิ่งหวงสีฟ้ายังคงไม่มีปฏิกิริยาอะไร เช่นนั้นของอีกอย่างก็ต้องซ่อนอยู่ในบ่อสุดท้ายแน่นอน
หลังจากออกมาแล้ว เหมียวอี้ก็กระโดดเข้าไปในปราณสังหารที่เป็นหมอกสีเทา
ครั้งนี้หลังจากลงมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เขาถึงอึ้งทันที ตลอดทางมานี้หงส์เฟิ่งหวงสีฟ้ายังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
…………………………