พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1500 เกาะแกะไม่เลิก

จ้านหรูอี้ยังคงนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน เพียงแต่สายตาที่จ้องตัวเองในกระจกเบี่ยงหลบเล็กน้อยแล้ว

หลังจากสังเกตเห็น สาวใช้ทั้งสองก็สบตากันอีกครั้ง ว่ากันว่าเหนียงเหนียงได้รับความอัปยศใหญ่หลวงด้วยน้ำมืออีกฝ่าย เคยโดนคนจับแขวนบนเสาธงให้อับอาย แค้นใหญ่ขนาดนี้ สงสัยจะไม่ได้ลืมได้ง่ายๆ ขนาดนั้น

ไป๋เสวี่ยพูดต่อไปว่า “ได้ยินว่าการทำโทษหนึ่งพันปีใกล้จะจบลงแล้วเพคะ ทางจวนแม่ทัพภาคอุทยานหลวงส่งคนไปรับแล้ว หรือพูดได้อีกอย่างว่าเขามีโอกาสที่จะรอดชีวิตกลับมาจริงๆ แดนมรณะดึกดำบรรพ์เชียวนะเพคะ ขนาดคนทั่วไปยังหวาดกลัวเลย นักพรตบงกชทองอย่างเขาโดนขังอยู่ในนั้นหนึ่งพันปี ไม่น่าเชื่อว่าจะยังรอดชีวิตกลับมาได้อีก”

หยินซวงบอกว่า “ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายดวงแข็งพอสมควรเพคะ ได้ยินว่าเจ้าหนุ่มนั่นหนีรอดจากความตายมาได้หลายครั้งแล้ว ครั้งนี้แล้วยังไงล่ะ ไม่รู้ว่าจะทำตัวกำเริบเสิบสานไปถึงเมื่อไร”

“กองมังกรดำประจำการที่อุทยานหลวงมานานพอสมควรแล้ว หลังจากเขากลับมาแล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่ากองมังกรดำจะย้ายเขาออกไป แต่ตอนที่เขายังอยู่อุทยานหลวง ก็ยังต้องดูแลอยู่ในอาณาเขตของวังสวรรค์เป็นประจำทุกวัน ถ้าออกไปเมื่อไร แบบนั้นก็จะกลายเป็นคนของหน่วยองครักษ์ซ้ายแบบเต็มตัวแล้ว ขนาดฝ่าบาทยังต้องไว้หน้าผู้บัญชาการของหน่วยองครักษ์ซ้ายเลย ถ้าคิดจะลงมือตอนนั้นก็เกรงว่าจะไม่ง่ายแล้ว เหนียงเหนียง จะหาโอกาสกำจัดเขาทิ้งดีมั้ยเพคะ” ไป๋เสวี่ยพูดต่อ

ทั้งสองกำลังรอคำตอบของจ้านหรูอี้

แววตาของจ้านหรูอี้ที่มองตัวเองในกระจกวูบไหวเล็กน้อย เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว เรื่องที่โดนใครบางคนจับแขวนบนเสาธงในปีนั้น เรื่องที่ถอดเสื้อผ้าเปลือยอกต่อหน้าใครบางคน นางไม่จำเป็นต้องมองว่าเรื่องพวกนั้นอัปยศอดสูอีกแล้ว

แต่กลับมีบางภาพที่มักปรากฏอยู่ในหัวนาง เป็นภาพที่ใครบางคนทำท่าอยากจะชักกระบี่อยู่ตรงตีนบันได ภาพที่ใครบางคนโดนควบคุมตัวไปหลังจากที่จบเรื่องนั้น นั่นคือภาพความทรงจำที่ลึกซึ้งสำหรับนาง

คนคนนั้นทำเรื่องโง่เง่าอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต่างอะไรกับการทำลายอนาคตตัวเอง บุ่มบ่ามจนทำให้ตัวเองตายได้เลย ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ?

นางจดจำได้อย่างชัดเจน ว่าตอนที่ตัวเองกำลังจะก้าวเท้าขึ้นไปบนเกี้ยวหงส์รับเจ้าสาว มือของใครคนนั้นที่กดกระบี่ไว้แทบจะชักกระบี่ออกมาแล้ว

ดังนั้นนางจึงได้คำตอบหนึ่งที่ดูจะเป็นไปได้มากที่สุด ถึงแม้ในตอนนั้นนางจะเตรียมตัวไว้แล้ว ว่าขอเพียงให้คนคนนั้นชักกระบี่ นางก็ยินดีที่จะร่วมเป็นร่วมตายไปกับเขาโดยไม่สนใจอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าคนคนนั้นไม่อยากทำให้นางลำบากไปด้วย ดังนั้นก็ไม่ใช่ว่าเขาจะหลบเลี่ยงนางหรอก เขาแค่ไม่อยากทำให้นางลำบากก็เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นตอนหลังก็ไม่ขำเป็นต้องทำเรื่องอย่างนั้นเลย

แต่นางไม่เข้าใจ ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่ยังพอจะมีหวังอยู่บ้าง ทำไมเขาถึงไม่ไปกับนาง อย่าบอกนะว่าคิดว่านางชินกับชีวิตที่ร่ำรวยมีเกียรติ แล้วใช้ชีวิตแบบหลบซ่อนไม่ได้?

เรื่องบางเรื่องไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีกแล้ว การไปซักไซ้เรื่องในปีนั้นไม่มีความหมายอะไรต่อนางอีก เพียงแต่การกระทำที่ขัดแย้งกันของคนคนนั้นกลายเป็นปริศนาอย่างหนึ่งในใจนาง เดิมทีก็ถูกการกระทำของอีกฝ่ายทำร้ายจิตใจอยู่แล้ว จึงตัดสินใจว่าทั้งชีวิตนี้จะไม่เศร้าและไม่เกลียดชังอีก แต่กลับถูกการกระทำในตอนหลังของเขากระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดที่คลุมเครืออยู่ในใจ กลายเป็นความเสียใจเสียดายที่ไม่มีวันลืมตลอดไป

ไม่ว่าตัวนางในตอนนี้จะสงบเยือกเย็นเพียงใด แต่ในใจผู้หญิงก็ล้วนฝันที่จะมีความรักสักครั้งหนึ่ง ต่อให้ไม่เคยได้รับ แต่ก็หวังว่าจะเคยมีสักครั้ง ดังนั้นนางอยากจะรู้คำตอบของเรื่องบางเรื่อง ว่าทำไมในปีนั้นเขาถึงทำแบบนั้น เป็นเพราะทำเพื่อนางหรือเปล่า?

พอสาวใช้ทั้งสองช่วยเกล้าผมให้เงียบๆ เสร็จแล้ว จ้านหรูอี้ก็ลุกขึ้นยืนเบาๆ แล้วเดินลากกระโปรงยาวออกไป หยินซวง ไป๋เสวี่ยมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่ได้รับคำตอบใดๆ…

น่านฟ้าระกาติง ตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวน หออวิ๋นฮว๋า เดิมทีเป็นโรงรับจำนำแห่งหนึ่ง ตอนนี้ขายเครื่องประดับควบด้วย

ผู้จัดการร้านไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นอวิ๋นจือชิวนั่นเอง และหออวิ๋นฮว๋านี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนชื่อเพราะอวิ๋นจือชิวมาที่นี่ แต่เป็นเพราะป้ายร้านกับอวิ๋นจือชิวมีจุดที่ตรงกันพอดี ลัทธิมารถึงได้ส่งนางมาที่นี่

ในร้านค้า ชายหนุ่มเสื้อแพรคนหนึ่งที่ค่อนข้างดูมีสง่าราศีกำลังเอามือไขว้หลังเดินเล่นชมเครื่องประดับอยู่ระหว่างตู้แสดงสินค้า เมื่อเห็นของสวยงามก็พยักหน้าเบาๆ ชื่นชม ข้างหลังมีลูกน้องคนหนึ่งติดตาม

ชายหนุ่มวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหัวหน้าภาคคนใหม่ของน่านฟ้าระกาติง ชื่อว่าฉู่จื่อซาน เดิมทีเป็นแม่ทัพภาคคนหนึ่งของน่านฟ้าระกาติง เป็นแม่ทัพภาคคนหนึ่งที่ถูกย้ายมาจากหน่วยองครักษ์ขวา สาเหตุที่เลื่อนเป็นหัวหน้าภาคอย่างรวดเร็วก็เหมือนกับเนี่ยอู๋เซี่ยว หลายปีมานี้มีคนของกองทัพองครักษ์ย้ายมาที่อำนาจท้องถิ่นไม่น้อยเลย และถูกเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว

ยามคนงานในร้านเผชิญหน้ากับหัวหน้าภาคคนนี้ ก็ย่อมต้องสุภาพเกรงใจอยู่แล้ว

ผ่านไปครู่เดียว เชียนเอ๋อร์สาวใช้ประจำตัวอวิ๋นจือชิวก็เดินออกมาจาโถงด้านหลังโดยมีคนงานคนหนึ่งนำทาง นางรีบก้าวขึ้นมาคำนับอย่างรวดเร็ว “คำนับท่านหัวหน้าภาค”

ฉู่จื่อซานที่กำลังเอามือไขว้หลังเหล่ตามองแวบหนึ่ง “ผู้จัดการอวิ๋นล่ะ?”

เชียนเอ๋อร์อมยิ้มพร้อมตอบว่า “บังเอิญจริงๆ ค่ะ ผู้จัดการร้านมีธุระออกไปข้างนอก ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร ไม่ทราบว่าท่านหัวหน้าภาคมีอะไรจะกำชับคะ เดี่ยวผู้น้อยจะบอกต่อให้แน่นอน”

ฉู่จื่อซานแสยะยิ้ม “ช่างบังเอิญจริงๆ ข้ามาด้วยตัวเองถึงสามรอบ แต่ผู้จัดการอวิ๋นก็บังเอิญมีธุระออกไปข้างนอกทุกรอบ ครั้งที่สี่ต้องทุ่มเทความคิดไปนิดเหน่อย ให้คนมาดูลาดเลาก่อน เหมือนเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนยังเห็นผู้จัดการอวิ๋นกลับมาที่ร้านอยู่เลยนะ ยังไม่เห็นออกไปด้วย ทำไมพอข้ามาผู้จัดการอวิ๋นก็หายไปแล้วล่ะ?”

“ท่านหัวหน้าภาคเข้าใจผิดแน่ๆ คะ ผู้จัดการร้านออกไปข้างนอกแล้วจริงๆ เพียงแต่ไม่ได้ออกทางประตูหลักก็เท่านั้นเอง” เชียนเอ๋อร์ยังคงมีใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม แต่ในใจกลับแอบร้อง

นางเองก็เข้าใจเช่นกัน จะไม่ให้อวิ๋นจือชิวหลบคงไม่ได้ เป็นเพราะโดนคนคนนี้เกาะแกะไม่เลิกจริงๆ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือโดนอีกฝ่ายจับตามองแล้ว

ต้องเริ่มเล่าตั้งแต่วันที่ฉู่จื่อซานเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาค มีคนไม่น้อยไปร่วมแสดงความยินดี ตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนก็อยู่ในอาณาเขตการควบคุมของฉู่จื่อซานเช่นกัน ไม่ว่าตลาดสวรรค์กับอำนาจท้องถิ่นจะมีความสัมพันธ์เป็นอย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็อยู่ในเขตน่านฟ้าระกาติง คงไม่ดีหากหออวิ๋นฮว๋าจะต้องใครก็ได้ไปทำตัวเสียมารยาท อวิ๋นจือชิวจึงนำของขวัญไปมอบให้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงทั้งนั้น ว่าการที่อวิ๋นจือชิวไปครั้งนี้จะโดนฉู่จื่อซานจับตามองแล้ว ตอนหลังจึงค่อนข้างยุ่งยากมีปัญหา เพราะไม่สะดวกจะขัดใจอีกฝ่าย จึงทำได้เพียงหลบเลี่ยง

“ไม่ได้ออกไปทางประตูหลักเหรอ? ข้าจะพูดให้ชัดเจนเลยก็ได้ ว่าข้าส่งคนมาเฝ้าไว้รอบๆ หออวิ๋นฮว๋าหมดแล้ว ไม่ทราบว่าผู้จัดการอวิ๋นออกไปผ่านประตูไหนเหรอ? อย่าบอกนะว่าแอบขุดหลุมใต้ดินเอาไว้ส่วนตัว?” ฉู่จื่อซานก้าวขึ้นมาก้าวหนึ่ง กดดันจนเชียนเอ๋อร์รีบถอยหลัง แล้วกล่าวด้วยแววตาดุร้ายว่า “กลับไปบอกผู้จัดการอวิ๋น ว่านี่ไม่ใช่หลักการในการต้อนรับแขก ถ้าสหายกลายเป็นศัตรูกันก็จะไม่สนุกแล้วนะ ถึงแม้ข้าจะแทรกแทซงที่ตลาดสวรรค์นี้ไม่ได้ แต่ถ้าอยากจะทำให้หออวิ๋นฮว๋าเปิดต่อไปไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่มีปัญหา นอกเสียจากคนของหออวิ๋นฮว๋าจะอยากหลบอยู่ในตลาดสวรรค์ตลอดไป!”

“ท่านหัวหน้าภาค…” เชียนเอ๋อร์ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉู่จื่อซานโบกมือตัดบท “ยังไม่ถึงคราวที่เจ้าจะมาบ่น เจ้าไปบอกผู้จัดการอวิ๋น ถ้าวันนี้ไม่เห็นตัวก็อย่าหาว่าข้าตั้งตัวเป็นศัตรูก็แล้วกัน ไป!”

เชียนเอ๋อร์เดือดดาลในใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงถอยไปเงียบๆ

ผ่านไปครู่เดียว อวิ๋นจือชิวก็รีบก้าวเข้ามา โดยมีเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ตามอยู่ข้างหลัง ทั้งยังมีชายชราที่สีหน้าเรียบเฉยคนหนึ่งด้วย

“เอ๋! ท่านหัวหน้าภาคมาได้ยังไงคะ?” อวิ๋นจือชิวยิ้มอย่างเป็นกันเองมาตั้งแต่ไกลๆ

พอเห็นอวิ๋นจือชิว ฉู่จื่อซานก็เลิกทำหน้าอารมณ์เสียทันที บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สายตากลอกกลิ้งบนเรือนร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งของอวิ๋นจือชิวสองครั้ง ถึงแม้ภายนอกจะมีเสื้อผ้าบังอยู่ แต่ก็ยากที่จะปิดบังจินตนาการของทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิข้างในได้ ในใจเขาแอบชมว่า ช่างเป็นหญิงงามยั่วราคะที่หาพบได้ยากจริงๆ

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจออวิ๋นจือชิว เขาก็ใจเต้นทันที ถึงแม้อวิ๋นจือชิวจะไม่นับว่าสวยเลิศเลอ แต่เขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีเรือนร่างยั่วราคะแบบที่หาพบได้ยาก จากคนที่มีประสบการณ์มาก่อน เรื่องบางเรื่องนั้นยากจะปิดบังได้ เขาจึงจดจำไว้ในใจมาตลอด

เขาใช้สายตาสกปรกไล่มองตั้งแต่หน้าอกอวบอิ่มไปจนถึงใบหน้ารูปไข่อันสง่างามทว่าแฝงความหยาดเยิ้มของอวิ๋นจือชิว แล้วกุมหมัดคารวะกล่าวว่า “ผู้จัดการอวิ๋น หัวหน้าภาคผู้นี้อยากจะพบหน้าเจ้าสักครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ!”

อวิ๋นจือชิวค่อนข้างรับไม่ได้กับสายตาที่โจ่งแจ้งของคนคนนี้ ในปีนั้นตอนที่อยู่พิภพเล็ก นางก็เจอสายตาประเภทนี้มาเยอะมาก เพียงแต่ทุกคนกลัวคนที่หนุนหลังนางอยู่ จึงไม่มีใครกล้าเปิดเผยขนาดนี้ แต่หลังจากมาที่พิภพใหญ่และอยู่ที่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวน เนื่องจากความสัมพันธ์กับ ‘หนิวโหย่วเต๋อ’ ก็ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้เช่นกัน ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเจอคนที่สลัดออกยากแล้ว

ถ้าเมื่อก่อนเป็นแบบนี้ ด้วยลักษณะท่าทางของนางก็จะไม่แยแสเช่นกัน แต่งตัวเปิดเผยขนาดนั้นจะห้ามสายตาคนอื่นได้เหรอ?  แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ถึงอย่างไรก็แต่งงานแล้ว ดังนั้นจึงแต่งตัวมิดชิด ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก อย่างน้อยนางก็คำนึงถึงความรู้สึกของเหมียวอี้

หลังจากออกจากดาวเทียนหยวนแล้ว นางก็รู้ว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมแล้ว นางพยายามออกจากบ้านและเผยโฉมให้น้อยที่สุด แต่ใครจะคิดว่าเรื่องบางเรื่อง ต่อให้จะหลบอย่างไรก็หลบไม่พ้น แค่ออกไปส่งของขวัญก็โดนจับตามองแล้ว

ในใจนางค่อนข้างร้อนรน เพราะเหมียวอี้กำลังจะออกจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์แล้ว ถ้าเขารู้เรื่องนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางรู้จักนิสัยของผู้ชายตัวเองดีเกินไป ถ้าความโกรธพุ่งขึ้นหัวเมื่อไร ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น

ด้วยเหตุนี้ นางจำต้องสั่งพวกเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ซ้ำอีก ว่าห้ามให้เหมียวอี้รู้เรื่องนี้เด็ดขาด เรื่องนี้นางคิดหาทางแก้ปัญหาเองได้ ไม่อย่างนั้นด้วยพลังของเหมียวอี้ที่ขนาดอยู่ในแดนดึกดำบรรพ์แล้วยังเขย่าหกลัทธิได้ ก็จะต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน

ถ้าเป็นคนทั่วไปก็ว่าไปอย่าง ถ้าเล่นงานหัวหน้าภาคตายขึ้นมา นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว และอำนาจที่หนุนหลังหัวหน้าภาคก็คือหน่วยองครักษ์ขวาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพองครักษ์แห่งราชันสวรรค์ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรก็เดาได้ไม่ยาก คนอย่างเหมียวอี้ถ้าโมโหขึ้นมาก็ไม่คำนึงถึงผลที่ตามมาแน่นอน

อวิ๋นจือชิวย่อมรู้ถึงเจตนาตำหนิในคำพูดของอีกฝ่าย นางทำสีหน้าโกรธเคืองพร้อมกล่าวว่า “เป็นหญิงรับใช้ของข้าที่ตัดสินใจโดยพลการ รู้ว่าข้ากำลังฝึกวิชา ไม่อยากให้ใครรบกวน นึกไม่ถึงว่าจะเสียมารยาทกับหัวหน้าภาคแล้ว อวิ๋นจือชิวขออภัยไว้ ณ ตรงนี้!”

“ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด ต่อให้ไม่เห็นแก่หน้าคนอื่น แต่ก็ต้องเห็นแก่หน้าผู้จัดการอวิ๋น” ฉู่จื่อซานกล่าวกลั้วหัวเราะแล้วโบกมือ บอกใบ้ว่าปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปอย่างใจกว้าง จากนั้นมองไปรอบๆ แล้วบอกว่า “ผู้จัดการอวิ๋นคงจะไม่รับแขกหัวหน้าภาคตรงนี้หรอกใช่มั้ย?”

“เชิญที่ห้องรับแขก!” อวิ๋นจือชิวรีบหลีกทางแล้วยื่นมือเชิญ

หลังจากพกเขาเดินเข้ามาในห้องรับแขก ฉู่จื่อซานก็เห็นว่านอกม่านไข่มุกคือร้านค้าที่มีคนเข้าออกเป็นปกติ ไม่ค่อยสะดวกให้เขาทำเรื่องที่อยากทำสักเท่าไร จึงขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมบอกว่า “ผู้จัดการอวิ๋น ที่นี่ไม่ค่อยสงบเลย ขึ้นไปข้างบนเถอะ”

อวิ๋นจือชิวส่ายหน้า “ข้าเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว ไม่สะดวกจะอยู่กับชายสองต่อสอง ต่อให้อยู่ที่นี่ ข้างกายก็ยังต้องให้มีคนอื่นอยู่ด้วยค่ะ หัวหน้าภาคได้โปรดคำนึงถึงความบริสุทธิ์ของข้าด้วย” ขณะเดียวกันก็เป็นการบอกให้ชัดเจนว่าไม่ให้คนที่อยู่ข้างกายถอยออกไป

โดนนางพูดตรงๆ ใส่จนขยับตัวทำอะไรไม่ได้แล้ว ฉู่จื่อซานไม่สะดวกจะบังคับอีก แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ที่เขามาครั้งนี้ก็เพื่อจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเด็ดขาด ไม่มีทางยอมถอย ไม่ช้าก็เร็วที่ผู้หญิงคนนี้จะต้องมาสนุกในห้องนอนของเขา ไม่รีบทำตอนนี้หรอก

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset