เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ได้ยนอแล้วตกใจไม่เบา ลงมือสังหารหัวหน้าภาคของตำหนักสวรรค์สักคนนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
เดิมทีอวิ๋นจือชิวก็ไม่อยากจะทำอย่างนี้ แต่ฉู่จื่อซานดึงดันจะทำอย่างนี้ให้ได้ นางเลยจำเป็นต้องลงมือ ไม่อย่างนั้นหลังจากเหมียวอี้ออกมาแล้วรู้เรื่องนี้ ก็จะทำให้เหมียวอี้โมโหมาก เหมียวอี้ที่เพิ่งหลุดพ้นจากอันตรายก็จะต้องสู่สถานการณ์อันตรายอีกครั้ง ดังนั้นนางจะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้หมดไปโดยสิ้นเชิงก่อนที่เหมียวอี้จะออกมา
“จะลงมือจริงๆ เหรอ?” ผู้คุ้มกันที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถาม นี่ก็คือผู้เฒ่าฟ่านที่อวิ๋นจือชิวเรียก
อวิ๋นจือชิวหันตัวมองมา “เมื่อครู่นี้เจ้าก็ได้ยินแล้ว เจ้าแซ่ฉู่นั่นไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้ข้าเลย อย่าบอกนะว่าข้าจะต้องแต่งงานกับเขาจริงๆ?”
ผู้เฒ่าฟ่านลำบากใจนิดหน่อย และกล่าวอย่างลังเลว่า “ผู้จัดการร้าน การลงมือกับหัวหน้าภาคของตำหนักสวรรค์ไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา…หวังว่าผู้จัดการร้านจะไตร่ตรองอีกที!”
อวิ๋นจือชิวกล่าวเสียงต่ำว่า “ข้าก็เลยต้องสยบเขาไว้ไง ต้องขอเวลาครึ่งปี จะได้วางแผนให้ละเอียดได้สะดวก จะได้ไม่ต้องทิ้งปัญหาอะไรไว้”
ผู้เฒ่าฟ่านส่ายหน้า “ผู้จัดการร้าน ต่อให้พวกเราทำอย่างสะอาดเรียบร้อยแค่ไหน แต่เมื่อถึงตอนนั้น ตำหนักสวรรค์ก็ไม่มีทางปล่อยผู้ต้องสงสัยไว้ เรื่องที่เจ้าแซ่ฉู่นั่นเกาะแกะผู้จัดการร้านไม่เลิกจะต้องอยู่ในขอบเขตการสืบสวนของตำหนักสวรรค์แน่นอน ถึงตอนนั้นจุดประสานงานของพวกเราก็จะต้องทำลายทิ้ง ถ้าอยากจะสร้างจุดประสานงานสักแห่งที่ตลาดสวรรค์โดยไม่ให้คนสงสัยนั้นไม่ง่ายเลย!”
อวิ๋นจือชิวบอกว่า “เจ้าแซ่ฉู่นั่นจะก่อเรื่องให้ได้เลย ต่อให้ข้าจะหนีไป แต่ร้านค้าจะหนีได้เหรอ? สมาชิกที่มาติดต่อกับร้านค้าจะต้องเตรียมตัวย้าย สรุปก็คือเก็บเจ้าแซ่ฉู่นั่นไว้ไม่ได้ ส่วนผลที่ตามมาข้าจะรับไว้เองคนเดียว หลังจากจบเรื่องข้าจะอธิบายกับ ‘ที่บ้าน’ เอง เรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องกังวล ไปทำตามที่ข้าบอก”
ผู้เฒ่าฟ่านลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังพยักหน้า หันตัวเดินจากไปเงียบๆ
ขณะมองคล้อยหลังเขาจากไป จู่ๆ อวิ๋นจือชิวก็ยิ้มเจื่อน “ในสังคมนี้ ผู้หญิงหน้าตาดีหน่อยก็มีความผิด ข้าไปหาเรื่องใครเสียที่ไหนล่ะ…” พอนึกถึงสายตาเจ้าเล่ห์เหมือนป่าหมาที่ฉู่จื่อซานมองตน นางก็ก้มหน้ามองตัวเอง ดึงกระโปรงตัวเองขึ้นมาดู แล้วก็กางออก ก่อนจะหันกลับมาถามเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ว่า “ไปหาชุดที่ไม่แสดงสัดส่วนของข้าหน่อย ต่อไปนี้พวกเจ้าต้องระวังจุดนี้”
เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์สบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็รู้สึกจนใจอยู่บ้าง ที่จริงฮูหยินก็แต่งตัวโดยใช้เสื้อผ้าเหมือนผู้หญิงทั่วไป ไม่ได้มีจุดไหนไม่ได้มาตรฐาน นับว่าแต่งตัวมิดชิดดีแล้ว อย่าบอกนะว่าแม้แต่ความรักสวยรักงามพื้นฐานก็จะตัดทิ้ง?
ทั้งสองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ทำได้เพียงเอ่ยรับ
จวนอ๋องสวรรค์ดาวหยกงาม หอสามรากฐาน ลูกชายสามคนยืนเรียงแถวรายงานเรื่องที่ตัวเองรู้ให้โค่วหลิงซวีผู้เป็นบิดาฟัง
“เหวินหลานติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อแล้ว ยืนยันแล้วว่าหนิวโหย่วเต๋อยังมีชีวิตอยู่ อีกไม่นานก็จะออกจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์แล้ว”
ตอนที่โค่วเหมี่ยนลูกชายคนสุดท้องรายงานข่าวสุดท้าย ตอนที่รายงานสถานการณ์นี้ โค่วหลิงซวีที่นั่งอยู่ข้างหลังก็อดไม่ได้ที่จะสบตากับผู้เฒ่าถังที่ยืนอยู่ข้างกันอย่างแฝงความหมายล้ำลึก
ผู้เฒ่าถังยิ้มบางๆ “วรยุทธ์บงกชทองโดนขังที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์หนึ่งพันปี ไม่น่าเชื่อว่าจะยังรอดกลับมาได้ เจ้าหนุ่มนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ หรือไม่ตอนแรกที่โพ่จวินตอบตกลงให้เขาไปที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์ ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะรอดกลับมาได้?”
“ไม่ว่านี่จะเป็นเหตุผลที่โพ่จวินตอบตกลงให้เขาไปแดนมรณะดึกดำบรรพ์หรือไม่ แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าเจ้าเด็กนั้นมีจุดที่เหนือกว่าคนอื่นจริงๆ ถึงได้ทำให้โพ่จวินผ่อนปรนได้ ถ้าแค่ครั้งสองครั้งก็ยังพูดได้ว่าเป็นเพราะโชคดี แต่ผ่านด่านยากได้สามครั้งห้าครั้งก็แปลว่าไม่ใช่เพราะโชคช่วยแล้ว ขนาดอยู่ที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์คนเดียวยังผ่านด่านนั้นมาได้ ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว…” โค่วหลิงซวีเคาะมือบนที่วางมือเบาๆ แล้วเอียงหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย แล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนประเด็นสนทนา “ผู้เฒ่าถัง หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายมาหนึ่งครั้ง ตระกูลโค่วเสียหายไปไม่น้อยเลย หญิงสาวของตระกูลโค่วอยู่ในช่วงอายุที่จะแต่งงานได้ตั้งนานแล้ว เจ้าคิดว่าการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับลูกหลานผู้มีอำนาจเป็นอย่างไร?”
เมื่อเรื่องมาถึงตัวลูกสาวของตัวเอง พวกโค่วเจิงก็หันมาสบตากันแวบหนึ่ง
ผู้เฒ่าถังเหมือนจะอ่านอะไรบางอย่างได้จากสายตาของโค่วหลิงซวี แววตาเขาจึงวูบไหวเล็กน้อย แล้วส่ายหน้าเบาๆ “ท่านอ๋อง ถ้าเป็นยามปกติ การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับพวกลูกหลานขุนนางก็ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่ แต่ตอนนี้มีเค้าลางว่าตำหนักสวรรค์จะเกิดความวุ่นวาย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา ก็จะต้องเป็นเรื่องใหญ่ที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินแน่นอน แต่ละตระกูลจะปกป้องตัวเองก่อน เกรงว่าการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จะไม่ได้ประโยชน์สักเท่าไรขอรับ ในเวลานี้หากจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จริงๆ ก็ต้องทำไปเพื่อสั่งสมกำลังของตระกูลโค่ว ไม่สู้แต่งงานกับคนที่ทำงานรับใช้ตระกูลโค่วจากสุดจิตสุดใจดีกว่า ยกตัวอย่างหนิวโหย่วเต๋อ เมื่อถึงเวลานั้จะต้องเป็นทหารกล้าคนหนึ่งแน่นอน”
“หนิวโหย่วเต๋อ!” โค่วฉินขมวดคิ้ว “ท่านอาถัง แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะหรือเปล่า? ยังไม่ต้องพูดถึงวรยุทธ์กับศักยภาพของว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นอย่างไร จะคู่ควรกับลูกสาวของตระกูลโค่วหรือไม่ ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกเรากับตระกูลอิ๋งกำลังร่วมมือกัน ถึงแม้จะแอบสู้กันอยู่ลึกๆ แต่ถึงอย่างไรหนิวโหย่วเต๋อก็เคยตบหน้าอิ๋งจิ่วกวงมาก่อน พวกเราทำแบบนี้อย่างโจ่งแจ้ง จะทำไม่ทำให้ตระกูลอิ๋งอับอายเหรอ”
โค่วหลิงซวีใช้นิ้วทั้งห้าเคาะเบาๆ บนที่วางมือ เงียบงันไม่พูดอะไร แค่มองแต่ไม่พูด
ผู้เฒ่าถังบอกว่า “ที่ร่วมมือกับตระกูลอิ๋งก็เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันชั่วคราว ต่อให้หลานสาวตระกูลโค่วแต่งงานเข้าตระกูลอิ๋ง ถ้าเกิดเรื่องใหญ่โตอะไรขึ้นมาจริงๆ ตระกูลอิ๋งไม่เห็นแก่ไมตรีอะไรหรอก แต่หนิวโหย่วเต๋อนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าครั้งนี้เขาไม่รอดชีวิตกลับมาก็ว่าไปอย่าง พอรอดชีวิตกลับมาแล้ว ตระกูลอิ๋งผู้สง่าภูมิฐานจะโดนตบหน้าง่ายๆ ได้ยังไง ต่อให้อิ๋งจิ่วกวงจะไม่พูดอะไร แต่ก็ต้องมีลูกน้องจัดการเรื่องนี้ให้อยู่แล้ว วิธีการชั้นต่ำแบบนี้ โพ่จวินยังจะช่วยต้านทานให้หนิวโหย่วเต๋อได้ทุกครั้งเชียวเหรอ? คนทั่วไปที่อยากจะปกป้องหนิวโหย่วเต๋อก็ยังทำไม่ได้เลย ถ้าตระกูลโค่วลงมือ ตระกูลอิ๋งก็จะต้องชั่งน้ำหนักดูสักหน่อย ว่ากันว่าถ้าจะเพิ่มลายดอกไม้ลงบนผ้าดิ้น[1] ไม่สู้ส่งถ่านให้กลางหิมะ[2]ดีกว่า ตอนที่หนิวโหย่วเต๋อลำบากที่สุด พวกเราไม่เพียงแค่ช่วยเขา ทั้งยังส่งผู้หญิงของตระกูลโค่วให้แต่งงานกับเขาได้ด้วย เขาจะไม่ซาบซึ้งจนอุทิศตนทำงานให้ตระกูลโค่วได้ยังไง ขุนพลหนึ่งเดียวหายากยิ่ง ความสามารถของหนิวโหย่วเต๋อเป็ฯที่ประจักษ์ครั้งแล้วครั้งเล่า ควรค่าที่จะให้ตระกูลโค่วลงทุนเลี้ยงดูมาก คุณชายรอง ซื้อตัวไว้ไม่สู้ซื้อใจไว้ดีกว่า!”
ลูกชายทั้งสามมองหน้ากันเลิกลั่ก สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ท่านพ่อ
“ที่พูดมานั้นมีเหตุผล!” จู่ๆ โค่วหลิงซวีที่นั่งเงียบก็พยักหน้า สายตามองไปที่ลูกชายของทั้งสาม “เรื่องนี้กำหนดตามนี้แล้วกัน พวกเจ้าสามพี่น้องลองคิดดูซิ ถ้าหนิวโหย่วเต๋อแต่งงานกับกับลูกสาวใคร ก็ให้เป็นลูกเขยคนนั้น พวกเจ้าไม่ต้องออกอะไร เดี๋ยวตระกูลจะออกทรัพยากรช่วยพวกเจ้าเอง”
สามพี่น้องนับว่าเข้าใจแล้ว ท่านอาถังเหมือนท่องแทนท่านพ่อ คำพูดบางคำท่านพ่อไม่สะดวกจะเอ่ยออกมาในฐานะปู่ พอได้ยินคำพูดของท่านพ่ออีกครั้ง ในเมื่อหนิวโหย่วเต๋อทำให้ท่านพ่อถูกใจได้ ถึงกับยอมสละหลานสาวให้แต่งงานด้วย ต้องการจะทุ่มทุนเลี้ยงดู แสดงว่าอนาคตจะต้องน่าจับตามองแน่ เพียงพอที่จะมีฐานะเทียบเท่าลูกชายครึ่งหนึ่ง ตัวเองจะได้ลูกน้องคนสนิทที่มีความสามารถโดยไม่ต้องจ่ายค่าอะไร…สามพี่น้องรู้สึกฮึกเหิมใจทันที
โค่วเจิงบอกว่า “ท่านพ่อ ติดที่ไม่รู้ว่าทางหนิวโหย่วเต๋อจะคิดยังไง ถ้าพวกเรามีไมตรีอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ จะไม่อับอาหรือขอรับ” กล่าวออกมาแบบนี้ก็แสดงว่าเห็นด้วยกับเขาแล้ว
โค่วหลิงซวีเชิดหน้ามองโค่วเหมี่ยน “เจ้าสาม เรื่องพ่อสื่อให้เหวินหลานจัดการแล้วกัน”
“ขอรับ!” โค่วเหมี่ยนเอ่ยรับ
แดนอเวจี ดาวมาร ในตำหนักใหญ่ของประมุขปราชญ์ ประมุขขุนพลเย่สิงคงเอามือไขว้หลังยืนมองไปนอกประตูตำหนักใหญ่ ตานฉิงขุนพลใหญ่ลัทธิมารเดินไปเดินมาเงียบๆ
ผ่านไปสักประเดี๋ยว อวิ๋นอ้าวเทียนก็เร่งเดินออกมาจากตำหนักหลัง โดยมีอวิ๋นเซี่ยวลูกชายของเขาติดตามด้วย
เย่สิงคงกับตานฉิงหันตัวมาพร้อมกัน จากนั้นก็ก้าวขึ้นมาทำความเคารพ “คารวะประมุขปราชญ์!”
“ไม่ต้องมากพิธี!” อวิ๋นอ้าวเทียนผายมือขึ้น และไม่ได้ขึ้นไปนั่งวางมาดบนบัลลังก์ แต่ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสอง แล้วถามว่า “ประมุขขุนพลมาที่นี่ด้วยธุระอะไร?”
เย่สิงคงไม่พูดพร่ำทำเพลง หลังตจากลังเลครู่หนึ่ง ก็ตอบว่า “เกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ ขอรับ เกิดเรื่องกับอวิ๋นจือชิวหลานสาวท่านแล้ว”
อวิ๋นอ้าวเทียนหัวใจกระตุกวูบ ถ้าเกิดเรื่องกับอวิ๋นจือชิวก็ยุ่งยากแล้ว นางไม่ใช่แค่หลานสาวของตัวเองเท่านั้น ทั้งยังเป็นฮูหยินเอกของเหมียวอี้ด้วย ที่สำคัญก็คือสาเหตุหลัง ถ้าเกิดเรื่องกับอวิ๋นจือชิวแล้ว ก็จะแก้ตัวอธิบายกับทางเหมียวอี้ไม่ได้ แต่จนใจที่ปิดบังเรื่องนี้กับหกลัทธิมาตลอด ไม่ได้บอกถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างเหมียวอี้และหลานสาว
อวิ๋นเซี่ยวก็เริ่มกังวลแล้วเช่นกัน มีเรื่องอะไรที่ควรค่าให้ประมุขขุนพลลัทธิมารมาด้วยตัวเองงั้นเหรอ? แต่เขาไม่สะดวกจะพูดแทรกเมื่ออยูต่อหน้าคนเหล่านี้
อวิ๋นอ้าวเทียนเงียบไปสักประเดี๋ยว เมื่อเตรียมใจได้แล้วถึงได้ถามว่า “ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ฉู่จื่อซานหัวหน้าภาคคนใหม่ของน่านฟ้าระกาติงถูกใจหลานสาวท่านแล้ว…” เย่สิงคงอธิบายเรื่องราวให้ฟังช้าๆ
ถึงแม้ผู้เฒ่าฟ่านจะเชื่อฟังคำสั่งของอวิ๋นจือชิว ครั้งนี้รับคำสั่งของอวิ๋นจือชิวมาแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสม เป็นเพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กจริงๆ จึงแอบอวิ๋นจือชิวมารายงานบอกเย่สิงคง
ถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นปัญหายุ่งยาก แต่พอได้ยินว่าอวิ๋นจือชิวยังไม่เป็นอะไร อวิ๋นอ้าวเทียนกับลูกชายก็โล่งใจ ยังไม่เกิดเรื่องขึ้นก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นก็จะกู้สถานการณ์คืนได้ยากจริงๆ อวิ๋นอ้าวเทียนถามอย่างลังเลว่า “เรื่องนี้ประมุขขุนพลคิดว่าจะจัดการอย่างไรให้เหมาะสม?”
เย่สิงคงเอียงหน้าเล็กน้อยและส่งสายตาให้ตานฉิง เรื่องบางเรื่องไม่สะดวกจะพูด
ตานฉิงเข้าใจ จึงกุมหมัดคารวะตอบว่า “ประมุขปราชญ์ ในหลายปีมานี้ การที่คนของพวกเราจะเข้าไปอยู่ในหน่วยงานของโจรกบฎได้นั้นเป็นเรื่องเพ้อฝัน โดยเฉพาะกองทัพองครักษ์ที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวด ฉู่จื่อซานคนนี้ก็มีภูหลังอยู่กองทัพองครักษ์พอดี ถ้าหากจัดการได้เหมาะสม นี่ก็เป็นโอกาสที่ไม่เลว เพียงแต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลานสาวของประมุขปราชญ์ พวกเราไม่สะดวกจะตัดสินใจโดยพลการ อยากจะฟังความเห็นของประมุขปราชญ์ก่อน”
อวิ๋นอ้าวเทียนเข้าใจความคิดของทั้งสอง จึงถามเสียงเรียบว่า “ทั้งสองอยากจะให้อวิ๋นจือชิวเข็นเรือไปตามน้ำเหรอ?”
เย่สิงคงไม่ตอบ ตานฉิงถอนหายใจแล้วบอกว่า “ข้าเองก็รู้ว่าทำแบบนี้ไม่เหมาะสม แต่เพื่องานใหญ่ พี่น้องลัทธิมารของเราต้องเสียสละไปตั้งเท่าไรแล้วไม่รู้ แน่นอน สิ่งนี้ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประมุขปราชญ์ ไม่มีใครกล้าบังคับแน่นอนขอรับ”
อวิ๋นเซี่ยวหน้าเครียดลงเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่คนโง่ก็ล้วนฟังออกว่าหมายความว่าอย่างไร นั่นก็คือพวกพี่น้องลัทธิมารเสียสละเพื่องานใหญ่ของลัทธิมารหมดแล้ว ถ้าจะยกเว้นประมุขปราชญ์ก็จะหน้าอับอายนิดหน่อย
แน่นอนว่าอวิ๋นอ้าวเทียนเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย นี่เป็นการกดดันแบบยัดข้อหาใหญ่ แต่เขาเองก็ไม่ได้คัดค้าน เพียงพยักหน้าเบาๆ “ข้าก็ไม่คัดค้านนะ เพียงแต่เรื่องนี้ ข้าแนะนำให้ฟังความเห็นจากประมุขปราชญ์เหมียวอี้ของลัทธิอู๋เลี่ยงก่อน”
เย่สิงคงกับตานฉิงสบตากันแวบหนึ่ง แล้วตานฉิงก็ถามอย่างแปลกใจว่า “นี่เป็นเรื่องภายในลัทธิมารล้วนๆ และอาจจะมีประโยชน์กับหกลัทธิด้วย ทำไมต้องถามความเห็นของเหมียวอี้ก่อน?”
อวิ๋นอ้าวเทียนถามกลับว่า “ทั้งสองยังไม่รู้อีกเหรอว่าตอนที่อยู่ดาวเทียนหยวน เหมียวอี้ก็มีข่าวลือชู้สาวกับอวิ๋นจือชิวเหมือนกัน แน่นอน จะจริงเท็จอย่างไรข้าก็ไม่รู้ แต่ข้าก็แนะนำให้ถามความเห็นเหมียวอี้ก่อน เพราะถ้ามีเรื่องแบบนี้จริงๆ เกรงว่าจะยุ่งยากนิดหน่อย”
…………………………
[1] เพิ่มลายดอกไม้ลงบนผ้าดิ้น 锦上添花 ปรุงแต่งในสิ่งที่เดิมทีมีอยู่แล้ว ให้สวยงาม
[2] ส่งถ่านให้กลางหิมะ 雪中送炭 ช่วยเหลือยามลำบาก