โรงเตี๊ยมเรือนรับแขกวุ่นวายจนนกบินสุนัขกระโดด นี่ก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เปลี่ยนผลที่ตามมาไม่ได้ กลุ่มพนักงานโรงเตี๊ยมที่โดนซ้อมจนหน้าปูดหน้าเขียวยืนยันอีกครั้งว่ายังไม่มีใครออกไป แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ทำไมโจรราคะเจียงอีอีถึงหายไปในอากาศได้ล่ะ
ถ้าจะบอกว่าเจียงอีอีโดนกำลังทหารบุกเข้ามาทำให้ตกใจและหนีไปจริงๆ แต่ก็น่าจะหนีออกจากตลาดสวรรค์ไม่ทัน เพราะประตูเมืองทั้งสี่ถูกปิดแล้ว พอเย่อี้ออกคำสั่ง คนของตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนก็เริ่มแตกตื่นเป็นนกบินสุนัขกระโดด ตรวจสอบทุกคนในเมืองแบบครอบคลุมแล้ว
เย่อี้เองก็ไม่อยากทำอย่างนี้ การตรวจสอบให้รอบด้านทั้งตลาดสวรรค์จะเป็นการล่วงเกินคนอื่นได้ง่ายเกินไป มีร้านไหนบ้างที่ไม่มีความลับ ถ้าไปตรวจสอบคนอื่นแบบทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สบอารมณ์ทั้งนั้น มิหนำซ้ำการไปตัดลูกค้าคนอื่นก็จะส่งผลต่อธุรกิจ ใครจะไปรู้ล่ะว่าต้องปิดตลาดสวรรค์ไว้นานแค่ไหนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้? ถ้าไม่มีคำสั่งจากเบื้องบนก็ค้ำให้ การที่ตัวเองสั่งให้ทำเรื่องแบบนี้ ก็ไม่มีทางยืนหยัดทำต่อเนื่องได้นาน
แต่ถ้าจะไม่แสร้งทำเป็นขยันทำงานแบบนี้ก็ไม่ได้ การปล่อยให้เจียงอีอีหนีไปจะต้องทำให้คนมากมายไม่พอใจแน่นอน ดังนั้นจะต้องควบคุมระดับการตรวจสอบแบบรอบด้านให้ดี เบื้องหลังของร้านค้าบางร้านไปมีเรื่องด้วยไม่ไหว ทำแบบนี้ก็พอแล้ว
ยกตัวอย่างเช่นหออวิ๋นฮว๋า ฉู่จื่อซานส่งคนมาเฝ้าจับตาดูแล้ว ขณะที่กำลังพลดุร้ายกลุ่มหนึ่งกำลังจะบุกเข้าไปตรวจสอบ ก็มีชายวัยกลางคนที่ปลอมตัวสองคนมาขวางประตูไว้ทันที หนึ่งในนั้นถามว่า “สหายหาน เจ้าทำแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
ผู้นำกลุ่มที่ถูกเรียกว่าสหายหานเงยหน้ามอง อดไม่ได้ที่จะตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อนว่า “สหายคัง ข้าก็ได้รับคำสั่งมาให้ทำงานเหมือนกัน จับตัวนักโทษหลบหนี”
ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน ลูกน้องที่ฉู่จื่อซานส่งมาทำงานที่ตลาดสวรรค์ได้บอกกับทางตำหนักคุ้มเมืองตลาดสวรรค์แล้ว ฝั่งนี้ก็รู้เช่นกันว่าเถ้าแก่เนี้ยคนสวยกำลังจะถูกท่านหัวหน้าภาคน่านฟ้าระกาติงรับไปเป็นอนุภรรยา
คังแสยะหัวเราะ “พวกเราจับตาดูอยู่ที่นี่ทุกวัน ที่นี่จะมีนักโทษหลบหนีได้ยังไง สหายหาน นี่เจ้าจะไม่ไว้หน้าท่านหัวหน้าภาคเหรอ?”
หานเปลี่ยนเป็นถ่ายทอดเสียง “สหายคังไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าต้องทำยังไง ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น สองคนที่เฝ้าประตูอยู่ก็หลีกทางให้แล้ว หานหันกลับมาส่งสายตาให้พวกลูกน้อง พอโบกมือ พวกลูกน้องก็พุ่งเข้าไปทันที ส่วนหานก็รออยู่ตรงประตู หันไปมองในร้านแวบหนึ่ง แล้วถ่ายทอดเสียงถามว่า “สหายคัง ท่านหัวหน้าภาคของพวกเจ้าจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ชื่ออวิ๋นจือชิวจริงเหรอ?”
“ขนาดข้ายังโดนส่งมาเฝ้าที่นี่เลย จะเป็นเรื่องโกหกได้ยังไง?” คังตอบ
“จุจุ ไปแตะต้องผู้หญิงคนนี้ ท่านหัวหน้าภาคของพวกเจ้าไม่กลัวจะมีเรื่องเหรอ?” หานถาม
คังจึงบอกว่า “เต็มใจกันทั้งสองฝ่าย จะมีปัญหาอะไรได้?”
“เต็มใจทั้งสองฝ่ายเหรอ? แบบนี้ก็เยี่ยม! ไม่ต้องพูดถึงหน้าตาของผู้หญิงคนนี้เลย โดยเฉพาะเรือนร่างนั่น เรียกได้ว่าเป็นดาวยั่ว จะพูดสิ่งที่ขัดหูให้ฟังนะ ตอนที่ผู้หญิงคนนี้เพิ่งมา ที่ตลาดสวรรค์ก็มีคนจับจ้องแล้ว แต่หลังจากได้รู้ที่มาที่ไปของผู้หญิงคนนี้ รู้ว่านางเคยเป็นผู้หญิงที่หนิวโหย่วเต๋อ ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวนเคยชอบ ที่ตลาดสวรรค์ก็ไม่มีใครคิดอยากได้นางอีก” หานบอก
ถ้าวิจารณ์ความงามของอวิ๋นจือชิวแบบเปิดเผย บอกว่าเป็นดาวยั่วอะไรทำนองนั้น คังจะต้องแตกคอกับเขาแน่นอน ถึงอย่างไรก็กำลังจะกลายเป็นผู้หญิงของท่านหัวหน้าภาคของตัวเองแล้ว แต่ถ้าแอบพูดเงียบๆ ไม่มีใครได้ยินก็ไม่เป็นไป คนที่วิจารณ์หน้าตาราชินีสวรรค์ลับหลังก็ใช่ว่าจะไม่มี พูดกันส่วนตัวก็ไม่สร้างผลกระทบอะไร
คังบอกว่า “ไม่ได้แต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อเสียหน่อย ไม่ใช่ผู้หญิงของหนิวโหย่วเต๋อด้วย สองคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน ทำไมจะแต่งงานไม่ได้ล่ะ? แล้วอีกอย่างนะ ท่านหัวหน้าภาคของเราจำเป็นต้องกลัวหนิวโหย่วเต๋อด้วยเหรอ? ถ้าพูดถึงระดับตำแหน่ง ท่านหัวหน้าภาคของเราเป็นผู้บังคับบัญชาของเขานะ ถ้าพูดถึงกำลังพล เขาก็เทียบท่านหัวหน้าภาคของพวกเราไม่ติดหรอก”
หานหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “นั่นก็ใช่ แต่ตอนที่หนิวอยู่เต๋ออยู่ที่ตลาดสวรรค์ ชื่อเสียงก็โด่งดังจริงๆ ถ้าพวกเราไม่ไปยั่วโมโหได้ก็จะดี”
คังกล่าวอย่างรู้สึกขำ “สงสัยเรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อล้างเลือดตลาดสวรรค์จะทำให้พวกเจ้าตกใจแล้วสินะ ทำไม? พวกเจ้ากลัวว่าเขาจะนำทัพมาล้างเลือดที่ตลาดสวรรค์ของพวกเจ้ารึไง?”
หานถอนหายใจแล้วบอกว่า “เจ้าไม่ต้องพูดถึงเลย ข้ากังวลเรื่องนี้จริงๆ! คนอื่นอาจจะไม่กล้า แต่เจ้าบ้านั่นเลื่องชื่ออยู่ในระบบของตลาดสวรรค์ ข้าได้ยินว่าตอนแรกที่หนิวโหย่วเต๋อออกจากดาวเทียนหยวน กลุ่มพ่อค้าก็ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย กระโดดโลดเต้นดีใจกันใหญ่ ใครจะคิดว่าพอเขาไปที่กองทัพองครักษ์แล้ว ยังกล้าย้อนกลับมาเล่นงานอีก นำทัพใหญ่มาล้อมตลาดสวรรค์เอาไว้แล้วขูดรีดเงินทอง แบบนี้ต้องกำเริบเสิบสานถึงขั้นไหนกัน ถ้าเจ้าบ้านั่นกับอวิ๋นจือชิวคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกันจริงๆ…คิดว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่เจ้าบ้านั่นทำไม่ได้? เจ้านั่นมันกล้าตบหน้าอ๋องสวรรค์อิ๋งเชียวนะ กล้าก่อเรื่องในงานพิธีรับสนมของราชันสวรรค์ เขาลงมือที่ตลาดสวรรค์ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง ใครจะกล้ารับประกันว่าจะไม่มีอีกครั้ง ก่อเรื่องเพื่อผู้หญิงคนเดียวนั้นไม่คุ้มค่าหรอกนะ”
คังหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “สงสัยตลาดสวรรค์จะจดจำหนิวโหย่วเต๋อได้อย่างลึกซึ้งตราตรึงใจจริงๆ!”
คุยได้ครู่เดียว แม้แต่ร้านค้าที่อยู่ข้างหลังก็ไม่ได้เข้าไป กำลังพลที่ตรวจสอบแค่ไปเดินวนในโถงใหญ่สองสามรอบพอเป็นพิธี แล้วก็ออกมาโดยแทบจะไม่ได้ล่วงเกินอะไรเลยด้วยซ้ำ
คังกุมหมัดคารวะขอบคุณที่อีกฝ่ายไว้หน้า หลังจากมองส่งหานนำคนไปตรวจค้นร้านถัดไป ทั้งสองก็หลีกทางและไปดื่มน้ำชาที่ร้านน้ำชาข้างๆ เหมือนเดิม
“ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น?”
ที่ลานบ้านด้านหลัง อวิ๋นจือชิวที่เดินลงมาข้างล่างได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงเอ่ยถาม
“ให้ช่างไม้ไปสืบแล้วค่ะ” เชียนเอ๋อร์เข้ามาตอบนาง
เพิ่งจะพูดจบ ช่างไม้ก็กลับมาจากข้างนอกแล้ว หลังจากทำความเคารพ ก็รายงานว่า “เถ้าแก่เนี้ย ได้ยินว่าโจรราคะเจียงอีอีปรากฏตัวที่โรงเตี๊ยมเรือนรับแขกเขตเมืองเหนือ ขนาดล้อมโรงเตี๊ยมเอาไว้ยังปล่อยให้เขาหนีไปได้ ตอนนี้กำลังตรวจค้นร้านค้าทั่วทั้งเมือง เมื่อครู่นี้ก็เพิ่งมาตรวจที่ร้านค้าพวกเรา แต่พวกที่เฝ้าอยู่ด้านนอกกันไว้ให้ ก็เลยตรวจพอเป็นพิธีนิดหน่อยแล้วก็ไปแล้ว”
“โจรราคะเจียงอีอี?” อวิ๋นจือชิวขมวดคิ้วพึมพำ จากนั้นก็พยักหน้าทันที “เข้าใจแล้ว”
ช่างไม้ขอตัวลา อวิ๋นจือชิวที่ขมวดคิ้วมุ่นเดินเข้าไปนั่งในศาลาที่ลานบ้านด้านหลัง
เมื่อเห็นนางขมวดคิ้วมุ่นไม่คลาย เชียนเอ๋อร์ก็เลยถาม “ฮูหยิน เป็นอะไรไปคะ?”
“จู่ๆ ก็มีความเคลื่อนไหวในเวลานี้ คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนิวเอ้อร์หรอกใช่มั้ย?” อวิ๋นจือชิวถามอย่างลังเล
“นายท่านจะไปเป็นพวกเดียวกับโจรราคะเจียงอีอีได้ยังไงคะ?” เสวี่ยเอ๋อร์ยิ้ม
อวิ๋นจือชิวคิดไปคิดมาเห็นด้วย นางเลิกขมวดคิ้ว แล้วส่ายหน้าถอนหายใจ “จนป่านนี้แล้ว เจ้าผีนั่นเงียบสงบเกินไป ไม่เหมือนลักษณะของเขา ช่วงนี้ข้ากลัดกลุ้มกังวลใจ พอได้ยินเสียงลมพัดใบหญ้าแค่นิดเดียวก็จะคิดเชื่อมโยงไปถึงเขา ก็ได้ รอก็แล้วกัน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าผีนั่นจะใจกว้างขนาดนั้น จะเอาแต่ดูข้าโดนผู้ชายคนอื่นเอาไปครอบครองเฉยๆ เหรอ…เฮ้อ! เจ้านั่นคิดอะไรอยู่กันแน่? ในใจข้าคิดฟุ้งซ่านไปหมดแล้ว”
น่านฟ้าระกาติง จวนหัวหน้าภาค ในตึกศาลาที่งดงาม ฉู่จื่อซานกำลังเอามือไขว้หลังยืนพิงรั้วมองประเมินทิวทัศน์อันงดงามที่ประดับตกแต่งใหม่ในจวน สีหน้าสุขใจร่าเริง รสชาติของการเป็นเจ้าอาณาเขตทำให้ทัศนคติของเขาค่อนข้างโอหังเย่อหยิ่ง
อยู่ที่กองทัพองครักษ์มาหลายปี แทบจะย้ายไปทางนั้นทีทางนี้ทีตลอดมา จะเหมือนตอนนี้ได้อย่างไร ได้เสพสุขกับบ้านสวยๆ ได้หญิงงงามให้กอดซ้ายกอดขวา ตอนอยู่ที่กองทัพองครักษ์ คนในครอบครัวติดตามกองทัพไปด้วยตลอดไม่สะดวกเท่าไร เพื่อที่จะลดความยุ่งยาก เขาก็เลยยังไม่แต่งงาน แต่หลังจากถูกย้ายมาที่นี่แล้ว เขาก็แต่งงานรับหญิงงามมาเป็นอนุภรรยาติดต่อกันสองคน เรียกได้ว่าใช้ชีวิตอย่างชุ่มชื่นชุ่มฉ่ำ
พอเห็นเรือนพักตรงมุมตะวันออกที่ตกแต่งใหม่ พอนึกขึ้นได้ว่าสาวงามยั่วราคะกำลังจะมาอยู่ที่นั่น ฉู่จื่อซานก็รู้สึกเร่าร้อนในใจ อนุภรรยาสองคนในบ้านของเขา จะว่าสวยก็สวยอยู่หรอก แต่ไม่ได้มีรสชาติที่ยอดเยี่ยมเหมือนอวิ๋นจือชิว จะพูดว่ายังไงดีล่ะ เสน่ห์ของผู้หญิงคนนั้นเกิดจากการรวมกันของความดิบเถื่อน สง่างามภูมิฐาน ออดอ้อนเย้าย้วน ประสบการณ์และเสน่ห์ทางเพศ อากัปกิริยาของนางเผยลักษณะที่สูงส่งให้เห็นรางๆ ตามหลักการแล้ว ลักษณะแบบนั้นจะเกิดขึ้นจากการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่อยู่เหนือผู้อื่นมาเป็นเวลานาน เป็นสิ่งที่แช่อยู่ในกระดูกสันดานตั้งแต่เด็ก ยากจะลบทิ้งได้ น้อยคนนักที่จะสามารถบ่มเพาะสง่าราศีได้เหนือกว่านาง ขนาดคนในตระกูลขุนนางชนชั้นสูงของตำหนักสวรรค์ที่เขาเคยเจอยังไม่มีลักษณะแบบนั้นเลย เพราะขุนนางพวกนั้นมีเบื้องบนข่มอยู่ แต่เขาก็เคยเห็นฮ่องเต้ในโลกมนุษย์มาก่อน แต่ลักษณะท่าทางแบบอวิ๋นจือชิวนั้นพบเห็นได้น้อยมาก อย่าบอกนะว่ามีพื้นเพเป็นองค์หญิงในราชสำนักของโลกมนุษย์? เสน่ห์ต่างๆ รวมกันอยู่บนเรือนร่างที่ยั่วกามตัณหา ขนาดฉู่จื่อซานยังรู้สึกว่าหายากเลย มีพื้นเพมาจากครอบครัวแบบไหนกัน ถึงได้หล่อหลอมเสน่ห์มากมายไว้บนตัวผู้หญิงคนหนึ่งได้? เป็นของหายากจริงๆ!
เอาเป็นว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นอวิ๋นจือชิว เขาก็ใจสั่นหวั่นไหวแล้ว ทำให้เขารู้สึกปรารถนาอยากครอบครองรุนแรงขึ้นไปอีก!
แม่ทัพสวมเกราะม่วงคนหนึ่งเดินก้าวยาวเข้ามา ในจวนแห่งนี้ ฉู่จื่อซานสานต่อลักษณะของกองทัพองครักษ์ ในยามปกติทหารจะสวมเกราะรบไว้ตลอดเวลา
แม่ทัพมาข้างหลังเขาแล้วกุมหมัดคารวะ “ท่านหัวหน้าภาค ทางดาวจิ่วหวนมีเรื่องนิดหน่อย…” เขารายงานข่าวให้ฟังคร่าวๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเจียงอีอี
“ปิดตลาดสวรรค์แล้วเหรอ?” ฉู่จื่อซานพลันหันตัวมา เจียงอีอีอะไรนั่นเขาไม่สนใจหรอก เขาขมวดคิ้วบอกว่า “รู้อยู่แท้ๆ ว่าอีกไม่กี่วันจะถึงงานแต่งงานของข้าแล้ว ตอนนี้มาปิดตลาดสวรรค์งั้นเหรอ เย่อี้กำลังเล่นบ้าอะไร? จงใจจะสร้างโจทย์ยากให้ข้างั้นเหรอ?” เขารอมาเกือบครึ่งปีแล้ว ไม่กี่วันมานี้คิดแต่เรื่องงดงามเรื่องนั้นตลอด ไม่ได้แตะต้องอนุภรรยาที่เหลือเลย รวบรวมกำลังวังชาเพื่อรอวันนั้น เขาไม่อยากจะรออีกแม้แต่วันเดียว
แม่ทัพตอบว่า “ข้าเองก็ถามไปแบบนี้ เย่อี้ตอบว่า ถ้าไม่ทำอะไรสักหน่อยจะแก้ตัวกับเบื้องบนไม่ได้ขอรับ จะปล่อยให้ตลาดสวรรค์มีนักโทษหลบหนีโผล่มาแต่เขากลับไม่สนใจไม่ได้ เขาบอกว่าให้นายท่านวางใจได้ ไม่ว่าจะจับคนร้ายได้หรือไม่ แต่อย่างมากก็จะเปิดตลาดสวรรค์อีกภายในสามวันแน่นอน ไม่รบกวนงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นอีกห้าวันหลังจากนี้”
แบบนี้ก็ค่อยยังชั่ว! ฉู่จื่อซานพยักหน้า แล้วก็ช่วยพูดด้วยว่า “ลำบากเขาแล้วเช่นกัน สถานที่เส็งเคร็งอย่างตลาดสวรรค์เป็นแหล่งรวมกิจการของขุนนางใหญ่ๆ ในตำหนักสวรรค์ไม่น้อยเลย ไปล่วงเกินไม่ได้ แต่พอเจอเรื่องแบบนี้ จะไม่จัดการก็ไม่ได้อีก เขาเองก็ต้องรายงานเบื้องบนเหมือนกัน ช่างเถอะ อย่าไปทำให้เขาลำบากเลย”
ก็เป็นอย่างที่บอกจริง หลังจากนั้นสามวัน การเคลื่อนไหวของตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนทำให้คนแตกตื่นก็หยุดลงแล้ว ประตูเมืองทั้งสี่ที่ปิดไว้ก็เปิดแล้ว ส่วนโจรราคะเจียงอีอีก็ยังไม่ถูกจับเหมือนอย่างเคย ไม่ใช่ว่าตลาดสวรรค์ไร้ความสามารถ แต่เป็นเพราะโจรราคะนั่นขึ้นชื่อเรื่องจับตัวยาก ที่นี่ทำพลาดก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
วันต่อมา จวนหัวหน้าภาค ฉู่จื่อซานนำกำลังพลกลุ่มใหญ่ออกเดินทางแล้ว ออกเดินทางล่วงหน้าหนึ่งวัน สาเหตุแรกเป็นเพราะระหว่างนั้นยังมีขั้นตอนอีก สาเหตุรองเป็นเพราะทางนี้นำของมาให้อวิ๋นจือชิวหวีผมแต่งตัวด้วย ใครใช้ให้ฝั่งอวิ๋นจือชิวไม่ให้ความร่วมมือล่ะ และทางตลาดสวรรค์ก็ยังมีพบปะสังสรรค์อยู่บ้าง ไม่มาล่วงหน้าไม่ได้หรอก
บนภูเขาที่อยู่ไกลๆ จงหลีค่วยมองตามฉู่จื่อซานนำคนออกเดินทางไป แล้วหยิบระฆังดาราออกมา ม่รู้ว่าติดต่อไปทางไหน
ดาวจิ่วหวน ตลาดสวรรค์ สตรีวัยกลางคนหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งปรากฏตัวที่มุมถนน นางเดินไปนอกประตูหออวิ๋นฮว๋า แต่กลับโดนทหารสวรรค์ที่สวมเกราะรบกลุ่มหนึ่งขวางไว้
“หออวิ๋นฮว๋าหยุดการค้าขายชั่วคราว ไปร้านอื่น!” ทหารที่เป็นหัวหน้าโบกมือตะโกน พรุ่งนี้จะเป็นวันมงคลแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิด ฝั่งนี้ช่วยตัดสินใจหยุดกิจการชั่วคราวให้หออวิ๋นฮว๋าแล้ว หลังจากแน่ใจว่าอวิ๋นจือชิวยังอยู่ข้างใน ก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกอีก!
…………………………