พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1520 โจรราคะชิงตัวไป

ดูจากท่าทางแล้ว เห็นได้ชัดว่าถ้าคนคนนี้เคลื่อนไหวผิดปกติ ก็จะโดนเล่นงานทันที ไม่ให้โอกาสเขาได้หนี

คนที่อยู่ในผ้าคลุมดำยังคงก้มหน้าเล็กน้อย บางทีอาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่โดนข่มขู่กดดัน ร่างกายสั่นเล็กน้อย แต่ไม่นานก็สงบลงแล้ว

คังเหล่ตามอง ‘อวิ๋นจือชิว’ ที่อยู่ข้างกัน แล้วค่อยๆ ชักกระบี่เดินตามไป กลุ่มทหารถืออาวุธไว้เรียบร้อยแล้ว

จากนั้น ‘อวิ๋นจือชิว’ ก็หันกลับไปมองอาวุธในมือคัง มุมปากกระตุกเล็กน้อย เหมือนเคยีดแค้นมาก แต่เท้ายังไม่หยุดเดิน ยังคงเดินหน้าต่อไป

หลังจากเดินมาใกล้ใต้ต้นไม้ กำลังพลที่ล้อมคนชุดดำเอาไว้ก็หลีกทางให้เดิน ปล่อยให้ ‘อวิ๋นจือชิว’ เดินเข้าไป คังที่เดินตามส่งสัญญาณอีกครั้ง คนหลายร้อยเคลื่อนไหวทันที ชั่วพริบตาเดียวก็ล้อมเอาไว้หลายชั้น มีบางคนกระโดขึ้นไปบนต้นไม้ด้วย ทำให้คนที่โดนล้อมไว้ยากจะเสียบปีกหนีไป

พอเดินมาตรงหน้าคนชุดดำ ‘อวิ๋นจือชิว’ ก็ถอนหายใจเบาๆ “ท่านอา”

“เฮ้อ!” คนชุดดำก็ถอนหายใจเบาๆ เช่นกัน หยิบกำไลเก็บสมบัติออกมาวงหนึ่ง “คำยินดีข้าคงไม่พูดแล้ว พูดไม่ออกเหมือนกัน ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว สินเดิมเจ้าสาวเล็กน้อย นับว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยก็แล้วกัน อย่ารังเกียจที่มันน้อย”

อวิ๋นจือชิว’ ใช้มือข้างเดียวผลักกลับไป แล้วส่ายหน้าบอกว่า “ท่านอา ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”

คนชุดดำผลักอีก “เจ้าทำงานหนักเพื่อครอบครัวนี้มาหลายปี นี่คือสิ่งที่เจ้าควรจะได้รับ”

ทว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ ก็บอกอีกว่า “ท่านอา น้ำใจนี้ข้ารับไว้แล้ว แต่งงานใหม่จะดีได้ยังไง…” นางผลักกลับไปอีก

ทั้งสองผลักไปผลักมา คนหนึ่งต้องการจะให้ แต่อีกคนหนึ่งไม่ยอมรับ ทุกคนมองดูกำไลเก็บสมบัติวงนั้น แต่ละคนกำลังครุ่นคิดในใจว่า ข้างในมีของมากเท่าไรกันแน่

คังกระแอมอยู่ข้างหลัง ‘อวิ๋นจือชิว’ แล้วบอกว่า “ผู้จัดการร้าน ในเมื่อเป็นน้ำใจ รับไว้ก็สิ้นเรื่องแล้ว” เขาคิดว่าสาเหตุที่ท่านหัวหน้าภาคให้ท่านนี้ออกมารับของ คงเพราะมีความคิดอยากจะได้ทั้งเงินทั้งคน

เมื่อได้ยินดังนั้น ‘อวิ๋นจือชิว’ ก็หันกลับมาถลึงตาจ้องเขาแวบหนึ่ง แล้วตบกำไลเก็บสมบัติไว้บนมือคนชุดดำ “ท่านอา ข้ารับไว้ไม่ได้”

คนชุดดำหยิบถือกำไลเก็บสมบัติอย่างลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกว่า “เจ้าลำบากอยู่ในครอบครัวนี้มาหลายปี จะให้เจ้าจากไปมือเปล่าได้ยังไง เอาอย่างนี้แล้วกัน…” ขณะที่พูดก็ร่ายอิทธิฤทธิ์เรียกของออกมาจากกำไลเก็บสมบัติ

ทว่าสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกเหนือความคาดหมายก็คือ ไม่เห็นคนชุดดำควักสมบัติอะไรออกมา แต่กลับเห็นควักกระบี่และมีดสั้นออกมามีดสั้น

สิ่งที่ทำให้ทหารทำอะไรไม่ถูกก็คือ กระบี่ที่คนชุดดำชักออกมาต่ออยู่ที่คอของ ‘อวิ๋นจือชิว’ แล้ว ส่วนมีดสั้นก็จ่อที่ท้อง ‘อวิ๋นจือชิว’ พอยืดตัวก็จับอวิ๋นจือชิวเป็นตัวประกันไว้ในมือแล้ว

เวรแล้ว! คังหลังตากระตุก อุบายนี้ทำให้คนคิดไม่ถึงจริงๆ ทุกคนป้องกันไม่ให้ ‘อวิ๋นจือชิว’ โดนคนพาตัวไป แต่นึกไม่ถึงว่าจะโดนจี้ชิงตัว

คนที่ถือดาบ ทวน ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ล้อมไว้เริ่มกังวลแล้ว ทั้งหมดชี้ไปที่คนชุดดำ คังโบกกระบี่ตะโกนว่า “รนหาที่ตายรึไง! ปล่อยผู้จัดการร้านไป!”

คนชุดดำเก็บคมดาบที่คล้องอยู่บนคอ ‘อวิ๋นจือชิว’ ใบหน้าชราที่อยู่ใต้หมวกโผล่ออกมา เสียงพูดก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน ตะโกนด้วยเสียงแหลมว่า “หลีกไป! ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่านาง!”

คังโดนกดดันจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว ทุกคนกลัวว่าจะลูบหน้าปะจมูก ได้แต่ทำหน้าเลิกลั่กอยู่อย่างนั้น

ตอนนี้ ‘อวิ๋นจือชิว’ ที่โดนจี้สีหน้าเปลี่ยนทันที แล้วถามอย่างร้อนใจว่า “เจ้าไม่ใช่ท่านอา เจ้าเป็นใคร?”

คนชุดดำหัวเราะเสียงแหลม “เจียงอีอีอยู่นี่แล้ว!”

“เจียงอีอี?” ทุกคนตกใจมาก ก่อนหน้านี้ในเมืองมีเรื่องวุ่นวายของโจรราคะเจียงอีอี นึกไม่ถึงว่าจะมาโผล่อยู่ที่นี่แล้ว

คังตกใจไม่เบา แต่ก็กลอกตาไปมา สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล สายตาจ้องไปที่ ‘อวิ๋นจือชิว’ แล้วแสยะหัวเราะ “ผู้จัดการร้าน ใช้วิธีการเด็กๆ แบบนี้มาตบตาข้ามันน่าขำไปหน่อยมั้ง ข้าแนะนำให้ท่านมีจิตสำนึกหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าพวกพี่น้องพลั้งมือขึ้นมา ท่านหัวหน้าภาคก็จะทำได้แค่เสียใจทีหลังแล้ว”

อวิ๋นจือชิว’ ด่ากราดทันที “พูดเหลวไหลหาแม่เจ้าเหรอ! เจ้าเป็นสุนัขตาบอดรึไง ท่านอาของข้าโดนทำร้ายแล้วแน่ๆ…อ๊า!” จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้อง

คนชุดดำที่จี้ตัวนางใช้กระบี่คล้องคอนาง แต่มีดสั้นที่จ่อตรงท้องกลับยกขึ้นและยกลงแล้ว แทงเข้าไปในท้องนางอย่างแรง เลือดสดไหลออกมาทันที

ฉากนี้ทำให้พวกคังตกใจจนพูดไม่ออก ยังนึกว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ ไม่อย่างแต่งงานเลยเล่นตุกติก หรือนี่จะเป็นกลยุทธ์เจ็บกาย…

คนชุดดำมองไปรอบๆ แล้วแสยะยิ้ม “อยากจะจับข้าเหรอ? ข้ามีสภาพยังไงพวกเขาไม่เคยเห็นเหรอ ถ้าข้าตายข้าจะต้องลากนางไปรับกรรมด้วยแน่นอน หลีกไป!”

คังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่อย่างนั้น แล้วยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ ทำท่าเหมือนจะออกคำสั่งรุกโจมตี แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “เจียงอีอี ปล่อยนางไปซะ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป!”

“ข้าจะเชื่อได้เหรอ?” คนชุดดำแสยะยิ้ม พอมีดสั่นตรงท้อง ‘อวิ๋นจือชิว’ ขยับ ‘อวิ๋นจือชิว’ ก็ทำท่าเหมือนเจ็บจนจะเป็นจะตาย

คังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทันที เขาอยากจะกำจัด ‘อวิ๋นจือชิว’ ไปพร้อมกันด้วยจริงๆ ก่อนหน้านี้ยังตบหน้าเขาต่อหน้าฝูงชนให้เขาอับปาย มีคนมากมายขนาดนี้เห็นเหตุการณ์ ถ้าเขาทำแบบนี้จริงๆ ก็จะแก้ตัวกับทางท่านหัวหน้าภาคไม่ได้

คนชุดดำมองไปรอบๆ ไม่สนใจว่าทางนี้จะหลีกทางหรือไม่ จี้ตัว ‘อวิ๋นจือชิว’ เหาะขึ้นฟ้า แล้วเหาะจากไปอย่างรวดเร็ว

“ตาม!” คังกระทืบเท้าอย่างเคียดแค้น แล้วก็โบกมือนำกำลังพลเหาะขึ้นฟ้าตามไป ขณะเดียวกันก็รีบติดต่อกำลังพลที่เหลือในเมืองให้ตามมาสนับสนุน ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะติดต่อท่านหัวหน้าภาคฉู่จื่อซาน ทางนี้เกิดเรื่องแล้ว!

ฉู่จื่อซานที่นำกลุ่มคนเหาะอยู่ในดาราจักรกำลังแอบฝันหวาน จู่ๆ ก็เกิดฝันร้าย เขาถามอย่างตกใจปนสงสัยว่า : เป็นผู้จัดการร้านอวิ๋นที่จงใจเล่นตุกติกหรือเปล่า?

คัง : ทีแรกข้าน้อยก็สงสัยแบบนี้ แต่…ผู้จัดการร้านอวิ๋นโดนมีดแทงไปหลายครั้งแล้ว อาจจะตายได้ทุกเมื่อ ไม่เหมือนกำลังเล่นละคร ข้าน้อยไม่กล้าไล่ตามใกล้เกินไป!

เป็นแบบนี้จริงๆ พอคนชุดดำเห็นคังเข้ามาใกล้เกินไป ก็ใช้มีดสั้นแทง ‘อวิ๋นจือชิว’ อีกหลายครั้ง เรียกได้ว่าลงมืออย่างเหี้ยมโหด เสียงกรีดร้องของ ‘อวิ๋นจือชิว’ ทำให้คนที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังขนลุก จะปล่อยไปก็ไม่ได้ แต่ถ้าตามติดเกินไปแล้วทำให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นอันตรายถึงตาย กลับไปพวกเขาก็แก้ตัวกับท่านหัวหน้าภาคไม่ได้อีก ไม่กล้าเสี่ยง!

ฉู่จื่อซานโมโหเดือดดาลทันที ตะโกนด่าว่า : พวกเศษสวะ แค่เรื่องเล็กๆ ยังจัดการไม่ได้ เจ้ายังจะไปทำอะไรได้อีก?

คัง : ข้าร้อยไร้ความสามารถ นายท่านได้โปรดแนะนำว่าควรทำยังไงต่อไป?

ฉู่จื่อซาน : จับตาดูให้ข้า อย่าให้คนหนีไป อย่ากดดันให้อีกฝ่ายพากันตายทั้งคู่ด้วย ข้าจะตามไปเดี๋ยวนี้…ถ้าจับตาดูไม่ไหวจริงๆ ฆ่า!

คัง : ข้าน้อยกลัวจะพลาดทำให้ผู้จัดการร้านอวิ๋นบาดเจ็บ

ฉู่จื่อซาน : พยายามถ่วงเวลารอข้าไปที่นั่น ถ้าถ่วงเวลาไม่ไหวจริงๆ ก็อย่าให้นางตกอยู่ในมือโจรราคะเจียงอีอี!

ชัดเจนว่าถ้าไม่มีหนทางแล้วจริงๆ แม้แต่ ‘อวิ๋นจือชิว’ ก็ต้องกำจัดไปพร้อมกันเลย ตอนออกคำสั่งนี้เขาเองก็ปวดใจเหมือนกัน เขาคิดถึงร่างกายของผู้หญิงคนนี้มานานเท่าไรแล้ว เห็นอยู่แท้ๆ ว่ากำลังจะกลายเป็นเรื่องงดงาม แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับตกอยู่ในมือโจรราคะเจียงอีอี มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีทางปล่อยให้เจียงอีอีพาตัว ‘อวิ๋นจือชิว’ ไป ถ้าตกอยู่ในมือเจียงอีอีแล้ว อาศัยแค่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ของโจรราคะนั่น ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ส่วนเหตุผลว่าทำไมเจียงอีอีถึงพุ่งเป้ามาที่อวิ๋นจือชิว ไม่ต้องคิดก็เดาออกแล้ว นี่คือโรคเก่าของเจียงอีอี ลงมือกับคนในครอบครัวขุนนางตำหนักสวรรค์โดยเฉพาะ คาดว่าข่าวที่ตนจะแต่งงานกับอวิ๋นจือชิวคงแพร่ออกไปแล้ว เขาจะโดนโจรราคะเจียงอีอีนั่นสวมเขาได้อย่างไร เสียหน้าแบบนั้นไม่ไหว ช่วยได้ก็ช่วย แต่ก็ช่วยไม่ได้ก็ทำลายไปพร้อมกันเลย มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีทางยอมโดนคนทั้งใต้หล้าหัวเราะเพียงเพื่อแต่งงานกับผู้หญิงคนเดียว

คังเข้าใจความคิดของเขา : ขอรับ!

ที่จริงคังก็อยากจะลงมือกำจัดเจียงอีอีกับ ‘อวิ๋นจือชิว’ พร้อมกันเสียตอนนี้เลย แต่ฝั่งนี้มีคนเยอะเกินไป ถ้าทำแบบนี้จริงๆ จะไม่มีทางแก้ตัวได้

“รวมกลุ่มเร่งความเร็วไปข้างหน้า!” ฉู่จื่อซานพลันหันกลับมาออกคำสั่ง

กำลังพลนับหมื่นรวมกลุ่มกันทันที ชัดเจนว่าไม่ต้องการพิธีรีตองอะไรแล้ว นักพรตบงกชทองถูกเก็บเข้าในกระเป๋าสัตว์ของนักพรตบงกชรุ้ง คนจำนวนมากตะโกนเสียงดัง ความเร็วที่เร่งไปข้างหน้าเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน!

ขณะเดียวกัน ฉู่จื่อซานที่นำกำลังพลเหาะอยู่บนฟ้าก็ออกคำสั่งไปยังกำลังพลที่ประจำอยู่ในจุดต่างๆ ของน่านฟ้าระกาติง ว่าให้ปิดทางเข้าออกประตูดวงดาวน่านฟ้าระกาติง แล้วรวบรวมทัพใหญ่ไล่ล้อมดักไว้

“พี่น้อง เป็นอะไรไป?”

หออวิ๋นฮว๋า ช่างไม้วิ่งออกมาจากร้าน เห็นกำลังพลตำหนักสวรรค์ที่เฝ้าหน้าร้านกำลังรวมตัวกัน เหมือนเตรียมจะถอนกำลัง จึงรีบมาถาม

ขุนพลที่เป็นหัวหน้าเงยหน้ามองป้ายร้านหออวิ๋นฮว๋าแวบหนึ่ง เถ้าแก่เนี้ยโดนจับตัวไปแล้ว เฝ้าตัวประกันอยู่ที่นี่อีกก็ไม่มีความหมายอะไร จึงแสยะยิ้มแล้วบอกว่า “ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ? ช่วยชีวิตคน! ผู้จัดการร้านของพวกเจ้าโดนเจียงอีอีชิงตัวไปแล้ว!” จากนั้นหันกลับมาโบกมือตะโกนบอกลูกน้องที่กำลังรวมตัวกัน “ไป!”

กำลังพลหลายร้อยรีบทะยานขึ้นฟ้า รีบเหาะไปยังประตูเมือง

“อ๋า…” ช่างไม้ตะลึงค้าง รีบถลันตัวกลับเข้าไปในร้าน บอกพวกผู้เฒ่าฟ่านอย่างร้อนใจว่า “เถ้าแก่เนี้ยตกอยู่ในมือเจียงอีอี รีบไปช่วยคนเร็ว! ผู้เฒ่าฟ่าน ท่านวรยุทธ์สูง ยังไม่รีบตามไปก่อนอีก!”

พวกผู้เฒ่าฟ่านได้ยินแล้วก็ร้อนใจเช่นกัน เถ้าแก่เนี้ยตกอยู่ในมือโจรราคะเจียงอีอีแล้ว ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

“คนไปที่ไหนแล้ว?” ผู้เฒ่าฟ่านถลันตัวไปอยู่ข้างกายช่างไม้ที่เพิ่งเอ่ยถามทหารยามกลุ่มนั้น ถึงอย่างไรเขาก็ไม่รู้ว่า ‘อวิ๋นจือชิว’ โดนชิงตัวไปทางไหนแล้ว ทำได้เพียงตามกำลังพลของตำหนักสวรรค์ไป

“หยุดนะ!” มีเสียงตะโกนดังมาจากโถงด้านหลัง ทุกคนหันมองตาม เชียนเอ๋อร์กำลังเดินช้าๆ ออกมาจากโถงด้านหลัง

“กูกูใหญ่ เถ้าแก่เนี้ยที่อยู่นอกเมืองโดนเจียงอีอีชิงตัวไปแล้ว!” ช่างไม้กล่าวอย่างกระวนกระวาย

เชียนเอ๋อร์เดินผ่านข้างกายพวกเขาไปอย่างไม่รีบร้อน เดินออกไปนอกประตูแล้วมองซ้ายมองขวา ก่อนจะถามกลับว่า “คนที่เฝ้าข้างนอกไปกันหมดแล้วเหรอ?”

ช่างไม้พยักหน้า “ไปกันหมดแล้ว กูกูใหญ่ ท่านอยู่ที่นี่ ข้ากับพวกผู้เฒ่าฟ่าน…”

“พวกเจ้าตามข้ามา!” เชียนเอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง แล้วเดินเข้าไปข้างในอย่างไม่ร้อนรน

พวกช่างไม้ตะลึงค้าง สังเกตได้ถึงความไม่ชอบมาพากล เถ้าแก่เนี้ยโดนจับตัวไปแล้ว ท่านนี้ไม่น่าจะใจเย็นสิ พวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินตามนางไปด้วยสีหน้าร้อนรนและฉงนใจ

พอขึ้นมาบนตึกที่อยู่ตรงลานบ้านด้านหลัง เข้ามาในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ของอวิ๋นจือชิว พวกเขาก็งงเป็นไก่ตาแตกทันที เห็นเพียงอวิ๋นจือชิวกำลังนั่งพลิกอ่านม้วนหนังสือเก่าอยู่ในศาลา สีหน้าอารมณ์ดูสงบใจเย็น ไม่ตระหนกตกใจเลย

เชียนเอ๋อร์เข้ามาในศาลา แล้วก้มหน้ากระซิบข้างบ่าอวิ๋นจือชิว จากนั้นอวิ๋นจือชิวก็ขมวดคิ้วครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า เอียงหน้ามองไปทางคนที่เหลือ ถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกว่า  “พอแล้ว! เห็นกันหมดแล้วนะ คนที่โดนชิงตัวไปไม่ใช่ข้า ทุกคนไม่ต้องกลัว ควรจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ”

ทุกคนเข้าใจกระจ่างในทันที มิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้การกระทำของเถ้าแก่เนี้ยคนนั้นถึงแปลกไป ยังนึกว่าอารมณ์ไม่ดีเพราะโดนบังคับแต่งงานเสียอีก ที่แท้ก็เป็นตัวแสดงแทนนี่เอง!

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset