ด้านบนมีคนไม่น้อยที่งงเป็นไก่ตาแตก มีคนตายไปเยอะมากเพื่อที่จะแย่งชิงพื้นที่นี้ เรียกได้ว่าเอาชีวิตคนทิ้งไปเป็นกอง ผลปรากฏว่าตายเปล่า ตอนนี้ไม่ว่าฝ่ายไหน ถ้าคิดจะขุดหลุมหาธนูฝ่าที่อยู่ใต้ดินอย่างสงบใจก็เป็นไปไม่ได้แล้ว นอกเสียจากจะกำจัดอีกฝ่ายทิ้งก่อน ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายก็ไม่มีทางค้นหาอย่างสงบใจได้เลย
แต่ฝั่งน่านฟ้าระกาติงก็ยังฮึกเหิมมีพลัง เมื่อไม่มีภัยคุกคามอย่างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แล้ว ต่อให้หนิวโหย่วเต๋อจะร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี ต่อให้ต้องใช้คนเป็นกองแต่ก็ต้องทำให้คนของหนิวโหย่วเต๋อตายเป็นกองให้ได้ ผลลัพธ์นี้ก็ไม่ได้แย่สำหรับกองมังกรดำเช่นกัน ต่อให้สู้ไม่ชนะแต่ก็ยังยืนหยัดอดทนได้อีกหน่อย ต่อให้ต้องตายแต่ก็ขอดึงให้ฝ่ายตรงข้ามมาตายด้วยกันเยอะๆ ด้วยแล้วกัน
ทหารฝ่ายศัตรูที่อยู่ข้างล่างเห็นเหมียวอี้นำคนเข้ามาสังหาร รู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ จึงรีบโบกทวนตะโกนสั่งว่า “พี่น้องทั้งหลาย ร่วมแรงกันกำจัดกำลังหลักของอีกฝ่ายก่อน แล้วคอยดูว่าโจรกระจอกมันจะหนีไปไหนได้!” พูดจบก็นำคนกลุ่มหนึ่งหลบหลีกเหมียวอี้ ไม่เก็บธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แล้วเช่นกัน รีบพุ่งตัวขึ้นฟ้า กลับเข้ามาสังหารในทัพใหญ่ที่กำลังตะลุมบอน
ในการต่อสู้ที่อุตลุตวุ่นวาย นักพรตบงกชรุ้งคนหนึ่งของธงพยัคฆ์น้ำเงินใช้ทวนแทงนักพรตบงกชทองคนหนึ่ง แต่จู่ๆ ก็มีง้าวยาวด้ามหนึ่งยื่นเข้ามา “แกร๊ง” เกี่ยวหัวทวนที่แทงทะลุคนคนนั้นออกมา นักพรตบงกชรุ้งคนหนึ่งของน่านฟ้าระกาติงประลองกับเขาแล้ว ชะงักค้างอยู่ด้วยกันอย่างนั้น
ฝั่งธงพยัคฆ์น้ำเงินมีลูกน้องสิบกว่าคนออกมาสังหารทันที ดาบและทวนฟันไปยังศัตรูที่อยู่ตรงข้ามพร้อมกัน บนใบหน้าศัตรูฉายแววดุร้าย นักพรตบงกชรุ้งธงพยัคฆ์น้ำเงินหันขวับไปเห็นศัตรูสามคนเหาะลงมาจากฟ้า ร่วมมือกันโผเข้ามาสังหารเขา แต่ทวนยาวในมือเขาโดนคนเกี่ยวไว้ เขาจึงรีบปล่อยมือทิ้งอาวุธ แต่ก็สายไปเสียแล้ว จะหลบก็หลบไม่ทัน โดนดาบด้ามหนึ่งฟันลงมาบนแขนอย่างบ้าระห่ำ
โชคดีที่สวมเกราะรบผลึกแดงที่เหมียวอี้ให้ไว้ แกร๊ง! โดนโจมตีไปหนึ่งที แต่ก็กลับฟันไม่เข้า ทว่าทั้งร่างกายโงนเงนโซเซ จู่ๆ ข้างกายก็มีแสงสะท้อนคมอาวุธวับวาบ มีคนฉวยโอกาสปาดคอเขาแล้ว น้ำเลือดสีแดงสดสายหนึ่งพุ่งออกมา
ในเมื่อไม่มีใครได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ไป ฝั่งน่านฟ้าระกาติงกลับก็วางใจหายห่วง เริ่มโจมตีโต้ตอบแบบรอบด้าน นายพลบงกชรุ้งหลายร้อยกระจายกันโผเข้ามา ล้อมนายพลฝั่งธงพยัคฆ์น้ำเงินเอาไว้ ล้อมแบบสามสี่คนต่อหนึ่งคน
พอคนถือธงของทัพกลางธงพยัคฆ์น้ำเงินโดนฟันตาย ธงรบกำลังเอนล้มลง ก็มีคนพุ่งเข้ามารับธงเอาไว้ ส่วนมู่อวี่เหลียนที่อยู่ใต้ธงรบก็ยิ่งขื่นขมจนเกินทน นักพรตบงกชรุ้งเกือบห้าสิบคนล้อมโจมตีนางและนักพรตบงกชรุ้งของทัพกลางอีกสิบกว่าคน ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ฆ่านายพลของนางไปหกคนแล้ว คนที่เหลือกำลังพยายามล้อมปกป้องนางสุดชีวิต
“ฆ่า!” ข้างล่างมีเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เหมียวอี้นำขุนศึกสิบคนพุ่งขึ้นมาจากข้างล่าง โจมตีนักพรตบงกชรุ้งหลายสิบคนที่ล้อมโจมตีมู่อวี่เหลียนจนหนีหัวซุกหัวซุน เหลือไว้เพียงศพสามศพ
“นายท่าน! ท่านถอยออกไปก่อน!” มู่อวี่เหลียนที่เลือดท่วมตัวกล่าวอย่างตื้นตันใจ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เหมียวอี้ช่วยชีวิตนางไว้ ก่อนหน้านี้ก็ใช้ลูกธนูดาวตกแก้ไขวิกฤติ และทั้งตัวนางก็เปื้อนปนไปด้วยเลือดเหมือนคลานขึ้นมาจากกองเลือดสด สภาพไม่เป็นผู้ไม่เป็นคนแล้ว
ที่จริงทั้งธงพยัคฆ์น้ำเงินก็มีสภาพเป็นแบบนี้ แต่ละคนราวกับแช่น้ำเลือดมา แทบจะไม่ได้พักหอบหายใจ ฆ่าฟันอย่างบ้าคลั่งตลอดทาง รู้จักแต่ฆ่าฆ่าฆ่า ศัตรูที่ล้อมอยู่รอบข้างก็เหมือนจะฆ่าเท่าไรก็ไม่หมดเสียที ฆ่าคนจนชินชาแล้ว พลังอิทธิฤทธิ์ก็เสียไปเยอะมาก สังหารจนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่พอฆ่าหมดกลุ่มหนึ่งก็มีอีกกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาอีก พวกเขากำลังยืนหยัดเพราะอาศัยปณิธาน ข้างกายมีเพื่อนทหารตายไม่หยุด
เมื่อได้เห็นสภาพแบบนี้กับตาตัวเอง เหมียวอี้ก็รู้ว่าอีกไม่นานคงจะตายกันหมด แต่เขาไม่ยอมแพ้ หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ แล้วจู่ๆ ก็พลิกมือหยิบระฆังดาราอันหนึ่งออกมา แล้วสีหน้าก็ฉายแววดีใจ ตะโกนเสียงดังว่า “พี่น้องยืนหยัดเข้าไว้ ทัพใหญ่หนึ่งแสนของธงพยัคฆ์ดำที่ไปผลัดเวรป้องกันที่สวนบรรณาการมาถึงแล้ว อีกประเดี๋ยวเดียวก็จะมาถึงแล้ว!”
นี่เป็นข่าวดีมากจริงๆ! มู่อวี่เหลียนรีบโบกทวนตะโกนอย่างดีใจ “พี่น้องทั้งหลาย พี่น้องธงพยัคฆ์ดำตามมาแล้ว อีกประเดี๋ยวเดียวก็จะมาถึง ฆ่า!”
ทุกคนของธงพยัคฆ์น้ำเงินได้ยินแล้วดีใจมาก กลุ่มคนที่ฆ่าคนจนตัวชารู้สึกฮึกเหิมกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง กวัดแกว่งดาบทวนในมือถี่เร็วขึ้นแล้วไม่น้อย
ฝั่งน่านฟ้าระกาติงได้ยินแล้วตกใจจนหน้าถอดสี แค่จัดการกับคนหลายหมื่นยังลำบากขนาดนี้ ถ้ามีทัพใหญ่หนึ่งแสนมาอีกจะต้านทานได้อย่างไร มิหนำซ้ำในมืออีกฝ่ายยังมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์จำนวนมากอีกด้วย
ตอนนี้ฝั่งน่านฟ้าระกาติงเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนพวกนี้ถึงสู้ตายไม่ยอมถอย เข้าใจแล้วว่าทำไมหนิวโหย่วเต๋อมีโอกาสแล้วถึงไม่หนีไป ที่แท้กำลังเสริมก็มาแล้วนี่เอง
ฝั่งน่านฟ้าระกาติงก็ตะโกนอย่างเดือดดาลเช่นกันว่า “พี่น้องทั้งหลาย ออกแรงปราบพวกเขาให้เต็มที่ กำลังเสริมหนึ่งล้านของน่านฟ้าระกาติงใกล้จะมาถึงแล้ว”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ฝั่งน่านฟ้าระกาติงก็มีคนไม่น้อยแอบด่าในใจว่าเหลวไหล ยังมีทัพใหญ่หนึ่งล้านตามมาที่นี่ แต่นักพรตบงกชรุ้งของน่านฟ้าระกาติงแทบจะมาถึงที่นี่หมดตั้งแต่รอบแรกเพื่อช่วยฉู่จื่อซานแล้ว เลิกคิดไปได้เลยว่ากำลังหนุนหนึ่งล้านนั่นจะมาถึงภายในหนึ่งชั่วยามนี้ ถ้ารอกำลังหนุนมาถึง เกรงว่าคงโดนกำลังหนุนของอีกฝ่ายกำจัดทิ้งหมดแล้ว ยังจะมาช่วยบ้าอะไรได้อีก
ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือของแต่ละหน่วย เร่งมาเป็นกองหน้าที่นี่ก่อนเพื่อช่วยเหลือให้ทันเวลา กำลังหนุนที่จะตามมาตอนหลังมีสภาพเป็นอย่างไร ทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจ ดังนั้นจึงรู้ว่านี่เป็นเพียงคำพูดเลื่อนลอยเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจทหาร หรือพูดได้อีกอย่างก็คือ คำพูดเพิ่มขวัญกำลังใจนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับพวกเขาเลยสักนิด เพราะพวกเขารู้ความจริงอยู่แล้ว
“สังหารแม่ทัพฝ่ายศัตรู!” เสียงของเหมียวอี้ดังก้องอยู่ในสนาม นำลูกน้องสิบคนพุ่งออกไปอีกครั้ง โผตรงไปยังนักพรตบงกชรุ้งหลายคนที่อยู่ใกล้ที่สุด
นายพลหลายคนที่ได้ยินคำเตือนนี้หันไปเห็นเหมียวอี้โผเข้ามา พวกเขาเลี้ยวหนีทันที ไม่ปะทะซึ่งๆ หน้า เป็นเพราะกลัวความองอาจห้าวหาญของเหมียวอี้ วิชาทวนที่ลึกลับซับซ้อนเหมือนผีเข้าผีออกนั่นก็ยิ่งทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนตัวสั่น ขนาดเหยียนชุนยังต้านทานการโจมตีครั้งเดียวไม่ไหว!
หนีไปได้แล้วก็ช่างเถอะ ยังเหลือคนอื่นอีก เหมียวอี้พาลูกน้องสี่คนโจมตีก่อกวนไปทั่ว โจมตีนายพลของฝ่ายศัตรูโดยเฉพาะ ทั้งยังตะโกนอย่างดุดันเป็นระยะด้วยว่า “พัวพันพวกเขาไว้ อย่าให้พวกเขาหนีไป!” พูดราวกับฝ่ายตัวเองมีความมั่นใจในชัยชนะ
เสียงเพิ่มกำลังใจที่ดังครั้งแล้วครั้งเล่านี้ ทำให้ขวัญกำลังใจของทุกคนในธงพยัคฆ์น้ำเงินเพิ่มขึ้นเยอะมาก แต่กลับทำให้ใจคนฝั่งน่านฟ้าระกาติงหวาดหวั่น ถ้าเสียเวลาแบบนี้ต่อไป กำลังหนุนหนึ่งแสนของฝ่ายศัตรูก็จะมาถึงแล้วนะ!
ไม่มีกำลังใจจะสู้ต่อบวกกับหวาดกลัว ในที่สุดคนฝั่งน่านฟ้าระกาติงก็เริ่มหนีแล้ว สาเหตุหลักเป็นเพราะตัวหลักฝั่งกองทัพองครักษ์กระดูกแข็งเกินไป
สิ่งที่เป็นข้อห้ามที่สุดบนสนามรบก็คือ ทารหนีทัพก่อนต่อสู้ เพราะมันแพร่กระจายเหมือนโรคระบาด พอเกิดขึ้นแล้วก็จัดการไม่ได้!
“สงบไว้! สงบไว้!” นายพลฝั่งน่านฟ้าระกาติงคำรามอย่างกระหืดกระหอบ
ทว่าสิ่งที่นายพลพวกนี้กังวลที่สุดก็ยังเกิดขึ้นอยู่ดี พวกเขาบอกให้คนอื่นสงบ แต่ตอนที่เหมียวอี้นำคนโจมตีมาที่พวกเขา พวกเขากลับหลบแล้วส่งลูกน้องไปตายแทน จะควบคุมขวัญกำลังใจทหารให้สงบได้อย่างไร
ขอเพียงนายพลที่เป็นแกนหลักหนีไปแล้ว พวกลูกน้องก็หนีทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ได้รับผลกระทบแบบนี้ มีคนนำให้ทำแบบนี้แล้ว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนหลังก็จะแก้ไขไม่ได้!
ผ่านไปไม่นาน สถานการณ์ในสนามก็วุ่นวายปั่นป่วน กำลังพลรวมกลุ่มกันหนีออกจากสนามรบ พวกนายพลน่านฟ้าระกาติงโมโหจนกำหมัดแน่น แต่จะให้โบกดาบฆ่าลูกน้องก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็สัมผัสได้ถึงรสชาติ ‘ทัพถูกตีพ่ายเหมือนภูเขาพังทลาย’
“พัวพันพวกเขาเอาไว้ อย่าให้พวกเขาหนี ฆ่า!” เหมียวอี้โบกทวนตะโกนอย่างดุดัน กำลังพลธงพยัคฆ์น้ำเงินที่โดนล้อมโจมตีก่อนหน้านี้โจมตีกลับทันที ไล่ตามแล้วใช้ดาบใช้ทวนฟันแทงอุตลุต คนจำนวนน้อยนิดไล่ตามคนกลุ่มใหญ่จนหนีหัวซุกหัวซุน
กระแสคนหลั่งไหลหลบหนี พวกนายพลที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่กำลังหลบหนีเงยหน้าขึ้นฟ้าพลางทอดถอนใจ นายพลบางคนที่มีพื้นเพมาจากกองทัพองครักษ์ก็ยิ่งยกดาบขึ้นปาดคออย่างละอายใจ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำศึกที่ไม่เอาไหนขนาดนี้มาก่อนเลย ยังมีกำลังพลอีกหลายแสน แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนคนจำนวนเล็กน้อยขับไล่จนหนีอย่างหวาดกลัว แถมฝ่ายตรงข้ามก็อยู่ในสถานการณ์อ่อนแอแท้ๆ จะให้ทนความรู้สึกได้อย่างไร!
“ทหารไร้ความสามารถคนเดียว ถ่วงให้ตายกันทั้งกองทัพ! เหยียนชุน! เจ้าคือคนบาปของน่านฟ้าระกาติง!” มีคนที่ไม่ยอมแพ้ตะโกนอย่างเดือดดาล
“หนี!”
“ถอนกำลัง!”
ทัพถูกตีพ่ายเหมือนภูเขาพังทลาย ในเวลานี้ไม่มีใครจัดการกับขวัญกำลังใจทหารได้ กู้สถานการณ์คืนไม่ได้แล้ว พวกนายพลที่ยังมีชีวิตอยู่จำเป็นต้องออกคำสั่งถอนกำลัง ตัวเองก็รีบถอยหนีออกไปจากตรงนี้เช่นกัน พวกทหารที่กำลังถอยหนี พอได้ยินคำสั่งนี้ก็หนีเร็วยิ่งกว่าเดิม กลัวว่ากำลังหนุนฝ่ายศัตรูจะมาดักไว้
“ไล่ตามไป อย่าให้พวกเขาหนี!” เหมียวอี้นำทัพใหญ่ตะโกนเสียงดังต่อไป พอไล่ตามทหารที่หลบหนีได้ก็ฆ่าทิ้งโดยไม่ปรานีแม้แต่น้อย ไม่ต้องยอมจำนน คนที่ยอมจำนนโดนทวนแทงตายทันที ทุกคนล้วนทำแบบนี้ ทำให้คนที่หนีอยู่ข้างหน้าตกใจจนหนีเร็วกว่าเดิม
มู่อวี่เหลียนที่ตามติดอยู่ข้างกายเหมียวอี้เตือนว่า “นายท่าน อย่าไล่ตามคนที่อับจน! ทัพฝ่ายศัตรูผลัดกันต่อสู้อย่างดุเดือด พี่น้องธงพยัคฆ์น้ำเงินของข้ายืนหยัดมาจนถึงตอนนี้ได้ สูญเสียพลังอิทธิฤทธิ์ไปเยอะแล้ว อ่อนล้าจนจะทนไม่ไหวแล้ว ไม่สู้หยุดพักหน่อยดีกว่า รอกำลังหนุนมารวมตัวเงียบๆ จะได้ไม่เกิดเหตุไม่คาดคิดอีก!”
เหมียวอี้หันขวับ แล้วกัดฟันบอกว่า “เจ้าฟังข้าให้ดีนะ ไม่มีกำลังหนุน! ถ้าถอยตอนนี้จะทำให้พวกเขาสงสัยได้ง่าย ถ้าไม่สังหารพวกเขาให้ทัพพัง ถ้าให้โอกาสพวกเขาจัดทัพขึ้นมาใหม่ พวกเราก็มีแต่จะตายสถานเดียว!”
ไม่มีกำลังหนุนเหรอ? มู่อวี่เหลียนเบิกตากว้างอ้าปากค้างไปครู่หนึ่ง พอจินตนาการว่าทัพศัตรูจะปรับปรุงกำลังใหม่และโจมตีกลับ นางก็ใจสั่นด้วยความกลัวทันที รีบโบกทวนร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนว่า “ไล่ตามไป อย่าให้พวกเขาหนี ไม่เอาทหารที่ยอมจำนน ฆ่าให้หมดไม่ต้องละเว้น!”
ฝั่งธงพยัคฆ์น้ำเงินไล่ตามสุดชีวิตทันที ทหารที่หนีอยู่ข้างหน้าหนีเร็วกว่าเดิม
เหมียวอี้นำนักพรตบงกชรุ้งกลุ่มหนึ่งพุ่งไปอยู่ข้างหน้าสุด พุ่งเข้าไปในกลุ่มคนแล้วเปิดฉากสังหารอย่างบ้าระห่ำ เสียงกรีดร้องดังอย่างต่อเนื่อง คนข้างหน้าตกใจจนรีบหนีอย่างบ้าคลั่ง
คนที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังก็ไม่ยอมเลิก ไล่ฆ่าอย่างบ้าระห่ำตลอดทาง นักพรตบงกชทองจะเร็วกว่านักพรตบงกชรุ้งที่ไล่ตามได้อย่างไร สุดท้ายก็กระจัดกระจายเหมือนผึ้งแตกรัง หนีกระจัดกระจายไปทั่วสารทิศ ตอนนี้ทัพใหญ่หลายแสนที่อยู่ข้างหน้าแทบจะทัพแตกหมดแล้ว หนีกระจายไปยังจุดต่างๆ ของดาราจักร
พวกเหมียวอี้ที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังเหมือนจะไม่รู้ว่าควรจะไล่ตามไปทางไหน ตอนนี้เหมียวอี้ถึงได้โบกทวนสั่งว่า “หยุด!”
“พวกเราชนะแล้ว!”
“ฮะ…”
กำลังพลธงพยัคฆ์น้ำเงินที่เหลืออยู่เงียบไปพักหนึ่ง ไม่รู้ว่าใครตะโกนก่อน แล้วกลุ่มคนก็พลันส่งเสียงร้องดีใจดังต่อเนื่องเป็นระลอก เป็นเสียงดีใจที่มาจากใจจริง มีคนไม่น้อยถึงขั้นร้องไห้ออกมา หลายคนกอดเข่าร้องไห้ ศึกนี้รุนแรงดุเดือดเกินไปแล้ว!
นึกไม่ถึงเลย ทุกคนต่างก็นึกไม่ถึง เดิมทีคิดว่าตัวเองต้องตายแน่นอน แต่ใครจะคิดว่าตัวเองไม่ใช่แค่รอดชีวิตต่อไปได้ ทั้งยังโจมตีทัพใหญ่หนึ่งล้านแตกด้วย!
ไม่น่าเชื่อว่าธงพยัคฆ์น้ำเงินจะโจมตีทัพใหญ่หนึ่งล้านที่แข็งแกร่งของน่านฟ้าระกาติงแล้ว ไม่ใช่ทั้งธงพยัคฆ์น้ำเงิน แต่เป็นกำลังพลครึ่งหนึ่งของธงพยัคฆ์ที่ตีทัพใหญ่ของน่านฟ้าระกาติงจนพ่ายแพ้! มู่อวี่เหลียนมองดูทหารที่หนีตายไปในจุดลึกของดาราจักร ขนาดตัวเองยังทำใจเชื่อได้ยากเลย เมื่อครู่นี้ตัวเองยังคิดอยู่เลยว่าตายแน่ๆ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียวทำให้นางแทบจะไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องจริง
ทว่าเรื่องจริงก็แสดงให้เห็นตรงหน้าแล้ว! ในใจเข้าใจแจ่มแจ้ง ถึงขั้นตื้นตันใจเล็กน้อยด้วย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่ให้ธงพยัคฆ์น้ำเงินด้ามที่อยู่ในมือตัวเองมีชื่อเสียงสะท้านใต้หล้าก็คงยากแล้ว และผู้บัญชาการใหญ่ธงพยัคฆ์น้ำเงินอย่างนางก็คงจะโด่งดังเช่นกัน!
…………………………