เมื่อได้ยินเสียงนี้ พวกเย่อี้ก็สั่นไปทั้งตัวและหัวใจ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน หวาดกลัวจนตับสั่นอย่างแท้จริง ต่างก็ฟังออกถึงความเดือดดาลในเสียงของใครบางคน
“หนิวโหย่วเต๋อ…” ผู้ที่รับหน้าที่สอบสวนพึมพำ บนหน้าผากมีเหงื่อกาฬไหลซึมในชั่วพริบตาเดียว มองไปที่อวิ๋นจือชิวด้วยแววตาสิ้นหวังเล็กน้อย
เย่อี้กลืนน้ำลายด้วยความคอแห้ง รู้สึกปากคอขื่นขม ขณะที่มองอวิ๋นจือชิว เดิมทีเขาเตรียมตัวไว้ว่าถ้าเจรจาไม่ลงตัวก็จะหนีทันที นึกไม่ถึงว่าจะสายไปแล้ว เจ้าบ้านั่นพาคนมาถึงตลาดสวรรค์แล้วจริงๆ!
ก่อนจะเกิดเรื่องเขายังหาข้ออ้างหนีไปได้สะดวกหน่อย แต่พอเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ในฐานะที่เขาเป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ จะให้ทิ้งตลาดสวรรค์เอาไว้โดยไม่สนงั้นเหรอ?
ในใจเขาแอบสาบานเลย ว่าถ้าวันนี้สามารถผ่านเคราะห์นี้ไปได้ ในภายหลังถ้าเจอผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งโสดทั้งร่ำรวย เขาก็จะไม่แตะต้องเด็ดขาด ไม่ใช่ว่ามีเรื่องกับผู้หญิงประเภทนี้ไม่ไหว แต่เป็นเพราะใครจะไปรู้ว่าเบื้องหลังคนที่นอนกับผู้หญิงคนนี้เป็นใคร นั่นต่างหากคือคนที่มีเรื่องด้วยไม่ไหวจริงๆ
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ขนาดอวิ๋นจือชิวยังตกใจมาก สีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน ในใจแอบด่าอย่างบ้าคลั่ง ว่าเจ้าเวรนั่นมันคิดจะทำอะไรกันแน่ ถ้าข้าไม่มีความสามารถจะปกป้องตัวเองเลยสักนิด แล้วจะเข้ามาในนี้ได้เหรอ?
นางไม่กลัวเลยว่าเข้ามาในนี้แล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานของนางก็ไม่ได้อ่อนด้อย ถ้าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลแล้วต่อสู้กันขึ้นมา นางก็กล้ารับประกันได้เลยว่าในตำหนักคุ้มเมืองนี้ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้นาง ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายนางยังมียอดฝีมือระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพคอยปกป้องด้วย!
ก่อนหน้านี้นางได้ข่าวมาจากข้างนอกแล้ว รู้ว่าเหมียวอี้ทำศึกใหญ่กับน่านฟ้าระกาติงอีกแล้ว และได้รับข้อความถามเรื่องตำหนักคุ้มเมืองจากเหมียวอี้เช่นกัน นางรับประกันกับเหมียวอี้แล้วว่าจะไม่เกิดเรื่องขึ้นแน่นอน บอกเหมียวอี้ว่าอย่าทำซี้ซั้ว แต่ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะยังมาอีก!
นางไม่รู้จริงๆ ว่าคนนิสัยเจ้าอารมณ์อย่างเหมียวอี้จะทำเรื่องบ้าบิ่นอะไรอีก เรื่องที่ก่อไว้ก่อนหน้านี้นางยังไม่ได้ชำระกับเหมียวอี้เลย ตอนนี้จะเอาอีกแล้วเหรอ!
แต่เวลาเหมียวอี้เป็นบ้าขึ้นมา นางก็เกลี้ยกล่อมไม่ไหวเลย โดยเฉพาะในครั้งนี้ เหมียวอี้ไม่ได้เชื่อฟังนางเลยสักนิด ทั้งยังบอกนางอีกว่าไม่ต้องยุ่งอะไรทั้งนั้น
แต่นางก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ว่าจะปล่อยให้เหมียวอี้ทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคงมีสักวันที่เหมียวอี้จะมีอันตรายถึงชีวิต กลับไปต่อให้ต้องทะเลาะตบตีกับเหมียวอี้ ต่อให้ต้องโวยวายใส่อารมณ์กับเหมียวอี้ แต่นางก็จะไม่ส่งเสริมให้ท้ายแน่นอน
“เถ้าแก่เนี้ย ตอนนี้ท่านยังไม่ยอมช่วยพูดถึงข้าในทางที่ดีอีกเหรอ ? ท่านแม่ทัพภาคหนิวนำคนโจมตีเข้ามาแล้วนะ!” เย่อี้กุมหมัดขอร้องด้วยสีหน้าขมขื่น กลัวจนแทบจะร้องไห้แล้ว
อวิ๋นจือชิวไม่อยากจะเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเหมียวอี้เลย กลัวว่าจะกลายเป็นภาระถ่วงเหมียวอี้ แต่เหมียวอี้ก่อเรื่องขนาดนี้แล้ว ยังจะปิดบังต่อไปได้อีกเหรอ? นางเองก็สับสนเหมือนกัน
ในขณะนี้เอง ด้านนอกตำหนักคุ้มเมืองก็มีเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ราวกับส่งผลกระทบในวงกว้างด้วย
“หนิวโหย่วเต๋อนำคนโจมตีเข้ามาแล้วเหรอ? อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้ปิดประตูเมือง?” เย่อี้ตกใจ แล้วตะโกนว่า “ออกไปดูว่ามีเรื่องอะไรกันแน่?”
คนที่อยู่ข้างกายเขายังไม่ทันออกไป ข้างนอกก็มีคนวิ่งเข้ามาแล้ว กุมหมัดคารวะรายงานอย่างร้อนใจว่า “ผู้บัญชาการใหญ่ หนิวโหย่วเต๋อนำกำลังพลหนึ่งหมื่นมาถึงประตูเมืองตะวันออกแล้ว เขาสั่งให้เปิดประตูเมือง! พอกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดสวรรค์ได้ยินว่าหนิวโหย่วเต๋อมาแล้ว ก็ทยอยกันปิดร้านไล่ลูกค้าแล้วซ่อนตัว ตอนนี้ตลาดสวรรค์วุ่นวายไปหมดแล้วขอรับ!”
“เถ้าแก่เนี้ย!” เย่อี้กุมหมัดคารวะ คนที่อยู่ทางซ้ายและขวาก็กุมหมัดขอร้องเช่นกัน
แต่จนใจที่ไม่ว่าฝั่งนี้จะขอร้องขนาดไหน แต่อวิ๋นจือชิวก็ยังไม่ยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเหมียวอี้ง่ายๆ
ผ่านไปไม่นานนัก รองผู้บัญชาการใหญ่ฟางลี่เหิงก็วิ่งเข้ามาอย่างลุกลี้ลุกลน ไม่สนใจมารยาทระหว่างเจ้านายลูกน้องแล้ว พอเห็นอวิ๋นจือชิวก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบรายงานทันทีว่า “ผู้บัญชาการใหญ่ หนิวโหย่วเต๋อปักธูปครึ่งก้านลงพื้นอยู่นอกเมืองแล้ว เขาให้เวลาแค่ธูปครึ่งก้าน ถ้ายังไม่เปิดประตูเมืองให้พวกเขาเข้ามา เขาก็จะ…”
“เจ้ารีบบอกมาสิ นี่มันเวลาไหนแล้ว เขาจะทำอะไร?” เย่อี้ถามอย่างหวาดระแวงกลัว
ฟางลี่เหิงกระทืบเท้าตอบ “เขาบอกว่าหลังจากธูปครึ่งก้านหมด ถ้าประตูเมืองยังไม่เปิด เขาจะล้างเลือดทั้งเมืองแน่นอน!”
ล้างเลือดทั้งเมือง? แบบนี้หมายความว่าจะฆ่าให้หมด จะไม่เหลือไว้แม้กระทั่งสุนัขหรือไก่ไง! แต่ละคนรวมทั้งอวิ๋นจือชิวสูดหายใจอย่างตกตะลึงพร้อมกัน เคยเห็นคนบ้ามาก่อน แต่ไม่เคยเห็นคนบ้าขนาดนี้!
ประเด็นสำคัญก็คือ ไม่มีใครคิดว่าเหมียวอี้แค่มาขู่เฉยๆ แต่เจ้าบ้านั่นมันทำแบบนี้แน่นอน!
ขนาดอวิ๋นจือชิวยังแน่ใจเลยว่าเหมียวอี้จะทำอย่างนี้จริงๆ ตอนนางอยู่ที่ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวนก็เคเห็นมากับตาแล้วว่าเหมียวอี้สังหารจนหัวคนกลิ้งเกลื่อน เลือดนองกลายเป็นแม่น้ำ
“ล้างเลือดทั้งเมือง?” เย่อี้ตกใจจนถอยหลังก้าวหนึ่ง “เขาพูดแบบนี้จริงเหรอ?”
ฟางลี่เหิงออกแรงพยักหน้า “ต่อหน้าฝูงชน เขาประกาศเลย พวกพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ข้างประตูเมืองตะวันออกตกใจจนไม่กล้าอยู่ต่อแล้ว นายท่าน รีบติดต่อเบื้องบนเถอะ ให้ทางกองทัพองครักษ์ห้ามเขา!”
ถึงแม้เย่อี้จะติดต่อไปแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังรีบหยิบระฆังดาราขึ้นมาติดต่ออีกครั้งด้วยความหวัง
อวิ๋นจือชิวได้แต่ก้มหน้ากัดริมฝีปากอยู่อย่างนั้น
ในดาราจักรที่กว้างใหญ่ไพศาล ทูตตรวจการขวาเกาก้วนนำคนกลุ่มหนึ่งเร่งเหาะเดินทาง ท่านโหวเซวียนหยวนนำคนกลุ่มหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย ในบรรดาสมาชิกที่ติดตามยังมีหัวหน้าภาคอวี่จ้งเจินแห่งทัพเป่ยโต้วและพวกลูกน้อง
อวี่จ้งเจินมารวมตัวกับพวกเขากลางทาง เกาก้วนได้รับคำสั่งให้มาสืบคดีที่น่านฟ้าระกาติง ทว่าอำนาจพิเศษของเกาก้วนมีขีดจำกัดที่กองทัพองครักษ์ เขาไม่มีอำนาจไปสืบสวนคนในกองทัพสายตรงของราชันสวรรค์ได้ จำเป็นต้องให้กองทัพองครักษ์ให้ความร่วมมือ และเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ กองทัพองครักษ์ก็ไม่มีทางนิ่งดูดายได้ จะต้องเข้าร่วมสืบสวนด้วย
ตอนนี้ในใจอวี่จ้งเจินอยากจะด่าแม่แล้ว ตอนที่ได้รับรายงานมาจากเบื้องบน เขาถึงได้รู้ว่าคดีใหญ่ในครั้งนี้ยังมีผู้หญิงเกี่ยวข้องด้วยคนหนึ่ง มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นหญิงชู้ของหนิวโหย่วเต๋อ ตอนนี้เขาถึงได้เข้าใจกระจ่าง ว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าหนิวโหย่วเต๋อตะวางกับดักล่อให้ฉู่จื่อซานวิ่งเข้าไป สารเลว! ไม่น่าเชื่อว่าจะก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้เพราะผู้หญิงคนเดียว!
ทว่าท่าทีของกองทัพองครักษ์ก็ซับซ้อนไปหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเล่นพรรคเล่นพวก ตามหลักการแล้วควรจะให้ผู้บังคับบัญชาสายตรงของเหมียวอี้หลบไปสิ แต่กองทัพองครักษ์ดันส่งอวี่จ้งเจินมาเข้าร่วมการสืบคดีนี้ อวี่จ้งเจินไม่ได้โง่ ย่อมเข้าใจอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เขากังวลก็คือ เขาดันสั่งให้หนิวโหย่วเต๋อนำคนไปที่ตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวน แล้วผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ที่นั่นด้วย หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องนะ
ใครจะคิดละว่าสิ่งที่กลัวมักจะมาเยือน ขณะที่กำลังเร่งเหาะด้วยความเร็ว ก็มีเบื้องบนส่งข่าวมาหา บอกอย่างร้อนรนว่าผู้หญิงคนนั้นตกอยู่ในมือตำหนักคุ้มเมืองแล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าหนิวโหย่วเต๋อจะไปก่อเรื่องที่ตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวน!
ดังนั้นที่ตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนในตอนนี้ เหมียวอี้จึงหยิบระฆังดาราออกมาอันหนึ่ง หัวหน้าภาคอวี่จ้งเจินของทัพเป่ยโต้วส่งข่าวมาแล้ว ถามว่า : หนิวโหย่วเต๋อ เจ้าอยู่ที่ไหน?
เหมียวอี้ตอบว่า : มาถึงนอกเมืองตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนแล้ว ทหารยามตลาดสวรรค์ปฏิเสธไม่ให้พวกเขาเข้าเมือง
อวี่จ้งเจิน : ห้ามเข้าเมืองเด็ดขาด ตั้งค่ายที่นอกเมือง!
เหมียวอี้ตอบว่า : กำลังพลของข้าบาดเจ็บสาหัส มีพี่น้องจำนวนมากที่ชีวิตตกอยู่ในอันตราย จะรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือในเมือง นายท่านอยากจะให้ข้าน้อยทิ้งลูกน้องที่เพิ่งรอดชีวิตจากการเข่นฆ่าเหรอ? ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ข้าน้อยก็จะฟังคำสั่ง แต่ถ้าวันนี้เข้าเมืองไม่ได้ ข้าน้อยก็ไม่มีทางให้คำอธิบายกับพวกพี่น้องได้เลย ข้าน้อยก็ขอลาออกจากหน่วยองครักษ์ซ้าย!
ฉิบหายแล้ว! พูดจริงหรือพูดเล่น? อวี่จ้งเจินลำบากใจ ถ้าปล่อยให้ข่าวที่เขาไม่สนใจความเป็นความตายของลูกน้องแพร่ออกไป…เขารีบสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาติดต่อสายลับที่เป็นลูกน้องของเหมียวอี้ เพื่อยืนยันว่ามีพี่น้องจำนวนมากที่ชีวิตตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า
ตอนที่เหมียวอี้รอคำตอบจากอวี่จ้งเจิน ก็หันหน้าช้าๆ กลับมา เห็นในกลุ่มคนข้างหลังมีลูกน้องคนหนึ่งหยิบระฆังดาราออกมา
คนคนนั้นก็เห็นเขาเช่นกัน เหมียวอี้จึงแอบถ่ายทอดเสียงบอกอะไรบางอย่างไป
ไม่ผิดหรอก คนคนนั้นคือสายลับที่เบื้องบนส่งมาไว้ข้างล่าง หลังจากได้ยินคำสั่งของเหมียวอี้แล้ว คนคนนั้นก็พยักหน้าเงียบๆ แล้วบอกตามที่เหมียวอี้สั่งอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ดังนั้นแค่คิดก็รู้แล้วว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร
หนึ่งคนตอบแบบนี้ อีกสองคนสามคนก็ตอบแบบนี้เหมือนกันหมด
สิ่งที่เรียกว่า ‘ไม่รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างนอก’ คืออะไรล่ะ? นี่ไงที่เรียกว่า ‘ไม่รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างนอก’!
อวี่จ้งเจินที่ได้รับคำตอบปวดประสาททันที เตือนเหมียวอี้ว่า : เดี๋ยวข้าจะติดต่อกับทางตลาดสวรรค์ให้ปล่อยพวกเจ้าเข้าไป แต่ข้าจะขอเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ ว่าห้ามก่อเรื่องที่ตลาดสวรรค์ ทูตตรวจการขวาเกาก้วน ท่านโหวเซวียนหยวนรวมทั้งหน่วยงานของข้ากำลังรีบนำคนไปสอบสวนและลงโทษคดีนี้แล้ว ถ้าเจ้ากล้าก่อเรื่องอีก ไม่ว่าใครก็ปกป้องเจ้าไม่ได้ทั้งนั้น เกาก้วนเป็นใครเจ้าก็รู้ดี!
เหมียวอี้ตอบว่า : ถ้าข้าน้อยจะก่อเรื่องจริงๆ คงนำคนสังหารเข้าไปแล้ว มีหรือที่จะรออยู่นอกเมืองแล้วติดต่อกับคนของตลาดสวรรค์นานขนาดนี้? พวกพี่น้องเพิ่งจะเก็บชีวิตกลับมาจากความตาย จากจะเข้าเมืองไปยื้อชีวิตเท่านั้นเอง แต่กลับโดนคนอุดประตูเมืองไม่ยอมให้เข้าไป พวกพี่น้องเดือดดาลตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะข้าน้อยควบคุมไว้ พวกเขาคงโจมตีเมืองเข้าไปตั้งนานแล้ว!
อวี่จ้งเจิน : อย่านึกว่าข้าไม่รู้เรื่องของเจ้ากับผู้หญิงคนนั้นนะ ข้าให้ความสำคัญเจ้ามาตลอด ถึงได้ปิดตาข้างหนึ่งเปิดตาข้างหนึ่ง อย่าทำให้ข้าลำบากใจ เดี๋ยวข้าจะหาทางปกป้องเจ้าเอง! เอาเป็นว่าอย่าก่อเรื่องแล้วกัน ไม่อย่างนั้นข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!
หลังจากติดต่อกันเสร็จแล้ว เหมียวอี้ก็เก็บระฆังดาราเงียบๆ
แต่อวี่จ้งเจินก็ไม่ใช่ไก่อ่อน เหลือแผนสำรองเอาไว้ป้องกันเช่นกัน มู่อวี่เหลียนได้รับคำสั่งจากอวี่จ้งเจินในทันที ว่าถ้าหนิวโหย่วเต๋อก่อเรื่องเมื่อไร ก็ให้ประกาศคำสั่งของอวี่จ้งเจินทันที ให้อำนาจในการบัญชาการกองมังกรดำกับนาง ให้ควบคุมกองทัพไม่ให้ก่อเรื่อง ถ้าถึงเวลาจำเป็นก็ให้จัดการหนิวโหย่วเต๋อได้เลย!
ใครจะคิดว่ามู่อวี่เหลียนจะหันกลับมาแล้วเดินมาข้างกายเหมียวอี้ ถ่ายทอดคำสั่งลับของอวี่จ้งเจินให้ฟัง
เหมียวอี้พยักหน้าเบาๆ บอกใบ้ว่ารู้แล้ว จากนั้นเหล่ตามองก้านธูปที่ปักบนดิน ตอนนี้เผาไหม้ไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
ตอนนี้กองทัพนี้ฟังคำสั่งเขาคนเดียวเท่านั้น ใครก็ขัดขวางเจตจำนงในการเข้าเมืองของเขาไม่ได้!
ในตำหนักคุ้มเมือง ไม่นานเย่อี้ก็ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนแล้ว บอกให้รู้ถึงท่าทีของกองทัพองครักษ์ ฝ่ายกองทัพองครักษ์บอกว่าชีวิตของพวกลูกน้องกำลังตกอยู่ในอันตราย ต้องเข้าเมืองไปยื้อชีวิตอย่างเร่งด่วน กองทัพองครักษ์รับรองว่าลูกน้องจะไม่ก่อเรื่องที่ตลาดสวรรค์
เย่อี้ร้อนรนแล้ว ถามว่า : หนิวโหย่วเต๋อเป็นคนนำทัพ มีเรื่องอะไรบ้างที่เจ้าบ้านั่นทำไม่ได้ จะรับประกันได้ยังไง?
แม่ทัพภาคตอบว่า : จะปล่อยเข้าเมืองหรือไม่ปล่อยเข้าเมือง เจ้าก็ดูสถานการณ์แล้วตัดสินใจเอาเองแลวกัน!
เย่อี้เหม่อไปเลย ตอนนี้เข้าใจแล้ว ในเมื่อเบื้องบนได้รับการยืนยันจากกองทัพองครักษ์แล้ว ต่อให้ที่ตลาดสวรรค์จะเกิดเรื่องขึ้น แต่เบื้องบนก็ไม่ต้องรับผิดชอบอยู่ดี แต่จะว่าไปแล้ว ตอนนี้เบื้องบนก็หมดหนทางเช่นกัน อยู่ไกลขนาดนี้จึงดูแลไม่ไหว ถ้าหนิวโหย่วเต๋อจะทำซี้ซั้วจริงๆ เบื้องบนก็ควบคุมไม่ได้ เรื่องที่เย่อี้ก่อขึ้น เย่อี้ก็มีแต่ต้องแบกรับไว้เอง
หลังจากเก็บระฆังดารา เย่อี้ก็หันตัวไปมองอวิ๋นจือชิว แล้วกล่าวอย่างเศร้าใจ “เถ้าแก่เนี้ย ท่านอาจจะไม่แยแสความเป็นความตายของข้า แต่ท่านจะไม่แยแสความเป็นความตายของหนิวโหย่วเต๋อเชียวเหรอ? ท่านเคยคิดรึเปล่าว่าถ้าหนิวโหย่วเต๋อล้างเลือดทั้งเมือง ผลที่ตามมาจะเป็นยังไง?”
ขอร้องไปนานขนาดนี้ ในที่สุดก็พูดตรงจุดเสียที อวิ๋นจือชิวกัดริมฝีปากแน่น แล้วสุดท้ายก็ยอมบอกว่า “ข้ากับแม่ทัพภาคหนิวรู้จักกันผิวเผินจริงๆ แต่ข้าจะลองดูก็ได้ ส่วนเขาจะเชื่อฟังข้าหรือเปล่า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะ”
เย่อี้ดีใจมาก ถ้าหนิวโหย่วเต๋อสามารถทำตัวบ้าบิ่นขนาดนี้เพราะนางได้ มีหรือที่จะไม่เชื่อฟังนาง ขอเพียงนางยอมเอ่ยปาก เรื่องนี้ก็จัดการสะดวกแล้ว เขาจึงกุมหมัดคารวะขอบคุณซ้ำๆ แล้วรีบยื่นมือเชิญ “ใกล้จะหมดเวลาธูปครึ่งก้านแล้ว เถ้าแก่เนี้ย ได้โปรดเร่งมือ!”
…………………………