โค่วเหวินหลานตอบตามคำสั่งทันที : น้องหนิว ตอนนี้อย่าเพิ่งเปิดเผยเรื่องบุตรสาวบุญธรรม รอให้เจ้าผ่านการสืบสวนจากสามหน่วยงานก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เหมียวอี้เกิดความสงสัย : ถ้าตอนนี้ยังไม่เปิดเผย ข้ากลัวว่าจะเกิดอันตายกับอวิ๋นจือชิว
โค่วเหวินหลาน : ถ้าเปิดเผยตอนนี้ ก็จะปกป้องความปลอดภัยของอวิ๋นจือชิวไม่ได้ และเจ้าก็จะเกิดปัญหายุ่งยาก ถ้าให้อีกสามบ้านรู้ว่าหมดหวังที่จะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับเจ้าแล้ว จะต้องฉวยโอกาสได้ทีขี่แพะไล่แน่นอน โดยเฉพาะฝั่งอ๋องสวรรค์ก่วง นี่คืออาณาเขตของเขา เขาคือหนึ่งในสามฝ่ายที่สืบคดีนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะลอบกัดอะไรหรือเปล่า ระวังตัวไว้หน่อยจะดีกว่า รอให้สืบคดีของเจ้าเสร็จแล้ว แล้วถึงตอนนั้นจะประกาศก็ยังไม่สาย
เขาแทบจะพูดประมาณว่า ถ้าไม่ได้เจ้า ก็จะไม่ยอมให้เจ้าตกอยู่ในมือคนอื่นเช่นกัน จะทำลายเจ้าทิ้ง
เหมียวอี้ยังถามเหมือนเดิม : แล้วอวิ๋นจือชิวจะทำยังไงล่ะ?
โค่วเหวินหลาน : เจตนาของพ่อบ้านก็คือถ่วงเวลาพวกเขาไว้ก่อน ให้พวกเขายังมีความหวังสักนิดหน่อย เจ้าทั้งไม่ตอบตกลงพวกเขา และก็ไม่ปฏิเสธพวกเขาด้วย กำลังพลของสามหน่วยงานที่จะมาสืบคดีกำลังจะมาถึงแล้ว ถ่วงเวลาให้คนที่สืบคดีมาก่อน พอเกาก้วนมาถึง พวกเขาก็จะไม่กล้าเกาะแกะกับเจ้าอีต่อไปแล้ว ต้องรอให้เรื่องนี้จบก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตราบใดที่สามบ้านนั้นเห็นว่ายังมีความหวัง ก็จะไม่ได้ทีขี่แพะไล่เจ้าในตอนนี้หรอก และจะไม่ทำอะไรอวิ๋นจือชิวเช่นกัน ไม่อย่างนั้นการทำให้เจ้าไม่พอใจก็จะเป็นการทำลายเรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ให้พังด้วย ทำให้พวกเขาสงบให้ได้ก่อน ถึงจะช่วยให้เจ้าผ่านด่านเคราะห์นี้ไปอย่างราบรื่น
ถึงแม้เหมียวอี้จะมีความมั่นใจว่าจะผ่านเคราะห์นี้ไปได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องยอมรับว่าที่อีกฝ่ายพูดนั้นมีเหตุผล เพราะทวนในที่แจ้งหลบหลีกง่าย แต่เกาทัณฑ์ในที่ลับระวังยาก จะมีคนมาทำให้เรื่องเสียหรือเปล่าก็ยังพูดได้ไม่ชัดเจนเลย เพียงแต่เขายังอดไม่ได้ที่จะกังวล ถามไปว่า :ถ้าข้าทำแบบนี้ แล้วต่อไปเรื่องนี้ไม่สำเร็จสมใจพวกเขา จะไม่เป็นการปั่นหัวพวกเขาเล่นเหรอ จะไม่ล่วงเกินให้พวกเขาแค้นกว่าเดิมหรอกหรือ?
คำพูดเหล่านี้ไม่เคยได้ยินถังเฮ่อเหนียนพูดมาก่อน โค่วเหวินหลานเงยหน้าถ่ายทอดความคิดของเหมียวอี้
ถังเฮ่อเหนียนค่อยๆ ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบคำหนึ่ง แล้วบอกว่า “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล ขอเพียงเขาผ่านเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ เรื่องราวในตอนหลัง ตระกูลโค่วจะออกหน้าจัดการให้เรียบร้อยเอง ในเมื่อต่อไปจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว ตระกูลโค่วย่อมต้องปกป้องเขา ให้ผลประโยชน์เล็กน้อยกับอีกสามบ้าน ก็ดีกว่าให้อีกสามบ้านไม่ได้อะไรเลย สรุปก็คือเขาไม่ต้องกังวลสิ่งนี้ จะมีคนช่วยจัดการให้เขาอย่างเหมาะสม”
โค่วเหวินหลานถ่ายทอดความคิดนี้ให้เหมียวอี้รู้ทันที
ทว่าเหมียวอี้ยังคงลังเล : จะตบตาอีกสามบ้านได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเชียวหรือ ถ้าข้าไม่ยอมรับปาก แล้วพวกเขาไม่เห็นกระต่าย ไม่ปล่อยเหยี่ยวขึ้นมาจะทำยังไง?
โค่วเหวินหลานบอกต่อถังเฮ่อเหนียนอีกครั้ง
ถังเฮ่อเหนียนได้ยินแล้วยิ้มเรียบๆ “เรื่องบางเรื่องเขาสัมผัสไม่ถึง ความรู้สึกแบบนี้ก็พอจะเข้าใจได้ เอาคำพูดของข้าไปอธิบายให้เขาฟังนะ บอกเขาว่า ในบรรดาสามคนที่สืบคดี ในจำนวนนั้นมีหัวหน้าภาคอวี่จ้งเจิน หน่วยองครักษ์เจิ้นอี่ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสายตรงของเขา แล้วก็ท่านโหวเซวียนหยวนจัว สองคนนี้ล้วนเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรงของเหยื่อทั้งสองฝ่าย อย่าลืมนะว่าเซวียนหยวนจัวไม่ได้เป็นแค่หนึ่งในเจ็ดสิบสองโหวเท่านั้น ทั้งยังเป็นคนที่มาจากหน่วยองครักษ์ขวาด้วย หน่วยองครักษ์ซ้ายขวาล้วนเป็นคนของฝ่าบาท มีเกาก้วนมาอีกคน นั่นก็เป็นคนของฝ่าบาทเช่นกัน ตามหลักการแล้วอวี่จ้งเจินกับเซวียนหยวนจัวจะต้องหลบเลี่ยงการสืบคดีนี้ แต่เบื้องบนดันส่งสองคนนี้แล้ว เจตนาของ่าบาทนั้นชัดเจนมาก ช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดของหนิวโหย่วเต๋อ ก็คือตอนที่ฝ่าบาทเดือดดาลจนอาจจะฆ่าเขาทิ้งเสียเลยหรือไม่ก็ได้ ในเมื่อเขาผ่านด่านนั้นมาแล้ว ก็แสดงว่าฝ่าบาทจะไม่ผลักความรับผิดชอบไปที่กองทัพองครักษ์ การปกป้องหนิวโหย่วเต๋อไม่ใช่สาเหตุสำคัญ แต่ทำเพื่อปกป้องกองทัพองครักษ์ เพราะสิ่งที่อยู่ในนั้นเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของคนระดับบน เขาไม่จำเป็นต้องคิดมากเกินไป แค่ต้องเข้าใจจุดนี้ก็พอ ฝ่าบาทยืนกรานจะปกป้องเขา ถึงได้ส่งสามคนนี้มาสืบคดี ทั้งนั้นต่อให้อีกสามอ๋องอยากจะไม่เห็นกระต่าย ไม่ปล่อยเหยี่ยว แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี ฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยให้คดีนี้ยืดเยื้อและมีผลกระทบมากเกินไป จะต้องพยายามปิดคดีนี้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นหนิวโหย่วเต๋อจึงไม่ต้องคิดมาก!”
ที่แท้ก็มีเบื้องหลังที่ลึกลงไปอีกขั้นนี่เอง โค่วเหวินหลานพึมพำในใจ แล้วอธิบายสิ่งนี้ให้เหมียวอี้ฟังต่อทันที
เมื่อได้ยินอะไรแบบนี้ เหมียวอี้ก็หายกังวลแล้ว สิ่งนี้ไม่ต่างกับที่หยางชิ่งบอกสักเท่าไร ถึงแม้หยางชิ่งจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่หยางชิ่งก็ชี้ชัดเช่นกันว่าตราบใดที่เหมียวอี้ได้เปรียบด้านเหตุผล ราชันสวรรค์ก็จะไม่ผลักความรับผิดชอบไปให้กองทัพองครักษ์ จะปกป้องเหมียวอี้ ดังนั้นจึงไม่ต้องคิดหนี เพราะเหตุนี้ถึงได้ให้วางกับดักไว้ก่อนจะเกิดเรื่อง ที่ใช้ความพยายามไปอย่างยากลำบากก็เพื่อให้ได้เปรียบเรื่องเหตุผล
สาเหตุที่หยางชิ่งวางกับดักไว้แบบนี้ ก็ต้องขอบคุณที่ได้อยู่อุทยานหลวงมาหลายปี ทำให้ได้ยินข่าวเรื่องตำหนักสวรรค์มาบ้าง สี่อ๋องสวรรค์รู้สึกว่ากองทัพองครักษ์รักษากำลังพลหนึ่งส่วนไว้ที่วังสวรรค์ก็พอแล้ว ถ้าเป็นกำลังพลที่เพ่นพ่านไปทั่วจะนับว่ายังเป็นกองทัพองครักษ์อยู่อีกเหรอ?ในปีนั้นก่อนที่ตำหนักสวรรค์จะสร้างขึ้นมา ประมุขชิงก็ให้ผลประโยชน์กับเบื้องล่างมาไม่น้อย จะได้ให้เบื้องล่างอุทิศตนทำงานให้ได้สะดวก ทั้งยังตอบตกลงว่าหลังจากจบเรื่องแล้ว จะมอบกำลังพลที่อยู่ข้างนอกทั่วทุกหนแห่งให้อยู่ใต้บังคับบัญชาของสี่อ๋องสวรรค์ เพียงแต่หลังจากครองใต้หล้าแล้ว ประมุขชิงก็บิดพลิ้วสัญญา ไม่ยอมปล่อยกำลังพลที่อยู่ในมือเสียที สี่อ๋องสวรรค์เองก็ทำอะไรประมุขชิงไม่ได้ กลับมีเสียงเรียกร้องให้รวมกับกองทัพองครักษ์มาตลอด ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ประมุขชิงไม่มีทางยอมให้สี่อ๋องสวรรค์มีข้ออ้างในการชวนทะเลาะแน่ จะต้องปกป้องกองทัพองครักษ์แน่นอน
แน่นอน ถ้าเหมียวอี้ทำเรื่องนี้โดยไม่มีเหตุผลเลยสักนิด ก็จะโดนสี่อ๋องสวรรค์จับจุดอ่อนอย่างเต็มที่ แบบนั้นประมุขชิงก็จะปกป้องเขาไม่ได้อยู่ดี มีแต่จะผลักเหมียวอี้ออกมาเป็นแพะรับบาป ความรับผิดชอบทั้งหมดจะถูกผลักไปที่เหมียวอี้ ทำแบบนี้เพื่อให้คำอธิบายกับเบื้องล่าง
หลังจากติดต่อกับเหมียวอี้เสร็จแล้ว โค่วเหวินหลานก็มองถังเฮ่อเหนียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความนับถือ อาศัยแค่ข่าวสารข้อมูลเล็กน้อยก็คาดการณ์ทุกการกระทำของหนิวโหย่วเต๋อได้อย่างแม่นยำแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของถังเฮ่อเหนียน ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านปู่ถึงต้องให้ถังเฮ่อเหนียนออกหน้ามาควบคุมเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
เขาไม่รู้ว่าเมื่อไรตัวเองถึงกลายเป็นแบบพ่อบ้านท่านนี้ได้ นั่งสงบอยู่ในกระท่อม เพียงอยู่เงียบๆ ก็สามารถวางกลยุทธ์เรื่องราวที่อยู่ข้างนอกได้แล้ว
โค่วเหวินหลานฉวยโอกาสนี้ประจงสอพลอนิดหน่อย “ท่านปู่ถังคุมสถานการณ์อยู่ที่นี่ ครั้งนี้ตระกูลโค่วของพวกเราคงจะมีโอกาสชนะแล้ว!”
ถังเฮ่อเหนียนขยี้ตัวหมากพลางส่ายหน้า “นายน้อยดีใจเร็วเกินไปแล้ว ก่อนที่เรื่องราวจะสำเร็จ สุดท้ายจะเกิดสถานการณ์อะไรบ้างก็ยังบอกได้ไม่ชัด สามอ๋องนั่นก็ไม่ใช่ไก่อ่อนเหมือนกัน ทั้งยังมีตระกูลเซี่ยโห้วอีก ฝ่ายนั้นมีหูมีตาอยู่ทั่วหล้า ถ้ามีจิ้งจอกเฒ่านั่นอยู่ ก็ต้องเตรียมป้องกันไว้ทุกเมื่อว่าจะมีคนมาป่วนให้แผนเสีย ทั้งยังมีฝั่งวังสวรรค์ ใต้หล้านี้ล้วนเป็นเวทีหลักของเขา ไม่ว่าใครเล่นกับเขาก็เสียเปรียบทั้งนั้น ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าคนของสี่อ๋องมาที่นี่แล้ว ถ้าตอนนี้ยังไม่รู้ว่าสี่อ๋องกำลังคิดจะทำอะไร ก็แสดงว่าท่านนั้นคงคุมใต้หล้าได้อีกไม่นานแล้ว ดังนั้น ละครเด็ดเพิ่งเริ่มขึ้น บทสรุปจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอดูตอนสุดท้ายถึงจะรู้ อย่าประมาทเพราะคิดไปว่าฝ่ายตัวเองมีโอกาสชนะเด็ดขาด”
“ตอนหลังยังจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นอีกหรือขอรับ?” โค่วเหวินหลานถามหยั่งเชิง
“ตาท่านแล้วนายน้อย” ถังเฮ่อเหนียนที่ลงหมากแล้วเตือนด้วยเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังบอกว่าพูดมากตอนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์
โค่วเหวินหลานไม่กล้าบังคับเขา ทำได้เพียงดึงความสนใจกลับมาบนกระดานหมาก
หออวิ๋นฮว๋า ภายใต้การแนะนำซ้ำๆ ของอวิ๋นจือชิว เหมียวอี้จึงติดต่อกับหยางชิ่งแล้ว อยากจะขอความเห็นหยางชิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อย บางครั้งก็ต้องยอมรับ ว่าหยางชิ่งสมองดีมีประโยชน์มาก แต่กลับไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากติดต่อกลับไปครั้งนี้ กลับไม่ได้รับการตอบกลับจากหยางชิ่ง กลับเป็นระฆังดาราของสวีถังหรานที่ส่งข่าวมา
เหมียวอี้ถาม : มีเรื่องอะไรเหรอ?
สวีถังหราน : ข้าน้อยเห็นระฆังดาราที่หยางชิ่งเก็บไว้มีปฏิกิริยา ทราบว่านายท่านส่งข่าวมา เลยตั้งใจจะมาถามว่านายท่านมีเรื่องอะไรจะถามหยางชิ่งขอรับ
เหมียวอี้ประหลาดใจแล้ว : ระฆังดาราของข้ากับหยางชิ่ง ทำไมหยางชิ่งถึงให้เจ้าไว้ล่ะ? หยางชิ่งไปไหนแล้ว?
สวีถังหราน : หยางชิ่งฝึกวิชาแบบไม่ระวังตัว เกือบจะจิตมารเข้าแทรก กระอักเลือดออกมา บอกว่าสมองเลอะเลือนมึนงง ทำงานได้ลำบาก เลยเก็บระฆังดาราไว้ที่ข้าน้อยขอรับ เขาขอลาหยุดไปพักรักษาตัวที่บ้านกับครอบครัวแล้ว นายท่านจะให้ข้าน้อยไปเรียกเขามั้ยขอรับ?
เหมียวอี้ : ช่างเถอะ ไม่ต้องแล้ว
สวีถังหราน : นายท่าน เอ่อคือ ข้าน้อยได้ยินว่าทางนั้นเกิดเรื่องนิดหน่อย ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่าขอรับ?
เหมียวอี้ : ไม่มีเรื่องอะไร เอาตามนี้แล้วกัน
หลังจากติดต่อเสร็จแล้ว เหมียวอี้ก็หันกลับไปเล่าสถานการณ์ในตอนนี้ให้อวิ๋นจือชิวฟัง อวิ๋นจือชิวขมวดคิ้ว แล้วหยิบระฆังดาราขึ้นมาติดต่อชิงจวี๋เพื่อถามอาการของหยางชิ่ง ผลปราฏว่าชิงจวี๋ตอบเหมือนที่สวีถังหรานบอกทุกอย่าง บอกว่าหยางชิ่งมึนศีรษะ กินยาแล้วนอนพักผ่อนไปแล้ว
นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหยางชิ่งในเวลานี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เมื่อถามไม่ได้ความ เหมียวอี้ก็ทำได้เพียงล้มเลิก
ในลานบ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบหลังหนึ่ง หยางชิ่งที่ปล่อยผมและสวมชุดลำลองกำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยก ชิงจวี๋คอยโยกเบาๆ อยู่ข้างกาย มืออีกข้างหนึ่งเก็บระฆังดาราแล้ว บอกกับหยางชิ่งที่กำลังหลับตาว่า “นายท่าน ตอบไปตามที่ท่านบอกแล้ว”
“อืม” หยางชิ่งขานรับเบาๆ แล้วถามอีกว่า “ฮูหยินทางพิภพเล็กตอบกลับมาหรือยัง?”
ชิงจวี๋ตอบว่า “ฮูหยินแอบวางแผนตามที่ท่านกำชับแล้ว ถ้าสถานการณ์ทางนี้ร้ายแรงจนกู้กลับคืนไม่ได้ ถ้าไม่มีใครกลับมาที่พิภพเล็กได้อีก ก็ให้คุณหนูเรียกทุกคนที่รู้เรื่องพิภพใหญ่กับผู้แข็งแกร่งทุกคนที่พิภพเล็กมาร่วมงานเลี้ยง…วางยาพิษสังหาร!” พอพูดถึงตรงนี้ นางก็เสียงสั่นเล็กน้อย “เรื่องราวจะลุกลามไปถึงขั้นนั้นจริงเหรอคะ?”
หยางชิ่งลืมตาเล็กน้อยแล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ไม่รู้สิ! แต่ข้าต้องเตรียมตัวป้องกันเหตุไม่คาดคิด ต่อให้ข้ากลับไปไม่ได้ แต่ก็ต้องเหลือทางรอดไว้ให้พวกนางสองแม่ลูก ไม่อย่างนั้นถ้าเหมียวอี้กับฮูหยินตายไป ช่องทางไม่กลับระหว่างพิภพใหญ่กับพิภพเล็กก็จะถูกตัดขาด พิภพเล็กจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลุ่มวีรบุรุษแย่งชิงความเป็นใหญ่แน่ มีหรือที่คนที่จิตใจทะเยอะทะยานจะปล่อยพวกนางสองแม่ลูกไว้? ไม่สู้ชิงลงมือกำจัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลังก่อน หลังจากจบเรื่องแล้ว อาศัยทรัพยากรฝึกตนที่อยู่ในมือพวกนางจนสร้างตำแหน่งอันดับหนึ่งของพิภพเล็กได้อย่างมั่นคงแล้ว พิภพเล็กก็จะเป็นของพวกนาง ถือว่านั่นคือสิ่งที่ข้าชดเชยให้พวกนางสองแม่ลูกก็แล้วกัน จำไว้นะ ต้องกำชับฮูหยิน ว่าห้ามบอกเรื่องนี้ให้เวยเวยรู้เด็ดขาด ถ้าอยากทำให้เรื่องนี้สำเร็จ ก็มีแต่ต้องพึ่งฐานะที่เวยเวยเป็นผู้หญิงของเหมียวอี้เท่านั้น ถึงจะเรียกทุกคนมารวมกันได้อย่างราบรื่น ไม่อย่างนั้นจะผิดพลาดได้ง่าย เจ้าไปก่อนเถอะ ถ้าข้าไม่ส่งข่าวไปก็ไม่ต้องกลับมา ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับข้า…ในภายหลังเจ้าอยู่ที่พิภพใหญ่คนเดียวก็ต้องระวังตัวหน่อย”
มือของชิงจวี๋หยุดชะงัก จากนั้นก็คุกเข่าตรงหน้าเขา จับมือเขาพร้อมกล่าวอย่างฮึกเหิมว่า “นายท่าน ไปด้วยกันเถอะค่ะ!”
หยางชิ่งส่ายหน้า ตบหลังมือนางเบาๆ แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ถ้ายังไม่ถึงตอนสุดท้าย ข้าก็ยังไปไม่ได้ ถ้าฝั่งนั้นเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ตัวข้าอยู่ที่นี่ก็อาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้ ถึงอย่างไรในสายตาคนนอก ข้าก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อาจจะไม่โยงมาถึงลูกน้องคนสนิทของเหมียวอี้เพราะเรื่องนั้นก็ได้ แต่ถ้าข้าหายไปตัวไปตอนนี้ ก็จะทำให้เบื้องบนสงสัยทันทีว่าข้าเกี่ยวข้องอะไรด้วย เบื้องบนจะสั่งจับกุมข้าทันที ถึงตอนนั้นทั้งเจ้าทั้งข้าก็จะหนีลำบากแล้ว ต่อให้เบื้องบนต้องการจะลากข้าไปพัวพัน แต่ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ต่อให้หญิงรับใช้คนหนึ่งจะหายไป แต่ก็จะไม่ดึงดูดความสนใจใครอยู่ดี ทำแบบนี้อย่างน้อยเจ้ากับข้าก็จะมีคนหนึ่งที่รอด นอกจากนี้ เรื่องในครั้งนี้ข้าก็เตรียมตัวเผื่อไว้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเท่านั้นเอง ยังมีความเป็นไปได้สูงว่าประมุขชิงจะปกป้องเขา กอปรกับกับข้ามองเหมียวอี้ไม่ค่อยทะลุ เบื้องหลังเขามีไพ่ลับซ่อนเอาไว้มากมาย ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นแล้วให้เขารู้ว่าข้าหนีไป ต่อไปจะให้เวยเวยทำยังไงล่ะ? ข้าต้องเหลือทางหนีทีไล่เอาไว้สิ!”
…………………………