เรื่องบางเรื่องทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ในเมื่อโกวเยว่คุกเข่าต่อหน้านาง ก็ไม่มีทางพัวพันไปถึงท่านอ๋อง เม่ยเหนียงก็รู้เช่นกันว่านางทำโทษเขาไม่ได้ ทำให้เพียงให้ท่านอ๋องมาจัดการ ส่วนท่านอ๋องจะจัดการลงโทษหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่นางจะสืบสาวเอาความได้
เงาคนคนหนึ่งเหาะลงมาจากท้องฟ้า มาหยุดลอยอยู่กลางอากาศ อยู่ในระดับเดียวกับตึกบนกำแพงเมืองนอกประตูของสวรรค์ที่ปิดสนิท
ผู้ที่มาสวมหมวกทรงสูงสีดำ ผ้าคลุมที่อยู่ข้างหลังตกลงอย่างช้าๆ เขาก็คือเกาก้วนที่มาถึงก่อนหนึ่งก้าวนั่นเอง
คนของหน่วยองครักษ์จำนวนไม่น้อยที่เฝ้าอยู่บนตึกกำแพงเมืองเคยเจอเกาก้วนมาก่อนที่อุทยานหลวง หลังจากพบว่าเขามาถึงแล้ว แต่ละคนก็มองดูอย่างเงียบๆ
เกาก้วนเองก็มองประเมินทหารพิการที่มาถึงก็รับช่วงต่อเฝ้ามืองทันทีโดยยังไม่ได้จัดการกับร่างกายตัวเอง สุดท้ายก็กล่าวออกมาช้าๆ ว่า “ข้าคือทูตตรวจการขวาเกาก้วน เปิดประตูเมือง!”
ทหารยามที่เฝ้าอยู่บนกำแพงเมืองมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่มีใครตอบกลับ
เมื่อรอไปสักครู่หนึ่ง เกาก้วนก็โบกมือเผยป้ายคำสั่งออกมา ประมุขชิงเป็น ‘คำสั่งมังกร’ ที่ประมุขชิงประทานให้ แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “เปิดประตู!”
ทหารยามคนหนึ่งยกมือกดบนช่องกำแพง เม้มริมฝีปากแน่นแล้วบอกว่า “นายท่านเกา หน่วยตรวจการขวาไม่มีอำนาจออกคำสั่งกับหน่วยองครักษ์ ขออภัยที่ยากจะทำตามคำสั่งได้!”
“ข้าได้รับบัญชาจากสวรรค์ให้มาสืบคดี หรือว่าพวกเจ้าจะฝ่าฝืนคำสั่ง?” เกาก้วนถามเสียงเรียบ
ทหารที่เฝ้าเมืองตอบว่า “พวกเรารู้เพียงว่าต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด บัญชาสวรรค์เป็นอย่างไรพวกเราก็ไม่เข้าใจเช่นกัน นี่ไม่ใช่ป้ายคำสั่งระดมกำลัง ไม่อาจอาศัยแค่คำพูดด้านเดียวของนายท่านเกามาตัดสินว่าใช่บัญชาสวรรค์หรือไม่ ไม่อาจถือวิสาสะเปิดประตูได้ นายท่านเกาได้โปรดติดต่อกับผู้บังคับบัญชาสูงสุดของเราก่อน ถ้าเป็นบัญชาสวรรค์จริงๆ แล้วผู้บังคับบัญชามีคำสั่ง พวกเราก็ย่อมเปิดประตูให้!”
เกาก้วนไม่เปลืองคำพูดอีก ค่อยๆ เหาะลงมาเหยียบพื้น แล้วหันหลังให้ทางประตูเมือง เขายืนตัวตรง ไม่ได้ติดต่อใครทั้งนั้น หลับตาสองข้างรออยู่เงียบๆ
ขณะที่ท้องฟ้ากำลังจะเป็นสีแดง อวี่จ้งเจิน เซวียนหยวนจัวรวมทั้งคนของหน่วยตรวจการขวาก็เหาะลงมาจากฟ้า มาเหยียบลงข้างกายเกาก้วน ขณะกำลังแปลกใจว่าเกาก้วนกำลังทำอะไร เกาก้วนก็เอียงหน้ามองอวี่จ้งเจินพร้อมบอกว่า “ออกคำสั่งให้เปิดประตูเถอะ”
อวี่จ้งเจินกับเซวียนหยวนจัวสบตากันโดยจิตใต้สำนึก พอจะเข้าใจเหตุผลแล้ว พวกเขามองไปบนประตูเมืองพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าทหารที่เฝ้าอยู่บนประตูเมืองปะทะฝีปากกับเกาก้วนแล้ว หน่วยองครักษ์เริ่มจริงจังแล้ว ฟังเพียงคำสั่งราชันสวรรค์กับหน่วยงานภายในหน่วยองครักษ์เท่านั้น หน่วยงานอื่นๆ ไม่สามารถสั่งระดมพลได้
พออวี่จ้งเจินโบกมือ กำลังพลข้างหลังก็แบ่งจากหนึ่งเป็นสิบ แบ่งจากสิบเป็นร้อย แล้วชั่วพริบตาเดียวก็มีกำลังพลนับหมื่นคนอยู่ข้างหลัง
“เปิดประตู!” อวี่จ้งเจินตะโกน
ใครจะคิดว่าทหารที่เฝ้ากำแพงเมืองจะบอกว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนแอบอ้าง กรุณายืนยันตัวก่อน”
แอบอ้างเหรอ? เซวียนหยวนจัวเอียงหน้ามองไปที่อวี่จ้งเจินด้วยสีหน้าแปลกๆ กำลังพลข้างหลังอวี่จ้งเจินก็มองไปบนกำแพงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อเช่นกัน
ใบหน้าอวี่จ้งเจินเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจำออกคำสั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้แล้ว ล้อเล่นอะไรกัน จึงตะคอกทันทีว่า “ไม่เปิดประตูเมือง อยู่นอกค่ายกลป้องกัน แล้วจะพิสูจน์ตัวตนยังไง!”
ทหารยามบอกว่า “แม่ทัพภาคกำลังอยู่ในเมืองขอรับ” ความหมายแฝงในคำพูดก็คือ ท่านข้ามระดับไปแล้ว
อวี่จ้งเจินหันขวับไปชี้บนกำแพงเมือง อ้าปากพะงาบหลายครั้ง แต่ก็หาเหตุผลมาเถียงไม่ได้
กฎระเบียบบางอย่างนั้นยังมีอยู่ เพียงแต่มันเลือนรางไปช้าๆ ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการจะจริงจัง เขาเองก็จะว่าอีกฝ่ายทำผิดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็แปลว่าใครตำแหน่งสูงก็ทำตามอำเภอใจได้น่ะสิ ถ้าโพ่จวินออกคำสั่งโจมตีวังสวรรค์จะทำยังไงล่ะ?
แน่นอน บนโลกนี้ไม่มีกฎระเบียบอะไรที่สมบูรณ์แบบ ล้วนมีจุดที่ขัดแย้งกันมากมาย กฎระเบียบคือสิ่งที่ไม่มีชีวิต แต่คนคือสิ่งที่มีชีวิต สิ่งนี้ถึงได้มอบโอกาสให้คนหาช่องโหว่ได้
อวี่จ้งเจินวางมือลงแรงๆ แล้วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้
ผ่านไปไม่นาน ประตูเมืองก็เปิดช่องออก
เกาก้วนที่เอามือไขว้หลังให้ประตูเมืองหันกลับมามองอวี่จ้งเจินแวบหนึ่งด้วยสายตาเย็นเยียบ จากนั้นหันตัวมา แล้วนำกำลังพลของหน่วยตรวจการขวาเข้าไปในเมือง มุ่งตรงไปที่หอฉางเจิน
ลูกน้องของอวี่จ้งเจินแบ่งกลุ่มเป็นสี่กลุ่ม แล้วไปควบคุมที่ประตูเมืองทั้งสี่ ส่วนกำลังพลอีกกลุ่มมุ่งตรงไปที่ตำหนักคุ้มเมือง ครั้งนี้นับว่ารับหน้าที่เฝ้าตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนอย่างแท้จริงแล้ว ส่วนอวี่จ้งเจินก็ตามคนของหน่วยตรวจการขวาไปเช่นกัน อยากจะรู้ว่าตอนนี้เหมียวอี้เป็นอย่างไรบ้าง
ที่ด้านนอกประตูใหญ่ของหอฉางเจิน คนกลุ่มหนึ่งเหยียบลงที่พื้น เกาก้วนที่ผ้าคลุมบ่าสีดำยาวลากพื้นเดินก้าวยาวบุกขึ้นบันไดไปโดยตรง
กลุ่มคนที่เฝ้าประตูอยากจะดักถาม แต่ข้างหลังเกาก้วนก็มีคนสองคนถลันตัวออกมา เผยป้ายคำสั่งของหน่วยตรวจการขวาเบิกทาง คนที่หลีกทางช้าไปหน่อย ก็ถูกดาบทวนที่ตามมาข้างหลังดันไปติดผนังด้านข้างทันที ทำให้ไม่กล้าขยับตัวซี้ซั้ว
บุกมาแบบนี้ตลอดทางจนถึงลานบ้านด้านใน
“ทูตขวาเกาให้เกียรติมาเยือนทำไมไม่บอกกันก่อน!”
โกวเยว่ที่ถูกทำให้ตกใจนำคนโผล่หน้าออกมา โกวเยว่กุมหมัดคารวะทักทายพร้อมเสียงหัวเราะมาตั้งแต่ไกลๆ
เกาก้วนหยุดฝีเท้า กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังก็หยุดเดินเช่นกัน รอจนกระทั่งโกวเยว่เข้ามาใกล้ เกาก้วนก็ถามแดกดันว่า “เจ้ามียศขุนนางตำหนักสวรรค์เหรอ?”
โกวเยว่อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วยิ้มแห้งพร้อมตอบว่า “ไม่มีขอรับ”
อย่าว่าแต่เขาเลย พ่อบ้านในจวนของสี่อ๋องสวรรค์ล้วนไม่มียศขุนนาง ไม่ใช่เราว่าจ้างไม่ไหว แต่เป็นเพราะถ้ามีฐานะขุนนางก็ต้องฟังคำสั่งตำหนักสวรรค์ พอโดนตำหนักสวรรค์ฉวยโอกาสเมื่อไร พวกเขาก็จะถูกย้ายออกจากข้างกายสี่อ๋องสวรรค์ นั่นนับว่าเป็นความเสียหายของสี่อ๋องสวรรค์
“เจ้าคือทูตพิเศษที่ทัพตะวันตกส่งมาเหรอ?” เกาก้วนถามอีก
“ไม่ใช่ขอรับ!” โกวเยว่รู้ตัวเร็ว ในใจแอบตกใจ เขารีบโบกมือตอบ เรื่องบางเรื่องเล่นต่อหน้าเหมียวอี้ได้ แต่ตอนอยู่ต่อหน้าเกาก้วนกลับเล่นไม่ได้ พอเขาหันไปข้างหลัง ก็มีคนหนึ่งคนที่มีฐานะขุนนางตำหนักสวรรค์เดินออกมาทันที แล้วใช้สองมือมอบแผ่นหยกตำแหน่งขุนนางให้แผ่นหนึ่ง “ตอบทูตขวาเกา ข้าน้อยคือทูตพิเศษที่ทัพตะวันตกส่งมาขอรับ”
เพิ่งจะสิ้นเสียง ข้างหลังเกาก้วนก็มีคนมารับแผ่นหยกไปตรวจสอบ จากนั้นก็พยักหน้าให้เกาก้วน
“เหอะๆ! ทูตขวาเกา…” โกวเยว่ที่เหมือนจะพูดอะไรอีกทำสีหน้าเหมือนโดนตะคริวกิน เพราะเกาก้วนไม่ชายตาแลเขา แต่เดินผ่านตัวเขาไปเลย
ถ้าไปแบบนี้เฉยๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่ดันพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “กักตัวเขาไว้!”
สมาชิกหน่วยตรวจการขวาหลายคนก้าวขึ้นมาข้างหน้าทันที กำลังจะจับตัวโกวเยว่ไว้ แต่คนข้างหลังโกวเยว่ตกใจ รีบถลันตัวออกมาขวางข้างหน้า
เกาก้วนที่อยู่ข้างหน้าหยุดเดินทันที หันตัวเข้ามาช้าๆ แล้วมองภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นเยียบ
ชวิ้งๆ! กำลังพลหลายร้อยของหน่วยตรวจการขวาพลันชักอาวุธออกมาทั้งหมด มาล้อมพวกโกวเยว่เอาไว้
โกวเยว่รีบกดมือลง แล้วคนที่มาคุ้มกันเขาก็ถอยออกไปเงียบๆ จากนั้นโกวเยว่ก็ถามด้วยสีหน้าเย็นเยียบว่า “นายท่านเกา ไม่ทราบว่าทำไมต้องจับตัวข้าไว้?”
“จับไว้ให้หมด!” เกาก้วนแสยะยิ้ม
สมาชิกของหน่วยตรวจการขวาออกอาวุธพร้อมกันทันที แล้วจ่ออาวุธบนตัวของคนกลุ่มนี้ ส่วนพวกโกวเยว่ก็ไม่ได้โต้ตอบ โดนควบคุมไว้อย่างนั้นแล้ว
“แค่กๆ!” ข้างหลังเซวียนหยวนจัวมีชายรูปร่างกำยำหนวดยาวคนหนึ่งเดินออกมา เขาคืออันถู ลูกน้องคนสนิทของเทพประจำดาวดินวอกนั่นเอง ตู๋เกออู๋จากทัพซ้าย กุมหมัดคารวะบอกว่า “นายท่านเกา จับคนไปโดยไร้เหตุผลแบบนี้ อาจจะไม่เหมาะสมหรือเปล่า”
“ข้าได้รับบัญชาสวรรค์ให้มาสืบคดี นำตัวผู้น่าสงสัยที่เกี่ยวข้องไปสืบสวนเป็นเรื่องปกติมาก” เกาก้วนพูดทิ้งท้ายแล้วหันหน้าเดินจากไป
ตู๋เกออู๋ทำท่าจะตามไป ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โกวเยว่ส่ายหน้าเบาๆ ให้เขา บอกใบ้ว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น บอกให้เขาไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว
โกวเยว่รู้อยู่แก่ใจ ไม่ว่าใครก็รู้ทั้งนั้นว่าก่อนหน้านี้เขาแอบอ้างชื่อทัพตะวันตกเพื่อพาตัวหนิวโหย่วเต๋อมา เพียงแต่เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเปิดเผยได้ก็เท่านั้นเอง ทว่าลมนี้พัดมาเพียงไม่นาน เกาก้วนก็อ้าง ‘ได้รับคำสั่งให้สืบคดี’ มาข่มเขาเหมือนกัน กำลังจงใจจะให้บทเรียนเขา ไม่ได้จะทำอะไรเขาหรอก
ตู๋เกออู๋ทำได้เพียงมองพวกโกวเยว่โดยควบคุมตัวไป พอหันไปเห็นเซวียนหยวนจัวนิ่งเงียบไม่พูดจา ก็แสยะยิ้มให้หนึ่งที
ในสวนป่าเล็กขนาดเล็ก เกาก้วนหยุดเดิน เหมียวอี้ที่อยู่ในศาลากำลังมองประเมินกลุ่มคนที่โผล่มาอย่างกะทันหันอย่างใจเย็น
จากนั้นมองประเมินเหมียวอี้ศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง “พาตัวไป!” เกาก้วนพูดทิ้งท้ายแล้วหันตัวเดินออกไป
จ้าวกวงที่ได้รับคำสั่งให้มาดูแลเหมียวอี้ทำท่าเชิญ แล้วพาเหมียวอี้ตามกลุ่มคนพวกนั้นไป
อวี่จ้งเจินมาที่นี่เพราะประสงค์ของเบื้องบน พอเห็นเหมียวอี้ไม่เป็นอะไร เขาก็ทั้งโล่งใจทั้งโมโห นึกเสียใจทีหลังที่ตอนแรกตอบตกลงรับคนคนนี้เข้ามาในทัพเป่ยโต้ว อีกฝ่ายเอาแต่หาเรื่องให้ตน เหมือนเป็นการทุ่มหินใส่เท้าตัวเองจริงๆ
คนกลุ่มหนึ่งเพิ่งจะเดินออกจากสวนป่าขนาดเล็กไป ก็บังเอิญเห็นหวังเฟยเม่ยเหนียงที่มาเพราะได้ยินข่าว
พอนางปรากฎตัว คนส่วนใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเกาก้วนก็กุมหมัดคารวะ มีเพียงเกาก้วนคนเดียวที่ยืนอย่างหยิ่งผยอง จ้องมองด้วยสายตาเยียบเย็น
ระดับอย่างเกาก้วนไม่จำเป็นต้องทำความเคารพนาง เพราะเป็นคนข้างกายราชันสวรรค์ ที่จริงในใต้หล้านี้ก็มีคนที่เขาต้องทำความรพไม่เยอะอยู่แล้ว
“ทูตขวาเกา แบบนี้หมายความว่าอะไร?” เม่ยเหนียงชี้พวกโกวเยว่ที่ถูกควบควบคุมอยู่ข้างหลัง
เกาก้วนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พาตัวผู้น่าสงสัยไปสอบสวนเท่านั้น หรือหวังเฟยอยากจะก้าวก่ายการสิบคดีของตำหนักสวรรค์?”
“ข้อหานี้ใหญ่เกินไปแล้ว” เม่ยเหนียงแสยะยิ้ม “ข้าแค่อยากจะถามว่าพวกเขามีอะไรน่าสงสัย?”
“ในเวลานี้ คนที่ปรากฏตัวในตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนไม่บ่อยล้วนน่าสงสัย” เกาก้วนตอบอย่างไม่ไว้หน้า
เม่ยเหนียงส่ายหน้า แล้วแสยะยิ้มบอกว่า “ถ้าอิงตามที่นายท่านเกาบอก ถังเฮ่อเหนียนที่โถงฉากเมฆา จั่วเอ๋อร์ที่เรือนเจิดจรัส ต้วนหงตึกจันทราดารา ไม่ใช่ว่าน่าสงสัยกันหมดเลยเหรอ?”
เกาก้วนชำเลืองมองไปข้างหลัง แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ “คนที่หวังเฟยเพิ่งเอ่ยชื่อเมื่อครู่นี้ ได้ยินชัดหรือยัง?”
“ได้ยินชัดแล้วขอรับ” ข้างหลังมีคนตอบ
เกาก้วนจ้องไปที่เม่ยเหนียงทันที แล้วบอกว่า “ส่งคนไปจับตัวผู้ที่หวังเฟยกล่าวโทษมาเดี๋ยวนี้”
“รับทราบ!” คนคนนั้นเอ่ยรับคำสั่ง แล้วโบกมือนเรียกกำลังพลกลุ่มหนึ่งจากไป
“…” เม่ยเหนียงเหม่อเล็กน้อย ทำไมกลายเป็นผู้กล่าวโทษแล้วล่ะ นางกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “ข้าปรากฏตัวที่นี่แปลว่าน่าสงสัยด้วยรึเปล่า? เช่นนั้นทูตขวาเกาก็จะจับตัวข้าไปด้วยใช่มั้ย?”
เกาก้วนพูดต่ออย่างไม่ลังเลว่า “หวังเฟยเตือนได้ถูกต้องแล้ว หัวหน้าภาคอวี่!”
“ขอรับ!” อวี่จ้งเจินกุมหมัดขานรับ
เกาก้วนบอกว่า “ส่งกำลังพลไปเดี๋ยวนี้ ล้อมหอฉางเจิน โถงฉากเมฆา เรือนเจิดจรัส ตึกจันทราดาราเอาไว้ ถ้ายังสืบคดีไม่จบ ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าออกโดยพลการ ใครขัดคำสั่ง…ไม่ว่าจะเป็นใคร ฆ่าไม่ละเว้น! ถ้าบังคับใช้กฎแล้วไม่ราบรื่น ก็ถือหัวมาให้ข้า!”
“รับทราบ!” อวี่จ้งเจินเอ่ยรับคำสั่ง แล้วโบกมือไปทางข้างหลัง มีคนออกคำสั่งระดมกำลังพลอย่างรวดเร็ว
“เจ้า…” เม่ยเหนียงชี้เกาก้วน ใบหน้างามโมโหจนซีดขาว
เกาก้วนพลันโบกมือเผย ‘คำสั่งมังกร’ แสดงป้ายนี้ต่อหน้านนางโดยตรง ดวงตาทั้งคู่จ้องนางอย่างเย็นชา
พอเห็นป้ายคำสั่งนี้ เม่ยเหนียงก็เบิกตากว้างทันที นี่ก็คือป้ายคำสั่งที่ราชันสวรรค์มอบให้เฉพาะหน่วยตรวจการขวา เป็นป้ายที่ให้อำนาจในการประหารก่อนแล้วค่อยรายงานความผิด นางนึกไม่ถึงว่าเกาก้วนจะเผยป้ายคำสั่งนี้ต่อหวังเฟยผู้สง่าภูมิฐานอย่างนาง เผยป้ายคำสั่งนี้มาขู่นาง คำพูดที่ขึ้นมาถึงปากแล้ว นางจำต้องกลืนกลับไป ในใจเกิดความหนาวสั่น ก้าวถอยหลังโดยจิตใต้สำนึก
พอเก็บป้ายคำสั่งแล้ว ผ้าคลุมบ่าสีดำก็ขยับตามจังหวะการก้าวเท้าของเกาก้วน เขาเดินผ่านนางไปโดยไม่ชายตามอง
เหมียวอี้ที่โดนคุมตัวอยู่ในกลุ่มนั้นชำเลืองมองเม่ยเหนียงที่ขัดฟันจนฟันแทบแตก เขาแอบปาดเหงื่ออย่างช่วยไม่ได้ ลักษณะการทำงานของเกาก้วนทำให้คนทั่วไปรับไม่ไหวจริงๆ เรียกได้ว่าไม่ว่ากับใครก็ไม่ไว้หน้าทั้งนั้น ต่อให้ล่วงเกินคนทั้งใต้หล้าหมดแล้วก็ไม่เป็นไร
แต่คิดไปคิดมาก็เข้าใจเช่นกัน ผู้พิพากษาหน้าตายท่านนี้เป็นคนที่กลัวการล่วงเกินคนอื่นด้วยเหรอ?
…………………………