นางเองก็รู้ว่าเฟยหงเป็นสายลับที่หน่วยตรวจการซ้ายยัดไว้ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อ แต่ถึงอย่างไรเฟยหงก็เป็นผู้หญิง เมื่อเจอกับเรื่องแบบนี้จะไม่สนใจสักนิดเลยได้อย่างไร เป็นผู้หญิงเหมือนกันสามารถเข้าใจความรู้สึกได้
“นางหนูเอ๊ย! ขอโทษด้วย ยายแก่คนนี้ช่วยเจ้าไม่ได้” แม่เฒ่าลวี่แอบถ่ายทอดเสียงปลอบใจ
หลายปีที่เหมียวอี้ถูกขังอยู่ในแดนมรณะดึกดำบรรพ์ เฟยหงก็อยู่กับแม่เฒ่าลวี่มาตลอด พอจะมีความผูกพันต่อกันอยู่บ้าง
“ข้าก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งให้คนวางเท่านั้น ไม่เป็นไรค่ะ” เฟยหงถ่ายทอดเสียงตอบเบาๆ
พอโค่วหลิงซวีพาอวิ๋นจือชิวเดินไปแล้ว เฟยหงถึงได้ก้าวเข้ามาคำนับเหมียวอี้ บนใบหน้าเจือด้วยรอยยิ้มเรียบๆ “นายท่าน!”
ทุกคนเห็นผู้หญิงคนนี้หมดแล้ว พอนึกถึงอวิ๋นจือชิวเมื่อครู่นี้ ก็ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรแบทอดถอนใจ นี่คงจะเป็นการฝืนยิ้มอย่างมีความสุข
เหมียวอี้ยื่นมือไปประคองแขนนาง สีหน้าค่อนข้างสับสน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับนางดี ได้แต่พยักหน้าให้
อวี่จ้งเจินที่เหล่ตามองมากลับรู้ถึงตัวตนของเฟยหง เขาหันตัวเดินขึ้นบันไดจวนแม่ทัพภาคไปแล้ว พอเจอกับเวินเจ๋อแล้ว เวินเจ๋อก็ยื่นแผ่นหยกแผ่นหนึ่งให้ หลังจากอวี่จ้งเจินแล้ว ก็เหมือนจะตกใจ เงยหน้ามองเวินเจ๋อทันที แล้วเวินเจ๋อก็พยักหน้ายืนยัน
ขณะมองดูลูกน้องเก่ามาล้อมทักทายเหมียวอี้ อวี่จ้งเจินก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจ แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “คำสั่งกองทัพองครักษ์ ทุกคนของกองมังกรดำฟังให้ดี!”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ทุกคนข้างล่างก็รีบจัดแถวอย่างจริงจัง
อวี่จ้งเจินยกแผ่นหยกในมือขึ้นมา แล้วกล่าวเสียงดังว่า “แม่ทัพภาคหนิวโหย่วเต๋อกองมังกรดำรวบรวมกำลังพลไปขู่คุกคามอยู่นอกตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวน สร้างความวุ่นวายโกลาหลให้ตลาดสวรรค์ หลังจากเข้าเมืองแล้วก็ให้ท้ายลูกน้องฆ่าทหารที่เฝ้าเมือง บังคับให้พ่อค้าในเมืองบริจาคของ แล้วถือวิสาสะประหารหัวหน้าภาคน่านฟ้าระกาติง แต่ละเรื่องที่ทำไม่อาจปฎิเสธความรับผิดชอบได้ สมควรถูกลงโทษตามกฎระเบียบ ถอดยศและตำแหน่งของหนิวโหย่วเต๋อเดี๋ยวนี้ ลดยศเป็นทหารสวรรค์เกราะเงินหนึ่งแถบ ลงโทษให้ยืนเฝ้าอุทยานหลวงหนึ่งร้อยปี ภายในหนึ่งร้อยปีนี้ห้ามเลื่อนตำแหน่ง!”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ตรงนั้นก็เกิดเสียงฮือฮาทันที ทุกคนพากันตกตะลึง ทหารสวรรค์เกราะเงินหนึ่งแถบไม่ใช่ยศที่ต่ำที่สุดหรอกเหรอ? ต่อให้เลื่อนตำแหน่งกลับคืนมาได้ แต่ต้องใช้เวลากี่ปีล่ะ? การลงโทษนี้หนักไปหน่อยแล้วมั้ง จะลดขั้นก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอก แบบนี้เท่ากับลดขั้นรวดเดียวสิบกว่าขั้นแล้ว!
มีบางคนที่กลับมาจากน่านฟ้าระกาติงตะโกนว่า “ท่านหัวหน้าภาค เรื่องที่ตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนไม่เกี่ยวกับท่านแม่ทัพภาค พวกเราถือวิสาสะทำเอง!”
“ไม่เกี่ยวกับแม่ทัพภาค!”
ตรงนั้นมีเสียงตะโกนดังต่อเนื่องกัน
ใครจะคิดว่าอวี่จ้งเจินจะตะคอกเสียงต่ำอีกครั้งว่า “ทุกคนของกองมังกรดำถูกหนิวโหย่วเต๋อให้ท้าย ทุกการกระทำที่ตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนทำลายชื่อเสียงความอันดีงามของกองทัพองครักษ์ จะปล่อยให้กระแสนี้มีต่อเนื่องไม่ได้ สลายกองมังกรดำให้ไปปะปนอยู่ตามหน่วยต่างๆ ของกองทัพองครักษ์เดี๋ยวนี้ สั่งให้ทัพเป่ยโต้วสร้างกองมังกรดำขึ้นมาใหม่!”
ตอนนี้ไม่มีใครตะโกนขึ้นมาอีกแล้ว แต่ละคนมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่ใช่แค่ท่านแม่ทัพภาคที่โดนลดยศ แม้แต่กองมังกรดำก็ต้องสลายตัวไปด้วย
“ปฏิบัติเดี๋ยวนี้!” อวี่จ้งเจินกล่าวเสริมอีก
ข้างกายเขามีคนเดินไปตรงข้างกายเหมียวอี้ทันที ยื่นมือออกมา บอกใบ้ให้เหมียวอี้ส่งของทุกอย่างออกมา
ท่ามกลางสายตาของฝูงชน เหมียวอี้ถอดเครื่องแบบแม่ทัพเกราะม่วงสองแถบยื่นให้ สิ่งของประเภทแผ่นหยกขุนนางก็ยื่นให้หมด สุดท้ายก็ได้เกราะเงินชุดหนึ่งมาไว้ในมือ
ทุกคนของกองมังกรดำ โดยเฉพาะคนที่รอดชีวิตมาจากน่านฟ้าระกาติง แต่ละคนเผยสีหน้าโกรธเคือง ทว่าลำพังตัวเองยังเอาตัวไม่รอด อยากจะรวมตัวกันสนับสนุนโต้ตอบเพื่อนายท่านคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
คนบางกลุ่มกลับไม่ค่อยกังวล ยกตัวอย่างเช่นสวีถังหราน เขารู้สึกว่าเดี๋ยวหนิวโหย่วเต๋อก็จะได้เป็นลูกเขยของอ๋องสวรรค์โค่วแล้ว ลดยศแค่สิบกว่าขั้นจะเป็นไรไป เดี๋ยวก็เลื่อนกลับขึ้นมาได้เร็วอยู่ดี ใช่เวลาไม่นานแล้ว จะต้องมียศขุนนางสูงกว่าตอนนี้แน่นอน
เห็นได้ชัดว่าเบื้องบนเตรียมการไว้แล้ว ไม่ให้ทุกคนได้บอกลากันเลยด้วยซ้ำ ในจวนแม่ทัพภาคมีนายทหารชั้นสูงของกองทัพองครักษ์กลุ่มหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้าทุกคนเดินออกมา แล้วแต่ละคนก็เรียกชื่อ ใช้เวลาไม่นานกำลังพลของกองมังกรดำก็แทบจะไม่เหลือแล้ว
เหมียวอี้ยืนหน้าตึงฟังอยู่ข้างๆ ใบหน้ากระตุกเป็นระยะ ความรู้สึกเวลามองเห็นลูกน้องตัวเองโดนคนจับไปโดยทำอะไรไม่ได้นั้นยากจะรับไหว ตอนนี้เขาเป็นทหารสวรรค์เกราะเงินหนึ่งแถบ ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดอะไรด้วยซ้ำ
สวีถังหราน หยางชิ่ง เหยียนซิวและพวกไห่ผิงซินก็ไม่ได้รับการยกเว้น ทั้งหมดถูกจับไปอยู่ตามหน่วยต่างๆ ขอกองทัพองครักษ์ ข่าวดีเพียงอย่างเดียวก็คือ มู่อวี่เหลียนได้เลื่อนยศสองขั้นติดต่อกัน ถูกเลื่อนตำแหน่งให้กลายเป็นแม่ทัพภาคกองมังกรดำ รับหน้าที่สร้างกองมังกรดำขึ้นมาใหม่ ตงจิ่วเจินกับฉื้อเยียน รองแม่ทัพภาคสองคนที่ได้อยู่กองมังกรดำต่อสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก นึกไม่ถึงว่ามู่อวี่เหลียนจะข้ามหัวพวกเขากลายเป็นแม่ทัพภาคไปแล้ว กดอยู่บนหัวพวกเขาแล้ว
เหมียวอี้ก็ยังอยู่ที่อุทยานหลวงต่อไปเช่นกัน การลงโทษหนึ่งร้อยปียังไม่เริ่มขึ้น ต้องยืนเฝ้าเวรอยู่ที่อุทยานหลวงหนึ่งร้อยปี เท่ากับยังอยู่กองมังกรดำเหมือนเดิม
มู่อวี่เหลียนมองเหมียวอี้ที่ยืนเงียบอยู่ตรงมุมแวบหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรดี เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่อวี่จ้งเจินมาคุมด้วยตัวเอง ตอนนี้นางก็ดูแลเหมียวอี้ไม่ได้เช่นกัน จึงพาตงจิ่วเจินกับฉื้อเยียนไปรับกำลังพลกองมังกรดำที่มาใหม่ บางคนที่ไม่อยู่ตรงนี้ ยกตัวอย่างเช่นเหยียนซิวและกำลังพลที่เฝ้าสวนบรรณาการก็ต้องถูกส่งต่อให้เช่นกัน
เบื้องบนไม่ให้โอกาสเบื้องล่างได้รวมตัวกันก่อเรื่อง ผู้ที่ถูกแต่ละหน่วยเรียกชื่อถูกพาตัวไปทันที มีคนมากมายยังไม่ทันได้บอกลาเหมียวอี้ด้วยซ้ำ ก่อนที่จะไปสวีถังหรานสีหน้าเศร้าสลด เขารู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองอาศัยอะไรไต้เต้าขึ้นมา พอออกห่างจากเหมียวอี้แล้วเกรงว่าจะไม่ได้อยู่สุขสบาย ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงว่าเบื้องบนจะสลายกองมังกรดำกะทันหัน แทบจะทำให้ทุกคนทำอะไรไม่ถูก
หมดธุระของเวินเจ๋อแล้ว เขาเดินมาข้างกายเหมียวอี้ ยกมือตบบ่าเหมียวอี้แล้วถอนหายใจ “เฮ้อ!” จากนั้นบอกว่า “น้องชาย ถ้ามีโอกาสก็เอาไว้ดื่มสุราด้วยกัน”
เหมียวอี้พยักหน้าเงียบๆ เวินเจ๋อถอนหายใจอีกครั้ง แล้วหันตัวนำคนเหาะขึ้นฟ้าไป
เฟยหงเดินเนิบนาบเข้ามาข้างกายเหมียวอี้ แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “นายท่าน” ตอนนี้นางก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรจะติดตามเหมียวอี้ไปที่ไหน อยู่ที่เรือนพักหลังใหญ่ของจวนแม่ทัพภาคไม่ได้แล้วแน่นอน
“เจ้าอยู่กับแม่เฒ่าลวี่ไปก่อนแล้วกัน รอให้ข้าหาที่ทางได้แล้วค่อยว่ากัน” เหมียวอี้กล่าวเสียงเรียบ
ก็มีแต่ต้องทำอย่างนี้แล้ว แม่เฒ่าลวี่พาเฟยหงออกไปด้วยแล้ว
จากนั้นเหมียวอี้ก็สมเกราะรบสีเงิน ถือทวนเงินด้ามหนึ่งแล้วยืนรอฟังคำสั่งอยู่ข้างนอก ตอนนี้เขาเป็นคนที่อยู่ระดับต่ำสุดของกองมังกรดำ เขามีสิทธิ์แค่ฟังคนอื่นสั่งเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์บงการคนอื่นอีกแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนใหม่กลุ่มหนึ่งย้ายมาจากกองทัพองครักษ์ มีคนไม่น้อยชำเลืองมองเหมียวอี้ แล้วก็พากันกระซิบกระซาบ
พวกเขาพบว่าท่านนี้ช่างขึ้นเร็วลงเร็วจริงๆ ถูกขังที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์หนึ่งพันปี เพิ่งจะพ้นโทษถูกปล่อยออกมาแท้ๆ ก็ก่อเรื่องที่ทำให้ต้องลดไปอยู่ระดับดับสุดแล้ว นับว่าแปลกพิลึกคน จะไม่ให้ทุกคนแอบนินทาก็คงยาก
ตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวน ทางหออวิ๋นฮว๋ายังไม่รู้สถานการณ์ของเหมียวอี้ มีคนของโถงฉากเมฆาเข้ามาทักทาย ในภายหลังหากมีเรื่องอะไรที่ตลาดสวรรค์ก็ไปหาที่โถงฉากเมฆาได้เลย หออวิ๋นฮว๋านับว่ามีคนหนุนหลังที่ตลาดสวรรค์แล้ว
ในจวนอ๋องสวรรค์โค่ว ในโถงหลักด้านใน โค่วหลิงซวีกำลังนั่งอย่างสง่างามอยู่ในโถงหลัก สามพี่น้องตระกูลโค่วยืนอยู่ด้านข้าง ต่างก็มองอวิ๋นจือชิวที่เดินเนิบนาบเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากจะเห็นว่าเป็นความงามเลิศล้ำแบบไหนกันแน่ที่ทำให้หนิวโหย่วเต๋ออยมเสี่ยงอันตรายก่อเรื่องนี้ขึ้น
พอได้เห็นตอนนี้ อวิ๋นจือชิวในตอนนี้สวมเสื้อผ้าตัวโคร่ง มองไม่ออกว่ารูปร่างดีหรือไม่ หน้าตาก็นับว่าสวย แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำว่างามเลิศล้ำเลย นับว่ามีสง่าราศีไม่เลวเหมือนกัน สง่าราศีที่ไม่เหมือนใครนั้นค่อนข้างสะดุดตา
สามพี่น้องเซ็งแล้ว ตอนที่ไปอุทยานหลวงพวกเขาก็หาโอกาสไปเห็นเฟยหงมาแล้ว นั่นต่างหากที่เรียกว่างามล้ำเลิศ สวยกว่าอวิ๋นจือชิวที่อยู่ตรงหน้านี้ตั้งเยอะ หนิวโหย่วเต๋อสายตาเป็นอย่างไรกันแน่!
ถังเฮ่อเหนียนยกถ้วยน้ำชาให้อวิ๋นจือชิวด้วยมือตัวเอง จากนั้นก็ยื่นมือเชิญ
อวิ๋นจือชิวใช้สองมือประคองถ้วยน้ำชา เดินช้าเนิบนาบไปตรงหน้าโค่วหลิงซวี แล้วคุกเข่าลงช้าๆ ยกถ้วยน้ำชาเหนือศีรษะตัวเอง “ลูกสาวอวิ๋นจือชิวคำนับท่านพ่อบุญธรรมค่ะ!”
ความสัมพันธ์พ่อลูกก่อนหน้านี้ล้วนแสดงให้คนนอกดูเฉยๆ ตอนนี้นับว่าทำพิธีเสริมเรียบร้อยแล้ว จากนี้มีเพียงบุคคลที่สำคัญที่สุดของตระกูลโค่วเท่านั้นที่ได้เห็น คนอื่นๆ ไม่มีทางเห็น
โค่วหลิงซวีรับน้ำชามา หลังจากดื่มไปคำหนึ่ง ก็วางถ้วยชาไว้บนโต๊ะชาข้างกาย แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ชิวเอ๋อร์ ยืนขึ้นเถอะ” เขาผายมือเล็กน้อย หลังจากอวิ๋นจือชิวลุกขึ้นแล้ว เขาก็หยิบกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมายื่นให้ “พบกันครั้งแรก นับว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากบิดา”
“ขอบคุณท่านพ่อบุญธรรมค่ะ!” อวิ๋นจือชิวรับไว้แล้ว
ถังเฮ่อเหนียนเชิญให้อวิ๋นจือชิวไปอยู่ด้านข้าง แล้วแนะนำสามพี่น้องตระกูลโค่ว “คุณชายใหญ่โค่วเจิง คุณชายรองโค่วฉิน คุณชายสามโค่วเหมี่ยน”
“น้องสาวคำนับพี่ชายทั้งสามคนค่ะ” อวิ๋นจือชิวทำความเคารพอีก
“น้องเจ็ดไม่ต้องมากพิธี” ทั้งสามทำท่าประคองพร้อมกัน ทุกคนต่างก็สุภาพเกรงใจมาก สาเหตุที่เรียกว่าน้องเจ็ด ก็เพราะโค่วหลิงซวียังมีลูกสาวแท้ๆ อีกสามคน ลูกสาวบุญธรรมอย่างอวิ๋นจือชิวนับว่าอยู่ในลำดับเจ็ดแล้ว
โค่วหลิงซวีลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ชิวเอ๋อร์ ต่อไปถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็ไปหาผู้เฒ่าถังได้เลย ความคิดเห็นของเขาก็คือความคิดเห็นของข้า”
สามพี่น้องแอบรู้สึกตกใจ นี่สามารถติดต่อกับท่านอาถังได้โดยตรงเลยเหรอ ท่านพ่อดูแลดีอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย
“ค่ะ!” อวิ๋นจือชิวเอ่ยรับ แล้วก็ทำความเคารพถังเฮ่อเหนียนอีก “ต่อไปต้องรบกวนท่านอาถังด้วยค่ะ”
“เป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่อยู่แล้ว คุณหนูเจ็ดให้เกียรติบ่าวมากไปแล้ว” ถังเฮ่อเหนียนรีบทำความเคารพกลับ
โค่วหลิงซวีโบกมือบอกว่า “เอาล่ะ! พวกเจ้าสามพี่น้องพาเจ้าเจ็ดไปพบคนอื่นๆ ในบ้านเถอะ แนะนำสถานการณ์คร่าวๆ ในบ้านให้เจ้าเจ็ดรู้สึกหน่อย”
“ขอรับ!” สามพี่น้องเอ่ยรับคำสั่ง โค่วเจิงที่เป็นพี่ใหญ่ยื่นมือเชิญ “น้องเจ็ด ตามพวกเรามาเถอะ”
หลังจากพี่น้องออกไปแล้ว โค่วหลิงซวีก็หัวเราะอย่างมีความสุข “ผู้เฒ่าถัง เรื่องครั้งนี้เจ้าทำได้งดงามมาก เจ้าไม่ได้เห็นสีหน้าตาแก่สามคนนั้น”
“เป็นเพราะนายท่านวางแผนได้ดีขอรับ” ถังเฮ่อเหนียนพูดประจบ แล้วกล่าวเสียงต่ำอีกว่า “นายท่าน ข้าน้อยเพิ่งได้รับข่าวจากทางอุทยานหลวง ตอนที่พวกเราเพิ่งออกมาได้ไม่นาน กองทัพองครักษ์ก็เอาเรื่องตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวนมาอ้าง ออกคำสั่งให้ลงโทษหนิวโหย่วเต๋อ ถอดตำแหน่งทั้งหมดของหนิวโหย่วเต๋อ ลดขั้นให้กลายเป็นทหารสวรรค์เกราะเงินหนึ่งแถบเลย ลงโทษให้เขายืนเฝ้าอุทยานหลวงหนึ่งร้อยปี ภายในหนึ่งร้อยปีนี้ห้ามเลื่อนขั้น”
“อ้อ!” โค่วหลิงซวีแสยะยิ้ม “ประมุขชิงอับอายจนโมโหแล้วสินะ?” ลดขั้นได้ก็เลื่อนขั้นได้
ถังเฮ่อเหนียนกล่าวอีกว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งขอรับ กองมังกรดำใต้บังคับบัญชาของหนิวโหย่วเต๋อก็ถูกสลายแล้ว ให้แยกย้ายไปตามหน่วยต่างๆ ของกองทัพองครักษ์ นอกจากนี้ยังเลื่อนขั้นมู่อวี่เหลียน ผู้บัญชาการใหญ่ธงมังกรน้ำเงินที่เป็นลูกน้องหนิวโหย่วเต๋อให้ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคคนใหม่ของกองมังกรดำ ให้รับหน้าที่สร้างกองมังกรดำขึ้นมาใหม่”
โค่วหลิงซวีถอนหายใจแล้วบอกว่า “กำลังพลกลุ่มนั้นมองข้ามคำสั่งเบื้องบน เชื่อฟังเพียงหนิวโหย่วเต๋อคนเดียว ขนาดหัวหน้าภาคเบื้องบนยังบัญชาการไม่ไหว ประมุขชิงจะเก็บไว้ได้ก็แปลกแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ไม่เหนือความคาดหมาย เพียงแต่น่าเสียดายต้นกล้าชั้นดีที่ผ่านพิธีชำระล้างนั้นมา ถ้าตีเหล็กเข้ารูปเพิ่มอีกสักหน่อย เมื่อมีพลังเพิ่มขึ้นแล้ว จะต้องกลายเป็นกลุ่มทหารกล้าที่รบไม่แพ้แน่นอน น่าเสียดายจริงๆ!”
“บ่าวกลับคิดว่าประมุขชิงเดินหมากอย่างเลอะเลือน” ถังเฮ่อเหนียนกล่าว
“หืม?” โค่วหลิงซวีเอียงหน้ามองมา “หมายความว่ายังไง?”
ถังเฮ่อเหนียนตอบว่า “คนที่ไม่ได้เห็นกำลังพลกลุ่มนี้กับตาตัวเองไม่มีทางเข้าใจได้ ไม่อาจบรรยายลักษณะพลังของกำลังพลกลุ่มนั้นได้เลย ขนาดบ่าวเห็นแล้วยังสั่นสะเทือน! กำลังพลกลุ่มนั้นถึงขั้นหลับหูหลับตาเชื่อฟังหนิวโหย่วเต๋อแล้ว สั่งให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้น หนิวโหย่วเต๋อไม่ใช่ผู้บัญชาการกองทัพของพวกเขาอีกแล้ว แต่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดที่ร่วมเป็นร่วมตายและปีนขึ้นจากกองภูเขาศพทะเลเลือดมาพร้อมกับพวกเขา พวกเขาเชื่อมั่นในตัวหนิวโหย่วเต๋อเป็นพิเศษ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครเคลือบแคลงสงสัยเลยสักคน ว่าหนิวโหย่วเต๋อก่อเรื่องนี้ขึ้นเพราะอวิ๋นจือชิว แต่ประมุขชิงดันแยกคนพวกนี้ไปยังหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพองครักษ์ ถ้าในอนาคตมีเรื่องขึ้นมา แล้วหนิวโหย่วเต๋อเกลี้ยกล่อมพวกเขานิดหน่อย เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับกองทัพองครักษ์แน่นอน!”
…………………………