หลังจากการประชุมราชสำนักของตำหนักสวรรค์ โค่วหลิงซวีก็ยังไม่ได้ไปไหน แต่ขอเข้าพบประมุขชิง เดินเดินเล่นเป็นเพื่อนประมุขชิงอยู่ในอุทยานสายัณห์
ราชันและขุนนางปรองดองกัน หลังจากชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปสักพัก ในที่สุดโค่วหลิงซวีก็เอ่ยถึงจุดประสงค์ที่มาแล้ว “ข้าน้อยมีบุตรสาวบุญธรรม…”
ประมุขชิงคิ้วกระตุกเล็กน้อย รอให้เขาเอ่ยสิ่งนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว นึกไม่ถึงว่าตาเฒ่าคนนี้จะข่มเอาไว้จริงๆ ถ่วงเวลามาถึงวันนี้แล้วค่อยเอ่ยปาก จึงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดตัดบทว่า “อ๋องสวรรค์มาเพื่อหนิวโหย่วเต๋อใช่มั้ย?”
“ฝ่าบาทช่างปราดเปรื่อง!” โค่วหลิงซวีกล่าวประจบ แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจอีกว่า “เป็นเพราะไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ความบริสุทธิ์ของลูกสาวข้าถูกหนิวโหย่วเต๋อทำลายแล้ว ทำได้เพียงตกกระไดพลอยโจน ไม่อย่างนั้นทั้งชีวิตนี้ก็จะถูกทำลายแล้ว ข้าน้อยไร้ยางอาย ขอให้ฝ่าบาทได้โปรดย้ายหนิวโหย่วเต๋อไปที่ทัพเหนือขอรับ ข้าน้อยจะได้เลือกวันแต่งงานให้พวกเขาได้สะดวก”
ประมุขชิงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ข้าเข้าใจจิตใจของอ๋องสวรรค์ เพียงแต่ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ลงโทษคนกระทำผิด ถ้าปล่อยตัวไปก่อนครบกำหนดเวลาลงโทษหนึ่งร้อยปี ก็จะฟังดูเหลวไหลเกินไปจริงๆ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่ได้นะ อ๋องสวรรค์ควรทำตัวเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้สิ เอาอย่างนี้แล้วกัน ในเมื่ออ๋องสวรรค์เอ่ยปากแล้ว ข้าก็จะช่วยให้เรื่องดีงามนี้สมปรารถนา เจ้ามีเรือนพักอยู่ที่อุทยานหลวงไม่ใช่เหรอ? จัดงานแต่งงานที่นั่นก็แล้วกัน ส่วนเรื่องย้ายหนิวโหย่วเต๋อ หลังจากลงโทษครบหนึ่งร้อยปี ข้าจะปล่อยเขาออกจากกองทัพองครักษ์”
โค่วหลิงซวีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สังเกตได้ว่าประมุขชิงไม่อยากปล่อยคนไปตรงๆ แต่ก็ยังกุมหมัดขอบคุณ “ขอบคุณที่ฝ่าบาทช่วยให้สมปรารถนา!”
จู่ๆ ประมุขชิงก็เอียงหน้าบอกอีกว่า “เออใช่! ได้ยินว่าเครื่องประดับที่บุตรสาวบุญธรรมคนนั้นของเจ้าขายสวยมากเลย กลุ่มสตรีในวังหลังชอบของพวกนี้ ครั้งก่อนพาตัวมาที่อุทยานหลวงแล้ว แต่กลับถูกอ๋องสวรรค์พาตัวไป อ๋องสวรรค์ดูหน่อยว่าจะสะดวกเมื่อไร ให้บุตรสาวบุญธรรมของเจ้านำของมาที่อุทยานหลวง จะได้ให้กลุ่มผู้หญิงในวังหลังเห็นอะไรแปลกใหม่บ้าง”
“ในเมื่อบรรดาเหนียงเหนียงโปราดปราน ข้าน้อยก็จะไปเตรียมการทันที” โค่วหลิงซวีตอบ
“อืม!” ประมุขชิงพยักหน้า
เขาถึงขนาดเอ่ยปากเองแล้ว กลับไปโค่วหลิงซวีก็ย่อมต้องดำเนินการในทันที วันต่อมาก็ส่งถังเฮ่อเหนียนกับลูกสาวสองคนให้มาเรือนพักในอุทยานหลวงเป็นเพื่อนอวิ๋นจือชิว
คนเพิ่งมาจะมาถึงประตูทางเข้าเรือนพัก อวิ๋นจือชิวก็หยุดฝีเท้ามองไปยังกลุ่มภูเขาที่อยู่รอบๆ นอกประตูแล้ว จากขอคำชี้แนะจากถังเฮ่อเหนียนว่า “ท่านอาถัง ไม่ทราบว่าที่นาหลวงอยู่ตรงไหนคะ?”
โค่วเชี่ยนกับโค่วอวี่ที่เดินตามอยู่ด้วยกันสบตากันแล้วยิ้ม ทั้งสองคือลูกสาวคนที่ห้าและหกของโค่วหลิงซวี โค่วหลิงซวีมีลูกชายสามคนก่อน ตอนหลังก็มีลูกสาวอีกสามคน ลำดับการเกิดเป็นระเบียบมาก โค่วอิงลูกสาวคนที่สี่ไม่ได้มา ที่จริงอวิ๋นจือชิวอายุมากกว่าลูกสาวสามคนของตระกูลโค่ว แต่เพื่อที่จะเติมเต็มฐานะ ให้เป็นเจ้าเจ็ดก็เป็นเจ้าเจ็ดแล้วกัน
โค่วเชี่ยนยิ้มหยอกพร้อมบอกว่า “น้องเจ็ดี่คิดถึงผู้ชายจนใจลอยไปหมดแล้ว เดี่ยวข้าจะต้องไปดูสักหน่อยว่าหนิวโหย่วเต๋อนั่นหน้าตาเป็นยังไงกันแน่ ถึงทำให้เจ้าเจ็ดหลงใหลขนาดนี้ได้”
โค่วอวี่เอามือป้องปากหัวเราะคิกคัก
ถังเฮ่อเหนียนรู้ถึงความคิดของอวิ๋นจือชิว ตอนนี้เรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อถูกทำโทษแพร่ไปทั่วแล้ว นางรู้แล้วเช่นกัน เกรงว่าคงจะอยากไปดูหนิวโหย่วเต๋อสักหน่อย จึงพูดปล่อยใจด้วยเสียงเบาๆ ว่า “คุณหนูเจ็ดไม่ต้องห่วง เขาอยู่ทางนั้นไม่เป็นอะไรหรอกขอรับ ถ้าพวกท่านแอบเจอกันก่อนแต่งงานจะไม่ค่อยหน้าฟังเท่าไร ตอนนี้อดทนไว้ก่อน รออีกไม่นานก็จะได้พบกันอย่างสง่าผ่าเผยแล้ว”
ทางวังสวรรค์เพิ่งจะมีความเคลื่อนไหว ทางกองมังกรดำได้ข่าวให้มาต้อนรับ เหมียวอี้ที่กำลังฝึกวิชารีบวิ่งออกมาเช่นกัน วิ่งมาที่มุมหนึ่งของที่นาหลวง สวมเกราะเงินถือทวนเงินและยืนตรงไปทางนั้น
ผ่านไปไม่นาน เหมียวอี้ก็เห็นพาหนะหงส์มังกรบินร่อนอยู่ตรงขอบฟ้า กลุ่มหญิงงามแห่งวังหลังมากมายดุจปุยเมฆ มีทหารสวรรค์อารักขา มีเทพธิดาช่วยเสริมให้เด่น ลอยช้าๆ ไปยังที่ตั้งของพระตำหนักอุทยานราชันสวรรค์ เหมียวอี้กำลังครุ่นคิดในใจว่า ไม่รู้ว่าแดนมรณะดึกดำบรรพ์กับเผ่าหงส์และมังกรที่อยู่ทางนี้ได้ติดต่อกันหรือเปล่า
พระตำหนักอุทยาน ทหารอารักขาอย่างเข้มงวด เสียงมังกรคำรามเคล้าเสียงหงส์
บนเกี้ยวมังกร ประมุขชิงกับราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เดินลงมาพร้อมกัน เดินเคียงข้างกันไปทางพระตำหนักอุทยานสูงตระหง่าน จ้านหรูอี้ลงจากเกี้ยวหงส์ ตามหลังราชันสวรรค์และราชินีสวรรค์ไปแล้ว สนมนับหมื่นของวังหลังออกมาหมด มีแต่ยอดหญิงงามที่หาพบได้ยากในโลกทั้งนั้น พวกนางสดใสเปล่งประกาย ติดตามอยู่ข้างหลังจ้านหรูอี้
ในชั่วขณะนั้น พระตำหนักอุทยานที่โอ่อ่าอลังการหลังนี้ก็เต็มไปด้วยยอดหญิงงามแล้ว ทุกคนได้แต่แอบทอดถอนใจ เมื่อลองได้เคยเห็นฉากนี้ภาพนี้แล้ว ต่อไปพอเห็นยอดหญิงงามในโลกมนุษย์อีกก็จะมองว่าเป็นผู้หญิงธรรมดา
ผ่านไปไม่นาน อวิ๋นจือชิวที่อยู่ในเรือนพักของอ๋องสวรรค์โค่วถูกเรียกให้เข้าเฝ้า พอมาถึงพระตำหนักอุทยานแล้ว ถังเฮ่อเหนียนก็ถูกกันไว้นอกพระตำหนักอุทยาน โค่วเชี่ยนกับโค่วอวี่เข้าวังเป็นเพื่อนอวิ๋นจือชิว
ในสวนดอกไม้ที่มีทิวทัศน์งดงามอัศจรรย์ หญิงงามนับไม่ถ้วนงดงามยิ่งกว่าดอกไม้ พวกนางจับกลุ่มกระซิบกระซาบคุยกัน บนบัลลังก์ในศาลาหลักที่มีทางเดินยาว ประมุขชิงกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่นั่งอยู่เคียงกัน จ้านหรูอี้ยืนเงียบอยู่ด้านข้าง ส่วนสนมคนอื่นล้วนยืนอยู่นอกตำหนักหลัก
โค่วเชี่ยนกับโค่วอวี่ ส่วนใหญ่เหล่าสนมในวังเคยเห็นมาหมดแล้ว ส่วนฐานะของผู้หญิงอีกคนก็ไม่ต้องเดาเลย สายตาของหญิงงามนับไม่ถ้วนจ้องไปที่อวิ๋นจือชิว ในดวงตาของพวกนางบ้างก็ฉายแววอย่ากรู้อยากเห็น บ้างก็อิจฉาตาร้อน
สำหรับนางสนมกลุ่มนี้ ไม่รู้ว่าอวิ๋นจือชิวถูกผู้หญิงมากมายเท่าไรในใต้หล้าอิจฉา!
เกรงว่าในใต้หล้าคงจะมีคนรู้จักชื่อของกลุ่มสนมอย่างพวกนางไม่เยอะ ความงามของพวกนางเป็นเพียงสิ่งที่มีไว้ประดับวังหลังก็เท่านั้นเอง แต่หนิวโหย่วเต๋อที่เดือดดาลเพราะหญิงงามคนเดียวนั้น กลับทำให้ชื่อของอวิ๋นจือชิวดังสะท้านใต้หล้า จะต้องกลายเป็นตำนานในใต้หล้าแน่นอน ถ้ามีผู้ชายสักคนทำแบบนี้เพื่อตัวเองได้ เช่นนั้นก็ไมเสียแรงที่ได้เกิดมาเป็นผู้หญิงในชาตินี้แล้ว
ตอนแรกทุกคนจินตนาการไว้ว่าอวิ๋นจือชิวจะเป็นประเภทที่สวยจนท้องฟ้าตะลึงพื้นดินสะเทือน นี่ก็เป็นสาเหตุที่กลุ่มสนมทั้งวังหลังพากันออกมาดู หลังจากได้เห็นหน้าของอวิ๋นจือชิวแล้ว ก็พบว่าอวิ๋นจือชิวก็หน้าตาเท่านี้เอง แต่งตัวก็บ้านนอกมาก แต่ผู้หญิงที่หน้าตาแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีค่าพอให้หนิวโหย่วเต๋อนำกำลังพลห้าหมื่นไปทำศึกเลือดกับทัพใหญ่ที่แข็งแกร่งหนึ่งล้าน ไม่น่าเชื่อว่าหนิวโหย่วเต๋อจะไม่เสียดายอนาคต สังหารคนไปหลายแสนเพื่อผู้หญิงคนนี้!
ในชั่วขณะนั้น สนมแสนสวนส่วนใหญ่ของวังหลังต่างก็รู้สึกว่าทำใจเชื่อได้ยาก มีคนไม่น้อยถึงขั้นแอบอิจฉาในใจ รู้สึกว่าความงามของอวิ๋นจือชิวสู้พวกนางไม่ได้ แต่กลับได้กลายเป็นบุตรสาวบุญธรรมของอ๋องสวรรค์แล้ว ผิดกฎธรรมชาติเกินไปจริงๆ!
เรื่องบางเรื่องก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ที่จริงไม่ว่าใครก็รู้ทั้งนั้น ว่าสาเหตุที่อ๋องสวรรค์โค่วรับอวิ๋นจือชิวเป็นบุตรสาวบุญธรรมก็เพราะว่าชอบหนิวโหย่วเต๋อ อยากจะดึงหนิวโหย่วเต๋อมาเป็นพวกก็เท่านั้นเอง
มีคนไม่น้อยถึงขั้นคับแค้นใจว่า ‘อยู่ในยุคที่ไร้วีรบุรุษ คนไร้นามจึงกลายเป็นยอดบุรุษ'[1] รู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่ได้เข้าวังหลัง แล้วได้รู้จักสนิทสนมกับหนิวโหย่วเต๋อ เกรงว่าอวิ๋นจือชิวคงจะไม่ได้เกิดหรอก ได้แต่ทอดถอนใจกับความวาสนาดีของอวิ๋นจือชิว
ตอนแรกเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็หน้านิ่งไม่ยอมยิ้ม สงสัยเช่นกันว่าอวิ๋นจือชิวงามเลิศล้ำสะเทือนฟ้าสะเทือนดินหรือไม่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ทำให้หัวหน้าภาคยอมบังคับแต่งงานด้วยหรอก ทำไมหนิวโหย่วเต๋อจึงฆ่าคนจนเลือดนองเป็นแม่น้ำเพราะผู้หญิงคนนี้ นางรู้ว่าตัวเองไม่ได้สวย แต่ก็ดันได้อยู่ในตำแหน่งนี้ จิตใต้สำนึกนางไม่ค่อยชอบผู้หญิงที่สวยเกินไปสักเท่าไร บวกกับที่ราชันสวรรค์มาที่นี่เองเพื่อจะเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ ในใจนางก็ยิ่งรู้สึกเกิดความรู้สึกไม่พอใจแล้ว
แต่หลังจากได้เห็นอวิ๋นจือชิวแล้ว เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็อึ้งเล็กน้อย นางอยู่ที่วังหลังเห็นผู้หญิงที่งามเลิศล้ำมาจนชินแล้ว เมื่อเทียบกับสนมพวกนั้น ความงามของอวิ๋นจือชิวไม่นับว่ามากมายอะไรเลยจริงๆ นางมองซ้ายมองขวาดูปฏิกิริยาของกลุ่มนางสนมอีก แล้วก็มองไปบนใบหน้าอวิ๋นจือชิว ตอนนี้บนใบหน้านางเจือด้วยรอยยิ้มบางๆ บ้างแล้ว รู้สึกว่ามีหัวอกเดียวกัน ใครบอกล่ะว่าผู้หญิงจะต้องงามเลิศล้ำเท่านั้นถึงจะทำให้คนอิจฉาได้ ผู้หญิงเราจะมองกันที่ภายนอกไม่ได้ ต้องมองกันที่ภายใน!
เป็นเพราะหน้าตาของอวิ๋นจือชิว ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่รู้สึกดีกับอวิ๋นจือชิวขึ้นมาหลายส่วน
ประมุขชิงหรี่ตาจ้องประเมินอวิ๋นจือชิวเช่นกัน หลังจากเห็นหน้าตาของอวิ๋นจือชิวแล้วก็แปลกใจนิดหน่อย เจ้าลูกลิงมันหลับหูหลับตาก่อเรื่องเพื่อผู้หญิงคนนี้น่ะเหรอ?
แต่พอมองหลายครั้งก็พบว่าอวิ๋นจือชิวมีจุดที่ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ลักษณะท่าทางสุขุมเยือกเย็น เมื่ออยู่ในโอกาสและสถานที่แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่แสดงอาการหวาดกลัวลนลานเลยสักนิด ในลักษณะเฉพาะตัวมีมีเสน่ห์ที่เกิดจากความสุภาพ สูงส่ง ภูมิฐาน งามเย้ายวน ดิบเถื่อนรวมกัน เป็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ
จ้านหรูอี้จ้องประเมินอวิ๋นจือชิวอย่างละเอียดเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะเห็นอวิ๋นจือชิวคนนี้ นางก็ไม่มีทางตามออกมาประสมโรงกับสนมกลุ่มนี้เลย หลังจากได้เห็นตัวจริงแล้วก็รู้สึกแปลกใจ นี่คือผู้หญิงที่ทำให้หนิวโหย่วเต๋อยอมสละทุกอย่างโดยไม่เสียดายงั้นเหรอ?
ถ้าอวิ๋นจือชิวสวยข่มคนอื่นจริงๆ นางก็ยังเยือกเย็นได้หน่อย แต่ตอนนี้ในใจพรั่งพรูไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
“โค่วเชี่ยน โค่วอวี่ อวิ๋นจือชิว คารวะฝ่าบาท คารวะเหนียงเหนียง”
สามพี่น้องืนเรียงแถวนอกศาลาและคารวะพร้อมกัน
“เชี่ยนเอ๋อร์ อวี้เอ๋อร์ นี่คือน้องสาวคนใหม่ของพวกเจ้าเหรอ?” ประมุขชิงยิ้มพร้อมเอ่ยถาม
“ตอบฝ่าบาท ใช่เพคะ” โค่วเชี่ยนกล่าว
ประมุขชิงเอียงหน้ามองเซี่ยโห้วเฉิงอวี่แวบหนึ่ง เวลาที่กลุ่มผู้หญิงรวมตัวกัน ก็จะเป็นเวทีหลักของราชินีสวรรค์
คนมากมายขนาดนี้ ไม่มีอะไรต้องเปลืองคำพูดแล้วเช่นกัน เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยิ้มพร้อมบอกว่า “ได้ยินว่าเครื่องประดับที่แม่นางอวิ๋นจำหน่ายนั้นงดงามประณีต นำออกมาให้พวกเราดูหน่อยเถอะ”
“ค่ะ!” อวิ๋นจือชิวหยิบกล่องใบเล็กอันงดงามที่เตรียมไว้หลายใบออกมาทันที โค่วเชี่ยนและโค่วอวี่คอยช่วยอยู่ข้างๆ
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เอียงหน้าบอกใบ้ กลุ่มเทพธิดาออกมาจากข้างซ้ายและขวาทันที โต๊ะยาวมาวางเรียงอยู่ในสวน ช่วยสามพี่น้องเปิดกล่องเครื่องประดับ เครื่องประดับในกล่องถูกวางเป็นขั้นบันไดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จากนั้นกลุ่มเทพธิดาก็รีบถอยออกไป สามพี่น้องก็ยืนอยู่ด้านข้างของศาลาเช่นกัน
เมื่อเครื่องประดับที่งดงามเหล่านั้นเผยโฉมออกมา ก็ดึงดูดดวงตางามหลายคู่ที่อยู่รอบๆ ทันที
“ฝ่าบาท!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยิ้มพลางทำทายื่นมือเชิญ
“ดี ดูสักหน่อย” ประมุขชิงลุกขึ้นยืนเช่นกัน และไม่ลืมที่จะกวักมือเรียกจ้านหรูอี้ “สนมสวรรค์ มาดูด้วยกันสิ ดูว่ามีอันไหนที่ถูกใจมั้ย”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เหลืองมองจ้านหรูอี้อย่างเย็นเยียบทันที ความรังเกียจในสายตานั้นยากจะปิดบัง นางตามหลังประมุขชิงไปแล้ว จ้านหรูอี้ก็ตามหลังทั้งสองอย่างเงียบๆ เช่นกัน
บนโต๊ะยาวแถวแล้วแถวเล่า มีเพียงสามคนที่เดินชมอยู่ระหว่างนั้น กลุ่มสนมที่อยู่รอบด้านได้แต่ชี้ไปยังเครื่องประดับที่อยู่ในกล่อง ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย ต่างก็รู้ว่าต้องรอให้ราชินีสวรรค์กับสนมสวรรค์เลือกเสร็จก่อนจึงจะถึงคราวของพวกนาง ถ้าหยิบชิ้นที่ราชินีสวรรค์กับสนมสวรรค์ชอบไปก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัว
นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ พวกนางทำได้เพียงเลือกของเหลือ และในระหว่างพวกนางก็ยังมีคนที่เลือกได้เฉพาะของที่เหลือจากของที่เหลืออีกที กลุ่มผู้หญิงที่เลี้ยงไว้ในวังหลังพวกนี้ ยามปกติไม่มีงานอะไรทำ นอกจากสู้กันไปสู้กันมา โอ้อวดว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นแล้วยังมีอะไรให้ทำอีก?
ประมุขชิงหยุดดิน หยิบปิ่นปักผมผีเสื้ออันหนึ่งออกมาจากกล่องตรงหน้า ผีเสื้อสีแดงที่สมจริงราวกับมีชีวิตตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้สีเขียวมรกต สองสีที่ตัดกันสะดุดตามาก สีสันค่อนข้างสมจริง ถ้าไม่หยิบมาดูในมือคงนึกว่าของจริง หลังจากหยิบขึ้นมาดูให้แน่ใจแล้วว่าเป็นเพียงเครื่องประดับ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ทำเครื่องประดับให้เป็นแบบนี้จุดประสงค์อะไร?”
โค่วเชี่ยนกับโค่วอวี่รีบดึงแขนเสื้ออวิ๋นจือชิว แล้วทั้งสามก็รีบก้าวเข้ามาตรงหน้าประมุขชิง อวิ๋นจือชิวหยิบปิ่นปักผมที่สีคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันอันหนึ่งขึ้นมา แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุ้นเล็กน้อย ทำให้เห็นผีเสื้อที่อยู่บนกิ่งไม้มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที กระพือปีกบินวน แล้วก็กลับมาเกาะบนกิ่งไม้เหมือนเดิม
…………………………
[1] อยู่ในยุคที่ไร้วีรบุรุษ คนไร้นามจึงกลายเป็นยอดบุรุษ 时无英雄,使竖子成名 หมายถึงมีชื่อเสียงขึ้นมาได้เพราะโชคช่วย