ทว่าอีกฝ่ายจำเป็นต้องอธิบายเหตุผลด้วยเหรอ? ในโลกใต้ดิน โดยเฉพาะที่ตลาดผี ตึกศาลาสัตยพรตก็คือเหตุผล อีกฝ่ายมีอำนาจในกติกาของระบบนี้ แม้แต่ตำหนักสวรรค์ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้
หนุ่มหน้าหล่อหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกนิดหน่อย ทั้งชีวิตนี้ตัวเองนับว่าผ่านคลื่นลมมาก็ไม่น้อย แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เสียเปรียบขนาดนี้ ยังไม่ทันทำอะไรก็กลายเป็นอย่างนี้แล้ว
เขาแน่ใจได้เลยว่าก่อนที่อีกฝ่ายจะจับตัวเขา อีกฝ่ายต้องไม่รู้แน่ๆ ว่าเขาคือใคร แต่ไม่รู้ด้วยว่าเขาต้องการทำอะไร แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ จะจับตัวเจ้าแบบนี้ แล้วเจ้าจะทำอย่างไรได้ล่ะ?
แต่จะว่าไปแล้ว จากสิ่งนี้ก็จะให้ได้ว่าตึกศาลาสัตยพรตควบคุมตลาดผีได้ขนาดไหน ไม่น่าเชื่อว่าแค่ตัวเองเปิดหน้าต่างไว้นานก็โดนจับตามองแล้ว
และความจริงก็ได้พิสูจน์สิ่งที่เขาคาดคะเนแล้ว ชายรูปร่างกำยำผิวปาก แล้วถามอย่างสนใจว่า “หนุ่มหน้าขาว บอกมาเถอะ เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่?”
หนุ่มหน้าหล่อบุ้ยปากไปทางศพที่นอนอยู่บนพื้น “ทำขนาดนี้แล้ว เจ้าก็น่าจะรู้สิว่าพวกเราเป็นใคร บอกไปพวกเราก็ตายอยู่ดี ไม่ต้องเปลืองคำพูดแล้ว ส่งข้าไปสบายเถอะ” เมื่อไม่มีฟันแล้ว เสียงพูดก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย
“เฮ้ย! ปากแข็งใช้ได้เลยนี่” ชายรูปร่างกำยำที่ใบหน้าดุดันเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
มีคนคนหนึ่งก้าวขึ้นมาที่ข้างกายเขา เป็นคนที่นำบุกเข้าไปในห้องของหนุ่มหน้าหล่อก่อนหน้านี้ ก้าวเข้ามาหาชายรูปร่างกำยำแล้วบอกว่า “หัวหน้า เจ้าหมอนี้วรยุทธ์ไม่สูงแต่กลับใช้เคล็ดวิชาธาตุทองกับธาตุดินพร้อมกันได้ ก่อนหน้านี้ไม่ทันได้ตรวจสอบ ถ้าไม่ใชเพราะเตรียมตัวไรอบด้าน ดีไม่ดีเขาอาจจะหนีไปแล้วก็ได้”
นี่ไม่ใช่คำโกหก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกลูกน้องเฝ้าไว้เหมือนเฝ้ารอจับกระต่ายใต้ต้นไม้ ถ้าปล่อยให้คนคนนี้ตกลงมาข้างล่างทีละชั้นละชั้นจริงๆ ถ้ามุมดลงไปถึงใต้ดินเมื่อไร ถ้าอยากจะเจาะดินบนพื้นแร่ผสมนี้เพื่อหาคนอีก ก็ไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทรแล้ว
หนุ่มหน้าหล่อได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
“เคล็ดวิชาธาตุทองกับธาตุไฟเหรอ? เหมือนคนที่มีพรสวรรค์แบบนี้จะมีไม่เยอะนะ!” ชายรูปร่างกำยำแสยะหัวเราะ แล้วเอียงหน้าถามว่า “ไม่หาภาพมาเทียบสักหน่อย”
ข้างหลังมีคนหันตัวเดินออกไปทันที ขณะเดียวกันก็มีคนมาค้นตัวศพบนพื้นและหนุ่มหน้าหล่อ ค้นของทั้งหมดบนตัวทั้งสองออกมาแล้ว
ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนนำภาพวาดเข้ามาเทียบกับหนุ่มหน้าหล่อ หลังจากกำหนดเป้าหมายได้แล้ว ก็นำภาพวาดส่งให้ชายรูปร่างกำยำ
ชายรูปร่างกำยำหยิบแผ่นหยกมาเทียบด้วยตัวเองอีกครั้ง ทังยังบีบใบหน้าของหนุ่มหน้าหล่อแล้วสำรวจทางซ้ายทางขวาอย่างละเอียดด้วย แล้วสุดท้ายก็หัวเราะเบาๆ “โจรราคะเจียงอีอี ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเจ้าหมอนี่ ทีแรกก็นึกว่ามีพรสวรรค์พิเศษ แต่ในปากซ่อนฟันพิษเอาไว้นี่เอง สงสัยจะเป็นหน่วยกล้าตายของตระกูลไหนสักตระกูล น่าสนใจทีเดียว ข้าว่านะเจียงอีอี มาอยู่ที่นี่แล้วปากแข็งไปก็ไม่มีประโยชน์ ก็แค่ได้เห็นว่าสุดท้ายเจ้าจะทนได้นานสักแค่ไหน เมื่อมาอยู่ที่นี่ก็มีวิธีรับมือกับคนปากแข็งได้อยู่แล้ว ยังไม่มีใครทนวิธีการสอบสวนของที่นี่ได้เลย สุดท้ายไม่ว่าอะไรก็โดน ได้รับความทรมานเต็มที่ จำเป็นต้องทำอย่างนั้นด้วยเหรอ?”
ไม่ผิดหรอก หนุ่มหน้าหล่อคือเจียงอีอีจริงๆ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะติดกับดักแบบนี้
พอได้ยินถึงวิธีการสอบสวน เจียงอีอีก็สีหน้าเปลี่ยนเป็นย่ำแย่นิดหน่อย กัดริมฝีปากแน่น แล้วบอกว่า “อย่าเสียแรงเปล่าเลย ปล่อยให้ข้าไปสบายเถอะ!”
“ไม่รู้จักอ่านสถานการณ์ งั้นข้าก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน น้องๆ จัดให้เขาหน่อย!” ชายรูปร่างกำยำพูดทิ้งท้ายแล้วเอามือไขว้หลังเดินออกไป หลังจากเดินออกจากประตูมาแล้ว ก็เดินไปพลางพูดไปพลางว่า “เอาระฆังดารางบนตัวพวกเขามาเปรียบเทียบ ดูซิว่าจะมีคนใหญ่คนโตติดต่อกับพวกเขาหรือเปล่า เจ้าเวรนี่มันลงมือกับผู้หญิงของขุนนางตำหนักสวรรค์โดยเฉพาะ ทั้งยังเป็นหน่วยกล้าตายอีก เกรงว่าประวัติความเป็นมาจะไม่ธรรมดาหรอก ถ้าเป็นคนทั่วไปก็ตัดออกได้เลย เทียบตั้งแต่ข้างบนลงไปข้างล่างอาจจะประหยัดเวลาได้”
ตึกศาลาสัตยพรตควบคุมโลกใต้ดินมานานขนาดนี้ ได้แอบสร้างช่องทางขนาดใหญ่ที่พิเศษไม่เหมือนใครเอาไว้เปรียบเทียบตราอิทธิฤทธิ์
“ขอรับ!” คนที่อยู่ข้างหลังเอ่ยรับคำสั่งแล้วออกไป
“อา!” เสียงร้องโหยหวนน่าเวทนาดังมาจากห้องศิลาด้านหลัง ชายรูปร่างกำยำหันกลับไปมองแวบหนึ่ง แล้วส่ายหน้ายิ้ม “สุราคำนับมิยอมดื่ม ต้องดื่มสุราทัณฑ์!”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ชายรูปร่างกำยำก็มาถึงหน้าห้องห้องหนึ่งแล้วเคาะประตู ข้างในมีเสียงตอบกลับมาว่า “เข้ามา” เขาจึงผลักประตูเข้าไปแล้วปิดประตู หลังจากเดินไปถึงคนที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างแล้วก็ทำความเคารพ”คุณชายชี”
ชีเจวี๋ยที่เอามือไขว้หลังยืนอยู่ริมหน้าต่างเหมือนจะเหม่อลอยนิดหน่อย หลังจากเงียบไปสักประเดี๋ยวถึงได้ถามว่า “ถามได้เรื่องอะไรอะไรหรือเปล่า?”
“คุณชายชี โจรราคะคนนี้ปากแข็งมาก จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ยอมเปิดปากเลย” ชายรูปร่างกำยำตอบ
ชีเจวี๋ยหันกลับมามองอย่างเย็นเยียบแวบหนึ่ง “งั้นเจ้าจะถ่อไปถ่อมาทำไม? จะให้ข้าตอบเถ้าแก่ไปอย่างนี้เหรอ?”
ชายรูปร่างกำยำหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “คุณชายชีอย่าใจร้อนไป คาดว่าเขาจะพูดหรือไม่พูดก็ไม่สำคัญแล้ว นี่คือของที่น่าสนใจที่ค้นได้จากตัวเขา ท่านลองเดาสิว่าพวกเราเปรียบเทียบของบนตัวโจรราคะแล้วเจอระฆังดาราที่ใช้ติดต่อใคร?”
ชีเจวี๋ยรู้สึกสนใจทันที รู้ว่าการที่อีกฝ่ายพูดแบบนี้ แสดงว่าจะต้องมีอะไรสักอย่างแน่นอน จึงหันตัวมาถาม “อย่ามัวหัวเราะคิกคักอ้อมค้อมกับข้า มีอะไรก็รีบพูดมา”
ชายรูปร่างกำยำยังคงตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “หวงฝู่ตวนฮ่าว! หวงฝู่ตวนฮ่าวจากตระกูลหวงฝู่ เป็นไปได้สูงว่าโจรราคะจะเป็นคนของสมาคมวีรชน”
ชีเจวี๋ยหรี่ตาเล็กน้อย “มีระฆังดาราที่ใช้ติดต่อหวงฝู่ตวนฮ่าวก็ไม่สำคัญอะไรหรอก ถ้าเขารู้จักแค่หวงฝู่ตวนฮ่าวคนเดียวล่พ แบบนั้นก็อธิบายไม่ได้ว่าเขาเป็นคนของสมาคมวีรชน”
ชายรูปร่างกำยำส่ายหน้า “คุณชายชี ประเด็นสำคัญคือโจรราคะคนนี้มีฐานะพิเศษ ไม่มีทางให้ใครรู้ตัวตนของเขามากเกินไป คนที่ไปมาหาสู่กันก็มีไม่เยอะ และระฆังดาราที่อยู่บนตัวก็มีไม่มากด้วย แต่ในจำนวนนั้นกลับมีช่องทางติดต่อหวงฝู่ตวนฮ่าว สิ่งนี้ควรค่าแก่การพิจารณา ที่สำคัญที่สุดก็คือ บนตัวของคนตายอีกคนก็มีระฆังดาราที่ใช้ติดต่อหวงฝู่ตวนฮ่าวเช่นกัน จะไม่ให้คนสงสัยไม่ได้หรอกขอรับ”
ชีเจวี๋ยประสานนิ้วทั้งสิบไว้ตรงหน้าท้อง นิ้วหัวแม่มือถูไถอยู่ด้วยกัน “ไป! สืบข้อมูลเป้าหมายของเจียงอีอีในคดีที่เคยก่อมา”
“ขอรับ!” ชายรูปร่างกำยำพยักหน้า แล้วรีบเดินออกไป
“เป็นคนของสมาคมวีรชนจริงเหรอ?”
จนกระทั่งชีเจวี๋ยได้รับรู้สถานการณ์แล้วกลับมารายงานเฉาหม่าน เฉาหม่านก็ถามอย่างประหลาดใจ
“มีความเป็นไปได้เก้าในสิบ น่าจะไม่ผิดพลาดขอรับ” ชีเจวี๋ยพยักหน้า
เฉาหม่านเดินไปเดินมา แล้วกล่าวอย่างไม่เข้าใจว่า “สมาคมวีรชนอยู่ในมือซ่างกวนชิง นับว่าเป็นของวังสวรรค์เช่นกัน แต่เจียงอีอีคนนี้กลับลงมือกับผู้หญิงของขุนนางตำหนักสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?”
ชีเจวี๋ยกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้บ่าวก็คิดไม่ตกเช่นกัน ตอนหลังเมื่อได้รวบรวมภูมิหลังของเป้าหมายที่เจียงอีอีก่อคดี ก็พบว่าระยะเวลาที่เกิดเรื่องขึ้นไม่แน่นอน อาณาเขตก็ไม่แน่นอน ถ้าไม่ตรวจสอบก็คงไม่รู้ แต่พอตรวจสอบแล้วก็ตกใจ จากจำนวนคนส่วนหนึ่งในนั้น เราพบว่ามีจุดหนึ่งมีเหมือนกัน นั่นก็คือแต่ละคนล้วนเคยล่วงเกินท่านนั้นของวังสวรรค์ไม่มากก็น้อย หากท่านนั้นของวังสวรรค์ไม่ชอบ แต่ก็ดันติดที่ไม่มีเหตุผลข้ออ้าง ท่านนั้นของวังสวรรค์กลับทำอะไรพวกเขาไม่ได้ สุดท้ายทั้งหมดล้วนโดนเจียงอีอีสร้างความอัปยศให้อย่างโหดร้าย แน่นอน มีบางคดีที่ไม่ได้มีสถานการณ์พิเศษเลยสักนิด แต่บ่าวคิดว่านี่เป็นภาพลวงตาเท่านั้น ล้วนทำไปเพื่อปิดบังข้างหน้า จะได้ไม่ทำให้คนสงสัย”
“อ้อ!” เฉาหม่านที่เดินไปเดินมาหยุดฝีเท้า แล้วเดาะลิ้นบอกว่า “สงสัยการที่ซ่างกวนชิงดูแลวังสวรรค์มาได้หลายปีขนาดนี้ คงจะมีวิธีดีๆ ในการประจบเอาใจประมุขชิงจริงๆ ขนาดวิธีการสกปรกโสมมแบบนี้ก็กล้าใช้ ไม่แปลกใจที่สามารถยืนหยัดได้โดยไม่ล้ม เป็นที่รักที่โปรดปราน! สงสัยโจรราคะเจียงอีอีที่ตำหนักสวรรค์สืบคดีมาหลายปีคงจะเป็นผลงานของวังสวรรค์ เขาเอาไว้ใช้ข่มคนที่มีความเห็นแย้ง มิน่าล่ะจึงไม่เคยจับตัวได้เลย มีคนรายงานข่าวโจรราคะคนนี้มาตลอด แต่จะจับยังไงล่ะ? เป็นเพราะวังสวรรค์ไม่มีทางยื่นมือเข้ามาแทรกทางฝั่งพวกเราได้ เลยทำให้พวกเราเจอช่องโหว่ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็อาจจะจับโจรคนนี้ไม่ได้ ครั้งนี้เจียงอีอีก็มาจับตาดูที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีอีก…” เขากล่าวพลางกลั้วหัวเราะ
ชีเจวี๋ยพยักหน้าบอกว่า “เมื่อมีภูมิหลังแบบนี้แล้วก็เดาได้ไม่ยากถึงจุดประสงค์ที่เจียงอีอีจับตาดูจวนแม่ทัพภาคตลาดผี ประมุขชิงเสียเปรียบให้อ๋องสวรรค์โค่ว จะต้องคิดหาทางกู้สถานการณ์คืนแน่นอน ถ้าลูกสาวบุญธรรมของอ๋องสวรรค์โค่วถูกทำให้เสียชื่อเสียงเมื่อไร เกรงว่าหนิวโหย่วเต๋อก็คงยากที่จะรับมือไหวเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าต้องการจะจับคู่นี้แยกออกจากกัน แล้วค่อยดึงตัวหนิวโหย่วเต๋อกลับมาที่วังสวรรค์อีกที และก่อนหน้านี้หนิวโหย่วเต๋อก็ใส่ร้ายเจียงอีอีในคดีน่านฟ้าระกาติงอยู่แล้ว ถ้าเจียงอีอีจะมาล้างแค้นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็จะไม่มีใครสงสัยทางวังสวรรค์”
เฉาหม่านพยักหน้า “วิธีการนี้ชั่วร้ายจริงๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีประสิทธิภาพมาก”
“แล้วจะบอกหนิวโหย่วเต๋อดีมั้ย?” ชีเจวี๋ยถาม
“ไม่!” เฉาหม่านยกมือห้าม แล้วกล่าวด้วยสีหน้าแปลกๆ ว่า “ยิ่งมีคนรู้เรื่องนี้ไม่เยอะ ก็ยิ่งทำให้จุดอ่อนที่พวกเรากุมไว้มีอานุภาพมาก เจ้าลองคิดดูสิ ถ้าให้คนในใต้หล้ารู้ว่าวังสวรรค์ทำเรื่องสกรกแบบนี้ แล้วประมุขชิงจะทนความรู้สึกได้อย่างไร? ขุนนางพวกนั้นที่เคยโดนเจียงอีอีสร้างความอัปยศให้จะคิดยังไง? ขุนนางทั้งราชสำนักจะคิดยังไง? ตอนนี้ฝ่ายของข้ากำลังร่วมมือกับตาแก่โค่วเพื่อกดดัน ช่วยให้ราชินีสวรรค์ให้กำเนิดทายาท แต่ประมุขชิงกลับถ่วงเวลาอยู่อย่างนั้น ตาแก่โค่วก็อาจจะไม่เห็นกระต่ายไม่ปล่อยเหยี่ยว ตระกูลอื่นก็คงไม่อยากให้นายท่านได้ผลประโยชน์ไปเหมือนกัน ตอนนี้มีจุดอ่อนนี้อยู่ในมือแล้ว ฝั่งพวกเราก็สามารถช่วยประมุขชิงตัดสินใจได้ หนิวโหย่วเต๋อคนนี้ช่างมาที่ตลาดผีได้เหมาะเจาะจริงๆ ไม่เสียแรงที่ช่วยเขาเอาไว้!”
“แล้วกับเจียงอีอีนั่นจะเอายังไงขอรับ?” ชีเจวี๋ยถาม
“โจรราคะคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญ รอให้ข้ายืนยันกับทางนายท่านก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เฉาหม่านพูดพลางหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับภายนอก
หลังจากผ่านไปนานมาก เฉาหม่านก็วางระฆังดาราแล้วหันกลับมาถามว่า “ทางเจียงอีอียอมรับหรือยัง?”
ชีเจวี๋ยตอบว่า “ยังขอรับ เขากระดูกแข็งมาก คาดว่ายังทนได้อีกสักระยะ แต่สุดท้ายก็เลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องเปิดปาก”
“ไปบอกลูกน้องเดี๋ยวนี้ว่าไม่ต้องทรมานอีก จะให้เจียงอีอียอมรับไม่ได้” เฉาหม่านกล่าว
ชีเจวี๋ยอึ้ทันที แต่ก็รีบหยิบระฆังดารามาติดต่อลูกน้อง ก่อนจะถามอย่างแปลกใจว่า “หรือว่าทางฝั่งนายท่านพิจารณาอะไรอย่างอื่นอยู่?”
เฉาหม่านถอนหายใจแล้วบอกว่า “เรื่องบางเรื่องนายท่านก็มองได้ไกลกว่านั้น เรื่องวางแผนอย่างรอบคอบและคิดการณ์ไกล ข้ายังเทียบกับนายท่านไม่ติด! จุดประสงค์ของนายท่านก็ไม่ได้ซับซ้อน จุดอ่อนแบบนี้ถ้าไม่ถึงยามหน้าสิ่วหน้าขวานก็จะเอามาใช้ไม่ได้ ต่อให้ประมุขชิงยอมประนีประนอมแล้ว แต่ก็จะอับอายจนโมโห ต่อให้ทางราชินีสวรรค์จะให้กำเนิดทายาทแล้ว แต่ตระกูลเซี่ยโห้วก็ยังต้องขู่เข็ญประมุขชิงอีก ประมุขชิงไม่มีทางรับสิ่งนี้ไหว เกรงว่าต่อให้ราชินีสวรรค์จะมีทายาทแล้ว แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็อาจไม่เป็นที่พอใจของตระกูลเซี่ยโห้ว โยนเจียงอีอีให้หนิวโหย่วเต๋อแล้วกัน!”
“ให้หนิวโหย่วเต๋อ?” ชีเจวี๋ยแปลกใจ
เฉาหม่านอธิบายว่า “หลังจากให้หนิวโหย่วเต๋อแล้ว ก็ปล่อยข่าวออกไปทันที บอกว่าหนิวโหย่วเต๋อจับตัวเจียงอีอีได้แล้ว”
ชีเจวี๋ยบอกว่า “เกรงว่าซ่างกวนชิงจะเดาออกแล้วว่าพวกเราจับเจียงอีอี ถ้าส่งคนในหนิวโหย่วเต๋อตอนนี้แล้วจะมีความหมายอะไรอีก”
“ทำไมจะไม่มีความหมาย? เจียงอีอีไม่ยอมรับไม่ใช่เหรอ?” เฉาหม่านกล่าวกลั้วหัวเราะ “พอปล่อยข่าวออกไป ซ่างกวนชิงที่ร้อนใจดั่งไฟลนก็จะต้องเคลื่อนไหวแน่นอน หนิวโหย่วเต๋อก็จะต้องโดนกดดันแน่ จะสั่งเขาว่าห้ามทำอะไรเจียงอีอีโดยพลการ ให้ส่งตัวผู้ร้ายขึ้นไป สาเหตุก็ไม่ได้ซับซ้อน เพราะซ่างกวนชิงจะต้องเดาออกแน่ว่าเจียงอีอีตกอยู่ในมือของพวกเราก่อน เขาต้องแน่ใจว่าเจียงอีอีพูดอะไรไปแล้วหรือยัง จะได้รับมือได้สะดวก”
…………………………