พอเจอหน้ากัน ซือหม่าเวิ่นเทียนก็ถามทันทีว่า “ซ่างกวน มีเรื่องด่วนเรื่องร้อนอะไรถึงเรียกพวกเรามาพบ?”
ซ่างกวนชิงมีสีหน้าขื่นขม กุมหมัดคารวะกล่าวซ้ำๆ ว่า “เกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นแล้ว”
ซือหม่าเวิ่นเทียนมองเขาศีรษะจดเท้า แล้วถามว่า “เรื่องใหญ่อะไรถึงทำให้เจ้าตกใจขนาดนี้? อย่าบอกนะว่าฝ่าบาทจะตัดหัวเจ้า?”
“คงจะประมาณนั้น” ซ่างกวนชิงกล่าวด้วยเสียงต่ำเบาว่า “ไม่ปิดบังพวกเจ้าทั้งสองนะ เจียงอีอีเป็นคนของสมาคมวีรชน ตอนนี้ตกอยู่ในมือตึกศาลาสัตยพรตแล้ว…” เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ
ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนอึ้งทันที จากนั้นก็เบิกตากว้างพลางสูดหายใจลึก ทั้งคู่ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้แล้ว พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“เรื่องนี้อาจจะทำให้ฝ่าบาทตัดหัวข้าเพราะความโมโหก็ได้ ที่ข้าเชิญทั้งสองมา ก็เพราะหวังว่าทั้งสองจะช่วยพูดให้ข้าหน่อย ขอร้องล่ะ!” ซ่างกวนชิงเรียกได้ว่าค้อมกายคารวะซ้ำๆ
“เจ้าหมายความว่า ฝ่าบาทยังไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?” เกาก้วนถามเสียงต่ำ
ซ่างกวนชิงส่ายหน้า “ข้ารู้ว่าเรื่องแบบนี้ปิดบังกันไม่ไหวแล้ว แต่ก่อนที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ ข้าจะกล้าเอ่ยปากบอกฝ่าบาทได้ยังไง โชคดีที่ตอนนี้เรื่องราวเกิดการเปลี่ยนแปลง ขอร้องพวกเจ้าสองคนด้วย”
ซือหม่าเวิ่นเทียนแสยะยิ้มไม่หยุด “ข้าว่านะซ่างกวน ข้าจะว่าเจ้ายังไงดี กับเรื่องแบบนี้เจ้ากล้าปล่อยให้เกิดช่องโหว่ได้ยังไง?”
ซ่างกวนชิงเถียงไม่ออก กุมหมัดคารวะขอร้องอีกครั้ง
เกาก้วนเหล่ตาถาม “เรื่องแบบนี้เจ้าควรจะไปขอให้โพ่จวินช่วย มีแค่เขาที่กล้าเถียงกับฝ่าบาท พวกเราสองคนไม่ได้หัวแข็งขนาดนั้น”
“เห้อ!” ซ่างกวนชิงกลอกตามองบน “เหล่าเกา เจ้ากลัวว่าข้าจะไม่ตายใช่มั้ย? เจ้ายังไม่รู้จักนิสัยเจ้าอารมณ์ของโพ่จวินอีกเหรอ? จะให้โพ่จวินรู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะ ถ้าให้โพ่จวินรู้ว่าข้าทำเรื่องลับลวงพรางขนาดนี้ นอกจากเขาจะไม่ช่วยข้าแล้ว ดีไม่ดีอาจจะซ้ำเติมด้วยซ้ำ ข้าไปมีเรื่องกับท่านนั้นไม่ไหว ตกลงไหม? แล้วอีกอย่างนะ เรื่องแบบนั้นจะให้คนรู้เยอะได้ยังไง แต่ฐานะของพวกเจ้าสองคนไม่เหมือนกัน”
“เจ้ากำลังบอกว่า พวกเราสองคนทำเรื่องลับลวงพรางบ่อย ก็เลยมาหาพวกเราใช่มั้ย?” เกาก้วนถาม
ซือหม่าเวิ่นเทียนเอามือลูบจมูกโดยไม่รู้ตัว ก็พูดไม่ผิดจริงๆ เกาก้วนกุมหน่วยตรวจการขวายังใช้วิธีแข็งกร้าวได้บ้าง แต่เขาคุมหน่วยตรวจการซ้าย จึงทำเรื่องลับลวงพรางไว้เยอะ ขอเพียงทำให้บรรลุเป้าหมาย ไม่วิธีการต่ำช้าอย่างไรก็ใช้ได้หมด เมื่อเทียบกับซ่างกวนชิงแล้วถือว่าไม่น้อยกว่าเลย
“เห้อ! นี่มันเวลาไหนแล้ว เจ้าจะมาเถียงกับข้าเรื่องนี้ทำไม?” ซ่างกวนชิงถึงแขนเสื้อของทั้งสองคน “ไปเถอะ พวกเจ้าเห็นคนกำลังจะตายอยู่แล้ว จะไม่ช่วยเหลือได้ยังไง?”
ที่จริงทั้งสองไม่อยากจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ เพราะจินตนาการได้ถึงปฏิกิริยาของฝ่าบาทหลังจากได้รู้เรื่องนี้ การพรวดพราดเข้าไปในเวลานี้ก็คงไม่ได้ผลดีอะไร แต่ก็ช่วยไม่ได้ ถึงอย่างไรซ่างกวนชิงก็เป็นคนข้างกายฝ่าบาท คอยบอกใบ้ชี้แนะพวกเขาบ่อยๆ ทั้งสองนับว่าได้รับน้ำใจจากซ่างกวนชิงมาไม่น้อย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องตอบแทนน้ำใจก็ได้ แต่อย่างน้อยในภายหลังก็ยังมีเรื่องที่ต้องขอให้ซ่างกวนชิงช่วยพูดต่อหน้าฝ่าบาทอีก
ทั้งสองจำเป็นต้องเดินตามหลังเขาไป หลังจากเข้าไปในวังแล้ว เห็นว่าสถานที่ที่จะไปคือวังหลัง ซือหม่าเวิ่นเทียนก็เลยขมวดคิ้วถามว่า “ฝ่าบาทอยู่ที่ไหน?”
“ที่ตำหนักบูรพา” ซ่างกวนชิงถาม
อยู่กับสนมสวรรค์อีกแล้วเหรอ? ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนสบตากันแวบหนึ่งโดยจิตใต้สำนึก ตอนนี้ขอเพียงตาไม่บอดก็ล้วนดูออก ว่าฝ่าบาทรักและโปรดปรานสนมสวรรค์ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ระหว่างทาง ทั้งสามปรึกษากันว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร
หลังจากมาถึงประตูของตำหนักบูรพา ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนก็ไม่สะดวกจะเข้าไปอีก ข้างในเป็นตำหนักบรรทมของสนมสวรรค์ ผู้ชายสองคนไม่สะดวกจะล่วงล้ำเข้าไป ส่วนซ่างกวนชิงก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปแล้ว พอไปถึงประตูนอกตำหนักหลังหนึ่งก็ส่งเสียงเรียก “ฝ่าบาท ทูตซ้ายซือหม่ากับทูตขวาเกาขอพบ”
ผ่านไปไม่นาน ประมุขชิงที่สวมชุดลำลองผ้ามุ้งบางทั้งตัวก็เดินออกมาพร้อมผมที่ปล่อยยาวสยาย ดูจากใบหน้าที่อมยิ้มแล้วก็เหมือนจะอารมณ์ดีใช้ได้เลย เขาพยักหน้าบอกว่า “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ” จากนั้นก็ก้าวเดินลงบันได เดินไปในศาลาที่อุทยาน
ผ่านไปไม่นาน ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนก็มาพร้อมกัน หลังจากเข้ามาทำความเคารพในศาลาแล้ว ก็ต่างคนต่างรายงานเรื่องสำคัญของตัวเอง ก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้ต้องช่วยเล่นละครให้ความร่วมมือกับซ่างกวนชิง ต่อให้ไม่มีเรื่องอะไรแต่ก็ต้องหาทางกุเรื่องขึ้นมารับมา
ซ่างกวนชิงยืนอยู่ข้างกายประมุขชิง แต่ทำท่าทางเหมือนไม่มีเรื่องอะไร ต่อให้ในใจจะมีเรื่องอะไร แต่ในภายนอกก็มองไม่เห็นพิรุธใดๆ ทำเอาซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนแอบด่าในใจไม่หยุด
หลังจากรายงานเรื่องใหญ่ๆ เสร็จ ประมุขชิงให้คำชี้แนะเล็กน้อยแล้ว ก็ถามตามความเคยชินอีกว่า “ช่วงนี้แต่ละที่สงบเงียบดีใช่มั้ย?”
ซือหม่าเวิ่นเทียนตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องอื่น แต่เพิ่งจะได้ข่าวมาเรื่องหนึ่ง ได้ยินว่าโจรราคะเจียงอีอีผู้โด่งดังที่จับตัวไม่ได้มาหลายครั้งติดกับดักที่ตลาดผีแล้ว ตกอยู่ในมือแม่ทัพภาคตลาดผีหนิวโหย่วเต๋อแล้วขอรับ”
ประมุขชิงราวกับโดนกระตุ้นให้สะเทือนอารมณ์ เบิกตากว้างในชั่วพริบตาเดียว
เกาก้วนกล่าวเสียงเรียบว่า “ข้าน้อยก็เพิ่งได้ข่าวด้านนี้มาเช่นกัน เหมือนจะตกอยู่ในมือตึกศาลาสัตยพรตก่อน จากนั้นตึกศาลาสัตยพรตก็ส่งต่อให้หนิวโหย่วเต๋ออีก”
“ตกอยู่ในมือตึกศาลาสัตยพรตเหรอ?” ประมุขชิงนั่งไม่ติดที่แล้ว เพล้ง! ใช้ฝ่ามือตบลงบนผวิโต๊ะศิลาหยก ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเป็นโต๊ะที่ก่อตัวจากพลังปรารถนา โต๊ะพังกระเด็นเกลื่อนพื้นในชั่วพริบตาเดียว
เสียงความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ทหารยามข้างนอกปรากฏตัวพร้อมกัน คนในตำหนักบูรพาก็ตกใจกับเสียงนี้เช่นกัน ขนาดจ้านหรูอี้ที่สวมชุดลำลองผ้ามุ้งบางยังยื่นตัวออกมาดูตรงประตู
ประมุขชิงพลันลุกขึ้นยืน จ้องมองรอบวงด้วยแววตาเดือดดาล แล้วโบกมือตะคอกว่า “ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้า ไสหัวออกไปให้หมด!”
คนที่เข้ามาล้อมหายไปจนไม่เห็นเงาแล้ว ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนกลับทำท่าเหมือนแปลกใจ ส่วนซ่างกวนชิงก็โค้งตัวค้างไว้ ตกใจจนตัวสั่นระริก
ตอนนี้ประมุขชิงถึงได้หันตัวมาช้า แล้วมองไปที่ซ่างกวนชิง ถามอย่างดุดันว่า “นี่คืองานที่เจ้าทำเหรอ? เจ้าไม่คิดจะให้คำอธิบายกับข้าสักหน่อยเหรอ?”
“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ ข้าน้อยไม่รู้เรื่องจริงๆ ข้าน้อยจะติดต่อไปยืนยันเดี๋ยวนี้” ซ่างกวนชิงที่มีสีหน้าหวาดกลัวรีบหยิบระฆังดาราออกมา ไม่รู้ว่าติดต่อไปที่ไหน
“เหตุใดฝ่าบาทจึงเดือดดาลขนาดนี้?” ซือหม่าเวิ่นเทียนลองถาม
ประมุขชิงกระอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างถี่กระชั้น สายตากวาดมองบนใบหน้าเกาก้วนและซือหม่าเวิ่นเทียน สุดท้ายก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกว่า “ทีแรกข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน พอได้ยินเจ้าชาติสุนัขนี่เอ่ยขึ้นมาถึงได้รู้ เจียงอีอีเป็นคนของสมาคมวีรชน ชาติสุนัข!” พอพูดจบ ก็ใช้เท้าเตะบนก้นของซ่างกวนชิงหนึ่งที
ซ่างกวนชิงแทบจะล้มลงเหมือนสุนัขกินอุจจาระ เขารีบลุกขึ้นยืนโดยยังไม่หยุดเขย่าระฆังดาราในมือ
ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนเห็นแล้วแอบทอดถอนใจ ได้อยู่ใกล้ฝ่าบาทก็มีเหมือนกัน ได้อยู่ไกลฝ่าบาทสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยฝ่าบาทก็ไม่ดุด่าหรือลงไม้ลงมือกับพวกเขาสองคน สิทธิพิเศษแบบซ่างกวนชิงกับโพ่จวินเป็นสิ่งที่พวกเขาสัมผัสไม่ถึง แต่จะว่าไปแล้ว สิ่งนี้ก็อธิบายได้ชัดเจนว่าซ่างกวนชิงกับโพ่จวินต่างหากที่เป็นลูกน้องคนสนิทของฝ่าบาทอย่างแท้จริง
ทว่าทั้งสองก็ยังต้องให้ความร่วมมือในการแสดงละคร ทั้งคู่ทำสีหน้าตกใจมาก ร้อง “อ๋า!” แล้สมองหน้ากันเลิกลั่ก
เหมือนจะรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้แล้ว ซือหม่าเวิ่นเทียนกล่าวเสียงต่ำว่า “ตกอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อก็จัดการง่าย แต่ถ้าผ่านมือตึกศาลาสัตยพรตก็จะจัดการยากแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าตึกศาลาสัตยพรตได้ล้วงอะไรจากปากเจียงอีอีหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินคำนี้ ประมุขชิงก็ขยับเท้าอีกรอบ เตะซ่างกวนชิงกระเด็นออกนอกศาลาเสียเลย
ผ่านไปไม่นาน ซ่างกวนชิงก็วิ่งกลับมาอย่างกลัวเกรงอีก แล้วรายงานสถานการณ์ที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่นี้ สุดท้ายก็พูดคลี่คลายสถานการณ์ว่า “ฝ่าบาท เดิมทีทางสมาคมวีรชนมีแผนรับมือ รวบรวมยอดฝีมือเตรียมจะไปชิงตัวคนที่ตึกศาลาสัตยพรต เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ ตึกศาลาสัตยพรตจะส่งคนไปที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผี ทางสมาคมวีรชนก็อยากจะแก้ไขเรื่องนี้ก่อน เมื่อได้คำอธิบายแล้วค่อยรายงานข้าน้อยทีหลัง ก่อนหน้านี้ข้าน้อยไม่รู้สถานการณ์เลยจริงๆ”
ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนแอบพูดไม่ออก เพื่อที่จะปกป้องตัวเอง เจ้านี่จึงผลักสมาคมวีรชนออกมาเป็นโล่กำบังเสียเลย ถ้ามีอะไรไม่เหมาะสมขึ้นมา เกรงว่าในภายหลังตระกูลหวงฝู่คงจะกลายเป็นเถ้าถ่านกันทั้งหมด
ประมุขชิงด่ายับเลยว่า “ได้คำอธิบายบ้าอะไรเล่า! ตึกศาลาสัตยพรตไม่ได้อยู่ในระบบของตำหนักสวรรค์ บุกโจมตีก็ไม่เป็นไร อย่าบอกนะว่าตอนนี้ยังคิดจะนำคนบุกโจมตีจวนแม่ทัพภาคตลาดผีด้วย ตึกศาลาสัตยพรตจะนิ่งดูดายได้เหรอ? ขอเพียงมีใครสักคนของสมาคมวีรชนติดกับดัก ก็จะถือว่าสมาคมวีรชนทำผิดกฎสวรรค์แล้ว ถ้ามีคนล้างเลือดเพื่อรักษากฎสวรรค์ขึ้นมา แม้แต่ข้าก็พูดอะไรไม่ได้!”
ซ่างกวนชิงตัดสินใจแสดงความฉลาดของตัวเองออกมา “ฝ่าบาทช่างปราดเปรื่อง เมื่อครู่นี้ข้าน้อยตำหนิพวกเขาไปแล้ว สั่งให้พวกเขาหยุดแล้ว”
“เจียงอีอีเป็นหรือตาย?” ประมุขชิงถาม
“อยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อ ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายขอรับ” ซ่างกวนชิงตอบ
“ปัญหาในตอนนี้ก็คือ เจียงอีอีได้พูดอะไรเหลวไหลไปหรือเปล่า” ประมุขชิงกล่าว
เพื่อที่จะระงับไฟโกรธของประมุขชิง ซ่างกวนชิงจึงบอกว่า “สมาคมวีรชนให้เขาทำเรื่องนี้ได้ ก็ย่อมมีวิธีควบคุมเขาได้เช่นกัน สมาคมวีรชนมีความมั่นใจมาก ว่าต่อให้ตายยังไงเจียงอีอีก็ไม่มีทางปริปาก คนยังไม่ตาย ก็น่าจะยังไม่คายความลับอะไรออกมา แน่นอน เรื่องนี้ยังต้องรอให้เจียงอีอียืนยันเอง โชคดีที่เจียงอีอียังมีชีวิตอยู่ขอรับ”
ที่บอกว่าสมาคมวีรชนมีความมั่นใจมากคืออะไร? ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนแอบส่งสายตาให้กัน เพื่อที่จะทำให้ฝ่าบาทระงับโทสะ ซ่างกวนก็ช่างกล้าพูดฌอ้อวดทุกอย่างจริงๆ แบบนี้เป็นการผลักตระกูลหวงฝู่ให้ตกหลุมพรางมรณะชัดๆ ถ้ายืนยันได้ว่าเจียงอีอีพูดอะไรไปแล้ว เช่นนั้นตระกูลหวงฝู่ก็จะโดนเพิ่มโทษข้อหาปิดบังไม่ยอมรายงาน ถ้าเกิดปัญหาขึ้นก็ล้วนเป็นความผิดของตระกูลหวงฝู่ที่ไม่ยอมรายงาน ส่วนซ่างกวนชิงก็โดนตระกูลหวงฝู่ปิดบังเช่นกัน ถึงตอนนั้นตระกูลหวงฝู่จะยังมีทางรอดอีกเหรอ? อย่าว่าแต่ฝ่าบาที่จะไม่ปล่อยไป เกรงว่าซ่างกวนก็จะฆ่าปิดบังเช่นกัน ต้องทราบไว้ว่าในมือซ่างกวนยังมีหน่วยองครักษ์เงา!
แต่จะว่าไปแล้ว ที่จริงตระกูลหวงฝู่ก็เป็นเพียงสุนัขรับใช้ตัวหนึ่งที่อยู่ใต้เท้าซ่างกวนชิง ยามเผชิญอันตรายเจ้าของจะเลือกปกป้องตัวเอง หรือจะเลือกทิ้งเจ้าของเพื่อปกป้องสุนัขตัวนั้นล่ะ ระหว่างสองอย่างนี้ก็เลือกได้ไม่ยาก พอสุนัขตายไปแล้ว แค่หาตัวใหม่มาเลี้ยงก็สิ้นเรื่อง
“แต่สิ่งที่ข้าน้อยกังวลในตอนนี้ก็คือ เจียงอีอีปรากตัวอยู่ใกล้ๆ จวนแม่ทัพภาคตลาดผี จะทำให้หนิวโหย่วเต๋อสงสัยหรือเปล่าขอรับ ถ้าหนิวโหย่วเต๋อเดาเจตนาของเจียงอีอีออกขึ้นมา อาศัยแค่ที่หนิวโหย่วเต๋อกล้าก่อเรื่องใหญ่โตที่น่านฟ้าระกาติงเพื่อผู้หญิงคนนั้น เกรงว่าหนิวโหย่วเต๋อคงจะไม่ปล่อยเจียงอีอีไป”
คำพูดของซ่างกวนชิงเบี่ยงเบนความสนใจของประมุขชิงได้สำเร็จแล้ว ทำให้ประมุขชิงเพ่งสมาธิไปกับการแก้ไขปัญหานี้ ประมุขชิงหันขวับกลับมาถามว่า “เกาก้วน เจ้ามีช่องทางติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อได้ใช่มั้ย?”
เกาก้วนพยักหน้า “ใช่ขอรับ มีช่องทาง”
ประมุขชิงสั่งว่า “เจ้าติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อเดี๋ยวนี้ บอกว่าเจียงอีอีมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีสำคัญมากมาย เรื่องนี้หน่วยตรวจการขวาของเจ้าจะสอบสวนเอง ก่อนที่จะส่งคนมาถึงหน่วยตรวจการขวา สั่งหนิวโหย่วเต๋อว่าอย่าถือวิสาสะทำอะไรเจียงอีอี คาดว่าชื่อเสียงของทูตขวาเกาคงจะขู่เขาได้ผล!”
“ขอรับ!” เกาก้วนกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง แล้วรีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้
ส่วนประมุขชิงก็หันขวับกลับมาจ้องซ่างกวนชิงด้วยสายตาเย็นเยียบอีก “สมาคมวีรชนเผยช่องโหว่ใหญ่ขนาดนี้ เจ้าดูแลยังไงของเจ้า? แม้แต่อะไรสำคัญมากสำคัญน้อยยังแยกแยะไม่ได้ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นขนาดนี้ยังกล้าปิดบัง เกรงว่าตระกูลหวงฝู่คงไม่เหมาะที่จะคุมสมาคมวีรชนอีกแล้ว หาคนมารับช่วงต่อซะ หลังจากจบเรื่องนี้ให้หน่วยองครักษ์เงากำจัดปัญหาแฝงเร้นให้สิ้นซาก ถ้าเกิดความผิดพลาดอะไรอีกข้าจะมาเอาเรื่องเจ้า!”
…………………………