“ได้ค่ะๆๆ…”
แม่เล้ากล่าวขออภัยตลอดทาง พูดจาน่าฟังประมาณว่าไม่คิดเงิน ปะเหลาะสวีถังหรานเข้าไปในห้องเดี่ยว แล้วกวักมือเรียกสาวใช้สองคนให้นำน้ำชามาวาง
สวีถังหรานก็ไม่ใช่คนซื่อสัตย์อะไร คนที่เรียกมารับแขกยังไม่มา มือสองข้างก็ลูบคลำล้วงบนตัวสาวใช้ทั้งสอง พวกนางฝืนยิ้มสู้ บิดตัวหลบเลี่ยง แต่ก็ไม่กล้าขัดใจแขกมากเกินไป
หลังจากทำให้สวีถังหรานสงบแล้ว แม่เล้าถอยออกจากห้อง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปในชั่วพริบตาเดียว เปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งเครียด รีบสาวเท้าเดินไปตรงจุดลับตาคนของหอสามจันทรา นางหยุดอยู่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งที่ปิดสนิท แล้วใช้ข้อนิ้วเคาะประตู เคาะยาวสามครั้งเคาะสั้นสองครั้ง
รออยู่สักประเดี๋ยว ประตูห้องก็เปิดออก ผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมมีหมวกสีชมพูเดินออกมา มองเห็นรูปร่างไม่ชัดเจน เพราะถูกชุดคลุมมีหมวกปิดไว้หมดแล้ว มองเห็นหน้าตาไม่ชัดเจนเช่นกัน บนใบหน้าสวมหน้ากากงิ้วสาวงามเอียงอาย เห็นเพียงดวงตางามเป็นประกายหลังหน้ากากงิ้ว
แม่เล้าพยักหน้า จากนั้นยื่นมือเชิญแล้วตัวเองก็เดินนำ นางหันกลับไปมองผู้หญิงลึกลับที่เดินตามหลังเป็นระยะ ในดวงตาฉายแววหวาดระแวงในบางครั้ง
เจียวอวี้ออกไปทำการแสดงจริงๆ หรือ? คำตอบก็คือไม่จริง!
ในเมื่อไม่ได้ออกไปแสดง แล้วทำไมถึงไม่มารับแขก? นี่ไม่ใช่ความเต็มใจของแม่เล้า แต่เป็นประสงค์ของเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลัง
สามารถเปิดหอนางโลมสองชั้นที่ตลาดผีได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่กำลังของแม่เล้าคนหนึ่งจะรับไหว เบื้องหลังมีคนที่คุ้มครองอยู่ นางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเถ้าแก่ให้นางทำอย่างนี้หมายความว่าอะไร เพียงได้รับการแจ้งจากเถ้าแก่อย่างกะทันหัน ว่าให้เจียวอวี้พักผ่อนชั่วคราว แล้วส่งผู้หญิงลึกลับคนนี้มาแทน ผู้หญิงคนนี้ไม่รับแขกคนอื่น รับเพียงแขกประจำของเจียวอวี้ในช่วงนี้ ถ้าแขกประจำคนนั้นมาเมื่อไหร่ ก็ให้นางไปรับทันที วันนี้ถึงคราวที่นางได้ขึ้นเวทีแล้ว
แม่เล้ากังวลนิดหน่อยว่าการทำแบบนี้มีเจตนาอะไรอยู่เบื้องหลัง จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า ทว่านางไม่มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องพวกนี้ได้
นางไม่รู้เช่นกันพวกผู้หญิงลึกลับคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ จะปฏิบัติให้แขกพอใจได้หรือเปล่า แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถตัดสินใจได้เช่นกัน ทำได้เพียงปฏิบัติตามถึงที่เตรียมไว้
สาวใช้สองคนที่รินน้ำชาอยู่ในห้องถูกสวีถังหรานลูบคลำเสื้อผ้ายับยุ่ง สภาพสะบักสะบอม การมาถึงของแม่เล้าได้ช่วยแก้วิกฤตให้พวกนางแล้ว
แปะๆ! แม่เล้าปรบมือสองครั้ง สาวใช้รีบวิ่งหนีออกไปราวกับกระโดดทันที หนึ่งในนั้นยกกระโปรงไปด้วยในขณะที่วิ่ง
สวีถังหรานที่ชักมือออกจากใต้กระโปรงสาวใช้ที่วิ่งหนีไปเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วยกมือที่เคยใช้ลูบคลำมาจ่อดมตรงจมูกเบาๆ เขากำลังจ้องผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังแม่เล้า ทั้งตัวอยู่ในชุดคลุม เธอยังสวมหน้ากากด้วย นางกำลังก้มหน้า มองไม่ชัดเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” สวีถังหรานบุ้ยปากถาม
แม่เล้าหันข้างหลีกทางให้ แล้วกล่าวแนะนำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “นายท่าน คนนี้คือหรูเสวี่ย เป็นแม่นางที่เข้ามาใหม่ของหอสามจันทรา จนกระทั่งวันนี้ยังไม่เคยรับแขกเลย วันนี้หัวน้ำแกงเป็นของในท่านแล้ว รับรองว่าท่านจะพึงพอใจค่ะ”
“อย่ามาโกหกเลย พูดจนน้ำไหลไฟดับก็ไม่มีประโยชน์ จะพอใจไม่พอใจ ต้องเล่นก่อนถึงจะรู้” สวีถังหรานกล่าวยังไม่เกรงใจ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินอ้อมโต๊ะออกมายืนข้างกายผู้หญิงที่สวมชุดคลุม ยื่นมือช้อนคางของนางขึ้นมา แล้วดึงหน้ากากนางออกเสียเลย
ใบหน้างดงามปานบุปผาปรากฏให้เห็นทันที หนังตาเหลือบลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย ราวกับไม่กล้ามองสวีถังหรานตรงๆ ทว่าท่วงท่ายั่วยวนที่อยู่ภายใต้ความเขินอายนั้นก็ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกหวั่นไหวร้อนรน
มองปราดเดียวก็เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงแล้ว ไม่มีอะไรปิดบัง จะว่าไปนี่ก็คือลักษณะพิเศษของตลาดผี คนที่สัญจรไปมาทั้งตลาดผีล้วนเป็นคนที่ทำเรื่องลับลวงพราง แต่กลับเป็นบรรดาสาวสวยของนางโลมที่เปิดเผยตรงไปตรงมาได้ แต่จะว่าไปแล้ว แขกที่ไม่ได้เห็นว่าสวยหรืออัปลักษณ์ก็ไม่พอใจเช่นกัน
งดงามมาก สวีถังหรานตะลึงงันเล็กน้อย เขาหันกลับไปมองแม่เล้า เราก็หันกลับมาจ้องผู้หญิงคนนั้นอีก เรายกมือช้าๆ ดึงหมวกชุดคลุมบนศีรษะนางลงมา
แม่เล้าที่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้แล้วแอบโล่งใจ พอเห็นสวีถังหรานไม่บ่นอะไรแล้ว นางก็แอบปิดปากหัวเราะ รู้ว่าไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ทำให้ท่านนี้สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ก็หมายความว่าตรงกับรสนิยม เราจะเป็นฝ่ายถอยออกไปอย่างเงียบๆ จะได้ไม่รบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของแขก นางถือโอกาสปิดประตูให้แล้ว
สวีถังหรานก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนเช่นกัน “สาวงาม เจ้าร้องเพลงได้หรือเปล่า?”
หรูเสวี่ยส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ได้ค่ะ”
สวีถังหรานยื่นมาเข้ามาถามใกล้ๆ “แล้วเจ้าทำอะไรเป็นบ้างล่ะ?”
หรูเสวี่ยก้มหน้า “ข้ามีพื้นเพเป็นนางระบำค่ะ เชี่ยวชาญวิชาระบำ”
วิชาระบำ? สวีถังหรานมองข้าม ‘สิ่งที่ไม่คาดคิด’ ของวันนี้ไปทันที สิ่งที่หยางเจาชิงกำชับไว้แวบเข้ามาในหัว หนังตาพลันกระตุก จากนั้นก็รีบปิดบังไว้ กลับมาแสดงสีหน้าแบบเดิม ยื่นมือไปลูบบนใบหน้าหรูเสวี่ย แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็เต้นให้ดูสักหน่อยเถอะ” หลังจากกลับมานั่งที่แล้ว เขาก็รีบตายิ้มรอชื่นชม
หรูเสวี่ยแก้มัดเส้นผ้าที่ผูกอยู่บนคอ ใช้สองมือถอดชุดคลุมบนตัวออก ชุดคลุมหล่นกองกับพื้น เผยให้เห็นเรือนร่างเย้ายวนดึงดูดใจที่สวมเครื่องแต่งกายโป๊เปลือย เรือนร่างยั่วราคะที่หาพบได้ยากประกอบกับการแต่งตัวแบบนี้ ทำให้คนที่เห็นเลือดลมสูบฉีดจริงๆ
สวีถังหรานมองจนตาค้างนิดหน่อย ในที่สุดก็เข้าใจแล้วผู้หญิงคนนี้ต้องสวมชุดคลุมปิดบังไว้ ก็เป็นเพราะการแต่งตัวและเรือนร่างอันเย้ายวนที่อยู่ข้างใน ถ้าแขกที่เข้ามาได้เห็นจะต้องแย่งกันแน่นอน
ในขณะที่แววตาหื่นกระหายของสวีถังหรานกำลังมองสำรวจศีรษะจดเท้า หรูเสวี่ยก็ก้าวถอยหลังช้าๆ บิดเอวบางเดินถอยหลังช้าๆ ราวกับงูเลื้อยในน้ำ แววตาเปลี่ยนเป็นยั่วยวนมากขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นสีแดงสดเลียริมฝีปากแล้วส่งจูบเบาๆ
สวีถังหรานที่เริ่มคอแห้งยกถ้วยน้ำชากรอกปาก ตามที่หน้าอกและบั้นท้ายของหรูเสวี่ยกระเพื่อมออกมา ในห้องก็ราวกับเต็มไปด้วยบรรยากาศอัศจรรย์บางอย่างที่ทำให้คนหยุดหายใจ สวีถังหรานเริ่มหายใจถี่กระชั้น จ้องมองบนตัวหรูเสวี่ยอย่างละสายตาได้ยาก
ท่วงท่าระบำอันอรชรอ่อนช้อยนี้ บางครั้งก็เร่าร้อนดั่งไฟ บางครั้งก็อ่อนโยนราวกับสาวบริสุทธิ์ที่เอียงอายยามเดินออกจากห้องอาบน้ำ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่ราวกับพูดได้ เมื่อผสมกับท่าระบำแล้วก็อัศจรรย์ไร้ที่เปรียบจริงๆ ทุกสายตาทุกของท่าทางล้วนสื่อความหมายที่ทำให้คนตราตรึงใจไม่รู้ลืม
“ลาลา…ฮืม…”
ตามที่ริมฝีปากแดงเล็กของหรูเสวี่ยค่อยๆ เปล่งเสียงเล็กเสียงน้อยร้องเพลง ก็ทำให้ทุกอย่างตรงหน้าสวีถังหรานถูกผลักขึ้นสู่จุดสูงสุด ในหัวมีเสียงดังหึ่งๆ เส้นเลือกขยายตัวอย่างควบคุมไม่ได้ เกิดความรู้สึกอยากจะพุ่งเข้าไปครอบครอง
ในขณะนี้เอง ความรู้สึกเย็นสบายก็แผ่ออกจากไขสันหลัง กรอกไปที่หัวสมอง ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้สวีถังหรานกลับมามีสติอีกครั้ง
สวีถังหรานที่แอบใจสั่นเข้าใจทันที ว่าสิ่งที่หยางเจาชิงบอกปรากฏตัวออกมาแล้ว ไม่ได้ล้อตนเล่นจริงๆ ด้วย ก่อนหน้านี้มาหลายครั้งแต่ยังไม่เจอเบาะแสใดๆ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นหยางเจาชิง
ทักษะการแสดงของเจ้าเวรนี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ ชั่วพริบตานี้ไม่ลังเลอะไรแล้ว แสดงปฏิกิริยาเหมือนตอนที่เกือบจะหลงใหลก่อนหน้านี้ เขานั่งไม่ติดที่ พุ่งเข้าไปหาทันที ดึงหรูเสวี่ยที่กำลังร้องเพลงเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วอุ้มไปบนเตียง เสื้อผ้าปลิวว่อน อารมณ์ของสัตว์ป่าปะทุอย่างแท้จริง…
หลังจากไฟรักอันเร่าร้อนที่ลุกโชนได้สักพักดับลง สวีถังหรานที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างผ่อนคลายก็ได้ค้นพบความรู้สึกที่เหมือนวิญญาญหลุดลอยขึ้นสวรรค์อย่างแท้จริง เขารู้สึกได้ว่าบนตัวของหรูเสวี่ยมีบางอย่างที่ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ความรู้สึกนั้นบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ บอกได้เพียงว่า ‘ถึงอกถึงใจ’ ทั้งชีวิตนี้เขาเคยลิ้มลองผู้หญิงมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยลิ้มลองรสชาติที่ทำให้ถึงอกถึงใจขนาดนี้มาก่อนเลย ทำไมบนโลกนี้ถึงมีคนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้ หลายวันมานี้นับว่ามาไม่เสียเที่ยวแล้ว
ขณะที่กำลังขบคิดถึงรสชาติ เขาก็ยังกอดลูบไล้เรือนร่างขาวหมดจดของหรูเสวี่ย ไม่รู้ตัวเลยว่าหน้ากากปลอมของตัวเองหลุดทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไร
“ฮือๆๆ…”
สวีถังหรานที่ยังคงขบคิดถึงรสชาติงงงวยทันที พบว่าจู่ๆ ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดดันร้องไห้แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “หรูเสวี่ย เป็นอะไรไป?”
หรูเสวี่ยเผยใบหน้าที่เหมือนดอกสาลี่เปียกฝน ตอบอย่างน่าสงสารว่า “ถึงแม้หรูเสวี่ยจะไม่ได้มีร่างกายบริสุทธิ์ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้ร่างกายรับแขก พอนึกถึงว่าต่อไปต้องเปลี่ยนผู้ชายคนใหม่ ในใจข้าก็…ไม่คุ้นเลยค่ะ!”
พอนึกถึงสิ่งที่หยางเจาชิงสั่งไว้ สวีถังหรานก็รู้ทันทีว่าจะได้แสดงบทที่ถึงเนื้อถึงตัวแล้ว จึงกล่าวอย่างสงสารว่า “เจ้าไม่ต้องห่วง ถ้ามีข้าอยู่ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมแน่ เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับแม่เล้าเอง”
“จริงเหรอคะ?” หรูเสวี่ยกอดเขา ทำสีหน้าน่าสงสารและเฝ้าคอย
สวีถังหรานรับประกันทันที “ก็ต้องจริงอยู่แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็คือผู้หญิงของข้า จะให้เจ้าอยู่ในสถานบันเทิงแบบนี้อีกได้ยังไง?”
“ข้าข้อทราบตัวเองที่แท้จริงของนายท่านได้มั้ยคะ?” หรูเสวี่ยถามอย่างซาบซึ้งใจ
“เอ่อคือ…” สวีถังหรานลังเลนิดหน่อย ลูบคลำใบหน้าที่หนังปลอมหายไป แล้วสุดท้ายก็แข็งใจบอกว่า “ไม่ปิดบังเจ้า ข้าคือรองแม่ทัพภาคสวีถังหรานของจวนแม่ทัพภาคตลาดผี!”
“หา! ท่านคือลูกน้องของหนิวโหย่วเต๋อ ลูกเขยผู้โด่งดังของอ๋องสวรรค์โค่วเหรอคะ…”
เรื่องราวต่อจากนั้นก็สมเหตุสมผลแล้ว สวีถังหรานที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินออกจากห้อง แล้วไปคุยกับแม่เล้าเพื่อขอไถ่ตัวหรูเสวี่ย
หลังจากมองส่งสวีถังหรานเดินออกไปแล้ว รอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มบนใบหน้าหรูเสวี่ยก็หายไป แทนที่ด้วยรอยยิ้มถากถางเหน็บแนม
ถ้าเหมียวอี้ได้เห็นใบหน้านี้ก็จะต้องรู้จักแน่นอน ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นชางหงที่เคยมีเรื่องกันที่ดาวพิษในปีนั้นนั่นเอง
ขั้นตอนการไถ่ตัวมีอุปสรรคนิดหน่อย ทำให้สวีถังหรานปวดใจเช่นกัน แต่เพื่อแสดงออกว่าตัวเองถูกทำให้หลงใหล เพื่อทำภารกิจที่นายท่านหมอบหมายให้สำเร็จ เขาจึงลงทุนควักเนื้อตัวเอง ถึงได้ไถ่ตัวหรูเสวี่ยออกมาจากหอสามจันทราได้
ตอนที่เดินออกมาย่อมไม่ได้มาคนเดียวแล้ว ยังมีหรูเสวี่ยที่สวมชุดคลุมด้วยอีกคน
สวีถังหรานย่อมไม่พานางกลับจวนแม่ทัพภาคอยู่แล้ว มิหนำซ้ำหรูเสวี่ยยังแสดงออกอย่างใส่ใจด้วยว่าไม่อยากทำลายครอบครัวของสวีถังหราน รอโอกาสเหมาะแล้วค่อยให้สวีถังหรานบอกเสวี่ยหลิงหลงอีกที
สุดท้ายสวีถังหรานก็จัดให้นางพักประจำที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
พอกลับถึงจวนแม่ทัพภาคแล้วแห็นหยางเจาชิง สวีถังหรานก็บอกเพียงว่า “มาแล้ว ปลาติดเบ็ดแล้ว!”
“สถานการณ์เป็นยังไง?” หยางเจาชิงตาลุกวาว รีบถามถึงที่มาที่ไป
ทั้งจากเล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ แล้ว ทั้งสองก็เดินไปหาเหมียวอี้ด้วยกัน ครั้งนี้สวีถังหรานเล่าอย่างละเอียด
หลังจากฟังจบ เหมียวอี้ก็เอามือไขว้หลังเดินออกไปดูนอกหน้าต่าง เขาหรี่ตาสองข้าง ในใจเรียกได้ว่าตกตะลึงไม่หยุด ไม่น่าเชื่อว่าจะล่อระบำมารสวรรค์ได้แล้ววจริงๆ เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าหยางชิ่งคิดได้อย่างไร อิงจากอะไรถึงตัดสินว่าสวีถังหรานไปที่หอนางโลมแล้วจะล่อระบำมารสวรรค์ออกมาได้ หยางชิ่งทำแบบนี้มีเจตนาอะไรกันแน่? เมื่อทดสอบจนได้ผลลัพธ์แล้ว ก็น่าจะคลายปริศนาได้แล้วสินะ?
“เหอะๆ ไม่ต้องพูดถึงเลย ผู้หญิงคนนั้นสุดยอดจริงๆ ฝีมือในด้านนั้นทำให้ข้าถึงอกถึงใจมาก…” สวีถังหรานที่บรรยายรสชาติอันยอดเยี่ยมถอนหายใจด้วยความสะท้อนใจ “เป็นใครกันแน่นะ มีปัจจัยพร้อมจนยอมขาดทุนสละร่างกายกับสวีอย่างนี้!”
“สละร่างกายเหรอ?” เหมียวอี้หันกลับมายิ้มเย้ย “เจ้าคิดว่าตัวเองได้เปรียบแล้วจริงเหรอ? ฝ่ายนั้นฝึกตนโดยการฝึกฌานเสพสังวาสอยู่แล้ว เรื่องสมสู่ระหว่างชายหญิงไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่เลย ทำให้เจ้ารู้สึกถึงอกถึงใจได้ก็ไม่แปลก”
…………………………