ไม่ต้องพูดอะไรมาก แผนใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของโค่วเหวินหลานต้องเกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อแน่ๆ นี่คือความคิดในใจของทุกคน แววตาที่มองไปทางเหมียวอี้ก็แตกต่างกันไป
ถ้าแบ่งกลุ่มกันตามแผนของเหมียวอี้ พวกสวีถังหรานและทหารเลวอีกห้าคนต่างพาลูกน้องมาด้วยสี่คน และทหารเลวทั้งหกก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเหมียวอี้ด้วย การดึงตัวก่อนหน้านี้กลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว โค่วเหวินหลานดึงเหมียวอี้มาอยู่ข้างกายตัวเองพร้อมกับรองผู้บัญชาการอีกสองคนโดยตรง
แบ่งเป็นเจ็ดกลุ่ม มียอดเขาโอนเอนเป็นจุดศูนย์กลาง แต่ละกลุ่มคอยเฝ้าสังเกตการณ์คนละทิศ โค่วเหวินหลานขอให้พวกเขาติดต่อกันไว้ในระหว่างนั้น
โค่วเหวินหลานเฝ้าอยู่ตรงทิศนี้ อีกหกกลุ่มแยกย้ายไปทางซ้ายและขวา วางกำลังโอบล้อม โค่วเหวินหลานนำลูกน้องสามคนบุกไปข้างหน้าโดยอาศัยลักษณะพื้นภูมิกำบัง หลบหลีกผีวรยุทธ์ต่ำที่ลาดตระเวนอยู่ตามแนวเทือกเขาตลอดทาง
ทางขวาแบ่งเป็นสามกลุ่ม หลังจากแยกกับโค่วเหวินหลานที่อยู่ฝั่งนี้แล้ว สวีถังหรานก็พูดกับสวี่เต๋อและปู้เหลียนจงที่ร่วมทางกันชั่วคราวด้วยเสียงต่ำเบาว่า “หนิวโหย่วเต๋อทะเยอะทะยานไม่เบา อยากได้ตำแหน่งผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก พวกเจ้าสองคนดูออกหรือเปล่า?”
สวี่เต๋อแสยะยิ้มตอบว่า “เพิ่งจะมาใหม่ได้ไม่กี่วัน ก็ไม่รู้จักแยกแยะความสำคัญ คิดจะถีบหัวพวกเราซะแล้ว อวดดีนัก!”
ปู้เหลียนจงก็แสยะยิ้มเช่นกัน “ข้าว่าเขาฝันกลางวันแล้วล่ะ!”
“พวกเจ้าสองคนเพิ่งมองออกเหรอ? ผู้บัญชาการโค่วเหมือนจะชื่นชมเขามากนะ!” สวีถังหรานว่าอย่างนั้น
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา อีกสองคนก็สีหน้าเครียดขรึมลงทันที
ไม่ใช่แค่ฝั่งนี้ อีกฝั่งหนึ่งก็ไม่พอใจเหมียวอี้มากเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ยังเรียกกันว่าพี่ว่าน้อง ทั้งหกมีน้ำใจไมตรีต่อเหมียวอี้มาก นั่นเป็นเพราะระหว่างพวกเขายังไม่ไปเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่ร้ายกาจอะไร แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงผลประโยชน์ เหมียวอี้ก็กลายเป็นหนามยอกอกของพวกเขาทันที
เรื่องบางเรื่องอยู่ในการคาดคะเนของเหมียวอี้อยู่แล้ว คนในยศตำแหน่งเดียวกัน ถ้ามีใครโดดเด่นขึ้นมาคนนั้นก็จะโดนอิจฉา เขาเข้าใจตั้งแต่ตอนอยู่ที่พิภพเล็กแล้ว เขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน
เมื่อเข้าใกล้จุดที่สามารถมองเห็นยอดเขาโอนเอนได้อย่างชัดเจน โค่วเหวินหลานก็พาแค่รองผู้บัญชาการหงไปด้วย ให้เหมียวอี้กับรองผู้บัญชาการซุนแยกกันอยู่ทางซ้ายและขวา ให้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ตรงจุดที่มองเห็นยากเพราะมีภูเขาบัง ป้องกันไม่ให้เฮยหวังอาศัยลักษณะพื้นที่แบบนี้แอบหนีไป
เหมียวอี้หลบหลีกผีที่ลาดตระเวนมาตลอดทางจนถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง แล้วอาศัยหินก้อนใหญ่ซ่อนตัว จากนั้นใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์สังเกตการณ์เงียบๆ พบว่าบนยอดเขาโอนเอนมีลักษณะค่อนข้างแปลกๆ มันรูปร่างเหมือนน้ำเต้า ท่อนบนเป็นหินขนาดใหญ่ที่ยาวหลายร้อยจั้งก้อนหนึ่ง ไม่รู้ว่ามาจากไหน มันวางอยู่ด้านบนสุด เวลามองจากที่ไกลๆ แล้วให้ความรู้สึกว่ามันกำลังโอนเอนจริงๆ
เพิ่งรอตรงนี้ได้ไม่นาน บนฟ้าก็มีเสียงตะโกนเกรี้ยวกราด “เฮยหวัง! ปู่เจ้าอยู่นี่แล้ว ยังไม่รีบโผล่หัวออกมารับความตายอีก!” เสียงสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ควันดำที่ลอยโขมงก็สั่นกระเพื่อมเช่นกัน
พวกเหมียวอี้ที่ซ่อนตัวอยู่โดยรอบพากันเงยหน้ามอง เห็นเพียงเซี่ยโห้วหลงเฉิงนำกำลังพลเหาะลงมาจากฟ้า เหยียบลงที่หินยักษ์บนยอดเขาโอนเอนอย่างมั่นคง
เหมียวอี้แอบด่าในใจ ไอ้ปัญญาอ่อนนี่มันทำอะไรของมัน เจ้าจะจับคนมาถามว่าเฮยหวังอยู่ที่ไหนแล้วพุ่งตรงสู่เป้าหมายไม่ได้ ถ้าเฮยหวังขี้ขลาดขึ้นมา ถ้าเฮยหวังมีเส้นทางลับให้หลบหนี การที่เจ้าป่าวประกาศเสียงดังแบบนี้ จะไม่ทำให้อีกฝ่ายตกใจหนีไปหรอกเหรอ!
เสียงตะโกนของเซี่ยโห้วหลงเฉิง ดังพอที่จะทำให้คนที่อยู่ห่างออกไปสิบลี้ได้ยิน ไม่มีเหตุผลที่คนตรงนี้จะไม่ได้ยิน นักพรตผีหลากหลายรูปร่างที่อยู่รอบข้างพากันโผล่ออกจากถ้ำภูเขา แต่ละคนจ้องทหารสวรรค์ที่อยู่บนยอดเขา
เหมียวอี้พบเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่ง นักพรตผีของที่นี่ไม่กลัวการมาเยือนของทหารสวรรค์เลยสักนิด ปฏิกิริยาแรกก็คือเผยอาวุธออกมาทันที ในจำนวนนั้นยังมีนักพรตผีวรยุทธ์บงกชขาวด้วย ชัดเจนว่าต้องการจะเป็นศัตรูกับตำหนักสวรรค์ ทำให้เหมียวอี้รู้สึกประหลาดใจจริงๆ เอาความกล้าขนาดนั้นมาจากไหน
“กรรร…” เสียงคำรามที่เกรี้ยวกราดดังมาจากใต้ดิน ทำให้ผิวดินสั่นสะเทือน หมอกดำพลันพรั่งพรูออกมาจากหุบเขาแห่งหนึ่ง พุ่งขึ้นบนฟ้าแล้วก่อตัวอย่างฉับพลัน หมอกดำหดหายกลายเป็นคนชุดดำลอยอยู่บนท้องฟ้า คนคนนี้หน้าขาวหนวดหงิก ถลึงตาสองข้าง ในมือถือธงดำผืนหนึ่ง บนนั้นมีตัวอักษรสำหรับคนตายหนึ่งชุด อ่านไม่ออกว่าเขียนอะไร อบอวลไปด้วยไอสีดำ ทำให้คนรู้สึกถึงความชั่วร้ายถึงขีดสุด
เหมียวอี้สังเกตเห็นวรยุทธ์บงกชทองขั้นหกตรงหว่างคิ้วของอีกฝ่าย วรยุทธ์เท่ากับกับโค่วเหวินหลานและเซี่ยโห้วหลงเฉิง เท่ากับเฮยหวังตามที่ได้ข่าวมาด้วย ไม่รู้ว่าคนคนนี้ใช่เฮยหวังคนนั้นหรือเปล่า ถ้าหากใช่เฮยหวัง เขาก็มีความเห็นแย้งต่อตำหนักสวรรค์อยู่บ้าง เขาคิดว่าส่งยอดฝีมือมาจัดการก็สิ้นเรื่องแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้โค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วมาเสี่ยงชีวิตสู้กับเฮยหวังเลย
แต่พอลองคิดอีกมุม เขาก็เข้าใจเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นตอนเขาเป็นประมุขปราสาทที่พิภพเล็ก ถ้าอยากจะจัดการประมุขขุนเขาที่อยู่ระดับต่ำกว่าสักคน ประมุขปราสาทอย่างเขาก็ไม่ลงมือเองแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะเลี้ยงลูกน้องไว้มากมายขนาดนั้นทำไมล่ะ มีแค่ตอนที่กำลังพลเบื้องล่างจัดการไม่ไหวเท่านั้น เขาถึงจะออกหน้าจัดการเอง ถือเป็นการฝึกฝนลูกน้องอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน
“เป็นพวกเจ้าอีกแล้วเหรอ ข้าหลบหลีกไปทั่วทุกที่แล้ว ทำไมยังไม่ยอมปล่อยข้าไป!” คนชุดดำตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
เซี่ยโห้วหลงเฉิงขอคำยืนยันจากเทพแห่งผืนดินที่อยู่ข้างๆ หลังจากแน่ใจแล้วว่าผู้ที่มาเป็นใคร ก็กระทุ้งดาบสีเลือดลงกับพื้นพักหนึ่ง แล้วตะโกนว่า “ไอ้ผีชุดดำ บังอาจสังหารทหารสวรรค์ แล้วยังจะกล้าอวดดี! ยังไม่รีบมาให้จับแต่โดยดีอีก ถ้ารอให้ท่านปู่เซี่ยโห้วลงมือ เจ้ามาเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้วนะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยโห้วหลงเฉิง พวกเหมียวอี้ก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง คนคนนี้คือเฮยหวังจริงๆ ด้วย
เฮยหวังตอบอย่างเดือดดาลว่า “ยังเรียกว่าทหารสวรรค์ได้อีกเหรอ? ข้าว่าพวกเขาเหมือนโจรสวรรค์มากกว่า ต้องการจะค้นตัวข้า ข้าก็ยังอดทนไว้ แต่ใครจะคิดว่าต้องการจะแย่งของของข้าด้วย ข้าจะไม่ขัดขืนได้อย่างไร หรือจะรอให้โดนพวกเขาฆ่าปิดปากล่ะ!”
“มีแต่คำพูดเหลวไหลอยู่เต็มปาก!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงตะโกน “ยอมให้จับเดี๋ยวนี้ แล้วผู้บัญชาการคนนี้จะไว้ชีวิตเจ้า!”
เฮยหวังคำรามทันที “ยอมให้จับก็ตายอยู่ดี จะเลือกทางไหนก็ตายเหมือนกัน ทำไมข้าต้องกลัวล่ะ สังหารกลุ่มเดียวข้าก็ทำมาแล้ว สังหารสองกลุ่มก็ยังเป็นการสังหารอยู่ดี ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าคิดจะรอดชีวิตกลับไปเลย!”
“ช่างเป็นสุนัขใจกล้า!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงชี้ดาบยาวในมือ “จับตัวมันมาให้ข้า!”
“ขอรับ!” ลูกน้องสามสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลังกรูกันเข้าไปทันที
พอเฮยหวังโบกธงดำในมือ แสงสีดำร้อยกว่าสายก็ยิงออกมาจากธงดำทันที กลุ่มทหารสวรรค์รีบร่ายอิทธิฤทธิ์ต้านทาน
เสียงดังครืนครานดังอยู่บนฟ้าพักหนึ่ง น่าเชื่อว่าแสงสีดำที่ยิงกระจายจะมองข้ามเกราะอิทธิฤทธิ์ของทุกคน มันทะลุผ่านเข้าไปโดยตรง ในบรรดาทหารสวรรค์สามสิบกว่าคน ไม่มีคนไหนที่ไม่โดนโจมตี
ทุกคนที่โดนแสงสีดำยิงใส่หยุดโจมตีทันที แต่ละคนเอามือกุมศีรษะอยู่กลางอากาศ ทำสีหน้าเจ็บปวดทรมาน
เซี่ยโห้วหลงเฉิงตกใจมาก มือข้างหนึ่งถือดาบในแนวขวางอยู่ข้างหน้า แล้วใช้มืออีกข้างฟาดฝ่ามือออกไปหนึ่งครั้ง ทำให้สร้อยไข่มุกสีขาวดุจหิมะบนข้อมือเบ่งบานเป็นเกราะคุ้มกายสีขาวพร่างพรายทันที
แสงสีดำหลายสิบสายที่รวมตัวกันเข้ามา พอสัมผัสกับแสงสีขาวก็สลายตัวทันที เหมียวอี้เห็นแล้วเดาะลิ้นไม่หยุด สมกับเป็นคนที่มีพื้นฐานครอบครัวไม่ธรรมดา สร้อยที่อยู่บนข้อมือเจ้าหมีควายเป็นของวิเศษที่สามารถปัดเป่าสิ่งอัปมงคลได้
เมื่อเห็นว่าสามารถต้านทานการโจมตีด้วยแสงสีดำจากอีกฝ่ายได้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่อยู่ในเกราะแสงสีขาวก็ได้ความมั่นใจกลับมาทันที หัวเราะลั่นพร้อมบอกว่า “ฝีมือต่ำต้อยแค่นี้ก็ยังกล้านำมาโอ้อวด!”
แต่กลับไม่เห็นสภาพของเทพแห่งผืนดินหลังโดนโจมตี หลังจากโดนแสงสีดำโจมตีแล้ว ลูกตาดำก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ
เฮยหวังแสยะยิ้ม พอใช้สองมือเขย่าธง พวกลูกน้องของเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่ค่อยๆ อารมณ์สงบลงก็หันตัวมาทีละคน แล้วมองไปที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงด้วยแววตาเย็นเยียบชวนขนลุก
เซี่ยโห้วหลงเฉิงตะลึงงัน โบกดาบตะคอกว่า “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? อยากจะก่อกบฎเหรอ?”
เหมียวอี้และคนอื่นๆ กลับตกใจแทนเขาจนเหงื่แตกทั้งตัว เห็นเพียงเทพแห่งผืนดินที่อยู่ข้างหลังเขาพลันคว้าดาบไว้ในมือ แล้วฟันไปทางคอของเซี่ยโห้วหลงเฉิงโดยตรง
โชคดีที่เทพแห่งผืนดินมีวรยุทธ์ต่ำเกินไป แล้วเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ถึงขั้นนั้น ตอบสนองเร็วเหมือนกัน ยื่นดาบไปขวางทางข้างหลัง
แกร๊ง! เกิดเสียงดังสะเทือน เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่ต้านดาบของเทพแห่งผืนดินหันกลับมามอง แล้วตะคอกอย่างหัวร้อนทันที “บังอาจ!”
พร้อมถือโอกาสฟันไปดาบหนึ่ง ฟันตั้งแต่ใต้ชายโครงไปถึงบ่า ทำให้เทพแห่งผืนดินตัวขาดครึ่งท่อนในแนวเฉียง
ในตอนนี้เทพแห่งผืนดินเหมือนได้สติกลับมาแล้ว เขามองเซี่ยโห้วหลงเฉิงด้วยสีหน้าตกใจกลัว ปากส่งเสียงกรียดร้องโหยหวน แล้วกลายเป็นควันดำสลายไป
ฆ่าเทพแห่งผืนดินฝีมือต่ำต้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ปัญหายังอยู่ตอนท้าย ลูกน้องสามสิบกว่าคนของเซี่ยโห้วหลงเฉิง นักพรตบงกชทองสามสิบกว่าคนเรียกได้ว่าลงมืออย่างไม่ปรานี ชั่วพริบตาเดียวก็พุ่งเข้ามา ล้อมโจมตีเซี่ยโห้วหลงเฉิงอย่างบ้าคลั่งเอาเป็นเอาตาย
ท่ามกลางการล้อมโจมตีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น หินยักษ์หลายร้อยจั้งบนยอดเขาโอนเอนกระจุยกระจาย ระเบิดปลิวตกลงพื้น
พวกเหมียวอี้ตระหนกตกใจ เฮยหวังช่างมีวิธีการที่เหนือชั้น ขนาดคนของเซี่ยโห้วหลงเฉิงยังต้านไม่ไหว ให้พวกเขาพุ่งเข้าไปก็คงไม่มีประโยชน์!
“ไอ้พวกฝูงหมา พวกเจ้าทรยศ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงตะโกนอย่างกระหืดกระหอบ ตอนนี้กำลังรับมืออย่างฉุกละหุก สู้จนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น ย่อมดูออกว่าลูกน้องพวกนี้โดนกับดัก ทำให้เขาลังเลว่าจะฆ่าทิ้งหรือไม่ฆ่าทิ้งดี อึดอัดเหมือนโดนมัดมือมัดเท้า
แต่เจ้าบ้านี่มีชื่อเสียงด้านอารมณ์ร้อน ความอดทนประเภทนี้มีขีดจำกัดต่ำ ในที่สุดก็พวกถูกลูกน้องยั่วให้โมโหจนทนไม่ไหว ดาบใหญ่ที่กำลังต้านทางซ้ายและขวามีแสงสีฟ้าเปล่งออกมา เขากวาดยิงไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว แต่ละคนที่โดนแสงสีฟ้าโจมตีตกลงพื้นพร้อมสีหน้าหวาดกลัว
ความยุ่งยากใจถูกกำจัดออกไปเร็วมาก ทว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ได้ฆ่าพวกเขา แต่กลุ่มนักพรตผีที่อยู่ข้างล่างกลับไม่ปล่อยไป พุ่งเข้ามาหาพร้อมเสียงโห่ร้องเรียกได้ว่ายกดาบฟันรัวๆ ศีรษะสามสิบกว่าใบถูกฟันกลิ้งอยู่บนพื้นในชั่วอึดใจเดียว พวกเหมียวอี้เห็นแล้วตกใจจนหนังตากระตุก
รองผู้บัญชาการหงอดไม่ได้ที่จะมองโค่วเหวินหลานที่อยู่ข้างกายตัวเอง เห็นโค่วเหวินหลานยังมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีท่าทีว่าจะลงมือช่วย จึบทำได้เพียงหุบปาก
กลุ่มนักพรตผีสังหารทหารสวรรค์ไปแล้วสามสิบกว่าคน จากนั้นก็กรูขึ้นมาทันที โจมตีไปทางเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่อยู่บนฟ้า ห้าวหาญไม่กลัวตาย
เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่กำลังเดือดดาลเปลี่ยนมือถือดาบ แล้วใช้มือข้างเดียวกำหมัดชูขึ้นฟ้า ทำให้กำไลสีแดงบนข้อมือพลันระเบิดแสงสีทองออกมา จากนั้นหมุนวนอย่างรวดเร็วอยู่บนข้อมือ หมุนจนคนที่มองตาลาย ไม่น่าเชื่อว่ากำไลจะหมุนจนเกิดเป็นเงามายาออกมานับพันนับร้อยสาย เงามายากลายเป็นพลังจริงยิงพุ่งขึ้นฟ้า กำไลสีแดงนับร้อยนับพันก่อตัวเป็นวงโคจรขนาดใหญ่กลางอากาศ จากนั้นก็หลุดออกจากวงโคจรวงแล้ววงเล่า โปรยปรายลงอย่างบ้าคลั่งมาราวกับพายุฝน
นักพรตผีนับร้อยที่อยู่ข้างล่างและกำลังจะเหาะขึ้นฟ้า ตอนนี้โดนโจมตีจนร้องโหยหวน บ้างก็โดนโจมตีจนกระอักเลือดสีดำ บ้างก็โดนโจมตีจนกะโหลกศีรษะแตก บ้างก็ร่างแหลกสลายกลายเป็นควันสีดำ ไม่มีทางเข้าใกล้เซี่ยโห้วหลงเฉิงได้เลย
เหมียวอี้เห็นเงาของตะไบมายาวิญญาณบนกำไลวงนี้ แต่ของวิเศษชิ้นนี้ยอดเยี่ยมกว่าตะไบมายาวิญญาณเยอะมาก สิ่งที่ปรากฏออกมาไม่ใช่ภาพมายา แต่เป็นพลังที่สามารถโจมตีได้จริง ทั้งยังเป็นของวิเศษขั้นห้าที่ทำจากผลึกแดง แค่ผลึกแดงที่ใช้สำหรับทำกำไลนับร้อยนับพันวงก็ราคาไม่ใช่น้อยๆ แล้ว
เหมียวอี้เรียกได้ว่าเห็นแล้วอิจฉาไม่หยุด บนตัวเจ้าหมีควายมีของดีเยอะมากจริงๆ สมกับเป็นคนที่มีภูมิหลัง มิน่าล่ะปี้เยว่ฮูหยินถึงกล้าวางใจให้เขากับโค่วเหวินหลานมาสู้กับเฮยหวัง แต่ก็ไม่รู้ว่าเฮยหวังจะต้านทานไหวหรือเปล่า
ใช้เวลาเพียงประเดี๋ยวเดียว นักพรตผีหลายร้อยที่อยู่ข้างล่างก็โดนเซี่ยโห้วหลงเฉิงกวาดล้างจนหมดเกลี้ยง เฮยหวังเรียกได้ว่าทั้งตกใจทั้งโมโห ไม่อาจเฉยเมยได้อีก พอโบกธงดำในมือ ใบธงก็ปลิวไป ด้ามธงก็กลายเป็นทวนยาวสีแดงด้ามหนึ่ง แล้วโห่ร้องพลางโจมตีเข้ามาทางเซี่ยโห้วหลงเฉิง
…………………………