สวี่เต๋อเองก็กลุ้มใจเหมือนกัน! เขาเองก็ไม่อยากนำทวนวิเศษผลึกแดงขั้นห้าไปให้อีกฝ่ายหรอก แต่อีกฝ่ายอยากได้ทวนจนไม่คิดชีวิต จะให้เขาอยากได้ทวนจนไม่คิดชีวิตเหมือนกันไม่ได้หรอก!
แต่จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทวนวิเศษผลึกแดงขั้นห้าจะสำแดงอานุภาพมากขนาดนี้เมื่ออยู่ในมือเหมียวอี้ ถึงแม้เฮยหวังจะวรยุทธ์สูง แต่ก็สำแดงอานุภาพได้ด้อยกว่าเหมียวอี้เยอะมาก ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก เขาคงไม่ให้เหมียวอี้แย่งทวนไปง่ายๆ
เหมียวอี้ใช้ทวนชี้ท้าสู้ทุกคน ทำให้พวกเขามองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ลังเลว่าจะสู้หรือไม่สู้ดี?
ถ้าสู้กัน โอกาสตายก็เยอะกว่า แต่ถ้าไม่สู้ อีกฝ่ายก็อาจจะไม่ยอมรามือง่ายๆ การหลบหนีเป็นวิธีที่ดี แต่ถ้ายังไม่ได้กำจัดคนที่รู้สถานการณ์อย่างหนิวโหย่วเต๋อ ถ้าปล่อยให้หนิวโหย่วเต๋อหนีกลับไปด้วยก็จะแก้ตัวไม่ได้ โค่วเหวินหลานไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น จะให้ฆ่าโค่วเหวินหลานให้ตายไปด้วยเหรอ? แต่การจะทำแบบนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ากำจัดหนิวโหย่วเต๋อไปก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางอุดปากหนิวโหย่วเต๋อได้
เรื่องบางเรื่องถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องอาศัยกำลังคุยกัน ถ้าไม่มีกำลังจะทำอะไรก็ห่วงหน้าพะวงหลัง สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้พวกเขาค่อนข้างปวดหัว
หลังจากสองฝ่ายคุมเชิงกันอยู่พักหนึ่ง สวีถังหรานก็กล่าวว่า “น้องหนิว ให้เรื่องมันจบลงตรงนี้เถอะ พวกข้ามีจุดที่ทำไม่ถูก แต่ที่เจ้าแกล้งตายก่อนหน้านี้ก็ฟังไม่ขึ้นเหมือนกัน ตอนนี้เจ้าก็ฆ่าคนไปไม่น้อย โมโหอะไรก็น่าจะระบายไปหมดแล้ว ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ ต่อให้พวกเราไม่โต้ตอบ แต่เจ้าก็ไล่ตามพวกเราไม่ทันอยู่ดี มีเรื่องน้อยดีกว่ามีเรื่องเยอะ พวกเราปล่อยให้เรื่องนี้จบลงตรงนี้ดีมั้ย? ผลงานใหญ่นับเป็นของเจ้า!”
เมื่อกล่าวนี้ออกมา พวกปู้เหลียนจงก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่ละคนพากันพยักหน้า ข่งเฟยฝานเอ่ยรับ “ใช่! ไม่สู้ให้ผ่านไปตอนนี้ดีกว่า แค่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้องหนิว เจ้าคิดว่าอย่างไร? ผลงานใหญ่เป็นของเจ้า!”
“ก็ได้! หนิวก็นี้ก็ไม่อยากทำเรื่องอะไรที่รังแกกันเกินไป!” เหมียวอี้พยักหน้า ทุกคนได้ยินแล้วถอนหายใจ แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ เหมียวอี้จะชี้ทวนไปที่สวี่เต๋อ พลางตวาดเสียงเข้มว่า “แต่จะปล่อยตัวการไปไม่ได้ ข้าเกือบจะตายด้วยน้ำมือเขาแล้ว จะปล่อยเลือดของข้าเสียไปเปล่าๆ ได้อย่างไร!”
“ไอ้แซ่หนิว อย่ากำเริบเสิบสานเกินไปนัก เจ้าคิดว่าพวกเรากลัวเจ้าหรือไง?” สวี่เต๋อกัดฟันถาม
เหมียวอี้ไม่แยแส กล่าวกดดันด้วยเสียงเสียงทุ้มต่ำต่อไป “ถ้าทุกคนอยากให้ข้าเชื่อว่ามีความจริงใจที่จะจบเรื่องนี้แต่โดยดี ก็ต้องแสดงความจริงใจออกมาให้ดูก่อน เพราะเรื่องที่มีคนใช้ทวนแทงข้างหลังมันสะเทือนขวัญจริงๆ ถ้าไม่กำจัดคนต่ำช้าอย่างสวี่เต๋อ ก็เป็นเรื่องยากที่ความแค้นในใจหนิวจะหายไป ถ้าทุกคนอยากให้เรื่องนี้จบแต่เพียงเท่านี้ ก็ร่วมมือกับข้ากำจัดคนต่ำช้าสวี่เต๋อ ไม่อย่างนั้นเรื่องที่ทุกคนไม่สนใจความเป็นความตายของผู้บัญชาการโค่ว พอจบเรื่องแล้วขังผู้บัญชาการโค่วไม่ยอมปล่อยออกมา… ก็อย่าหาว่าปากของข้าไม่ปรานี รายงานขึ้นไปตามความจริง!”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา สวี่เต๋อก็ตกใจมาก รีบมองไปที่คนอื่นๆ แล้วกล่าวเสียงดังว่า “ทุกคนอย่าตกหลุมพราง มันกำลังเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน!”
พวกสวีถังหรานสบตากันแวบหนึ่ง ในใจลังเลมาก
ได้ยินเหมียวอี้บอกอีกว่า “สวี่เต๋อ คนต่ำทรามไง ถ้าไม่กำจัดคนต่ำทราม หนิวก็ไม่อาจร่วมทางกับทุกคนได้อย่างสงบใจหรอก หนิวไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ทำเรื่องแอบลอบทำร้ายอีก ทุกคนจะฆ่าเขาเพื่อแสดงความจริงใจ หรือจะสู้ตายกับเหมียวก็ตามใจแล้วกัน!”
พวกสวีถังหรานมองประเมินกันและกันอีกครั้ง แววตาแต่ละคนค่อนข้างวูบไหวไม่มั่นคง
สวี่เต๋อเข้าใจคนพวกนี้ดีเกินไป พอเห็นแววตาคนพวกนี้แปลกประหลาดมีเลศนัย ในใจก็รู้สึกหนาว แอบร้องในใจว่าซวยแล้ว ร่างกายค่อยๆ ลอยไปข้างหลังหมายจะหนีไปก่อน
ปรากฏว่าสวีถังหรานเด็ดขาดยิ่งกว่าเขา ถลันตัวมาขวางเขาเอาไว้ “พี่สวี่ เจ้าทำแบบนี้ไม่ถูกแล้ว ยังไม่ทันคุยกันชัดเจนแล้วจะไปได้อย่างไร!”
สวี่เต๋อหันขวับกลับมา ปู้เหลียนจง ข่งเฟยฝาน หลัวว่านกวงก็ถลันตัวเข้ามาเช่นกัน ล้อมเขาไว้ทั้งสี่ด้าน ส่วนลูกน้องที่เหลืออีกห้าคนก็ดักข้างบนกับข้างล่างไว้แล้ว ดักทางไม่ให้กระโดดหนี สวี่เต๋อถามด้วยสีหน้าดุร้าย “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”
หลัวว่านกวงถอนหายใจ “พี่สวี่ เรื่องนี้จะโทษพวกเราไม่ได้นะ ใจเมื่อเจ้าฆ่าน้องหนิวไม่ได้ น้องหนิวไม่เกรงเจ้าก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว ทำไมต้องโมโหด้วย?”
คำพูดนี้ทำให้สวี่เต๋อโมโหจนแทบกระอักเลือด ก่อนหน้านี้คนกลุ่มนี้ร้องเป็นเสียงเดียวกันว่าให้เขาฆ่าหนิวโหย่วเต๋อ ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่ทำไม่ถูกเสียแล้ว จึงโบกทวนชี้ไปรอบวง “ไอ้พวกคนทราม กล้าลอบทำร้ายข้าเหรอ!”
ปู้เหลียนจงกล่าวเหยียดหยามว่า “ต่อให้ข้าต่ำทราม แต่ก็ไม่ทำเรื่องยกดาบแทงข้างหลังพี่น้องตัวเองหรอก พูดตามตรงแล้วกัน อยู่กับคนอย่างเจ้าพวกเราก็ผิดหวังเหมือนกัน ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งอาจจะโดนเจ้าแทงก็ได้ พี่สวี่ เห็นแก่ที่เป็นพี่น้องกันมาหลายปี เรื่องฆ่ากันเองพวกเราทำไม่ลงจริงๆ เจ้าทำให้ตัวเองไปสบายจะดีกว่า”
“ทำไมต้องเปลืองคำพูดกับคนทรามแบบนี้” สวีถังหรานพูดเหยียด พร้อมง้างมีดฟัน “รับความตายซะเถอะ!”
“ย้า!” สวี่เต๋อคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ออกทวนโจมตีกลับอย่างเดือดดาล
เมื่อเริ่มเคลื่อนไหว ทุกคนก็ล้อมวงเข้ามาทันที ท่ามกลางเสียงสะเทือนเลือนลั่น สวี่เต๋อฉุกละหุกทำอะไรไม่ถูก เข้าไม่ได้วรยุทธ์สูงเหมือนเฮยหวัง และไม่ได้รับมือกับการล้อมโจมตีเก่งเหมือนเหมียวอี้ โดนล้อมไว้จะหนีก็หนีไม่ได้ ขณะกำลังโจมตีโต้ตอบ ก็รู้แล้วว่าตัวเองมีโอกาสตายมากกว่ารอด ตะโกนด่าอย่างโศกเศร้าคับแค้น “ฝูงโจรสุนัข ต่อให้ข้าเป็นผีข้าก็จะไม่ปล่อยพวกเจ้าไป!”
จู่ๆ ก็โยนเชือกมัดเซียนออกมาเส้นเดียว มัดแขนข้างหนึ่งและร่างกายสวี่เต๋อไว้ครึ่งท่อน ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าลง มืออีกข้างย่อมไม่สามารถใช้ทวนได้อย่างอิสระ
“บังอาจ!” สวี่เต๋อคำรามอย่างเศร้าโศก ใช้มือข้างเดียวโบกทวนอย่างบ้าคลั่ง ความคับแค้นสิ้นหวังในแววตายากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้ รู้ว่าหายนะมาถึงตัวแล้ว
แกร๊ง! ปู้เหลียนจงสู้กับเขาอย่างเด็ดเดี่ยว สวีถังหรานฉวยโอกาสโบกดาบจนเกิดแสงสะท้อนวิบวับ
ศีรษะใบใหญ่ขาดกระเด็น เลือดอุ่นพุ่งขึ้นฟ้า สวี่เต๋อที่ตัวกับหัวอยู่คนละที่ตกลงในหินหลอมเหลวเบื้องล่าง จุดเป็นเปลวเพลิงร้อนแรงสองกอง สุดท้ายก็ได้รับผลกรรมตามสนองแล้ว
ทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง แล้วหันหน้าไปมองเหมียวอี้พร้อมกัน สวีถังหรานชูดาบที่มีรอยเลือดขึ้นมา พร้อมบอกว่า “น้องหนิว สมความปรารถนาของเจ้าแล้ว”
“ดีมาก!” เหมียวอี้ผงกศีรษะด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วถ่ายทอดเสียงบอกอีกสี่คนว่า “ทุกคนไม่รู้สึกเหรอว่าเรื่องในวันนี้ ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี? ถ้าในภายหลังมีคนนำเรื่องนี้มาเป็นจุดอ่อน ก็จะไม่ใช่เรื่องดีอะไร!”
ทั้งสี่แอบสบตากันแวบหนึ่ง เหมียวอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วหันตัวไปข้างหลังอย่างช้าๆ ทำท่าเนียนๆ เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ “อา!” บนฟ้าข้างหลังกลับมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ตามติดด้วยเสียงต่อสู้อย่างดุเดือด
เหมียวอี้ค่อยๆ หันหลังกลับไปมองแวบหนึ่ง สวีถังหรานและทหารเลวอีกสามคนเปิดฉากสังหารใหญ่แล้ว เป้าหมายที่สังหารก็คือพวกลูกน้องที่เมื่อครู่นี้เพิ่งช่วยเหลือพวกเขาต่อสู้
การลงมืออย่างกะทันหันทำให้ลูกน้องตายไปแล้วคนหนึ่ง อีกสี่คนที่เหลือมีหรือที่จะรอดพ้นเงื้อมมือของพวกสวีถังหรานไปได้ ว่าจะเป็นวรยุทธ์ ความสามารถหรือความเร็วก็ไม่เพียงพอให้หนีเอาชีวิตรอดได้ ไล่ตามแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ผลที่ได้ย่อมเป็นร่างสี่ร่างร่วงลงสู่พื้น
จากนั้นพวกสวีถังหรานก็ถลันตัวกลับมาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่แววตาที่มองเหมียวอี้ดูระแวดระวังขึ้นหลายส่วน
เหมียวอี้บอกว่า “ดูนายท่านผู้บัญชาการว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับผู้บัญชาการ ต่อให้วันนี้จะทำผลงานได้ แต่ถ้าโดนอำนาจที่หนุนหลังผู้บัญชาการสืบสวนขึ้นมา เกรงว่าจะผลงานก็ไม่อาจลบล้างความผิดได้ ยากที่จะหนีพ้นโทษตาย โทษเป็นก็รอดยากเหมือนกัน!”
สวีถังหรานเรียกธงดำออกมามาตรจดูทันที เหมียวอี้กลับค่อยๆ กำทวนไว้ในมือให้กระชับแน่น ขณะกำลังจะฉวยโอกาสลอบจู่โจม เสียงหัวเราะเย็นเยียบก็ดังมาจากผู้เขาด้านข้าง “ช่างเป็นสุนัขที่ใจกล้าจริงๆ!”
ทั้งห้าหันไปมอง เห็นเพียงคนสองคนเหาะออกมาจากกลางภูเขา ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นรองผู้บัญชาการหงกับรองผู้บัญชาการซุนนั่นเอง
ทั้งห้าสีหน้าเปลี่ยนทันที ไอ้สองคนนี้มันเห็นท่าไม่ดีเลยหนีไปก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ?
เมื่อครู่นี้ในใจทั้งห้าค่อนข้างหวาดกลัว ทั้งสองจะต้องเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ชัดเจนแน่นอน รองผู้บัญชาการทั้งสองเจ้าเล่ห์ใช้ได้เลย รอให้ทางนี้สู้กันเองในหมู่คณะก่อน รอให้ทางนี้สิ้นเปลืองกำลังไปพอสมควรก่อน แล้วตัวเองค่อยโผล่หัวออกมา
“เมื่อจะทำแล้วต้องทำให้ถึงที่สุด!” เหมียวอี้รีบถ่ายทอดเสียงบอกทั้งสี่ทันที
“พวกเขาสองคนมีวรยุทธ์บงกชทองขั้นสี่ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา” สวีถังหรานกล่าว
เหมียวอี้ “หนิวคนนี้ก็ไม่ใช่ไก่อ่อน ขอแค่อีกสักครู่พวกเจ้าสี่คนฉวยโอกาสพัวพันพวกเขาสองคนไว้ พวกเขาจะต้องจบชีวิตภายใต้ทวนของหนิวแน่! อย่าลืมเชียวนะ ถ้าหากผู้บัญชาการโค่วได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ ตำแหน่งของเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เขตเมืองตะวันตกต้องว่างแน่นอน ข้าคนเดียวครองสองตำแหน่งไม่ไหวหรอก เจ้าสองคนนี้มาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แล้ว”
เขากลัวว่าทั้งสี่คนนี้จะทรยศ เพราะกลับไปจะยิ่งเข้าหาผู้อิทธิพลได้ง่าย จึงรีบโยนเนื้อออกมา จะได้ทำให้พวกเขารู้ว่าถ้าสองคนนี้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไป พวกเขาก็จะไม่มีส่วนได้ในผลประโยชน์นั้นแล้ว
ใช่แล้ว! พวกสวีถังหรานเกิดความคิดขึ้นในใจ ยังมีตำแหน่งของเซี่ยโห้วหลงเฉิงอีก…
เมื่อคนที่จับตาดูสถานการณ์มาถึง รองผู้บัญชาการหงก็ตะคอกใส่หน้าทันที “พวกเจ้าห้าคนช่างเป็นสุนัขใจกล้าจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะฆ่าพี่น้องตัวเองไปมากมายขนาดนี้”
“ใจกล้าคับฟ้า! ข้าจะคอยดูว่าพวกเจ้าจะแก้ตัวยังไง!” รองผู้บัญชาการซุนกล่าว
“ดีกว่าพวกเจ้าสองคนที่หนีเอาตัวรอดโดยไม่สนใจความเป็นความตายของผู้บัญชาการโค่วหรอกน่า?” เหมียวอี้ถามเสียงเรียบ
“บังอาจ!” รองผู้บัญชาการหงโบกทวนชี้มา “ยังจะกล้าเถียงข้างๆ คูๆ!”
เหมียวอี้เถียงว่า “เจ้าเองก็ไม่ต้องมาขู่ข้าหรอก รองผู้บัญชาการทั้งสองเห็นข้าศึกเก่งแล้วหนีคือเรื่องจริง! แต่มาพูดเรื่องนี้ในตอนนี้ก็ไม่มีความหมาย พวกเราห้าคนรู้กำลังตัวเองดีว่าสู้รองผู้บัญชาการทั้งสองไม่ไหว ยินดีจะยกผลงานใหญ่ให้! กลับไปขอเพียงผู้บัญชาการโค่วได้นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ เซี่ยโห้วหลงเฉิงย่อมรักษาตำแหน่งตัวเองไว้ไม่ได้อยู่แล้ว ตำแหน่งผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตกและตะวันออกก็จะกลายเป็นของรองผู้บัญชาการทั้งสองพอดี ขอแค่ทั้งสองใจกว้างไม่ถือสาพวกเราสักครั้ง ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ ทวนในมือของหนิวก็ไม่ใช่เล่นๆ ถึงตอนนั้นต่อให้พวกเราห้าคนหนีรอดไปได้ไม่หมด แต่หนีไปได้สักคนสองคนก็ไม่ใช่ปัญหา ทุกคนก็อย่าคิดจะได้รีบผลดีอะไรเลย!”
คำพูดนี้ตรงกับเจตนาของทั้งสองพอดี แต่รองผู้บัญชาการซุนยังคงแสยะยิ้มถาม “ถ้าปล่อยพวกเจ้าไปตอนนี้ แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าต่อไปพวกเจ้าจะไม่พูดจาเหลวไหล?”
สวีถังหรานตอบว่า “ทุกคนไม่มีใครก้นสะอาด พวกเราพูดไปก็ไม่เกิดผลดีอะไรกับพวกเรา แต่จะว่าไปแล้ว หลังจากรองผู้บัญชาการทั้งสองได้ขึ้นนั่งตำแหน่งสูง พวกตำแหน่งดีๆ ใต้บังคับบัญชา หวังว่าจะพิจารณาพวกเราห้าคนก่อน”
รองผู้บัญชาการทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง รองผู้บัญชาการซุนถ่ายทอดเสียงตอบ “พี่หง การแลกเปลี่ยนนี้ควรจะทำ เดี๋ยวต่อไปตราบใดที่ห้าคนนี้มาอยู่ในมือพวกเรา ย่อมหาทางปิดปากได้อยู่แล้ว”
รองผู้บัญชาการหงได้ยินแล้วพยักหน้าเล็กน้อย กวาดสายตามองทั้งห้าแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ก็ได้! ไหนๆ ทุกคนก็ออกมาทุ่มเททำงานสุดความสามารถ ฝนย่อมตกทั่วฟ้า ตกลงตามนี้แล้วกัน หลังจากจบเรื่องพวกเราไม่ทำให้พวกเจ้าเสียเปรียบแน่!” ยื่นมือสั่ง “เอาธงดำมา!”
เหมียวอี้หันกลับมาส่งสายตา แล้วยื่นมือออกมารับธงดำจากสวีถังหราน นำทั้งสี่เหาะไปหารองผู้บัญชาการทั้งสอง
ขณะกำลังเข้ามาใกล้ รองผู้บัญชาการซุนเหลือบมองทวนวิเศษผลึกแดงในมือเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ตะโกนหยุด “หยุดก่อน! โยนเข้ามา!”
เหมียวอี้อึ้งนิดหน่อย แต่ก็ยังแบมือ ปล่อยให้ธงดำลอยเข้าไป
พวกสวีถังหรานที่อยู่ทางซ้ายและขวากลับอดไม่ได้ที่จะมองธงดำที่ลอยออกไป เพราะพบว่าภายใต้ธงดำผืนนั้นมีของเพิ่มเข้ามา ดูเป็นทรงกลม ไม่รู้ว่ามีลูกเล่นอะไร แต่ในใจทุกคนก็รู้ดี มีลับลมคมใน!
…………………………