หยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับสิ่งนี้ กลับเป็นสวีถังหรานที่ได้ยินข่าวแล้วอดไม่ได้ที่จะมองหยางเจาชิงแวบหนึ่ง เดาออกถึงเจตนาที่เหมียวอี้ไม่ประกาศเรื่องนี้ อดไม่ได้ที่จะเสียดายแทนหยางเจาชิง ต้องทิ้งโอกาสในการมีชื่อเสียงโด่งดังไปอย่างนี้แล้ว
วางเรื่องนี้ไว้ก่อนชั่วคราว ความสนใจของทุกคนไปรวมอยู่ที่สถานการณ์การรบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทางศูนย์ติดต่อรายงานข่าวมาไม่ขาดสาย
และไม่ว่าจะเป็นทัพใหญ่แดนรัตติกาลหรือทัพใหญ่เผ่าเทพอสรพิษดำ หลังจากได้ยินข่าวชัยชนะแล้วก็ฮึกเหิมไม่หยุด รายงานข่าวชัยชนะศึกแกรก จับทัพตะวันออกหนึ่งแสนเป็นเชลยศึกได้ในรวดเดียว ชนะโดยสมบูรณ์!
เรื่องจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเหมียวอี้สมกับมีพื้นเพมาจากการบัญชาการทัพ มีวิธีการเพิ่มขวัญกำลังใจหทาร ตอนนี้ทหารของสองทัพที่สวมกันมีขวัญกำลังใจสูงขึ้น ทำลายความกลัวที่มีต่อทัพตะวันออกห้าล้านจนหมดสิ้น ทหารแดนรัตติกาลก็ยิ่งฮึกเหิม กำลังคิดว่าโอกาสในการสร้างผลงานมาถึงแล้ว
ผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดของการรายงานข่าวชัยชนะศึกแรกก็คือ ทุกคนของทัพใหญ่แดนรัตติกาลเชื่อมั่นใจตัวเหมียวอี้ ก่อนหน้านี้มีคนไม่น้อยแอบบ่นว่าเหมียวอี้บุ่มบ่ามเกินไป ทำไมถึงทำเรื่องอย่างนี้ได้ พอมาดูตอนนี้แล้ว สงสัยหัวหน้าภาคจะมีเหตุผลที่ตัดสินใจทำแบบนี้
ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นแฝงความหมายว่าทุกคนจะไม่สงสัยต่อการบัญชาการของเหมียวอี้อีก หมายความว่าถ้าเหมียวอี้สั่งให้ไปโจมตีที่ไหนก็ไปโจมตีที่นั่น ถ้ามองจากอีกมุมหนึ่ง นี่ก็คือการสร้างอำนาจบารมี!
บนดาวเคราะห์ที่ซีกหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด ในถ้ำที่ลับตาคน ชิงเยว่ เมิ่งหรู จ่างหงล้วนอยู่ที่นี่
“ไม่มีทหารตายสักคน จับทัพใหญ่หนึ่งแสนที่เที่ยวตระเวนได้หมด…” ชิงเยว่กล่าวด้วยสีหน้าอัศจรรย์ใจ หลังจากวางระฆังดาราที่ใช้ติดต่อกับหลงซิ่นแล้ว นางก็ส่ายหน้าเสียดาย “เจียงเชียนหลี่ไม่ใช่พวกฝีมือธรรมดา แต่ครั้งนี้กลับซวยด้วยน้ำมืออิ๋งอู๋หม่าน มันช่าง…อิ๋งจิ่วกวงวางหมากผิดเพราะเลอะเลือนไปชั่วขณะ! พอพลาดก้าวเดียว เกรงว่าคงทำให้ตัวเองกดดันจนไฟลุกหัว”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคาดหวังหรอกเหรอ? มีอะไรให้น่าเสียดายขนาดนั้น” จ่างหงถามเสียงเรียบ
ชิงเยว่หันกลับมามองแวบหนึ่ง ในใจรู้สึกสงสัย แม้จะรู้ว่าคนพวกนี้คือผู้ช่วยที่หัวหน้าภาคส่งมา แต่กลับไม่รู้ว่าเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากที่ไหน
ในขณะนี้เอง มีคนมารายงานข่าวว่า “นายท่าน ทัพกลางส่งข่าวมา ทัพฝ่ายศัตรูเข้าใกล้ทางนี้แล้ว”
ชิงเยว่ เมิ่งหรูและจ่างหงกระปรี้กระเปร่าทันที รีบถลันตัวเข้าไปในห้องหินที่มีปากถ้ำกำบัง แล้วใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองลอดผ่านซอกไปยังดาราจักรที่มืดอึมครึม รออยู่ไม่นาน ก็เห็นเงาคนนับร้อยตรงท้องฟ้าไกลๆ กำลังเหาะมาทางนี้
“นายท่าน ต้องสกัดโจมตีหรือเปล่า?” ทหารที่อยู่ข้างหลังชิงเยว่ถาม กำลังถูไม้ถือมืออย่างกระเหี้ยนกระหือรือ อีกฝั่งหนึ่งสร้างผลงานสำเร็จแล้ว ทัพใหญ่แดนรัตติกาลขอเพียงสร้างผลงานก็จะได้เลื่อนยศไวมาก
“ไม่ต้อง! ปล่อยพวกเขาผ่านไป” ชิงเยว่ส่ายหน้า
“นายท่าน ฝั่งนายท่านหลงได้สร้างผลงานแล้ว ถ้าปล่อยคนผ่านไปก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวกับพวกเราแล้วนะ” ทหารรู้สึกไม่ยอมนิดหน่อย
ชิงเยว่หันกลับมามอง นางพูดไม่ออกนิดหน่อย เจ้าคิดว่าคนหนึ่งแสนจับง่ายขนาดนั้นหรือไง? แต่ทหารระดับล่างถูกควบคุมไม่ให้ใช้ระฆังดารา ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าฝั่งหลงซิ่นมีอิ๋งอู๋หม่านเป็นโล่กำบัง ดังนั้นจึงพอเข้าใจได้
เมิ่งหรูที่อยู่ข้างกันบอกว่า “ยี่คือคำสั่งของหัวหน้าภาค หัวหน้าภาคย่อมจ่ายงานแล้ว ศึกใหญ่ของคนหลายล้านไม่ใช่เรื่องเล็ก อย่าจ้องแค่สถานการณ์ตรงหน้า ตอนหลังยังมีเวลาให้เจ้าดิ้นรนสู้สุดชีวิตแน่”
พอได้ยินว่าเป็นการวางแผนงานของเหมียวอี้ ทหารคนนั้นก็ทำได้เพียงข่มอารมณ์ชั่ววูบที่จะแย่งสร้างผลงาน เดาว่าหัวหน้าภาคทำแบบนี้ต้องมีเหตุผลแน่นอน
ชิงเยว่ยิ่งจ้องยิ่งเห็นเงาคนชัดเจน จึงถามว่า “แน่ใจนะว่าคนพวกนี้คือกองหนุนฝั่งตะวันตก?”
คนพวกนี้น่าจะถูกสายลับจับตาดูอยู่นานแล้ว มีสายลับคอยส่งข่าวแทนกันตลอดทาง ข่าวที่ทางทัพกลางส่งมาน่าจะไม่ผิดพลาด” ทหารตอบ
ผ่านไปไม่นาน คนหนึ่งร้อยคนกลุ่มนั้นก็เหาะผ่านดาราจักรทางนี้ไปอย่างรวดเร็ว
ชิงเยว่หันตัวมาทนัที แล้วออกคำสั่ง “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป เตรียมรบ!”
“รับทราบ!” ทหารคนนั้นเอ่ยรับ แล้วมุดออกจากฟากถ้ำอย่างรวดเร็ว
อีกฝั่งหนึ่งของดาราจักร หลงซิ่นริบสมบัติจากเชลยศึกได้เยอะมาก เหมียวอี้กำชับอย่างเข้มงวดว่าให้รีบนับธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ตอนนี้มีทั้งหมดสองหมื่นห้าพันคัน
นี่คือจำนวนที่เหมียวอี้สนใจมาก เหมียวอี้รู้มาจากปากอิ๋งอู๋หม่านแล้ว ว่าครั้งนี้ทัพตะวันออกแอบระดมทัพห้าล้าน อิ๋งจิ่วกวงเรียกได้ว่าลงทุนเยอะมาก รวบรวมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สองแสนหกหมื่นคัน ในมือลูกน้องจากทัพใหม่ของอิ๋งอู๋หม่านมีหนึ่งหมื่นคัน ส่วนกำลังพลที่เหลือ ถ้าเฉลี่ยแล้วทุกๆ หนึ่งแสนคนจะมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ห้าพันคัน
ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สองแสนหกหมื่นคันสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์บนสนามรบได้แน่นอน เหมียวอี้ย่อมให้ความสนใจมาก เขาจำเป็นต้องรู้เรื่องการแบ่งสรรอาวุธชุดนี้ ไม่อย่างนั้นถ้ากำลังพลของตัวเองไปบังเอิญเจอกับตอแข็งก็จะยุ่งยากแล้ว ทหารระดับล่างไม่ได้สนใจสิ่งนี้ แต่เขาในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุด เวลาควบคุมสถานการณ์บนสนามรบก็จำเป็นต้องสนใจสิ่งนี้
เมื่อรู้ว่าในมือกำลังพลหนึ่งแสนนี้มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เพิ่มมาสองหมื่นคัน ก็เดาออกแล้วว่าดึงอาวุธชุดนี้มาจากกำลังพลกลุ่มอื่น นั่นก็หมายความว่าในมือของกำลังพลอีกสี่แสนไม่ได้มีอาวุธอานุภาพแข็งแกร่งแบบนี้แล้ว ในมือของกำลังพลที่ส่งไปปฏิบัติภารกิจน่าจะไม่ขาดแคลน สายตาของเหมียวอี้ไปหยุดตรงจุดที่มีดาวหกดวงล้อมรอบ เขาประเมินว่าในมือทัพกลางของอ๋าวเฟยเหลือธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เพียงห้าพันคัน
ทางด้านหลงซิ่นรีบเปลี่ยนอาวุธตามคำสั่งเหมียวอี้ทันที ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สองหมื่นห้าพันคันกลายมาเป็นอาวุธอยู่ในมือกำลังพลฝ่ายตัวเองอย่างรวดเร็ว
กำลังพลรวมตัวกันเร็วมาก ตามการแบ่งงานของศูนย์บัญชาการ พวกเขาเหาะไปรับหน้ากองหนุนอย่างรวดเร็ว
กำลังพลของสองฝ่ายล้วนมีฝั่งละร้อย ไม่นานก็เจอกันในดาราจักรสีสันแพรวพราว ชั่วพริบตาที่มองเห็นกันตั้งแต่ไกลๆ กลิ่นอายสังหารลุกโชนทันที
เมื่อเห็นกำลังพลบุกเข้ามาตั้งแต่ไกลๆ เชออู่ก็โบกทวนชี้พร้อมตะโกน “จัดกระบวนทัพ! บุกโจมตี!”
เงาคนที่กำลังเหาะขยายเพิ่มขึ้น ทัพใหญ่สามแสนปรากฏตัวในชั่วพริบตาเดียว กองทัพรวมทั้งเชออู่ตะโกนเสียงดังพร้อมกัน
หลงซิ่นที่อยู่อีกฝั่งก็แทบจะโบกดาบคำรามอย่างบ้าคลั่ง “จัดกระบวนทัพ!บุกโจมตี!”
เงาคนเพิ่มขึ้นเร็วมาก ทัพใหญ่ห้าแสนกว่าพลันปรากฏตัว ขนาบคลุมหลงซิ่นเอาไว้เช่นกัน ตะโกนเสียงดังพร้อมบุกสังหารออกมา
ในดาราจักรราวกับเห็นกลิ่นอายสังหารล่องหนบิดเบี้ยวอยู่บนฟ้าเหนือทัพใหญ่ทั้งสองฝ่าย
“แม่ทัพใหญ่ ทัพใหญ่สามแสนของแม่ทัพเชอปะทะกับทัพใหญ่ห้าแสนของฝ่ายศัตรูแล้ว!”
ในโถงถ้ำ แม่ทัพคนหนึ่งรีบมารายงาน
อ๋าวเฟยเม้มริมฝีปากแน่นขณะจ้องเข็มทิศ แล้วกล่าวราวกับเค้นคำพูดออกมาจากซอกฟัน “สืบอีก!”
หวังหย่วนเฉียวกล่าวอย่างร้อนใจ “แม่ทัพใหญ่ ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของเจียงเชียนหลี่ตกอยู่ในมืออีกฝ่ายแล้วแน่นอน บวกกับธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งหมื่นในมือฝ่ายตรงข้าม อาศัยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ห้าพันคันของกำลังพลสามแสนของเช่ออู่ เกรงว่าจะต้านทานได้ยากมาก!”
“แม่ทัพใหญ่ สั่งให้กองหนุนเคลื่อไหวเถอะ!” คงฮั่นกล่าวเสียงต่ำ
ปั้ง! อ๋าวเฟยทุบกำปั้นบนเข็มทิศ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง “เขาเดาว่าฝั่งเผ่าเทพอสรพิษดำคงส่งกำลังพลที่ออกรบได้ประมาณสองถึงสามล้านคน ไอ้จัญไรหนิวมมันเจ้าเล่ห์ ถึงได้ใช้แค่กำลังพลห้าแสน แล้วกำลังพลส่วนใหญ่ไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ? ข้าเดาว่าไอ้จัญไรนั่นต้องมีแผนสำรองแน่ ดูว่าใครจะทนได้ รออีกหน่อย!”
คงฮั่นกล่าวอย่างร้อนรน “ทัพใหญ่แดนรัตติกาลหนึ่งแสนของหนิวโหย่วเต๋อคือยอดของยอดฝีมือ ถ้าเวลานานไป เกรงว่าแม่ทัพเชอจะมีอันตราย!”
อ๋าวเฟยมีสีหน้าดุร้ายขึ้นหลายส่วน กล่าวเสียงต่ำว่า “รอก่อน! ข้าเชื่อว่าเชออู่จะต้องเอาอยู่!”
ในโถงถ้ำอีกแห่ง เมื่อได้รับรายงาน แน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายคือทัพใหญ่สามแสน เหมียวอี้ที่กำหมัดแน่นและเม้มริมฝีปากจ้องเข็มทิศก็หลับตาลงช้าๆ ในใจรู้สึกโล่งมาก ก่อนหน้านี้แค่เดาว่าอีกฝ่ายมีกำลังพลสามแสน แต่รายละเอียดความจริงเป็นอย่างไรก็ไม่รู้เลย ถ้ากองหนุนของทัพฝ่ายศัตรูไม่ได้วางกำลังอย่างที่คาดเดาไว้ เขาจะทำอย่างไรดีล่ะ?
การวางแผนงานโดยละเอียดของอ๋าวเฟย อิ๋งอู๋หม่านไม่รู้อะไรเลย เจียงเชียนหลี่ที่ถูกหลงซิ่นจับเป็นเชลยก็ไม่ยอมเปิดปาก น่าเสียดายที่เหยียนซิวไม่ได้อยู่ทางฝั่งนั้น ส่วนลูกน้องของเจียงเชียนหลี่ก็ไม่รู้เลยว่าทัพใหญ่ของอ๋าวเฟยมีการระดมกำลังพลอย่างไร
ในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุด ถ้าตัดสินใจพลาดครั้งเดียวบนสนามรบ นั่นก็เท่ากับเอาชีวิตคนนับไม่ถ้วนไปเติมรูโหว่นี้
ในที่สุดตอนนี้ก็แน่ใจจำนวนคนของกองหนุนทางตะวันตกแล้ว เหมียวอี้พลันลืมตาขึ้น “สั่งชิงเยว่ให้นำทัพใหญ่ออกโจมตี ตีขนาบหน้าหลัง ต้องกัดให้หมด!”
ชั่วพริบตาที่ทัพใหญ่สองฝั่งพบหน้ากัน กลิ่นอายสังหารพุ่งพล่านบนท้องฟ้า
“เตรียมโล่ป้องกัน มือธนูเตรียมพร้อม!” เชออู่ที่อยู่กลางทัพใหญ่ที่บุกโจมตีตโกนสุดแรงเกิด ตะโกนจนเส้นเลือดดำบนคอปูดขึ้นมา
หลงซิ่นที่อยู่ตรงข้ามโบกดาบคำราม “โล่คน! เตรียมโล่ป้องกัน มือธนูเตรียมพร้อม!”
ทัพใหญ่ที่บุกโจมตีอยู่ข้างหน้า เจียงเชียนหลี่รวมทั้งกำลังพลหนึ่งแสนของเขาถูกผลักออกมาตรงหน้า แต่ละคนเผยแววตาหวาดกลัว
“กำลังพลหนึ่งแสนของเจียงเชียนหลี่อยู่นี่แล้ว!”
“กำลังพลหนึ่งแสนของเจียงเชียนหลี่อยู่นี่แล้ว!”
ทัพแดนรัตติกาลรวมกับเผ่าเทพอสรพิษดำกำลังพลห้าแสนผลักโล่คนขนาดใหญ่ออกมาพร้อมร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดัง เสียงสนั่นดาราจักร
กำลังพลสามแสนของกองหนุนทางตะวันตกได้ยินแล้วตกใจมาก เป็นไปไม่ได้ที่ฝ่ายนี้จะประกาศให้ลูกน้องตัวเองรู้ข่าวการรบแพ้ ตอนนี้เห็นอีกฝ่ายผลักโล่คนออกมากลุ่มใหญ่ ในจำนวนนั้นมีคนรู้จักอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะแม่ทัพใหญ่อย่างเจียงเชียนหลี่ ก็ยิ่งมีคนไม่น้อยที่รู้จักเขา ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ? ฝั่งนี้วุ่นวายในชั่วพริบตาเดียว ขวัญกำลังใจทหารเริ่มปั่นป่วน
เจียงเชียนหลี่ฝืนยิ้มด้วยความเศร้า น้ำตาเอ่อล้นดวงตา รู้ว่าคนที่คุมกำลังพลที่บุกเข้ามาคือเชออู่
เชออู่ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์ จึงมองเห็นเจียงเชียนหลี่ได้ชัดเจน สีหน้าของเจียงเชียนหลี่อยู่ในสายตาเขาหมดแล้ว เขาเบิกตากว้าง ตาแดงก่ำในชั่วพริบตาเดียว พอกวาดมองตัวประกันนับแสนที่อยู่ข้างหน้าอีก พบว่าในจำนวนนั้นมีไม่น้อยที่เคยเป็นลูกน้องของเขา
“ยิงธนู! ยิงธนู! ยิงธนู…” เชออู่พลันโบกทวนชี้ไป ตะโกนอย่างบ้าคลั่งจนคอแทบแตก ถ่ายทอดคำสั่งรุกโจมตีที่ยากที่สุดในชีวิตเขา
เขาบัญชาการทัพมาหลายปีขนาดนี้ จึงเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ชัดเจน ถ้าปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามตะโกนอย่างนี้ต่อไป จะต้องทำให้ขวัญกำลังใจทหารฝ่ายตัวเองปั่นป่วนมากแน่นอน ลังเลอีกไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำเข้าก็ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนมาด้วย แม้แต่อิ๋งอู๋หม่านปรากฏตัวก็ให้สังหารทิ้งทันที แล้วนับประสาอะไรกับพวกเจียงเชียนหลี่
ปั้งๆๆ…เสียงยิงธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ดังอย่างหนาแน่นราวกับปะทัด พอลูกธนูดาวตกยิงออกไป มือธนูแต่ละคนก็ชาวาบหนังศีรษะ เพราะนี่คือการยิงสังหารพี่น้องทหารของตัวเอง!
ดาวตกนับไม่ถ้วนยิงเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม ฉากนั้นงดงามเสียขนาดนั้น เจียงเชียนหลี่ที่ยิ้มทั้งน้ำตาหลับตาลงแล้ว
ฉึกๆๆ! ชั่วพริบตาที่เลือดนับสิบสายกระฉูดจากร่างกายเจียงเชียนหลี่ เมื่อไม่มีเกราะพลังอิทธิฤทธิ์แล้ว ทั้งร่างจึงถูกอานุภาพของลูกธนูดาวตกระเบิดจนแยกออกจากกัน
ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น กำลังพลเผ่าเทพอสรพิษดำที่ถือโล่คุ้มกันอยู่แถวหน้าถูกลูกธนูดาวตกยิงใส่ไม่หยุดจนเกิดช่องโหว่ จากนั้นคนชุดที่สองก็รีบเข้ามาเติมอย่างรวดเร็ว
“ยืนให้มั่น ถอยหลัง ยิง!” หลงซิ่นโบกดาบตะโกนเสียงดัง
ลำแสงนับไม่ถ้วนยิงม้วนไปทางฝ่ายตรงข้าม เห็นคนล้มตายอยู่ในกระบวนทัพฝ่ายตรงข้ามพักหนึ่ง
ฝั่งนี้กำลังยิงไปด้วยถอยไปด้วย อาศัยความได้เปรียบของจำนวนธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มาลดพลังชีวิตของฝ่ายตรงข้าม
เชออู่มองปราดเดียวก็รู้ว่าจำนวนอาวุธของฝ่ายตรงข้ามเยอะกว่าฝ่ายนี้ ถ้าสิ้นเปลืองต่อไปแบบนี้ต้องแพ้แน่นอน จะต้องสู้กันในระยะใกล้เพื่อลบข้อได้เปรียบด้านธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของฝ่ายตรงข้าม จึงโบกทวนตะโกนว่า “คนที่บุกสังหารเข้าไปในกระบวนทัพฝ่ายศัตรู จะเลื่อนยศให้สามขั้น ตบรางวัลอย่างงาม ใครขี้ขลาด ฆ่าไม่ละเว้น! ตั้งกระบวนทัพรูปลิ่ม บุกโจมตีด้วยความเร็วทั้งหมด!”
เมื่อมีคำสั่งออกมา ท่ามกลางทัพใหญ่ก็มีกำลังพลพุ่งออกมาเก้าสาย ราวกับเป็นปลายหอกเก้าด้าม เป็นกำลังพลเก้าหมื่น กองทัพกลายเป็นทัพเกราะเงินเก้าสาย กลายเป็น ‘หัวลูกธนู’ เก้าดอกที่ครอบบังด้วยโล่เงินซึ่งต้านรับฝนลูกธนูดาวตกพร้อมพุ่งเข้าหากระบวนทัพฝ่ายตรงข้ามอย่างดุร้าย
ท่ามกลางเสียงระเบิดดังตูมตาม ‘หัวลูกธนู’ ที่บุกโจมตีถูกฝนธนูยิงแหว่งไม่หยุด พอเกิดช่องโหว่ขึ้น กำลังพลข้างหลังก็เข้ามาเติมชั้นแล้วชั้นเล่า ทัพใหญ่สองแสนที่อยู่ข้างหลังก็คือทัพป้อนกำลังรบของหัวหอกเก้าด้ามที่กำลังบุกโจมตี
………………
Related