ฮ่าวเต๋อฟางอึ้งไปเลย นึกไม่ถึงว่าเจ้าเวรนี่จะมีเจตนาเดียวกับผังก้วน อยากจะฮุบอาณาเขตทัพใต้ของตนเหรอ?
ผังก้วนแทบหยุดหายใจ เบิกตากว้างมองเหมียวอี้อย่างรู้สึกเหลือเชื่อ เขายังนึกว่าเหมียวอี้ทำไปเพื่อยืนฝ่ายเดียวกับประมุขชิงเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะมีความปรารถนายิ่งใหญ่ขนาดนี้ ปากเล็กแค่นี้ก็คิดจะฮุบทั้งอาณาเขตทัพใต้เสียแล้ว ชั่วพริบตานี้เขาเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว แผนเด็ดที่เคลื่อนทัพตามบัญชาประมุขชิงอะไรนั่นล้วนเหลวไหล มือหนึ่งหลอกฮ่าวเต๋อฟาง อีกมือหนึ่งหลอกตน ถึงได้ทำให้เจ้าเวรนี่วิ่งตะบึงอยู่บนสนามรบชิงความเป็นใหญ่โดยไม่ต้องเสี่ยงอันตรายจากฝั่งไหนเลย ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะช่วยเจ้าเวรนี่ทำลายตัวเอง โดนคนอื่นขายแล้วยังช่วยคนอื่นนับเงินอีก!
เขาเข้าใจแล้ว ว่าตัวเองโดนวางอุบายตั้งแต่แรกเริ่ม ถูกอีกฝ่ายเอาไปเป็นหมากตัวหนึ่งตั้งแต่แรกเริ่ม
พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองนำลูกสาวไปส่งให้ไอ้เวรนี่ถึงประตูบ้าน ก็รู้สึกเหลือเชื่อว่าในโลกนี้ยังมีการรังแกกันถึงขนาดนี้ ผังก้วนโมโหจนตัวสั่น โบกมือชี้เหมียวอี้ คำรามว่า “เจ้า…อั้ก!” ความโกรธโจมตีหัวใจ ควบคุมสติสัมปชัญญะไม่ไหว กระอักเลือดสดออกมาต่อหน้าทุกคน แล้วก็ตาเหลือกไปเลย!
“ท่านจอมพล!” แม่ทัพคนหนึ่งร้องอุทาน แล้วรีบเขาไปชิงประคองเขา
“นายท่าน นายท่าน…” จาหรูเยี่ยนและบรรดาอนุภรรยาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“ท่านพ่อ!” ผังเสี้ยวเสี้ยวร้องเรียกอย่างเศร้าโศกขณะมองบิดากระอักเลือดเพราะความโกรธ แต่จนใจที่เหมียวอี้จับนางไว้แน่น ไม่ปล่อยให้นางหลุดไป
“ว่ะฮ่าๆๆ…” ฮ่าวเต๋อฟางที่ถูกคุ้มครองอยู่ในทัพกลาง จู่ๆ ก็เงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ชี้ผังก้วนพลางหัวเราะเหน็บแนม “ผังก้วนเอ๊ยผังก้วน อ๋องผู้นี้ลูกเสือลูกตะเข้ แต่เจ้ากลับชักหมาป่าเข้าบ้าน ทำชุดแต่งงานให้คนอื่น ชีวิตเจ้ามันน่าเศร้าไหมล่ะ? น่าขำยิ่งกว่าข้าอีก!”
กำลังพลฝั่งตระกูลฮ่าวกับกำลังพลฝั่งตระกูลผังมองหน้ากันเลิกลั่ก สงสัยสู้กันจะเป็นจะตายก็เพื่อยกประโยชน์ให้คนอื่น นกกับหอยทะเลาะกัน แต่คนตกปลาได้รับประโยชน์
“หนิวโหย่วเต๋อ!” พอหัวเราะจบแล้ว จู่ๆ ฮ่าวเต๋อฟางก็ตะโกนบอกเหมียวอี้ “ปล่อยพวกเขาไปสักครั้ง อาณาเขตทัพใต้ข้ายกให้เจ้า ข้ายินดีสนับสนุนให้เจ้าขึ้นตำแหน่งเต็มที่!” นี่คือโอกาสสุดท้ายที่เขาจะรอดชีวิต เขาย่อมต้องพยายามอยู่แล้ว
เหมียวอี้เอียงหน้ามองเขาอย่างเย็นชา แต่ไม่ตอบอะไร
ชิงเยว่ที่อยู่ข้างๆ มองฮ่าวเต๋อฟางด้วยสีหน้าหลากหลายอารมณ์ ร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนบอกเสียงดังว่า “ท่านอ๋อง คนในครอบครัวท่านตายหมดแล้ว อนุภรรยานับร้อยมาขอยอมแพ้ เดิมทีลู่หลงจะนำอนุภรรยาของท่านมาเป็นรางวัลให้พวกลูกน้อง แต่ผู้ตรวจการใหญ่หนิวบอกว่า พวกนางล้วนเป็นอนุภรรยาของอ๋องสวรรค์ฮ่าว จะถูกย่ำยีตามใจชอบไม่ได้ เขาพยายามโน้มน้าวให้ลู่หลงไว้หน้าท่านอ๋องสักหน่อย เป็นผู้ตรวจการใหญ่ที่ฝืนออกคำสั่งให้ยิงอนุภรรยาของท่านทั้งหมด ไม่ปล่อยให้พวกนางถูกหยามเกียรติ!”
ฮ่าวเต๋อฟางฟังเข้าใจแล้ว ในเมื่อสังหารครอบครัวของเขาไปหมดแล้ว มีความแค้นที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หนิวโหย่วเต๋อไม่มีทางปล่อยเขาไว้ให้กลายเป็นปัญหาในภายหลัง ถ้าจะให้โอกาสเขารอดชีวิตจริงๆ ก็คงเก็บอนุภรรยาพวกนั้นของเขาไว้แล้ว
“ดี!ฆ่านางตัวดีพวกนั้นได้ก็ดี ถือว่าไว้หน้าข้าจริงๆ น้ำใจนี้ข้าจะรับไว้!” ฮ่าวเต๋อฟางพยักหน้าช้าๆ สบตากับเหมียวอี้พักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็โบกมือชี้ไปยังลูกน้องที่อยู่รอบกายเขา “พี่น้องพวกนี้เป็นกำลังทหารที่ติดตามข้ามาทั้งชีวิต ติดตามร่วมเป็นร่วมตายกับข้า ซื่อสัตย์จงรักภักดี วันนี้ต่อให้สู้ตายก็ไม่ยอมแพ้!ใต้บังคับบัญชาเจ้าก็ต้องการคนไว้ทำงานเช่นกัน ข้าจะให้พวกเขายอมแพ้เจ้า ให้ทำงานรับใช้เจ้า ขอเพียงเจ้าละเว้นพวกเขา ชีวิตของข้าก็ให้เจ้าได้!”
“ท่านอ๋อง!” กลุ่มทหารตื้นตันใจ บอกว่ายินดีจะบุกน้ำลุยไฟไปกับเขา
ฮ่าวเต๋อฟางยกมือตัดบท แล้วก็จับข้อมือซูอวิ้นชูขึ้นมา พูดเน้นว่า “ข้ายังมีกำลังข้างนอกเหลืออยู่บางส่วน ซูอวิ้นเป็นคนคุมช่องทางทรัพย์สินของข้าทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เจ้าเองก็ใช้งานได้เช่นกัน ละเว้นนาง ละเว้นพวกเขา แล้วทุกสิ่งที่อยู่ข้างหลังข้าจะเป็นของเจ้า!”
“ท่านอ๋อง!” ซูอวิ้นจับมือเขาพลางส่ายหน้า ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาแล้ว
สิ่งที่ฮ่าวเต๋อฟางพูดถึงก็ทำให้เหมียวอี้ใจเต้นแล้วจริงๆ นึกไม่ถึงว่าฮ่าวเต๋อฟางจะยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้ได้ ก่อนหน้านี้นึกไม่ถึงเช่นกันว่าตัวเองจะได้ผลประโยชน์พวกนี้จากฮ่าวเต๋อฟาง ถ้าได้รับการสนับสนุนจากกำลังในที่รับของฮ่าวเต๋อฟาง ก็จะเป็นประโยชน์กับเขาไม่น้อยเลย
“ข้าจะอาศัยอะไรมาเชื่อพวกเขาจะฟังข้า” เหมียวอี้ถามเสียงเย็น
ฮ่าวเต๋อฟางมองไปรอบๆ ทันที แล้วกล่าวเสียงดังว่า “ทุกคนฟังนะ พวกเจ้าไม่ติดค้างอะไรข้า เป็นข้าที่ติดค้างพวกเจ้า เป็นข้าที่ทำผิดต่อพวกเจ้า พวกเจ้ายังมีลูกเมียต้องดูแล ขอให้ทุกคนมีชีวิตต่อไป ต้องใช้ชีวิตให้ดี ถึงจะทำให้ข้าไม่รู้สึกผิดต่อพวกเจ้า!แม่ทัพทุกคนฟังไว้ ถ่ายทอดคำสั่งของข้าไปให้ทั่ว ปล่อยให้อดีตลอยไปกับสายลม ระหว่างอ๋องผู้นี้กับหนิวโหย่วเต๋อไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน หนิวโหย่วเต๋อกำลังจะมาแทนที่อ๋องผู้นี้แล้ว ให้ทุกคนของข้าที่เหลือรอดฟังคำสั่งเขา!” เสียงดังก้องไปทั่วสารทิศ
“ท่านอ๋อง…” ซูอวิ้นไม่ยอม
“อ๋องผู้นี้เป็นใหญ่ในใต้หล้ามาทั้งชีวิต จะตายด้วยน้ำมือศัตรูได้อย่างไร!” ฮ่าวเต๋อฟางถลึงตาอย่างเดือดดาล
ดวงตางามของซูอวิ้นมองอย่างเหม่อลอย สงบสติอารมณ์ลงอย่างช้าๆ คลายมือออกทีละนิด น้ำตาไหลโดยไรเสียงนางคือคนที่รู้จักเขาดีที่สุด เป็นสาวงามรู้ใจในชีวิตเขา รู้ว่าพูดอะไรอีกก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
กำลังพลที่อยู่โดยรอบก้มหน้าลงอย่างหดหู่
ฮ่าวเต๋อฟางหันขวับไปมองเหมียวอี้ “แบบนี้ น้องพอใจหรือยัง?”
“ตราบใดที่พวกเขาไม่ทรยศข้า ปฏิบัติตามคำสั่งท่านอ๋องได้ ข้าก็จะละเว้นพวกเขา ละเว้นซูอวิ้น !” เหมียวอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงธรรมดา
“ดี!อาศัยที่เจ้าฆ่าอนุภรรยาของข้า ไม่ให้พวกนางโดนหยามเกียรติ ปกป้องศักดิ์ศรีของข้าไว้ ข้าเชื่อเจ้า!เอาไป!”
พอพูดจบ ฮ่าวเต๋อฟางก็พลันใช้ดาบปาดคอตัวเอง จากนั้นยกมือเด็ดศีรษะตัวเอง แล้วโยนศีรษะไปทางเหมียวอี้ รวดเร็วฉับไวเหนือความคาดหมายของทุกคน!
ศีรษะของอ๋องสวรรค์ เวลาจะตัดทิ้งก็ง่ายมากเหมือนกัน
เขารู้ว่าตัวเองไม่มีทางรอดชีวิตแล้ว สิ้นอนาคตแล้ว จึงไม่ลังเลที่จะนำชีวิตตัวเองมาช่วงชิงโอกาสรอดให้บรรดาลูกน้อง!
ดาราจักรที่มีทัพใหญ่คุมเชิงกันเงียบงันไร้ที่เปรียบ ทุกคนตะลึงค้าง ซูอวิ้นถลึงดวงตางาม กำลังพลของฮ่าวเต๋อฟางมองร่างที่ไม่สมประกอบอย่างเหม่อลอย
แม้แต่ผังก้วนที่ค่อยยังชั่วแล้ว เมื่อเห็นฉากนี้ก็เหม่อเช่นกัน ว่ากันว่ายอมตายดีกว่าอยู่อย่างอัปยศ เขาถามใจตัวเองแล้ว พบว่าตัวเองไม่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวนี้ นำความรู้สึกสะเทือนใจมาสู่เขา เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างตัวเองกับฮ่าวเต๋อฟางแล้ว!
ศีรษะที่มีเลือดหยดถูกสะบัดลอยออกมา แรงโยนไม่มากนัก ศีรษะลอบมาทางเหมียวอี้ตามแรงเฉื่อย
กำลังพลฝั่งตระกูลผังที่ล้อมอยู่ด้านนอกไม่มีใครกล้าขวาง ทยอยกันหลีกทางให้สองฝั่ง หลีกทางให้ศีรษะใบนี้
ทุกคนได้เรียนรู้จากตัวฮ่าวเต๋อฟางแล้วว่าอะไรเรียกว่า ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ฮ่าวเต๋อฟางแสดงให้เห็นอย่างถึงอกถึงใจแล้ว คนชนะเป็นเจ้า ส่วนคนแพ้ก็ปาดคอตัวเองอย่างรวดเร็วฉับไว!
ขณะมองศีรษะที่ลอยเข้ามาช้าๆ ในใจเหมียวอี้ก็สั่นสะเทือนจนบรรรยายออกมาไม่ได้ เขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าฮ่าวเต๋อฟางจะเด็ดขาดได้ขนาดนี้
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอิ๋งจิ่วกวง มีโอกาสหนีเอาชีวิตรอดแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมหนี ฮ่าวเต๋อฟางที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ยอมขี้ขลาดเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน!
พลังอิทธิฤทธิ์กลุ่มหนึ่งพรั่งพรูออกจากตัวเหมียวอี้ ดูดศีรษะมาลอยอยู่ตรงหน้าห่างไปหนึ่งจั้ง เขาไม่ได้รับไว้ และไม่ได้ให้ใครรับไว้เช่นกัน
ผังเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ข้างๆ ลนลานหวาดกลัว ลืมอันตรายฝั่งบิดาตัวเองไปชั่วคราว นางก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับฮ่าวเต๋อฟางที่กำลังถลึงตา
ทุกคนพากันมองไปที่เหมียวอี้กับศีรษะของฮ่าวเต๋อฟาง
เหมียวอี้ขบกรามพักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็โบกมือ ใช้พลังอิทธิฤทธิ์ดีดศีรษะกลับไป ตะโกนด้วยเสียงดุดันว่า “จัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่!”
ความรู้สึกทุกอย่างที่ควรเอ่ยและไม่ควรเอ่ยล้วนอยู่ในคำพูดนี้หมดแล้ว
ดีดกลับไปเร็วมาก ซูอวิ้นรับศีรษะมาไว้ในอ้อมกอด กอดแน่นไม่ยอมปล่อย สุดท้ายก็เปล่งเสียงร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวสุดขีด
นางนึกเสียใจทีหลังเป็นอย่างมาก นึกเสียใจว่าทำไมไม่ยอมทำตามคำขอเขา เสียใจว่าทำไมไม่แต่งงานกับเขา ตอนนี้ไม่มีโอกาสอยู่กับเขาอีกแล้ว นางร้องไห้จนตาพร่า แต่ภาพในอดีตกลับปรากฏชัดเจน
ผู้ตรวจการทัพซ้ายเหยียนเสี้ยวปากสั่นเทิ้ม พลันคุกเข่าข้างเดียวกลางอากาศ กำลังพลไม่กี่แสนของตระกูลฮ่าวที่เหลืออยู่รอบๆ ก็ทยอยกันคุกเข่าแล้วเช่นกัน คุกเข่าเงียบๆ ต่อหน้าร่างของฮ่าวเต๋อฟาง มีเพียงซูอวิ้นที่กลายเป็นคนเจ้าน้ำตา อุ้มศีรษะยืนร้องไห้อย่างปวดใจอยู่ตรงนั้น
เหมียวอี้ไม่อยากมองไปทางฮ่าวเต๋อฟางอีก หันตัวกลับมาอย่างเด็ดเดี่ยว ดึงมือผังเสี้ยวเสี้ยวลอยไปทางผังก้วน มียอดฝีมือกลุ่มใหญ่ตามคุ้มกัน เฝ้าระแวดระวังอย่างสูง
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ฐานะของเหมียวอี้ในทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่มีใครแทนที่ได้ ฝั่งนี้ไม่มีใครกล้าให้เหมียวอี้เป็นอะไรไป ไม่เกี่ยวว่าวรยุทธ์ของเหมียวอี้จะสูงหรือต่ำ แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้กับเหมียวอี้ ทุกสิ่งที่ทุกคนเฝ้าคอยก็จะคว้าน้ำเหลวหมด ทุกสิ่งที่เล่นตอนนี้ก็จะจบเห่แล้ว นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าผู้บัญชาการสูงสุด!
ผังเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่วรยุทธ์นะดับเหมียวอี้ นางกลับไม่มีทางปฏิเสธได้ ทำได้เพียงถูกดึงไป
ตอนที่ไปยืนคุมเชิงกับผังก้วน เหมียวอี้บอกใบ้ให้คนที่อยู่ตรงหน้าหลีกทาง แล้วดึงผังเสี้ยวเสี้ยวมายืนตรงหน้า มองฝั่งผังก้วนที่มีกำลังทหารจำนวนมากคุ้มกัน
ผ่านไปไม่นาน ผังก้วนก็เดินออกมาจากกลุ่มคนแล้ว จ้องเหมียวอี้อย่างเย็นเยียบ ระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่ถึงสามจั้ง
จาหรูเยี่ยนที่ตามออกมากล่างขอร้อง “หนิวโหย่วเต๋อ เสี้ยวเสี้ยวเป็นผู้หญิงของเจ้านะ เจ้าอย่าทำร้ายนางเลย!”
“ท่านแม่ยายไม่ต้องห่วง ข้ารับรองว่าจะไม่ทำร้ายนาง ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าก็จะไม่ให้ใครทำร้ายนางง่ายๆ! ขอเพียงนางไม่ทรยศข้า นางก็จะเป็นอนุภรรยาที่รักของข้าตอลดไป!” เหมียวอี้กล่าวรับประกัน มือที่จับผังเสี้ยวเสี้ยวออกแรงบีบเล็กน้อย เหมือนกำลังออกแรงเพื่อรับประกันกับนาง บอกให้นางไม่ต้องกังวล
ผังเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้ามองเขา นางเริ่มเลอะเลือนแล้ว มองเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
เหมียวอี้มองผังก้วนที่ริมฝีปากเปื้อนเลือดอีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้าไม่เพียงแค่รับประกันความปลอดภัยของเสี้ยวเสี้ยวนะ ขอเพียงท่านพ่อตายินดี ข้าก็ยังรับประกันความปลอดภัยของท่านพ่อตาได้ด้วย รับประกันความปลอดภัยของทุกคนในตระกูลผัง!”
ผังก้วนเดาเจตนาเขาได้แล้ว ดึงจาหรูเยี่ยนที่ตัวสั่นระริกกลับมาไว้ข้างหลัง แล้วตะคอกตอบว่า “เจ้าฝันไปเถอะ!”
เหมียวอี้ดึงมือผังเสี้ยวเสี้ยว แล้วมองนางพร้อมถามว่า “เสี้ยวเสี้ยว เจ้าหวังจะให้ข้ากับพ่อเจ้าใช้อาวุธแก้ปัญหากันเหรอ?”
“ไม่นะ อย่านะ!” ผังเสี้ยวเสี้ยวส่ายหน้าอย่างตระหนกตกใจ
ต่อให้นางไม่เข้าใจเรื่องกองทัพ แต่นางก็รู้ว่าตอนนี้บิดาตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถ้าลงมือสู้กันขึ้นมา ผลที่ตามมาก็จะร้ายแรงจนไม่อย่างนึกถึง
“ขอเพียงบิดาเจ้ารับปากว่าจะสั่งให้กำลังพลยอมจำนนต่อข้า พวกเราก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ข้ารับประกันความปลอดภัยของทุกคนในตระกูลผัง รับรองว่าทุกคนในตระกูลผังจะไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่!” เหมียวอี้กล่าว
ผังก้วนตวาดอย่างโมโห “หนิวโหย่วเต๋อ เอาผู้หญิงมาเจรจา เจ้านับว่ามีความสามารถอะไร? เสี้ยวเสี้ยว ไม่ต้องไปสนใจไอ้ชาติสุนัขนี่ ต่อให้ข้าตาย ข้าก็ไม่ยอมให้แผนชั่วของมันสำเร็จ!”
“ตายเหรอ?” เหมียวอี้พลันเหลือบตาขึ้น ตัดสินใจได้ภายในชั่วพริบตาเดียว เลิกใช้ผังเสี้ยวเสี้ยวมาแก้ไขปัญหาที่อยู่ตรงหน้า ตัดสินใจใช้วิธีแข็งกร้าวแทน โบกทวนชี้ไปรอบๆ พร้อมตะโกนว่า “ถ้าอยากตายก็ง่ายมาก อาศัยกำลังพลที่อ่อนล้าหมดแรงของพวกเจ้า แต่ข้าสั่งคำเดียว ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ฆ่าพวกเจ้าตายหมดจนไม่เหลือแม้แต่เกราะได้แล้ว!ถ้าเจ้าอยากตาย นั่นก็ง่ายเกินไป ข้าช่วยให้เจ้าสมปรารถนาได้ แต่พวกเขาล่ะ?” เหมียวอี้ชี้ไปที่พวกจาหรูเยี่ยน แล้วก็ชี้ไปทางกำลังพลฝั่งผังก้วนอีก “เจ้าจะปล่อยให้ความปรารถนาส่วนตัว ดึงคนในครอบครัวลงหลุมฝังศพไปพร้อมเจ้าด้วยให้ได้เลยใช่มั้ย? จะให้ลูกน้องเอาชีวิตไปทิ้งพร้อมกับเจ้าให้ได้เลยใช่มั้ย? แบบนี้มีผลดีอะไรกับเจ้าล่ะ?”
………………