ถึงแม้จะเชื่อถือและศรัทธาในแผนการที่เชื่อมโยงเป็นลูกโซ่ของเหมียวอี้ แต่เหิงอู๋เต้าก็ยังเตือนด้วยความปรารถนาดีว่า “ผู้ตรวจการใหญ่อย่าประเมินศัตรูต่ำไป ระวังไว้มากๆ ดีกว่าขอรับ”
ตอนนี้เขาหวังให้เหมียวอี้ราบรื่นทุกอย่างอยู่แล้ว จะให้แผนพังในช่วงเวลาสำคัญนี้ไม่ได้เด็ดขาด อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตน ถ้าสามารถคุมอาณาเขตทัพใต้ได้จริง เหมียวอี้ก็ต้องให้ผลประโยชน์กับเขาไม่น้อยแน่นอน คาดว่าอย่างต่ำที่สุดต้องได้ตำแหน่งเทพประจำดาว
เหมียวอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “พวกเขาก็แค่เฝ้าดูมาตั้งแต่แรกแล้ว รอให้ทหารของฮ่าวเต๋อฟางรบแพ้แล้วค่อยลงมือ ไม่คิดว่าสายไปหน่อยหรือ? ข้ารอไม่ไหวที่จะปะทะกับทัพใหญ่ของพวกเขาแล้ว!”
เหิงอู๋เต้าเอามือลูบเคราพร้อมกล่าวอย่างลังเล “ผู้ตรวจการใหญ่ ยังต้องป้องกันกองทัพองครักษ์ด้วย ในอาณาเขตทัพใต้ยังมีกองทัพองครักษ์จ้องจะเขมือบอยู่ไม่น้อย สามารถลงมือได้ทุกเมื่อ”
เหมียวอี้ปรายตามอง “กองทัพองครักษ์มีสิทธิ์อะไรมาลงมือกับข้าล่ะ? ประมุขชิงออกคำสั่งให้ข้าปราบกบฏผังก้วน ข้าก็ปราบกบฏตามบัญชาแล้ว ฮ่าวเต๋อฟางปลิดชีพตัวเองทิ้ง ข้าไม่ได้เป็นคนสังหารเขาเสียหน่อย ประมุขชิงจะอ้างเหตุผลอะไรมาสู้กับข้าล่ะ? ข้าทำตามบัญชาแล้วผิดด้วยหรือ?”
“…” เหิงอู๋เต้าพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คิดไปคิดมาก็พบว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจว่าจะยัดข้อหาเพื่อโจมตีฝั่งนี้ได้ เกรงว่าประมุขชิงคงไม่กล้าหาข้ออ้างซี้ซั้ว คาดว่าคงยืมมือกงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนมาดู ถ้าผู้ตรวจการใหญ่รบแพ้ ประมุขชิงจะต้องนำเรื่องที่ผู้ตรวจการใหญ่โจมตีกำลังพลของฮ่าวเต๋อฟางตรงทางผ่านน่านฟ้าชวดอู้ไปน่านฟ้าขาลกุ่ยมาเป็นข้ออ้างเอาเรื่องแน่นอน ส่วนผู้ตรวจการใหญ่ก็สามารถอ้างได้ว่า การศึกมิหน่ายเล่ห์ วางอุบายเพื่อให้ได้รับความเชื่อใจจากผังก้วน สรุปก็คือในศึกนี้ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ ฝ่ายนั้นก็ล้วนมีเหตุผลที่ฟังขึ้น
เหมียวอี้กำชับว่า “เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด ยังต้องเตรียมตัวเผื่อทัพใหญ่โจมตีด้วย!”
“รับทราบ!” เหิงอู๋เต้าเอ่ยรับคำสั่งแล้วถอยออกไป
เหมียวอี้ไตร่ตรองเล็กน้อย จากนั้นหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อโค่วหลิงซวี
โค่วหลิงซวีที่ยืนอยู่หน้าแผนที่ดาวหยิบระฆังดาราขึ้นมา เขามองโค่วเจิง แล้วก็มองถังเฮ่อเหนียน แสยะยิ้มบอกว่า “หนิวโหย่วเต๋อส่งข้อความมา”
“เกรงว่าคงไม่ได้มีเจตนาดี” โค่วเจิงกล่าว
ถังเฮ่อเหนียนถอนหายใจ “เกรงว่าคงพุ่งเป้ามาที่อาณาเขตทัพใต้ ในเมื่อเขาพูดออกมาตรงๆแล้วว่าต้องการอาณาเขตทัพใต้ ตอนนี้ก็คงอยากได้รับการสนับสนุนจากท่านอ๋อง!”
“หึ!” โค่วหลิงซวีทำเสียงฮึดฮัด แล้วค่อยเขย่าระฆังดาราตอบว่า : โหย่วเต๋อ ได้ยินว่าฝั่งเจ้าเคลื่อนไหวใหญ่โตเชียวนะ!
เหมียวอี้ : ทำให้ท่านพ่อบุญธรรมตื่นตระหนกแล้ว ไม่สมควรเลยจริงๆ แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ตอนนี้อยากจะขอให้ท่านพ่อบุญธรรมช่วยอีกแรง ช่วยข้าปราบกบฏในทัพใต้ คืนความสงบสุขให้ปวงชนในอาณาเขตทัพใต้!
โค่วหลิงซวีรู้อยู่แก่ใจแต่ยังถาม : ฮ่าวเต๋อฟางกับผังก้วนก็อยู่ในมือเจ้าแล้ว ยังมีกบฏอะไรอีก?
เหมียวอี้ : ก่อนหน้านี้กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนนิ่งดูดาย เห็นอ๋องสวรรค์ฮ่าวถูกล้อมแล้วไม่ยอมช่วย ตอนนี้ทำท่าจะโจมตีข้าอีก ต้องการระดมพลโจมตีทัพใหญ่แดนรัตติกาลของข้า เปิดเผยเจตนาไม่ซื่อให้เห็นหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่าอย่างจะเอาเยี่ยงอย่างเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อ ท่านพ่อบุญธรรมจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?
โค่วหลิงซวี : นี่เป็นเรื่องของทัพใต้ ไม่เกี่ยวกับข้า ถ้าไม่ได้รับบัญชาจากฝ่าบาท ทัพเหนือก็ไม่สะดวกจะเคลื่อนไหวเช่นกัน
แค่ได้ฟังก็รู้แล้วว่าปฏิเสธ เหมียวอี้ขี้คร้านจะอ้อมค้อมเช่นกัน : ท่านพ่อบุญธรรม เรื่องบางเรื่องทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ ข้าว่าไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมอีก
ในเมื่อเขาเปิดเผยชัดเจนแล้ว โค่วหลิงซวีก็ไม่เกรงใจเช่นกัน : ทำไมอ๋องผู้นี้ต้องช่วยเจ้า? เจ้าจะให้ผลประโยชน์อะไรข้าได้? ตัวเองก่อเรื่องเอง ก็หาทางเช็ดก้นตัวเองให้สะอาดแล้วกัน!
ตัวเขาในเวลานี้ เรียกได้ว่าไม่พอใจเหมียวอี้ถึงขีดสุด ก่อนหน้านี้ยังไม่เข้าใจเรื่องราว แต่ตอนนี้ลองมองย้อนกลับไป ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเหมียวอี้ที่วางแผนเสี้ยมให้ผังก้วนเล่นไม่ซื่อกับฮ่าวเต๋อฟาง ส่วนทัพใหญ่แดนรัตติกาลก็เป็นคนตกปลาที่มาคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์หลังจากดูนกกับหอยทะเลาะกัน เท่ากับว่าฮ่าวเต๋อฟางถูกเหมียวอี้บีบให้ตาย แม้เขากลับฮ่าวเต๋อฟางจะไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับเท่าไหร่ แต่ก็รู้จักและคบหากันมาหลายปี กระต่ายสิ้นใจ จิ้งจอกร่ำไห้คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
เหมียวอี้ : ข้าไม่มีผลประโยชน์อะไรจะให้ท่านอ๋องหรอก แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อาณาเขตทัพใต้นี้ ถ้าไม่ใช่ของข้าแล้วจะเป็นของใครได้?
โค่วหลิงซวี : พูดจาโอ้อวดกินตัว!เช่นนั้นเจ้ามาขอร้องข้าทำไม?
เหมียวอี้ : ความรู้สึกของท่านอ๋องตอนนี้ ข้าพอจะเข้าใจได้ แต่ท่านอ๋องเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือเปล่า? ในปีนั้นที่กำลังพลสี่ทัพจะร่วมมือกันกำจัดทัพใหญ่แดนรัตติกาล คาดว่าท่านอ๋องคงยังจำได้ ส่วนข้านั้นจำได้ชัดเจน ตอนนั้นจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลวิกฤตเหมือนไข่ที่กองซ้อนกัน แต่ข้าเคยพูดอะไรหรือเปล่าล่ะ? ข้าเคยโทษใครไหม? ข้าเคยกล่าวโทษท่านพ่อบุญธรรมไหม? ใครจะรับประกันได้ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดกับข้าอีก? จะให้ข้านั่งรอความตายเหรอ ในเมื่อมีโอกาสเอาชีวิตรอด มีหรือที่ข้าจะพลาด? อย่าบอกนะว่ามีคนตั้งกฎไว้ ว่าคนอื่นกำจัดข้าได้ แต่ข้ากำจัดคนอื่นไม่ได้? ไม่มีหลักการแบบนี้อยู่หรอก!ไม่ว่าตอนนี้ท่านอ๋องจะมองข้าอย่างไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนอยู่แล้ว ขอเพียงท่านอ๋องใจเย็นแล้วค่อยๆ คิด ก็น่าจะเข้าใจ ว่าต่อให้ข้าไม่ขอร้องท่านอ๋อง ท่านอ๋องก็ต้องช่วยข้าอยู่ดี!
โค่วหลิงซวี : ในเมื่ออยากจะไต่เต้าถึงตำแหน่งนี้ ก็ต้องเข้าใจกติกา พร่ำบ่นมากไปก็ไร้ประโยชน์ ก็อย่างที่บอก ถ้าไม่เสนอผลประโยชน์มา ข้าจะอาศัยอะไรมาช่วยเจ้า? ช่วยกงเชียนชิวไม่ดีกว่าเหรอ? ช่วยอวี่เหวินชวนก็ได้เช่นกัน ในสองคนนั้น แค่ลองสุ่มเลือกมาสักคนก็มีกำลังพลที่มั่นคงเชื่อถือได้กว่าทัพใต้ของเจ้าตอนนี้แล้ว ไม่ว่าจะช่วยฝ่ายไหนก็เปลืองแรงน้อยกว่าช่วยเจ้าทั้งนั้น ใครกำหนดกติกาล่ะว่าข้าต้องช่วยเจ้า?
เหมียวอี้ : เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อย่าบอกนะว่าท่านอ๋องยังคิดว่าตระกูลเซี่ยโห้วสนับสนุนผังก้วน?
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา โค่วหลิงซวีก็สะอึกจนพูดไม่ออก
เหมียวอี้พูดต่อว่า : ต่อให้ท่านอ๋องอยากจะช่วยพวกเขา แต่ก็ต้องพิจารณาสักหน่อยว่าจะดึงกำลังพลออกมาได้อย่างราบรื่นหรือเปล่า อย่าบอกนะว่าท่านอ๋องไม่กลัวว่าใต้บังคับบัญชาตัวเองจะเกิดเหตุการณ์อย่างเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อหรือว่าผังก้วนอีก? ถ้าไม่ใช่เพราะพวกท่านอ๋องมัววุ่นวายอยู่กับเรื่องของตัวเอง ฮ่าวเต๋อฟางจะมีจุดจบอย่างนี้ได้อย่างไร? ถ้าไม่มีความกังวลนี้จริงๆ เกรงว่าพวกท่านอ๋องคงส่งกำลังพลมาช่วยนานแล้ว!ต่อให้พวกเขาสองคนได้ครองอาณาเขตทัพใต้แล้วยังไงล่ะ มีตระกูลเซี่ยโห้วคอยเป็นอุปสรรคขัดขวางอยู่ ท่านอ๋องคิดว่าภายในเวลาสั้นๆ นี้อาณาเขตทัพใต้จะสงบลงได้หรือ? พวกท่านอ๋องกล้ายึดครองอาณาเขตทัพใต้เพื่อขยายอำนาจให้ตัวเองหรือเปล่าล่ะ? ประมุขชิงจะตอบตกลงไหม? ถ้าในอาณาเขตทัพใต้ไม่สงบ ความร่วมมือของสี่ทัพก็เหมือนขาขาดไปข้างหนึ่ง โต๊ะที่ขาขาดไปข้างหนึ่ง หน้าโต๊ะก็ไม่มั่นคงแล้ว แค่ออกแรงนิดเดียวก็กดให้พังทลายได้ แบบนั้นมีประโยชน์กับท่านอ๋องเหรอ? แต่ถ้าเปลี่ยนให้ข้ามานั่งตำแหน่งที่อาณาเขตทัพใต้ สถานการณ์ก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้ว
ตระกูลเซี่ยโห้วจะระงับความวุ่นวายภายในเขตของท่านอ๋องทันที คืนความสงบสุขให้อาณาเขตทัพใต้ ทำให้ท่านอ๋องระดมพลมาช่วยข้าได้อย่างสบายใจ มีตระกูลเซี่ยโห้วคอยช่วยอีก ข้าก็สามารถทำให้ความขัดแย้งในอาณาเขตทัพใต้สงบลงได้เร็วเช่นกัน ทำให้อำนาจของทัพใต้มันคง แล้วค่อยช่วยท่านอ๋องคุมสถานการณ์ภาพรวมให้สงบ แบบนี้ไม่ถือว่าให้ผลประโยชน์กับท่านอ๋องหรอกหรือ? ยังมีสิ่งหนึ่ง ทัพตะวันออกถูกแบ่งโดยประมุขชิงแล้ว กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนมีกำลังสูสีกัน กินกันลำบาก ถ้าปล่อยให้พวกเขาคุมสถานการณ์ของทัพใต้ พวกเขาก็มีแต่จะเอาเยี่ยงอย่างเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อ แผนแบ่งทัพใต้ของประมุขชิงก็จะสำเร็จแน่ นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ประมุขชิงคาดหวัง!อำนาจของทัพตะวันออกถูกประมุขชิงตัดแบ่งเป็นสองส่วนแล้ว ถ้าปล่อยให้ประมุขชิงแบ่งทัพใต้อีก การที่ประมุขชิงทำสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ ต่อให้ท่านอ๋องจะไม่พิจารณาผลที่ตามมา แต่เกรงว่าคนใต้บังคับบัญชาของท่านอ๋องคงอดไม่ได้ที่จะไตร่ตรอง!แต่ถ้าข้าควบคุมทัพใต้ไว้คนเดียว ผลก็จะแตกต่างกันแล้ว แบบนี้ไม่ถือว่ามีประโยชน์ต่อท่านอ๋องหลอกหรือ? ท่านอ๋องไม่ใช่คนที่มองเห็นแค่สิ่งตรงหน้า ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนเป็นคนไร้วิสัยทัศน์แล้วล่ะ?
โค่วหลิงซวีหลับตาลงช้าๆ ขบกรามแน่น เพิ่มสีหน้าดุร้าย แล้วทันใดนั้นก็ชกบนแผนที่ดาวอย่างแรง แล้วด่าว่า “คนจัญไรน่ารังเกียจ!”
โค่วเจิงกับถังเฮ่อเหนียนมองหน้ากันเลิกลั่ก
ผ่านไปไม่นาน ก่วงลิ่งกงก็ได้รับการติดต่อจากเหมียวอี้ผ่านระฆังดารา
หลังจากทั้งสองติดต่อกันเสร็จแล้ว ก่วงลิ่งกงก็ถอยออกจากแผนที่ดาวอย่างช้าๆ นั่งลงบนเก้าอี้ตัวนึง โกรธจนหน้าเขียวหน้าดำ
โกวเยว่กาวขึ้นมาถามว่า “ท่านอ๋อง หนิวโหย่วเต๋อหมายความว่ายังไงครับ?”
ก่วงลิ่งกงพ่นลมหายใจช้าๆ อย่างกลัดกลุ้ม แล้วกล่าวดูความทึ่ง “พอมาดูตอนนี้ หนิวโหย่วเต๋อวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วจริงๆ ย้อนกลับไปมองสถานการณ์ที่เขาวางไว้ ก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากแล้ว อุบายห่วงสัมพันธ์ที่วางไว้ทีละก้าว แต่ละก้าวที่น่าตระหนกตกใจจริงๆ เจ้าเวรนี่แผนการล้ำลึก น่าขนลุกยิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าจะฮุบทั้งอาณาเขตทัพใต้โดยไม่เปลืองแรงสักนิด ใครจะไปคาดคิดล่ะ? ก่อนหน้านี้ใครจะไปคิดว่ากำลังพลเล็กน้อยเท่านั้นจะสามารถกลืนทั้งอาณาเขตทัพใต้ได้? ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าอย่างมากเขาก็กลืนได้แค่อาณาเขตสายเดียว ทุกคนถูกเขาหลอกอย่างง่ายดาย!ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมีอุบายขนาดนี้ เดิมทีข้าคิดว่าตัวเองประเมินเขาสูงแล้ว ตอนนี้ถึงได้พบว่ายังประเมินเขาต่ำเกินไป!”
โกวเยว่ยังอยากจะถามอีก แต่ก่วงลิ่งกงกลับยกมือห้าม แล้วหยิบระฆังดาราอีกอันออกมาติดต่อโค่วหลิงซวี
หลังจากติดต่อได้แล้ว ก่วงลิ่งกงก็ถอนหายใจยาว “ทุกฝ่ายถูกเขาดึงเข้ามาเกี่ยวข้องในสถานการณ์นี้แล้ว หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดนหนิวจัญไรเล่นงานสำเร็จแล้ว!”
ในตำหนักประชุมของจวนจอมพลสายเถาะ
หลังจากติดต่อโค่วหลิงซวี ก่วงลิ่งกง เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อเรียบร้อยแล้ว เหมียวอี้ก็ติดต่อเฉาหม่านอีก เสร็จแล้วถึงได้เก็บระฆังดารา แล้วเรียกชิงเยว่มาสั่งงาน “แจ้งไปที่กงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวน สั่งให้พวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งทหารของฮ่าวเต๋อฟาง มายอมแพ้ต่อข้าเดี๋ยวนี้ ถ้ายอมแพ้จะได้อยู่ในตำแหน่งเดิมยศเดิม ใครต่อต้าน ฆ่าไม่ละเว้น!พยายามหาทางประกาศคำสั่งนี้ให้รู้ทั้งกองทัพของสายมะโรงกับสายมะเส็งด้วย!”
“รับทราบ!” ชิงเยว่เอ่ยรับคำสั่ง
เหมียวอี้บอกอีกว่า “ถ่ายทอดคำสั่งไปให้กำลังพลทั้งหมดของผังก้วนรวมทั้งกำลังพลที่รอดชีวิตของฮ่าวเต๋อฟาง ให้โจมตีก่อกวนกำลังพลของกงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนให้สุดกำลัง แล้วคอยเตรียมตัวรับทหารที่ยอมแพ้ของสายมะโรงกับสายมะเส็งด้วย พร้อมทั้งระดมทัพใหญ่แดนรัตติกาลสามสิบล้านนายไปเฝ้าจุดยุทธศาสตร์ เตรียมตัวทำศึกตัดสิน!” พูดจบก็โบกมือ
“รับทราบ!” ชิงเยว่เอ่ยรับคำสั่งแล้วไปปฏิบัติ
ตลาดผี ตึกศาลาสัตยพรต เฉาหม่านที่เก็บระฆังดารากัดฟันอีกครั้ง “เจ้าเล่ห์ปลิ้นปล้อนไร้ที่เปรียบ ใช้วิธีการที่คาดคิดไม่ถึง ในอนาคตจะต้องเป็นภัยแน่นอน หลังจากจบเรื่องจะต้องกำจัดทิ้ง!” จากนั้นก็หันมาบอกเว่ยซูอีกว่า “บอกพวกพี่น้องของข้า ให้ระงับความวุ่นวายภายในทัพตะวันออก ทัพตะวันตกกับทัพเหนือ กำลังพลที่แฝงตัวอยู่ในอาณาเขตทัพใต้ก่อนหน้านี้ปรากฏตัวได้แล้ว ให้พวกเขาประกาศว่าจะไปพึ่งพาหนิวโหย่วเต๋อ!แล้วก็ให้สมาชิกที่อยู่ตามสำนักต่างๆ โน้มน้าวศิษย์ที่อยู่ในบังคับบัญชากงเชียนชิวกับอวี่เหวินชวนไปพึ่งพาหนิวโหย่วเต๋อ จัดการตามนี้!”
“ขอรับ!” เว่ยซูเอ่ยรับแล้วปฏิบัติตามคำสั่ง
ในดาราจักร กงเชียนชิวนำกำลังพลเร่งเดินทาง หยิบระฆังดาราออกมาฝั่งคำสั่งทัพใหญ่แดนรัตติกาล อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้ม แล้วพูดกับคนที่อยู่ทางซ้ายและขวาว่า “หนิวโหย่วเต๋อไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ท่านอ๋องตายแล้ว ยังคิดจะให้ข้าไปสวามิภักดิ์ต่อเขาตามคำสั่งท่านอ๋องเหรอ ช่างเป็นเรื่องที่น่าขำจริงๆ ไม่รู้เหรอว่าข้าจะนำทัพใหญ่ไปล้างแค้นให้ท่านอ๋อง?”
แม่ทัพที่อยู่ข้างๆ หัวเราะตาม บางคนถือระฆังดาราในมือเช่นกัน แล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาก “ท่านจอมพล เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อ๋องสวรรค์โค่วประกาศต่อใต้หล้าอย่างเป็นทางการ เขาออกคำสั่งระดมกำลังพลทัพเหนือห้าร้อยล้านแล้ว เคลื่อนทัพมาในอาณาเขตทัพใต้ ประกาศว่าถ้าไม่ทำตามคำสั่งอ๋องสวรรค์ฮ่าวจะถือว่าเป็นทัพกบฏ ปราบให้หมด!พร้อมทั้งปิดทางไปมาระหว่างทัพใต้และทัพเหนือให้หมด บอกว่าไม่ให้โจรกบฏหนีออกจากอาณาเขตทัพใต้!”
ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ ก็มีแม่ทัพอีกคนเก็บระฆังดาราแล้วถามอย่างลังเลว่า “ท่านจอมพล อ๋องสวรรค์ก่วงก็ประกาศต่อใต้หล้าเหมือนกัน ระดมทัพตะวันตกห้าร้อยล้าน เหตุผลเหมือนอ๋องสวรรค์โค่วเลย!”
“ท่านจอมพล เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อประกาศต่อใต้หล้าว่าร่วมกันระดมกำลังพลห้าร้อยล้าน จะไปปราบทัพกบฏในอาณาเขตทัพใต้ ให้เหตุผลเหมือนกับสองคนก่อนหน้านี้เลย!”
……………