“ครับ”คุณหมอพงษ์เวชตอบรับ นั่งยองตัวลงไปตรวจสภาพจิตใจให้พงศกร
นัทธีกับมารุต และคุณหมอศักดิ์ชายอีกคนยืนดูอยู่ข้างๆ
ดูไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้ คุณหมอพงษ์เวชก็ยืนขึ้นมาด้วยสายตาที่ซีเรียส
“เป็นไงบ้าง?”นัทธีเม้มปากถาม
คุณหมอพงษ์เวชส่ายหน้า“หนักมากครับ เมื่อกี๊ผมใช้การสะกดจิตเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเขา พบว่าสภาพจิตใจของเขาไปถึงจุดที่เป็นอันตรายแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นแต่ด้านมืด ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาจิตใจเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะกลายเป็นคนที่ไม่อาจควบคุมได้อีก”
“เฮ้อ……”ได้ยินคำนี้ มารุตก็ถอนหายใจอีกครั้ง“ควบคุมไม่ได้อีก นั่นไม่ได้บ้าแล้วเหรอ?”
“น่ากลัวกว่าบ้าอีก คนบ้าไม่อาจทำเรื่องที่เป็นอันตรายต่อสังคมออกมาได้ แต่เขาทำได้แน่นอน ผมบอกแล้ว ในใจของเขาเป็นด้านมืดหมด คนแบบนี้ถ้าความมืดภายในถูกปลดปล่อยออกมา ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเขาจะทำอะไร”
“พระเจ้า งั้นก็น่ากลัวมาก”มารุตตัวสั่น
นัทธีเม้มริมฝีปากบางๆ ถึงจะไม่พูด แต่ในใจกลับตัดสินใจแล้ว ว่าจะเอาพงศกรออกไป
คนแบบนี้ อยู่ข้างกายวารุณีไม่ได้เด็ดขาด
“พวกคุณพาเขาไปโรงพยาบาล ให้พิชิตขังแยกเขาไว้ ส่วนเขาจะจัดการอย่างไรนั้น รอวารุณีตื่นมาค่อยว่ากัน”นัทธีละสายตาลง มองพงศกรด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก แล้วกำชับไป
“เข้าใจแล้วครับ”มารุตพยักหน้าตอบรับ
จากนั้นก็จับพงศกรจากพื้นขึ้นมาแล้วออกไป กับหมอทั้งสองคน
พอพวกเขาไป นัทธีก็ปิดประตูห้อง กลับไปที่ห้องนอนใหญ่
เขาเข้ามา ก็มองเห็นหญิงสาวที่เดิมทีนอนอยู่นั้นตอนนี้ได้นั่งขึ้นมา กำลังถูขมับด้วยใบหน้าที่ดูไม่ดีนัก
“ตื่นแล้วเหรอ?”นัทธีพิงที่ขอบประตู
วารุณีได้ยินเสียงของเขา ก็หยุดการกระทำที่มือลงแล้วหันมามอง“ประธานนัทธี”
นัทธีตอบอือ ก้าวเท้าเดินไปหยุดข้างเตียง“ปวดหัวเหรอ?”
วารุณีพยักหน้าอย่างอ่อนแรง“ค่ะ น่าจะเพราะว่าดื่มมากไป ขอบคุณประธานนัทธีที่ส่งฉันกลับมานะคะ”
ใบหน้าหล่อเหลาของนัทธีเย็นชาลง“ผมไม่ได้ส่งคุณกลับมาเลย”
“เอ๋?”วารุณีกะพริบตาอย่างตะลึง“ไม่ใช่คุณที่มาส่งฉัน?”
นัทธีเงยคางขึ้นอย่างไม่ปริปากพูด
วารุณีขมวดคิ้วอย่างสงสัย“ไม่มั้งคะ จะไม่ใช่คุณได้ไง ตอนนั้นที่ผับ ก็เป็นคุณชัดๆ”
“คุณจำผิดคน คุณเห็นพงศกรเป็นผม!”นัทธีเงยตาขึ้น เพ่งไปที่เธอ
วารุณีส่ายหน้า“เป็นไปไม่ได้ ถึงตอนนั้นฉันดื่มเหล้าไปเยอะ ฉันก็ไม่มีทางเห็นพงศกรเป็นคุณได้”
“ตัวคุณเองไม่เป็นไร แต่ที่พงศกรสะกดจิตคุณล่ะ?”นัทธีเอามือใส่เข้าไปในกางเกง พูดเสียงเย็นชา
“หมาย……หมายความว่าไง?”วารุณียืดหลังตรง ตระหนักได้ว่าคำที่เขาพูดต่อไป จะโจมตีทัศนคติและความรับรู้ของเธอ
นัทธีสบตาเธอ ริมฝีปากบางๆขยับเบาๆ“คุณน่าจะถูกพงศกรสะกดจิตที่ผับ ให้คุณเห็นเขาเป็นผม แบบนี้ คุณก็จะไปกับเขาอย่างไม่ระแวดระวัง”
ได้ยินอย่างนั้น วารุณีก็ยังไม่ยอมเชื่อ ส่ายหน้า ฝืนยิ้มออกไป:“ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งอย่าพูดเรื่องสะกดจิตเลยเขาสะกดจิตไม่ได้อยู่แล้ว ถึงทำได้ ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ล่ะ?”
เห็นเธอปกป้องพงศกรขนาดนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของนัทธีหม่นลงไป“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เคยเข้าใจเขาจริงๆ ไม่อย่างนั้นทำไมแม้แต่เขาสะกดจิตเป็นคุณยังไม่รู้เลยล่ะ ส่วนทำไมเขาต้องทำแบบนี้ นั่นเพราะว่าเขาไม่เคยล้มเลิกความคิดที่จะได้ตัวคุณมา”
วารุณีตาเบิกโตขึ้นมา
นัทธีถูคิ้วแล้วพูดอีกว่า:“เขารู้ดีว่าหลังจากครั้งนั้นที่ขืนใจจูบคุณไปบนเรือสำราญ ทำให้คุณระแวดระวังเขา ดังนั้นเขาจึงแฝงตัวเป็นผมมาเข้าใกล้คุณ เพราะว่าคนที่คุณรักคือผม มีแค่แบบนี้คุณถึงจะไม่……”
“ไม่ต้องพูดแล้ว นี่มันเป็นไปไม่ได้!”วารุณีเปิดผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง พูดเสียงดังตัดบทเขา
พงศกรเป็นคนดีขนาดนั้น นอกจากครั้งนั้นที่ขืนใจจูบเธอ ให้เธอตกใจแล้ว เขาก็ไม่เคยทำพฤติกรรมใดๆที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
ดังนั้นพงศกรแบบนี้ จะเป็นคนที่น่ารังเกียจอย่างที่นัทธีพูดได้อย่างไร
“ผมพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว คุณยังไม่เชื่อผมอีก ดี งั้นผมจะให้คุณดูว่า พงศกรที่อยู่ในใจคุณเนี่ย เป็นคนอย่างไรกันแน่!”นัทธีหัวเราะอย่างเย็นชา ดึงมือของเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ปากทางเข้าประตู
เขาให้มารุตสืบอดีตที่ผ่านมาของพงศกรมาโดยตลอด อยากให้เธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของพงศกร
แต่พงศกรคนนี้ลึกลับอย่างมาก มารุตก็ยังสืบออกมาไม่ได้ ตอนนี้กลับดี พงศกรเปิดเผยตัวตนออกมาแล้ว ให้เธอได้ดูพอดี
“ประธานนัทธี คุณปล่อยฉัน คุณจับจนฉันเจ็บหมดแล้ว!”วารุณีมองท้ายทอยของชายหนุ่ม ไม่อยากตามเขาไป
ไม่รู้ว่าทำไม ในใจเธอมีเสียงที่บอกเธออยู่ว่า
ถ้าเธอไปดูกับเขา งั้นต่อไปเธอก็จะหมดหนทาง ยอมรับพงศกรโดยไม่มีข้อแม้ใดๆเลยแม้แต่น้อย
คิดไป วารุณีก็กัดริมฝีปาก อยากจะสะบัดมือของนัทธี
แต่ตอนที่เธอกำลังจะสะบัด จู่ๆตาของเธอก็มองเห็นแผลที่แขนของนัทธี ก็ตกใจไปหมด รีบถามว่า“ประธานนัทธี แขนของคุณเป็นอะไรคะ?”
นัทธีทำเหมือนไม่ได้ยิน ไม่ตอบไป
พอถึงปากทางเข้าประตู เขาก็ปล่อยมือเธอออก จากนั้นภายใต้การเฝ้าดูของเธอ ก็เปิดจอภาพอินเตอร์คอมของเธอออก“จอภาพอินเตอร์คอมมีฟังก์ชันจับภาพ แล้วเรื่องก็เกิดขึ้นที่ปากทางเข้าประตูพอดี คุณดูเองเถอะ”
พูดจบ นัทธีก็ถอยไปข้างๆ
ริมฝีปากวารุณีขยับ มองจอภาพตรงหน้าอย่างตะลึง
ก็เห็นประตูเปิดออกในจอภาพ พงศกรประคองเธอเข้าไปในห้อง หลังจากเข้าไป พงศกรก็กดเธอล้มลงไปที่ชั้นรองเท้า จากนั้นรวบผมเธอกำหนึ่งขึ้นมาถามเธอว่ารู้ไหมว่าเขาเป็นใคร
จากนั้นวารุณีก็ได้ยินอย่างชัดเจน ตัวเองในวิดีโอนั้นตอบไปว่าประธานนัทธีสี่คำนี้
“เอ่อ……นี่……”สีหน้าวารุณีเปลี่ยนไป หันคอไปมองนัทธีที่อยู่ข้างๆอย่างตัวแข็งทื่อ
เธอเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ เห็นพงศกรเป็นเขา
และสภาพของเธอที่อยู่ในจอก็ผิดปกติมาก ถูกครอบงำดูไม่มีสติ ไม่เหมือนคนปกติ กลับเหมือนหุ่นยนต์ หมายความว่า เธอถูกสะกดจิตจริงๆ ไม่อย่างนั้นก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมเธอมีสภาพเช่นนั้น
วารุณีเหมือนถูกโจมตี ตัวสั่น โซเซเล็กน้อยจึงค่อยยืนมั่นคง“พงศกร…… สะกดจิตเป็นจริงๆด้วย!”
“ตอนนี้คุณเชื่อคำพูดของผมแล้วสินะ?”นัทธีชี้ไปที่จอภาพอินเตอร์คอม
ริมฝีปากวารุณีขยับ พูดไม่ออก
นัทธีกดสองครั้งไปที่หน้าจอของจอภาพอินเตอร์คอมอีกครั้ง“ยังไม่จบนะ กดดูต่อไป เชื่อผมเถอะ คุณจะเห็นพงศกรที่ต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง”
วารุณีกำฝ่ามือแน่น ยังไม่พูด แต่สายตา กลับมองไปที่หน้าจอของจอภาพอินเตอร์คอม
วิดีโอในหน้าจอยังเล่นต่อไป
วารุณีเห็นพงศกรก้มหน้าลงจะจูบตัวเอง ตาก็เบิกโตขึ้น ตัวเกร็งขึ้นมา
ตอนที่เธอคิดว่าพงศกรจะจูบเธอจริงๆ นัทธีก็ปรากฏตัว เตะประตูออก ขัดขวางพงศกร
เห็นตรงนี้ วารุณีจึงโล่งอก ตัวที่เกร็งก็ผ่อนคลายลงมา
“ยังดี……”เธอถอนหายใจออกมาด้วยความยินดี พึมพำเบาๆเหมือนยุงตัวเล็กๆ
แต่นัทธีก็ได้ยิน เหลือบไปมองเธอ มองเธอประหลาดใจที่ตัวเองปรากฏตัว อารมณ์ที่หมองหม่นก็ดีขึ้นเยอะ ริมฝีปากบางๆยกขึ้นเล็กน้อย
วารุณีไม่รู้ว่าการกระทำของตัวเองเมื่อกี๊ ได้พอเอาใจผู้ชายบางคนให้รู้สึกดีขึ้นมา
สายตาเธอจ้องไปที่วิดีโออย่างตั้งใจ หลังจากเห็นนัทธีกับพงศกรทั้งสองคนเถียงกันในวิดีโอ ทันใดนั้นพงศกรก็หยิบมีดผ่าตัด แทงไปที่นัทธี
พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – ตอนที่ 233 นี่เป็นเขาที่แท้จริงต่างหาก
Posted by ? Views, Released on November 2, 2021
, พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง 'ใช้กายแลกเงิน' 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง "ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?" นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:"…" เด็กน้อยน่ารัก: "แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!"