วารุณีฟังน้ำเสียงที่เธอเป็นห่วงอย่างมากต่อพงศกรแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ“หมอบอกว่าพงศกรจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางจิตใจ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป กลัวว่าจะกลายเป็นคนที่อันตรายได้ และไม่สามารถควบคุมสติได้อีก”
“ทำ……ทำไมรุนแรงขนาดนี้?”ปาจรีย์เอามือปิดปากอย่างตะลึง น้ำตาไหล
วารุณีละสายตาลง“เรื่องก็เป็นแบบนี้ล่ะ”
“งั้นตอนนี้พงศกรอยู่ไหน?”ปาจรีย์สูดหายใจเข้า ยับยั้งอารมณ์ที่ใจร้อนภายในใจของตัวเองสุดๆ แล้วถามไปอีกว่า“วารุณี เธอน่าจะรู้สินะว่าพงศกรอยู่ไหน?”
วารุณีตอบอือ“เขาอยู่โรงพยาบาล ถูกคุณหมอพิชิตกักตัวแล้ว”
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
พูดจบ ปาจรีย์วางสายทันที
วารุณีหยิบโทรศัพท์ ย้อนกลับมาที่หน้าจอเมนูหลัก หลังจากขยี้คิ้วแล้ว ก็เปิดผ้าห่มลงจากเตียง
เธอเพิ่งออกมาจากห้อง ก็ได้ยินเสียงออดประตูเข้ามาทางปากทางเข้าประตู
วารุณีเดินไป มองจอภาพอินเตอร์คอมแวบหนึ่ง แล้วเปิดประตู“ประธานนัทธี”
นัทธีสวมสูทสีน้ำเงินยืนอยู่ข้างนอก มองสำรวจเธอ เห็นรอยคล้ำใหญ่ๆสองข้างที่ใต้เปลือกตาของเธอ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“เมื่อคืนคุณไม่ได้นอนเหรอ?”
วารุณีหันข้างเปิดทางออกมา ตอบกลับอย่างหงอยเหงาเศร้าซึมเล็กน้อย:“นอนไปแป๊บเดียว ประธานนัทธีต้องไปทำงานนอกสถานที่นี่คะ ทำไมยังไม่ไปอีก?”
“คุณอยากให้ผมไปขนาดนี้เชียว?”นัทธีก้าวเท้าเข้าห้องมา
“เอ๋?”วารุณีที่ปิดประตูอยู่ก็ชะงักลง ไม่เข้าใจทำไมเขาพูดแบบนี้
แววตานัทธีเป็นประกาย เดินไปที่ห้องรับแขก เดินไป พูดไปว่า:“เครื่องบินผมดีเลย์น่ะ ตอนเที่ยงค่อยไป ก่อนไป จะพาเด็กทั้งสองไปโรงเรียนก่อน”
“แบบนี้นี่เอง”วารุณีพยักหน้า ก็ไม่ถามอีก หลังจากเทน้ำให้เขาแล้ว ก็ไปเรียกลูกสองคนตื่นที่ห้องนอนเด็ก
พออาบน้ำเสร็จ กินข้าวเข้าเสร็จ วารุณีก็ส่งลูกสองคนให้นัทธี
นัทธีพาเด็กทั้งสองคนออกไป
พอพวกเขาไป วารุณีก็ไม่อยู่ที่อพาร์ทเม้นท์นานนัก กลับห้องเปลี่ยนชุด แล้วแต่งหน้าเข้มปกปิดรอยคล้ำ จึงออกจากบ้านขับรถไปโรงพยาบาล
พอไปถึงโรงพยาบาล เธอก็ถามห้องที่พงศกรถูกกักตัว แล้วเดินไปที่ห้องคนไข้
เดินไปถึงนอกประตูห้องคนไข้ วารุณีก็ได้ยินเสียงตะโกนของพงศกรที่เต็มไปด้วยความโมโหออกมาจากด้านใน“ไสหัวไป ใครให้คุณมาเสแสร้งโน้มน้าวผม ออกไป!”
“พงศกร คุณอย่าทำอย่างนี้สิ คุณใจเย็นก่อนได้ไหม?”ปาจรีย์จับมือของพงศกรไว้ ร้องไห้ตาแดงอ้อนวอนไปว่า:“ฟังฉันนะ พวกเราไปรักษาตัวที่ต่างประเทศเอาไหม?”
“รักษา?”พงศกรเหมือนกับได้ยินเรื่องตลก หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น“ผมกลายเป็นสภาพแบบนี้ในวันนี้ ไม่ใช่เพราะตระกูลสวนจันทร์ของพวกคุณทำเหรอไง ตอนนี้แนะนำให้ผมไปรักษา จอมปลอมสุดๆ ผมจะบอกอีกครั้งนะ ไสหัวออกไป ผมไม่อยากเห็นคุณ!”
“พงศกร……”ปาจรีย์มองเขาอย่างเจ็บปวด ไม่ขยับ
“ไม่ไปใช่ไหม?”พงศกรหรี่ตาลงอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นคว้าหมอนข้างๆขึ้นมา โยนไปที่ปาจรีย์
ปาจรีย์ตกใจ คิดไม่ถึงว่าจู่ๆเขาจะลงมือกับเธอ พอได้สติคืนมา ก็หลบไม่ทันแล้ว ถูกเขวี้ยงใส่ไปโดยตรง
แต่ยังดีที่เป็นหมอนโยนมา ถึงแม้หน้าผากที่ถูกโยนจะเจ็บเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับบาดเจ็บ
วารุณีที่อยู่ด้านนอกประตูมองฉากนี้ผ่านกระจก ในใจก็รู้สึกโกรธแทนปาจรีย์ อยากจะเข้าไปดึงเธอมาก
แต่จากนั้นได้สติคืนมา ว่านี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเขาสองคน เธอเข้าไปก็ไม่มีความหมายอะไร มีแต่จะทำให้เรื่องราวยิ่งตึงเครียด อย่าเข้าไปดีกว่า
คิดไป วารุณีก็ปล่อยที่จับประตู เท้าข้างหนึ่งที่ก้าวออกไป ก็ละกลับมาเบาๆ
จิตแพทย์ในห้องที่ไม่พูดมาตลอด เห็นปาจรีย์มองหมอนที่พื้นอย่างตะลึงงัน ก็ส่ายหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้:“คุณปาจรีย์ คุณออกไปก่อนเถอะ ตอนนี้คุณหมอพงศกรกำลังอารมณ์ไม่คงที่ คุณอยู่ที่นี่มีแต่ยิ่งทำให้อารมณ์เขาแปรปรวนมากยิ่งขึ้น ทำให้อาการป่วยเขาหนักขึ้น”
ได้ยินคำนี้ ปาจรีย์ได้สติคืนมาทันที ไม่กล้าอยู่ต่อ ก้มเอวลงไปหยิบหมอนที่พื้นขึ้นมาไว้ที่เตียงแล้ว ก็มองพงศกรที่มีใบหน้าน่ากลัวด้วยสายตาลึกซึ้ง แล้วหันกลับออกไป
“วารุณี?”ปาจรีย์ออกมา ก็เห็นวารุณีที่อยู่ด้านนอก ถามอย่างตกใจ“เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“มาสักพักแล้ว”วารุณีเดินไปหน้าเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ จัดชายกระโปรงแล้วนั่งลงไป
ปาจรีย์ลังเลเล็กน้อย และตามไปนั่งลง“มาดูพงศกรเหรอ?”
วารุณีพยักหน้าโดยไม่ปริปากพูด
ถึงแม้เมื่อคืนพงศกรทำพวกนั้นกับเธอไป ทำให้เธอไม่พอใจเขานัก
แต่สุดท้ายพวกเขาก็เป็นเพื่อนกัน และยังมีพระคุณช่วยชีวิตต่อกัน สภาพเขาตอนนี้ เธอก็ยังเป็นห่วง ก็เลยมาดูหน่อย
“งั้นเธอรอสักพักนะ หมอกำลังกำจัดอารมณ์ของพงศกร รอให้อารมณ์เขาสงบลง เธอถึงเข้าไปดูเขาได้”ปาจรีย์หันไปมองประตูห้องคนไข้ด้านข้างแล้วพูด
วารุณีส่ายหน้า“ฉันไม่เข้าไป ฉันตั้งใจไม่เข้าไปแต่แรกแล้ว แค่อยากดูเขาด้านนอกก็พอ ยังไงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฉันก็ไม่รู้จะไปเผชิญหน้าอย่างไรกับเขา”
“ก็ใช่”ปาจรีย์พยักหน้า จากนั้นหันไปมองเธอ“ที่ฉันพูดกับพงศกรด้านเมื่อกี๊ เธอได้ยินหมดแล้วสินะ?”
“ได้ยินแล้ว”วารุณีไม่ปิดบัง ตอบอือ ยอมรับไป
ปาจรีย์กัดริมฝีปาก“วารุณี ขอโทษจริงๆนะ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ อาการป่วยของเขาจะรุนแรงจนสะกดจิตเธอได้ วารุณี ฉันจะขอโทษเธอแทนเขา เธอยกโทษให้เขาได้ไหม?”
พูดไป เธอก็ยืนขึ้นมา โค้งตัวให้วารุณี
วารุณีมองสภาพอ้อนวอนของเธอ ในใจก็ไม่สบอารมณ์อย่างมาก ลุกขึ้นมาประคองเธอ“เธอวางใจเถอะ ฉันไม่โทษเขาหรอก เห็นแก่พระคุณที่เมื่อก่อนเขามีต่อครอบครัวทั้งห้าคนของฉัน ฉันไม่ติดใจเอาความกับสิ่งที่เขาทำกับฉันหรอก แต่ขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่สามารถเป็นเพื่อนกับเขาโดยไม่มีข้อท้วงติงใดๆได้อีกแล้ว”
“ไม่เป็นไร แค่เธอยกโทษให้เขาก็พอ เธอเป็นคนที่เขาหลงใหล ถ้าเธอไม่ยกโทษให้เขา อาการป่วยของเขา ก็อาจจะยิ่งหนักขึ้น”ได้ยินวารุณีบอกว่าไม่เอาความพงศกร ปาจรีย์ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างดีใจทันที
แต่ประโยคต่อไปของวารุณี กลับทำให้รอยยิ้มที่ใบหน้าเธอแข็งทื่อ“ฉันยกโทษให้เขาแล้ว แต่ประธานนัทธีล่ะ?เมื่อคืนพงศกรจะฆ่าประธานนัทธี ถึงไม่สำเร็จ แต่ก็ปาดโดนแขนของประธานนัทธี เลือดออกอย่างมาก ประธานนัทธีไม่ได้แจ้งความ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยพงศกรไป”
“นี่มัน……”ปาจรีย์หน้าซีดขาวลงไปทันที จากนั้นรีบจับมือของวารุณีไว้“วารุณี เธอจะต้องช่วยพงศกรนะ อย่าให้เขาตกอยู่ในเงื้อมมือของประธานนัทธี”
“ฉันจะช่วยเขาอย่างไร?”วารุณีดึงมือออกมา ไร้เรี่ยวแรงอย่างมาก
ปาจรีย์กำฝ่ามือแน่น“เธอทำได้ เธอช่วยพงศกรได้แน่ แค่เธอไปโน้มน้าวประธานนัทธี ให้เขาอย่าแก้แค้นพงศกรก็พอ”
“ฉันจะมีความสามารถไปพูดหว่านล้อมประธานนัทธีได้ไงกัน?”วารุณีจับหน้าผากอย่างเหนื่อยล้า
มือสองข้างของปาจรีย์กดไปที่ไหล่ของเธอ“เธอทำได้ คนอื่นฉันไม่รู้ แต่เธอทำได้ เพราะว่าประธานนัทธีชอบเธอ!”
ได้ยินอย่างนั้น วารุณีก็ตกใจก่อน จากนั้นจึงหัวเราะ“ปาจรีย์ เรื่องล้อเล่นแบบนี้เธอจะล้อเล่นมั่วๆไม่……”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น ประธานนัทธีชอบเธอจริงๆ วารุณีเธอเชื่อฉัน ฉันมองออก สายตาที่ประธานนัทธีมองเธอมีความรู้สึกจริงๆ!”ปาจรีย์ขัดจังหวะเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
วารุณีมองปาจรีย์ที่ท่าทางจริงจัง ตระหนักได้ว่าเธอพูดจริง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆหุบลง ริมฝีปากสีแดงขยับ สักพักจึงส่งเสียงไปว่า“จะเป็นไปได้ไง?”
พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – ตอนที่ 235 เขาชอบเธอ
Posted by ? Views, Released on November 2, 2021
, พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง 'ใช้กายแลกเงิน' 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง "ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?" นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:"…" เด็กน้อยน่ารัก: "แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!"