พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – ตอนที่ 236 พงศกรไปต่างประเทศ

นัทธีชอบเธอ？
นี่มันไร้สาระมาก คนที่เขาชอบ เป็นนวิยาชัดๆ！
“วารุณี ฉันรู้ว่าฉันพูดพวกนี้แล้วจะทำให้เธอตกใจมาก แต่นี่เป็นเรื่องจริง ประธานนัทธีชอบเธอ มีแค่เธอที่ทำให้ประธานนัทธีล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้นพงศกรได้ ขอร้องล่ะ ต้องพูดจนประธานนัทธียอมแน่ แค่ประธานนัทธียอมปล่อยพงศกรไป ฉันรับรองว่าต่อไปพงศกรจะไม่กลับมาในประเทศอีกแล้ว”ปาจรีย์ยกสามนิ้วขึ้นมา
วารุณีจับกำแพงที่เย็นเฉียบแล้วนั่งกลับไปที่เก้าอี้“เธอให้ฉันใจเย็นลงก่อนนะ”
“โอเค งั้นเธอใจเย็นก่อน ฉันจะไปติดต่อลุงที่ต่างประเทศ ให้พวกเขาจัดหาจิตแพทย์ให้พงศกร”
พูดเสร็จ ปาจรีย์ก็หยิบโทรศัพท์ ไปโทรศัพท์ตรงที่เงียบๆ
วารุณีก้มหน้าลงนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว ทบทวนถึงคำพูดเมื่อกี๊พวกนั้นของเธอ
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน จู่ๆในห้องก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ทำลายความคิดของเธอ
เธอถอนหายใจยาวๆ หลังจากตั้งสติแล้ว ก็เอาโทรศัพท์ออกมา
มองชื่อที่โชว์ขึ้นมาบนโทรศัพท์ ดวงตาของวารุณีก็เบิกโตขึ้นมา มือก็สั่น เกือบจะโยนโทรศัพท์ทิ้งออกไป
ดีที่เธอทำตัวได้มั่นคงทันเวลา ถือโทรศัพท์ได้นิ่ง จึงไม่ทำให้โทรศัพท์เครื่องใหม่มีจุดจบแตกพังได้
“ประ……ประธานนัทธี”วารุณีเอาโทรศัพท์ไว้ที่ข้างหู
ในสายมีเสียงทุ้มไพเราะน่าดึงดูดจากนัทธีเข้ามา“ผมได้ยินพิชิตบอกว่า คุณไปเยี่ยมพงศกร？”
“อือ……”วารุณีพยักหน้า ถึงแม้ใบหน้าจะนิ่งเฉย แต่หัวใจกลับไม่หยุดเต้นแรง ตุบตุบตุบ เหมือนกับฟ้าร้อง ในหัวมีแต่คำพวกนั้นที่ปาจรีย์พูด
“คุณเป็นอะไร？”ฟังออกว่าน้ำเสียงของวารุณีผิดปกติ ดูมีอะไรปิดบัง นัทธีที่อยู่ในห้องรอขึ้นเครื่องคิดว่าเธอไม่สบาย ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
วารุณีละสายตาลง“ฉันไม่เป็นไร ประธานนัทธีคุณโทรหาฉัน จะพูดอะไรกับฉันเหรอคะ？”
เธอโยนคำถามกลับไปที่เขาอีกครั้ง
นัทธีปรับท่านั่งเล็กน้อย“ผมแค่อยากถามคุณ ว่าคิดได้หรือยังจะจัดการพงศกรอย่างไร？”
“คิดได้แล้วค่ะ”วารุณีมองไปที่ประตูห้องคนไข้ที่อยู่ข้างๆ“ฉันไม่คิดว่าจะจัดการอะไรเขา ช่างมันไปเถอะค่ะ？”
“ช่างมัน？”นัทธีเม้มริมฝีปาก สีหน้าดูไม่พอใจ“เขาสะกดจิตคุณ จะทำมิดีมิร้ายกับคุณ คุณจะช่างมันแบบนี้เหรอ？”
“ไม่อย่างนั้นฉันจะทำอะไรได้ล่ะคะ？ฉันคงไม่อาจฟ้องเขา เอาเขาเข้าคุกได้หรอกใช่ไหมคะ？”มุมปากวารุณีมีรอยยิ้มขมขื่น“เธอไม่เหมือนกับพิชญา พิชญาเป็นศัตรูของฉันตั้งแต่ต้น ส่วนพงศกรกลับเป็นคนที่มีพระคุณของฉัน ห้าปีก่อนตอนที่ฉันคลอดอารัณกับไอริณ ถ้าไม่ใช่เขา ฉันกลับลูกทั้งสองคนก็คงตายไปแล้ว
นัทธีได้ยินคำพูดของเธอนี้ หัวใจก็เหมือนกับถูกคนดึงออกมา ความโกรธที่มีต่อพงศกรก็หายไปเยอะเลย
ที่แท้ระหว่างเธอกับพงศกร ก็มีความข้องเกี่ยวกันทางพระคุณแบบนี้นี่เอง
“โอเค ในเมื่อคุณไม่คิดจะจัดการเขา งั้นก็ตามนี้”นัทธีรับตั๋วโดยสารที่มารุตยื่นมา พูดออกไปนิ่งๆ
วารุณีตอบอือ จากนั้นกัดริมฝีปากถามว่า “ประธานนัทธี งั้นคุณล่ะ？เมื่อคืนพงศกรทำร้ายคุณ คุณจะแก้แค้นเขาไหมคะ？ถ้าใช่ล่ะก็ ฉันขอร้องคุณอย่าทำเลยนะคะ ความผิดที่เขาทำ ฉันชดใช้คืนแทนเขาเอง”
ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ถูกพงศกรทำร้าย
แต่เธอกลับขอร้องเพื่อเขา พูดอีกอย่างคือ เขาได้รับบาดเจ็บก็เพราะเธอ และเธอก็ควรจะรับผิดชอบต่ออาการบาดเจ็บของเขาจริงๆ
ใบหน้าหล่อเหลาของนัทธีหม่นลงไปทันที
เขาหยุดความคิดที่จะแก้แค้นพงศกร ตอนที่เธอพูดคำพูดพวกนั้นเมื่อกี๊ไปแล้ว
แต่ตอนนี้ได้ยินเธออ้อนวอนเพื่อพงศกรอย่างรีบร้อนแบบนี้ ในใจก็ไม่สบายใจเท่าไหร่นัก
“คุณจะชดใช้คืนให้เขา？คุณจะชดใช้คืนยังไง？”นัทธีนั่งไขว่ห้าง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
วารุณีถอนหายใจออกมา ก้มหน้าลง“ฉันไม่รู้”
เมื่อกี๊เธอหัวร้อนไปหน่อย จึงพูดไปแบบนั้น ไม่ได้คิดอะไรมาก
นัทธีได้ยินเสียงเตือนขึ้นเครื่องจากประกาศ จึงยืนขึ้นมาจากโซฟา“เอาเถอะ ชดใช้คืนอะไรกันล่ะ ไว้ค่อยพูดละกัน ผมไม่ทำอะไรพงศกรได้ แต่เตือนก่อนนะ ครั้งต่อไปเขาอย่ามาทำผิดต่อหน้าผมละกัน！”
“ไม่หรอกค่ะ ปาจรีย์จะส่งเขาไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ไม่กลับมาอีกแล้ว”แววตาวารุณีมีความปีติแอบแฝง รีบพูดออกไป
“งั้นก็ดี ผมขึ้นเครื่องแล้ว”นัทธีเดินไปที่ช่องตรวจตั๋วของＶＩＰ
“โอเค เดินทางปลอดภัยค่ะ”วารุณีบอกลา วางโทรศัพท์ลง
ปาจรีย์ก็โทรศัพท์เสร็จกลับมาพอดี“วารุณี พวกลุงของฉันที่ต่างประเทศรับปากว่าจะช่วยหาหมอให้แล้ว เธอ……”
“ประธานนัทธีก็รับปากว่าจะไม่แก้แค้นพงศกรแล้ว”วารุณีนั่งลงแล้วพูด
ปาจรีย์ตะลึง จากนั้นดึงมือเธอขึ้นมาอย่างดีใจ“จริงเหรอ วารุณี จริงหรือเปล่า？”
“อือ ฉันพูดกับประธานนัทธีแล้วเมื่อกี๊”วารุณีส่ายโทรศัพท์เล็กน้อย
ปาจรีย์กอดเธอไว้อย่างดีใจ“ดีจัง ดีมากเลย ขอบคุณนะวารุณี ฉันบอกแล้วไงเธอทำได้แน่ เธอดูสิ เธอทำสำเร็จจริงๆ ประธานนัทธีชอบเธอจริงๆ”
รอยยิ้มที่ใบหน้าของวารุณีแข็งไป
นัทธีรับปากง่ายดายแบบนี้ เพราะว่าชอบเธอจริงๆเหรอ？
เธอยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก
“โอเคปาจรีย์”วารุณีผลักปาจรีย์ออกไปเบาๆ“เธอคิดจะพาพงศกรไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ เมื่อไหร่กันเหรอ？”
“ไปตอนบ่าย ยิ่งเร็วยิ่งดี”ปาจรีย์ถอนหายใจ“ฉันจองตั๋วเครื่องบินแล้ว”
“พงศกรจะยอมไปไหม？”วารุณีกัดริมฝีปาก นี่เป็นสิ่งที่เธอกังวลที่สุด
ปาจรีย์หัวเราะ“วางใจเถอะ ฉันคุยกับโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะให้พงศกรกินยานอนหลับ”
“งั้นก็ดี”วารุณีหัวเราะ จากนั้นจึงบอกลา“โอเค ตอนบ่ายฉันจะไปส่งพวกเธอ ตอนนี้ฉันกลับไปสตูดิโอก่อน ยังมีงานต้องทำ”
“อือ”ปาจรีย์พยักหน้า
วารุณีโบกมือให้เธอ แล้วก็มองประตูห้องคนไข้ของพงศกรอีกครั้ง จากนั้นหันกลับออกไปจากโรงพยาบาล
ตอนบ่ายวารุณีไปส่งปาจรีย์กับพงศกรที่จะไปจากที่นี่ที่สนามบินตรงเวลา
การไปของปาจรีย์ ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้เมื่อไหร่ ต่อไปสตูดิโอ ก็จะมีแค่วารุณีคนเดียวที่ดูแลแล้ว
เวลาผ่านไปไวมาก พริบตาเดียวก็สองวันแล้ว
วารุณีกำลังเตรียมเรื่องส่งสินค้าที่สตูดิโอ จู่ๆก็ได้รับสายของสถานีตำรวจ ให้เธอไปที่สถานีตำรวจ
พอวารุณีไป คนที่สถานีตำรวจกลับบอกข่าวไม่ดีกับเธอว่า พิชญาออกจากคุกแล้ว
“ทำไมเธอออกจากคุกได้คะ？”วารุณีกำฝ่ามือแน่น ถามอย่างไม่เข้าใจ
หลักฐานที่พิชญาคัดลอกผลงานได้รับการยืนยันแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกปล่อยตัว
คนที่สถานีตำรวจตอบกลับไปอย่างขอโทษว่า：“ทั้งหมดนี้พ่อคุณจัดการหมด”
“สุภัทร？”วารุณีกัดริมฝีปาก“เขาทำอะไรคะ？”
“สองวันก่อน สุภัทรไปเยี่ยมพิชญาที่สถานีตำรวจแล้ว จู่ๆพิชญาก็บ้า จากนั้นพวกเราเลยเรียกหมอเฉพาะทางหลายคนไปตรวจ ผลตรวจออกมาว่าเป็นภาวะสมองเสื่อม”
ภาวะสมองเสื่อมซึ่งก็คือโรคประสาทนั่นเอง
“คุณวารุณีคุณก็น่าจะรู้ ประเทศของเรายอมรับมากสำหรับผู้ป่วยจำพวกนี้ พิชญาเป็นผู้ป่วยทางจิต จึงไม่อาจขังในคุกได้ ดังนั้นตอนนี้เธอถูกส่งไปที่โรงพยาบาลประสาท”คนที่สถานีตำรวจพูด
วารุณีหัวเราะด้วยความโกรธ“หลังจากเยี่ยมพิชญา พิชญาก็บ้า มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ด้วยที่ไหนกัน เสแสร้งชัดๆ！”
“พวกเราต่างรู้ว่าเธออาจจะเสแสร้งได้ แต่พวกเราไม่มีหลักฐาน เพราะว่าพอหมอทุกคนมาแล้ว ผลการตรวจเหมือนกันหมด”คนที่สถานีตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้
โทษก็ต้องโทษพิชญาที่แสดงได้ดีเหลือเกิน แม้แต่หมอพวกนั้นก็ถูกหลอกไปด้วย
วารุณีโกรธสุดๆ
เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่า พิชญาเข้าคุก และก็ออกมาจากคุกได้ไวมากขนาดนี้
เธอมองพิชญากับสุภัทรสองคนพ่อลูกที่ไร้ยางอายนี้ต่ำไปจริงๆ
“ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลประสาทที่ไหน？”วารุณีขมวดคิ้วแล้วถาม