พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ – ตอนที่ 414 มาขอโทษ

“ไม่รู้สิ หม่ามี๊ไม่ได้ถาม” วารุณีมองต่ำลง เธอพูดโกหก
อารัณดูออก และไม่ได้เปิดโปง เขาจิ้มศีรษะเบา ๆ “งั้นเหรอครับ ผมรู้แล้ว”
“หม่ามี๊ ไม่ให้ลุงนัทธีเข้ามาเหรอคะ?” ไอริณซดน้ำซุปหนึ่งช้อน แล้วเอ่ยถาม
วารุณีส่ายหน้า “ไม่แล้วแหละ ให้มันเป็นแบบนี้เถอะ พวกลูก ๆ เองก็ห้ามไปเปิดประตูเข้าใจไหม?”
“ค่ะ” ไอริณตอบรับ และไม่พูดอะไรต่อ
อาหารค่ำยังดำเนินต่อ
นัทธีที่อยู่ด้านนอกเองก็ยืนต่อไป
เขารู้ว่าวารุณีจะไม่เปิดประตู ตัวเองอยู่ที่นี่ต่อไปก็เปล่าประโยชน์ แต่เขาก็ยังคงไม่คิดที่จะจากไป
ในสายตาของเขา เธอจะเปิดประตูหรือไม่นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง เขายินดีที่จะรอหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่อง
ในมื่อมาขอโทษ ด้านความจริงใจ เขาก็ต้องทำให้ได้เป็นธรรมดา
นัทธียืนพิงผนังดูดบุหรี่อยู่ที่ข้างประตู มวนแล้วมวนเล่า ไม่นานบนพื้นก็มีก้นบุหรี่กองอยู่หลายมวน
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้นมา
นัทธีโยนก้นบุหรี่ทิ้งไป และหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เป็นสายโทรเข้าจากพิชิต
“มีเรื่องอะไร?” ดูดบุหรี่มากเกินไป เสียงของนัทธีในตอนนี้แหบแห้งเล็กน้อย
“นัทธี นายต้องมาโรงพยาบาลเพื่อตรวจเป็นครั้งสุดท้ายไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่อีกล่ะ?” พิชิตถามอยู่ในสาย
นัทธีนวดจุดตรงกลางระหว่างคิ้วเบา ๆ “ลืมไปน่ะ”
เขาลืมไปเลยจริง ๆ
“เยี่ยม ฉันว่าแล้ว งั้นนายจะมาตอนไหน?” พิชิตมองนาฬิกาข้อมือ
นัทธีหันหน้าไปมองประตูใหญ่คอนโดที่ปิดสนิท และเม้มปากกล่าว: “วันนี้ไปไม่ได้แล้ว”
“ทำไมเหรอ?” พิชิตสงสัย
นัทธีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ด้านหลังของศีรษะติดกับผนัง จ้องมองดูเพดาน ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด: “ฉันต้องขอโทษวารุณี”
“ขอโทษ?” พิชิตชะงักงัน “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? นายทำอะไรให้เธอหรือเปล่า?”

“ไม่หรอก เป็นเรื่องพ่อแม่ของฉันน่ะ ฉันเข้าใจแม่ยายของฉันผิดไป” นัทธีเม้มปากกล่าวอย่างเรียบ ๆ
พิชิตลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้ “อะไรนะ? เข้าใจผิดงั้นเหรอ?”
“อืม”
“ไม่ใช่นี่ จะเข้าใจผิดได้ยังไง นายแน่ใจได้ยังไง?” พิชิตสงสัยมากจริง ๆ
นัทธีเล่าเรื่องที่คุยกับวารุณีเมื่อตอนกลางวัน อย่างสั้น ๆ อีกครั้ง
เมื่อพิชิตฟังจบ ผ่านไปสักพักว่าจะได้สติกลับมา “เดี๋ยวนะ นายหมายความว่า เมื่อก่อนวารุณีได้สูญเสียความทรงจำในตอนนั้นไป แต่เมื่อตอนกลางวันพลันนึกขึ้นมาได้ และได้บอกเรื่องทุกอย่างในตอนนั้นกับนาย และนายก็ได้ไปตรวจสอบกับเลขาของคุณปู่บรรพตอีกครั้ง ยืนยันแล้วว่าคนที่ชนคุณลุงคุณป้า เป็นคนอื่น?”
“ถูกต้อง” นัทธีพยักหน้า
พิชิตสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พระเจ้า การพลิกผันของเรื่องราว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ คาดไม่ถึงเลยทีเดียว ดูเหมือนว่าคนที่ส่งคลิปวิดีโอให้นาย มีจุดประสงค์ให้นายและวารุณีแตกแยกกัน แต่ว่าทำไมถึงต้องให้พวกนายแตกแยกกันล่ะ? พวกนายแตกแยกกัน มีผลดีอะไรกับคนคนนั้น?”
นัทธีหลับตาลง จากนั้นก็ลืมตา ในดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก “ฉันเองก็อยากรู้คำตอบนี้เหมือนกัน”
ถ้าหากคนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้น มีความแค้นกับเขา สามารถพุ่งเป้าหมายมาที่เขาหรือบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปโดยตรง
ทำไมถึงต้องลงมือจากวารุณีก่อน?
“นายยังสืบไม่ได้เหรอว่าใครเป็นคนส่งมา?” พิชิตเอ่ยถาม
นัทธีส่ายหัว “ยังเลย”
“ฉันจำได้ว่าที่ข้างกายนายซูเปอร์แฮ็กเกอร์อยู่คนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ตอนที่วารุณีถูกนิรุตติ์ลักพาตัวเมื่อครั้งที่แล้ว เป็นแฮ็กเกอร์คนนั้นที่เป็นคนลงมือ หรือไม่นายให้แฮ็กเกอร์คนนั้นลองลงมืออีกครั้ง จะต้องอาศัยอีเมลนั่นหาตัวคนส่งได้แน่” พิชิตแนะนำ
นัทธีหรี่ตาเล็กน้อย “ไม่มีประโยชน์หรอก ฉันได้ให้แฮ็กเกอร์อีกคนตรวจสอบดูแล้ว สุดท้ายพบว่าอีเมลฉบับนั้นได้ส่งมาจากร้านอินเทอร์เน็ตใต้ดินแห่งหนึ่ง”
“แค่ก……” พิชิตสำลัก มุมปากกระตุก  เขารู้สึกเวียนหัว สายตาก็เริ่มเลือนรางเล็กน้อย
“นัทธี นายยังอยู่ไหม?” เมื่อเห็นว่าในโทรศัพท์นั้นเงียบไปเป็นเวลานาน พิชิตก็รีบร้องถามทันที
นัดที่สะบัดหัวเล็กน้อย ทำให้หัวที่มีอาการวิงเวียนดีขึ้นมาบ้าง “อะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร ฉันเห็นว่าจู่ ๆ นายก็เงียบไป นึกว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่นี่”
“ไม่เป็นอะไรก็ดี งั้นฉันวางก่อนแล้วกัน อีกเดี๋ยวยังต้องพานวิยาไปทานข้าว” พิชิตกล่าว

นัทธีอืมตอบรับ แล้ววางสายไป
เขานวดตรงขมับเบา ๆ และยัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋า
สมองที่รู้สึกวิงเวียนขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้มือและเท้าของเขาเริ่มหมดแรง ทำยังไงก็ยัดโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าไม่ได้
สุดท้าย โทรศัพท์ก็ได้หล่นลงไปข้าง ๆ กระเป๋า และตกลงไปบนพื้น
นัทธีขมวดคิ้วเล็กน้อย และก้มลงยื่นมือออกไปเตรียมที่จะเก็บมันขึ้นมา
และในตอนที่เขาเพิ่งจะก้มลงไป มือยังไม่ทันจะโดนโทรศัพท์ด้วยซ้ำ เขาพลันรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที
จากนั้น เสียงล้มตึงก็ได้ดังขึ้นหนึ่งครั้ง นัทธีล้มฟุบลงไปบนพื้น และหมดสติไป
วารุณีที่กำลังล้างถ้วยอยู่ในห้องครัว พลันได้ยินเสียงขึ้นมาจึงหยุดการเคลื่อนไหวลงโดยสัญชาตญาณ
“เสียงอะไรน่ะ?” เธอพึมพำ ในใจรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
จากนั้น เธอก็ได้ล้างฟองที่อยู่บนมือออก แล้วเดินออกไปจากห้องครัว เมื่อเห็นเด็กทั้งสองคนกำลังนั่งดูการ์ตูนอยู่บนโซฟา เธอก็ได้เอ่ยถามเสียงเบา: “เด็ก ๆ พวกหนูได้ยินเสียงอะไรไหม?
“ได้ยินครับ” อารัณพยักหน้า
ไอริณอธิบายอย่างละเอียด “เป็นเสียงชนผนัง ดังมาจากข้างนอกค่ะ”
เธอชี้ออกไปด้านนอก
วารุณีมองไปทางประตู มีความกังวลเล็กน้อยอยู่บนใบหน้าของเธอ
เสียงนั่นเกิดจากนัทธีหรือเปล่า?
ถ้าเขาไปแล้ว งั้นก็ต้องไม่ใช่เขาแน่
แต่ถ้าเขายังไม่ไป……

วารุณีไม่ได้คิดต่อไป เธอลังเลแล้วลังเลอีก และยังคงเดินไปที่ประตู เตรียมที่จะเปิดประตูดูว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขายังอยู่หรือเปล่า
เด็กทั้งสองคนสบตากัน และรีบเดินลงมาจากโซฟา แล้วเดินตามไป
ประตูถูกเปิดออก วารุณีชะโงกหน้าออกไปดูด้านนอก และได้พบเข้ากับผู้ชายที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างแรง
“คุณนัทธี!” วารุณีรีบเดินออกไปตรวจดูอาการของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มตัวร้อนมาก หน้าผากของเขานั้นร้อนอย่างรุนแรง และหายใจอย่างรวดเร็ว
วารุณีทั้งโมโหทั้งเป็นห่วง
จริง ๆ เลยไม่สบายยังจะออกมาข้างนอกอีก แล้วยังยืนอยู่ข้างนอกนานแบบนี้ ไม่รู้เหรอว่าตอนนี้อากาศได้เย็นลงเรื่อย ๆ
“หม่ามี๊ ลุงนัทธีเป็นยังไงบ้างคะ?” ไอริณจับวงกบประตู และเอ่ยถามด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำ
“ลุงนัทธีไม่เป็นอะไร แค่ตัวร้อนไม่สบายน่ะ” หลังจากที่วารุณีได้หาเวลาตอบคำถามของเด็กเด็กหญิง เธอก็ได้พยุงนัทธีขึ้นมาจากพื้น
เสียงที่เธอได้ยินเมื่อสักครู่ น่าจะเกิดจากที่เขาล้มลงไปบนพื้น
ยังดีที่เธอออกมาดูได้ทันเวลา ไม่งั้นเกรงว่าเขาคงต้องนอนอยู่ตรงนี้จนถึงพรุ่งนี้เช้าแน่
คนไข้ที่ตัวร้อนอย่างรุนแรง นอนอยู่ในที่ที่เย็นเฉียบทั้งคืน ไม่ตายก็ต้องกลายเป็นคนปัญญาอ่อน
ยังดี ยังดีที่เธอได้ออกมาดู
วารุณีครุ่นคิดอย่างชัดเจน จากนั้นก็พยุงนัทธีเข้าไปในห้อง และพาเขาไปนอนที่บนเตียงในห้องนอน แล้วห่มผ้าให้เขา
“อารัณ ลูกโทรไปที่นิติ ให้พวกเขาส่งหมอขึ้นมาคนหนึ่ง” วารุณีคลำหน้าผากของนัทธี พลางพูดกับเด็กทั้งสองคนที่เดินตามเข้ามา
อารัณพยักหน้า “ผมรู้แล้วครับหม่ามี๊”
พูดจบ เขาก็ได้หันหลังเดินไปทางห้องรับแขกและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออกไป
ไอริณเป็นผู้ติดตามของเขา เป็นธรรมดาที่ต้องตามไปด้วย
วารุณีเอามือออกไปจากหน้าผากของนัทธี บนใบหน้าที่งดงามเต็มไปด้วยความกังวล
ร้อนแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าได้ไข้มานานแล้ว
คนที่อยู่ข้างกายเขาไม่สังเกตเห็นเลยเหรอ?
วารุณีทอดถอนใจ เธอเดินไปเอาน้ำแข็งที่ห้องครัว และใช้ผ้าขนหนูห่อเอาไว้ แล้ววางลงไปบนหน้าฝากของนัทธี เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้กับเขา
หวังว่าแบบนี้ จะทำให้เขาเจ็บปวดน้อยลง
จากนั้น เธอก็ทำอะไรไม่ได้เลย เพียงแค่รอหมอมาถึง
หมอได้มาถึงในไม่นาน ทั้งฉีดยา และให้ยาเข้าทางเส้นเลือดกับนัทธี ท้ายสุดยังให้ยากับเขาอีกเป็นกอง
วารุณีเห็นยังรู้สึกกลัว

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

5ปีก่อน พ่อแม่หย่าร้าง พ่อสุดเหี้ยมไล่พวกเขาออกจากบ้าน เพื่อรักษาโรคหัวใจของน้องชาย วารุณีแอบแฝงเข้าไปในห้องนัทธีขึ้นแสดง 'ใช้กายแลกเงิน' 5ปีต่อมา เธอพาเด็กน้อยน่ารักสองคนกลับประเทศ เพื่อที่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอคืนมา กลับบังเอิญเจอชายผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในจังหวัดจันทร์อีกครั้ง เขาคือ นัทธี นั่นเอง "ลูกชายคุณทำไมหน้าเหมือนฉันจัง?" นัทธีถามเสียงต่ำ วารุณี:"…" เด็กน้อยน่ารัก: "แด๊ดดี้ รีบมีลูกกับหม่ามี๊อีกคนสิครับ!"

Options

not work with dark mode
Reset