โสรยาขมวดคิ้ว หยุดชะงักเท้า “คุณวารุณียังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
วารุณีก้มลงในกระเป๋าควานหาสมุดบันทึกแล้วยื่นออกไป “คุณโสรยา นี่เป็นของคุณหรือเปล่าคะ”
โสรยาเดิมทีก็ไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่เมื่อมองสมุดบันทึกที่เธอส่งมาให้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป และคว้าสมุดบันทึกมาทันที “ของของฉันไปอยู่ที่คุณได้อย่างไร”
“อ้าวเฮ้ย ยังไงกัน คุณเป็นคนเลินเล่อทำของหล่นไว้ พวกเราอุตส่าห์ใจดีช่วยเก็บนำมาคืนให้ แต่คุณกลับแสดงกิริยาแบบนี้ เกินไปไหม” เชอรีนตาเบิกกว้างจ้องเธอด้วยความโกรธ
วารุณีถึงแม้ว่าจะไม่พูดอะไร แต่ใบหน้าที่เย็นชา เห็นได้ชัดเจนว่าเธอไม่พอใจกับการแสดงออกของโสรยา
โสรยาก็รู้สึกว่าปฏิกิริยาของตัวเองนั้นรุนแรงเกินไป ดวงตาจึงหลุกหลิก จากนั้นก็ยิ้มขึ้นอย่างเจื่อนๆ “ต้องขอโทษคุณวารุณีด้วยค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่ว่าสมุดบันทึกนี้มันสำคัญกับฉันมาก ดังนั้น……”
“ไม่เป็นไรค่ะ ในเมื่อเป็นของสำคัญ ทีหลังคุณโสรยาเก็บไว้ดี ๆ อย่าทำหล่นอีก พราะไม่ใช่ทุกครั้งที่จะมีคนเก็บมาคืนให้คุณ” วารุณีพูดตัดประโยคของเธอเบาๆ
โสรยาจับสมุดบันทึกไว้แน่น จากนั้นก็หรี่ตาลง “คุณพูดถูกค่ะ แต่คุณวารุณีคะ คุณได้เปิดดูด้านในไหมคะ”
วารุณีไม่ได้โกหก ทำการพยักหน้า “ดูค่ะ ต้องขอโทษด้วย เพื่อนฉันเป็นคนเปิด เธอไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่อยากรู้อยากเห็น”
“ไม่เป็นไรค่ะ เพียงแต่คุณวารุณีคะ คุณคิดว่าการออกแบบในนี้เป็นอย่างไรบ้าง” โสรยาจ้องมองเธอ ฟังไม่ออกถึงน้ำเสียงว่าโกรธหรือดีใจ
วารุณีครุ่นคิดชั่วครู่ “คุณโสรยาอยากฟังความจริงไหมคะ”
“แน่นอนค่ะ”
วารุณีสูดลมหายใจเข้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นฉันก็จะพูดตรง ๆ นะคะ การออกแบบในนี้ดูธรรมดาค่ะ”
สีหน้าของโสรยาอึ้งค้าง แล้วก็กลับมาเป็นปกติในฉับพลัน จากนั้นยิ้มแล้วพยักหน้า “คุณพูดถูกค่ะ ดุธรรมดา”
“เพราะฉะนั้นฉันก็เลยสงสัยว่าทำไมคุณโสรยาถึงต้องพกการออกแบบแบบนี้ติดตัวด้วย ซ้ำยังมองเป็นสิ่งสำคัญอีก” วารุณีจ้องมองเธอ
โสรยาใส่สมุดบันทึกเข้าไปในกระเป๋า “เป็นของที่มีค่าของคนสำคัญของฉัน ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว ฉันก็เลย……”
“ขออภัยค่ะ” วารุณีเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ฉันไม่ทราบ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” โสรยายกมือปัด “คุณวารุณีคิดว่าเธอเสียเหรอคะ”
วารุณีชะงัก “หรือว่าไม่ใช่”
ไม่อยู่แล้ว ไม่ใช่แปลว่าเสียชีวิตไปแล้วเหรอ
โสรยาหรี่ตาลงเบา ๆ ในแววตาประกายแสงบางอย่าง “แน่นอนว่ายังค่ะ เธอยังมีชีวิตที่สบายดี เพียงแต่ว่ามีบางเรื่องที่ทำให้เธอล้มจนไม่อาจลุกขึ้นมาอีกเท่านั้น แต่ว่าตอนนี้เธอมีชีวิตใหม่แล้ว เชื่อว่าไม่นานก็คงจะมีข่าวดี”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ฉันเข้าใจผิดไปเอง” วารุณียิ้ม
“ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราขอตัวก่อนนะคะ” โสรยาพูดจบก็พาสุชาดาเดินจากไป
เชอรีนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ วารุณี “ไม่รู้ว่าทำไม ฉันรู้สึกว่าโสรยาคนนี้แปลกประหลาดมาก ๆ แปลกไปหมดทุกส่วน”
วารุณีพยักหน้า “ฉันก็เหมือนกัน เธอทำให้ฉันรู้สึกถึงความไม่ลงรอยกันอย่างแรงกล้า อีกอย่างเธอคนนี้ประหนึ่งว่าเป็นการปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน”
ตามหลักแล้ว ดีไซเนอร์อย่างโสรยาที่มีความสามารถด้านการออกแบบที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เมื่อก่อนจะไม่มีชื่อเสียงไม่เป็นที่รู้จัก
แต่ในความเป็นจริง เมื่อก่อนไม่มีคนที่ชื่อโสรยาในแวดวงการออกแบบ โสรยาปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน และสร้างชื่อในวงการออกแบบได้อย่างรวดเร็ว มองอย่างไรในนี้ก็มีความผิดปกติอย่างแน่นอน
เพราะเธอเคยเห็นการออกแบบของโสรยา มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แข็งแกร่ง ถ้าหากว่าไม่มีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงคอยฝึกฝน ดีไซเนอร์รุ่นเยาว์จะยังไม่สามารถสร้างสไตล์การออกแบบของตัวเองได้เร็วเช่นนี้ เพราะว่าความสามารถของคนรุ่นเยาว์ยังไม่ถึงขั้นสุดขีด ดังนั้นการออกแบบจึงยังไม่คงที่ ครั้งนี้อาจจะออกแบบเสื้อผ้าแนวหล่อเข้ม ครั้งต่อไปอาจจะมาในแนวน่ารัก
แต่ว่าโสรยานั้นแตกต่างออกไป สไตล์การออกแบบตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจะต้องมีอาจารย์ที่เก่งกาจคอยฝึกฝนอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าเธอเคยไปถามอาจารย์ ดีไซเนอร์หลายคนที่เป็นชั้นนำของโลกที่มีสไตล์เหมือนกับโสรยานั้น ต่างไม่ได้รับโสรยาเป็นลูกศิษย์ ดังนั้นโสรยาไปฝึกฝนเรียนกับใครกันแน่
“วารุณี คิดอะไรอยู่” เชอรีนสะกิดวารุณีเบา ๆ
วารุณีแววตากะพริบ ดึงสติกลับคืนมา “เปล่า แค่กำลังคิดว่าอาจารย์ของโสรยานั้นเป็นใคร”
“จะไปสนใจทำไมว่าเป็นใคร ดูโชว์ดีกว่า” เชอรีนไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ แววตามองไปบนแคทวอล์คอย่างเป็นประกาย
วารุณีที่ยิ้มก็ไม่ได้ร้องไห้ไม่เชิง
พูดมาก็ถูก อาจารย์ของโสรยาจะเป็นใคร ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
จะไปคิดมากไปทำไม
พิธีเปิดการแข่งขันดำเนินไปเกือบสามชั่วโมงก่อนจะจบลง หลังจากนั้นก็ถึงเวลางานเลี้ยง ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน กรรมการตัดสิน นางแบบ ต่างสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ได้ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เชอรีนที่อยากจะไปทำความรู้จักกับซูเปอร์นางแบบเหล่านั้นตั้งนานแล้ว เมื่อเข้าไปในห้องงานเลี้ยง ก็ถือแก้วไวน์แล้วเดินจากไปเลย
วารุณีที่อยู่คนเดียวจึงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ถือแก้วผลไม้แล้วไปรับลมที่ระเบียง
ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียงลอยมาจากสวนดอกไม้ที่อยู่ด้านล่าง เป็นโสรยา
เสียงไม่ได้ดังมาก คล้ายกับเป็นเสียงที่พยายามกดให้ต่ำลง
แต่ว่าบังเอิญเสียงนั้นดังอยู่ใต้เท้าของวารุณี ที่ขั้นด้วยพื้นเพดานชั้นเดียว เธอจึงได้ยินคำพูดของโสรยาได้อย่างชัดเจน
“คุณถึงไหนแล้ว ให้ไปรับคุณคืนนี้ไหม”
คำพูดนี้ น่าจะเป็นคนที่โสรยารู้จัก และจะมาหาโสรยาที่นี่
แต่ว่าน้ำเสียงของโสรยาไม่ค่อยดี จึงเห็นได้ว่าคู่สายนั้นน่าจะมีความสัมพันธ์กับโสรยาที่ธรรมดา
วารุณีจิบน้ำผลไม้ โสรยาที่อยู่ด้านล่างก็พูดอะไรบางอย่างขึ้น “เก็บหน้าของคุณไว้ อย่าได้โผล่หน้ามา ถ้าสื่อจำได้แล้วติดตามสืบว่าคุณมาที่นี่ทำไม พวกเราสองคนต้องบรรลัยแน่ ๆ ได้ เมื่อชนะการแข่งขันแล้ว ฉันไม่เอาเปรียบคุณหรอก บาย!
เสียงพูดได้หยุดชะงักลง
เสียงของรองเท้าส้นสูงเหยียบลงบนพื้นก็ดังขึ้น
วารุณีก้มหน้าลงไปดูใต้ราวบันได เห็นแผ่นหลังของโสรยาที่สวมชุดราตรีถือโทรศัพท์เดินจากไป
วารุณีเม้มปากด้วยความสงสัย
คำพูดของโสรยานั้นหมายถึงอะไรกันแน่
อะไรคือจำหน้าได้เธอกับเขาคนนั้นก็จะบรรลัย กำลังครุ่นคิดอยู่ เชอรีนก็ได้เดินเข้ามา “วารุณี ที่แท้เธอก็อยู่ตรงนี้เอง หาตั้งนาน”
“ทำไมเหรอ” วารุณีระงับคำถามในสมองลงแล้วหันหน้ามา
เชอรีนถอนหายใจ “เมื่อสักครู่ผู้จัดการแข่งขันได้จัดกิจกรรมงานเลี้ยงเพิ่ม คือให้ดีไซเนอร์ที่เข้าร่วมแข่งขันได้ไปกล่าวแนะนำ เพื่อบรรดาดีไซเนอร์ทั้งหลายจะได้รู้จักซึ่งกันและกัน ดังนั้นจึงให้พวกเธอขึ้นไปกล่าวบนเวที แนะนำประเทศที่ตัวเองเป็นตัวแทน คนอื่นไปกันหมดแล้ว เธอก็รีบไปสิ”
“ได้” วารุณียื่นแก้วให้กับเธอ แล้วยกเท้าเดินเข้าไปในงานเลี้ยง
การแนะนำผ่านราบรื่นไปด้วยดี
ถึงแม้ว่าดีไซเนอร์บางคนจะดูถูกที่วารุณีมาจากตะวันออก แต่เมื่อได้ยินว่าเธอเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เมอร์เซเดอ ต่อให้จะดูถูกก็ไม่กล้าที่คลางแคลงใจ
นี่จึงทำให้วารุณีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติเสมอมา ไม่ว่าจะแวดวงไหนก็ล้วนปรากฏปัญหานี้
ย้อนกลับไปตอนที่เธอเปิดตัวในวงการดีไซเนอร์ด้วยชื่อMina ก็โดนดีไซเนอร์ชาติตะวันตกกลั่นแกล้งสารพัด เพราะว่าดีไซเนอร์จากชาติตะวันตกดูถูกดีไซเนอร์ชาติตะวันออก คิดว่าคนชาติตะวันออกนั้นไม่เข้าใจเรื่องแฟชั่น ไม่อย่างนั้นร้อยปีมานี้ ทำไมถึงยังมีเพียงนายท่านวัชระคนเดียวที่เป็นดีไซเนอร์ชั้นนำล่ะ
แม้แต่นางแบบตะวันออกที่มีชื่อเสียงก็มีเพียงไม่กี่คน ดังนั้นดีไซเนอร์จากตะวันตกถึงได้กดขี่ดีไซเนอร์ชาวตะวันออกมาโดยตลอด
วารุณีเดิมทีคิดว่าการแข่งขันของตัวเองครั้งนี้ จะต้องมีการถูกกลั่นแกล้งแน่ จึงได้เตรียมการตอบโต้ไว้พร้อมแล้ว
คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เอ่ยนามของอาจารย์ออกมาเท่านั้น ทุกอย่างกลับคลี่คลายถูกแก้ไขลงด้วยวิธีนี้
วารุณีกลับไปถึงคฤหาสน์ด้วยความขำ และกำลังเตรียมจะโทรศัพท์กลับประเทศ
ที่ประเทศตอนนี้เป็นเวลาใกล้จะแปดโมงเช้าแล้ว นัทธีคงน่าจะตื่นแล้วมั้ง