“เล่าต่อ” สีหน้าของนัทธีเคร่งขรึม ริมฝีปากบางพูดขึ้นมาสั้นๆสองพยางค์
มารุตสูดลมหายใจเข้า แล้วพูดต่อ: “นวิยาไม่เพียงแต่เชิญนักข่าว แต่ยังถ่ายรูปเปลือยของท่านประธานกับเธอที่อยู่บนเตียง แล้วส่งไปให้คุณผู้หญิง หลังจากคุณผู้หญิงรู้ ก็เครียดจนเด็กในครรภ์กระทบกระเทือน”
สีหน้าของนัทธีเปลี่ยนไปอย่างมาก “แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
มารุตรีบจับมือ เพื่อบอกให้เขาใจเย็น “วางใจเถอะครับท่านประธาน คุณผู้หญิงไม่เป็นอะไรแล้วครับ อีกทั้งคุณผู้หญิงยังเชื่ออีกว่าท่านประธานไม่มีวันทำเรื่องที่ผิดต่อเธอ”
“เธอ……เธอพูดแบบนี้จริงๆเหรอ?” นัทธีไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่
เพราะถึงอย่างไรเห็นรูปแบบนั้น แล้วยังเชื่อว่าเขาไม่ได้นอกใจ น่าตกตะลึงจริงๆ
มารุตพยักหน้า “จริงครับ คุณผู้หญิงบอกว่า ตอนคืนดีกับท่านประธาน คุยกันแล้วว่าจะเชื่อใจกันและกัน ดังนั้นคุณผู้หญิงจึงเชื่อว่าท่านประธานไม่มีวันทำเรื่องที่ผิดต่อเธอ”
เมื่อได้ฟัง แววตาของนัทธีอ่อนโยนขึ้นมาทันที แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว กำหมดแน่น น้ำเสียงแห้งเหือดเล็กน้อย “แล้วสรุปว่าฉัน……ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อเธอรึเปล่า?”
เพราะถึงอย่างไรเขาก็โดนวางยา เรื่องในตอนหลัง เขาทำหรือไม่ ตัวเขาเองยังไม่รู้
มารุตส่ายหน้า “วางใจเถอะครับท่านประธาน ท่านประธานยังบริสุทธิ์ครับ นวิยาวางยาสรุปให้ท่านประธาน อีกทั้งยังใส่ลงไปเยอะ เกรงว่าตอนที่พาท่านประธานเข้าไปในห้อง ท่านประธานก็นอนหลับไปแล้ว นอนหลับไปแล้วย่อมไม่ตั้งขึ้นมาแน่นอน แล้วจะทำเรื่องแบบนั้นกับเธอได้ยังไง อีกทั้งคุณปาจรีย์ยังตรวจร่างกายนวิยาโดยเฉพาะแล้วด้วยครับ”
“ตรวจร่างกาย?” นัทธีขมวดคิ้ว ทำยังไง?
มารุตกระแอมไอเบาๆ คล้ายรู้สึกประหม่า แต่ก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนที่ตนและปาจรีย์เข้าไปในห้องให้ฟัง
โดยเฉพาะตอนที่ปาจรีย์ตรวจร่างกายนวิยา พูดอย่างละเอียด
ฟังนัทธีพูดจบ มุมปากของเขากระตุกขึ้น ถึงแม้จะหมดคำพูดกับการกระทำของปาจรีย์ แต่ภายในใจรู้สึกขอบคุณเธอมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไปโรงแรมได้ทันเวลา บางทีเขากับนวิยาอาจจะถูกนักข่าวจับได้คาหนังคาเขาแล้วก็ได้
แล้วเขาอยากจะอธิบาย ก็ไม่สามารถอธิบายได้แล้ว
“เดี๋ญวนายไปเตรียมของขวัญ แล้วส่งไปให้ปาจรีย์หน่อย” นัทธีดื่มน้ำ แล้วส่ง
มารุตรับคำสั่ง “ครับ”
“ตอนนี้นวิยากับผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน?” นัทธีวางแก้วลง แล้วถาม
มารุตตอบ “ยังอยู่ที่โรงแรมครับ ผมให้คนจับพวกเธอขังเอาไว้ครับ”
“ฉันเข้าใจแล้ว” นัทธีหรี่ตาลง ไม่ได้บอกว่าจะจัดการทั้งสองอย่างไร
มารุตเองก็ไม่ถาม ภายในใจของเขารู้ดี ท่านประธานไม่มีวันปล่อยพวกเธอไป
เขาไม่เข้าใจ ทำไมนวิยาต้องทำแบบนี้ด้วย
ถึงแม้จะไม่ได้รับความรักจากท่านประธาน แต่ท่านประธานปฏิบัติต่อเธอเหมือนน้องสาวมาโดยตลอด ได้ความรักแบบพี่น้องไม่ดีเหรอ?
มีท่านประธานเป็นพี่ชายที่คอยสนับสนุน อยู่ที่จังหวัดจันทร์สามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่รู้ว่าในหัวของเธอกำลังคิดอะไร ถึงไม่พอใจ ต้องใช้วิธีแบบนี้มาลวงท่านประธาน
ตอนนี้ดีแล้ว ทำให้ท่านประธานโมโห ไม่มีความรู้สึกต่อเธอแล้ว
คิดถึงตรงนี้ มารุตอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“นายออกไปก่อนเถอะ” นัทธีหลับตา ผายมือ
มารุตขานรับ หมุนตัวหันหลังแล้วเดินออกไป
หลังจากที่เขาออกไป นัทธีลืมตาขึ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาวารุณี
ตอนนี้ในประเทศเป็นตอนกลางคืนแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงเวลานอนหลับ
วารุณีรับสายอย่างรวดเร็ว เสียงพูดด้วยความเป็นห่วงดังขึ้น “คุณนัทธี คุณฟื้นแล้ว คุณเป็นอะไรไหมคะ?”
ได้ยินคนรักถามด้วยความเป็นห่วง ภายในใจของนัทธีรู้สึกอบอุ่น สีหน้าของเขาอ่อนโยน “อืม ฟื้นแล้ว ไม่เป็นไรแล้วครับ คุณล่ะ?”
“ฉันก็ไม่เป็นไรค่ะ” วารุณียิ้มตอบ
ริมฝีปากบางของนัทธีเม้มเล็กน้อย “ขอโทษนะครับ ครั้งนี้ทำให้คุณตกใจแล้ว”
“หึ ฉันตกใจจริงๆค่ะ ตอนที่เห็นรูป ฉันโมโหจนปวดท้อง แต่ว่าในตอนหลังฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว คุณไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้” วารุณีแกล้งทำเป็นโมโหแล้วสอยหมัดไปมา
นัทธีพิงตัวไปด้านหลังเล็กน้อย “ผมเองก็คิดไม่ถึงว่า ครั้งนี้นวิยาจะทำแบบนี้”
“เธอคงร้อนใจมั้งคะ”
“หื้ม?”
เห็นชายหนุ่มเข้าใจ วารุณีเบ้ปาก “คุณจำได้ไหมคะก่อนหน้านี้ตอนที่เราทำสงครามเย็นกัน? ตอนนั้นนวิยาพูดท้าทายฉันหลายครั้ง คำพูดของเธอมีความแอบแฝงให้เราหย่ากัน”
“ผมไม่รู้ครับ” นัทธีขมวดคิ้ว
“ฉันรู้ค่ะว่าคุณไม่รู้”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่บอกผม?” นัทธีเม้มปากด้วยความไม่พอใจ
วารุณีแลบลิ้น “ฉันอยากบอกคุณ แต่ตอนนั้นคุณไม่ฟัง รอตอนที่พวกเราคืนดีกัน ฉันก็ลืมไปแล้ว”
หน้าผากของนัทธีมีขีดสีดำหลายขีด
วารุณีพูดต่อ: “ระหว่างตอนที่เราทำสงครามเย็น นวิยาอยากให้เราหย่ากันมาก และคิดว่าเราจะหย่ากัน แต่สุดท้ายพวกเราไม่เพียงแต่ไม่หย่ากัน แต่ยังคืนดีกัน ดังนั้นเธอก็เลยร้อนใจ รู้ว่าให้พวกเขาเป็นฝ่ายหย่ากันเองคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมา”
นัทธีหลบตาลง
ดังนั้นนวิยาจึงเชิญนักข่าว เป้าหมายก็เพื่อจะใช้พลังของเสียงวิพากษ์วิจารณ์
ทันทีที่ชาวเน็ตรู้ เขาข่มขืนนวิยา ไม่แน่ว่าชาวเน็ตอาจจะบีบให้เขาหย่าแล้วแต่งงานกับนวิยา เพราะถึงอย่างไรการที่ข่มขืนคนอื่นแล้วไม่แต่งงานกับเขา ไม่ใช่ลูกผู้ชาย
ถ้าเขาไม่แต่งงาน บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปก็จะได้รับผลกระทบ
ดังนั้น นี่จึงเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของนวิยา
“นัทธี คุณยังอยู่ไหมคะ?” วารุณีเห็นชายหนุ่มไม่ตอบ อดไม่ได้ที่จะร้องเรียก
แววตาของนัทธีสั่นเทา หลุดจากภวังค์ “ผมยังอยู่ครับ”
“นัทธี เรื่องครั้งนี้ พวกเราต้องขอบคุณปาจรีย์มากๆนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทำลายแผนการของนวิยา เกรงว่าตอนนี้คุณคงตกหลุมพรางแล้ว” วารุณีพูดด้วยความจริงจัง
นัทธีเองก็รู้ข้อนี้ ยิ้มบางๆ “ผมรู้ครับ ผมให้มารุตไปจัดการแล้ว เชื่อว่าเธอได้รับของขวัญ ต้องดีใจจนโทรหาคุณแน่นอน”
“ค่ะ” วารุณีเองก็ยิ้ม พยักหน้า
เธอไม่ได้ถามเขาว่าให้อะไร
เพราะถึงอย่างไรด้วยฐานะของเขา ไม่มีวันให้ของราคาถูกแน่นอน
หลังจากนั้น ทั้งสองก็พูดเรื่องอื่น ใจตรงกันไม่พูดเรื่องนี้อีก
เพราะเรื่องแย่ๆแบบนี้ พูดแล้วมีแต่จะกระทบความรู้สึก
สายนี้พูดคุยกันนานกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะจบลง
นัทธีเพิ่งวางโทรศัพท์ ประตูห้องพักผู้ป่วยเปิด พิชิตเดินเข้ามาจากด้านนอก “นัทธี”
นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย
พิชิตปิดประตู “แกดีขึ้นรึยัง?”
“อืม” นัทธีตอบ
พิชิตมองเขาด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่รู้ว่านวิยาจะทำเรื่องแบบนี้ได้”
นัทธีเงยหน้าขึ้นมองพิชิต แววตาเรียบเฉย “ฉันรู้”
นวิยาวางแผนลอบวางยาเขา จะบอกพิชิตได้ยังไง
พฤติกรรมของนวิยา เป็นการสวมเขาให้พิชิต หลังจากพิชิตรู้ เสียสติไปแล้วเท่านั้นถึงจะไม่ห้ามเธอ
ดังนั้นเพื่อให้แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่น เธอไม่มีวันบอกพิชิต
พิชิตโล่งอก “แกรู้ก็ดีแล้ว”
เขาเป็นกังวลว่านัทธีจะไม่รู้ สงสัยว่าเขาเป็นคนช่วยนวิยา
“จริงด้วย” คิดถึงอะไรบางอย่าง พิชิตมองนัทธี “ฉันเลิกกับนวิยาแล้ว”
นัทธีไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้ เขาตอบอืมหนึ่งคำเพื่อแสดงให้รู้ว่ารับรู้แล้ว
เพราะถึงอย่างไรเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วยังไม่เลิก พิชิตก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว
เห็นท่าทีของนัทธี พิชิตไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ
เงียบไปครู่หนึ่ง ก็ยังคงถามขึ้น: “นัทธี แกคิดจะจัดการกับนวิยายังไง?”
คำถามนี้ทำให้นัทธีหรี่ตาลง “แกอยากจะขอร้องแทนเธอ?”
ความคิดในใจถูกเดาได้ พิชิตก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกประหม่า “ประมาณนั้น ถึงแม้จะไม่ได้รักกัน แต่ก็มีมิตรภาพให้กัน ฉันทำถึงขั้นไม่สนใจเธอไม่ได้”
นัทธีไม่ได้พูดอะไร จ้องไปที่พิชิต ทำให้เดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร
ภายใต้การจ้องมองแบบนี้ พิชิตกดดันอย่างมาก หน้าผากมีเหงื่อไหลออกมา นัทธีพูดเสียงเยือกเย็น “ฉันพูดได้แค่ว่า ฉันไม่ฆ่าเธอ”