ศรัณย์ตกใจกับความเป็นมิตรในแววตาของเชอรีน จึงไม่กล้าจับมือกับเธอแป๊บหนึ่ง
เขาอยู่โรงพยาบาลนาน ไม่งั้นก็เอาแต่อยู่ในห้องวาดรูป น้อยครั้งที่จะรู้จักผู้คน ยิ่งนิสัยร่าเริงสุดๆอย่างเชอรีนด้วยก็แล้วใหญ่
“เอ่อ ผม……”ใบหน้าซีดๆของศรัณย์แดงก่ำ มือสองข้างก็แกว่งไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก
เชอรีนเห็นแบบนี้ ก็ขำพรวดออกมา“วารุณี น้องชายเธอน่ารักมาก ใสซื่อสุดๆ”
วารุณีก็เห็นศรัณย์เป็นแบบนี้ครั้งแรก จึงรู้สึกแปลกเล็กน้อย
ส่วนศรัณย์ เหมือนจะรู้ว่าท่าทางของตัวเองขายขี้หน้า ก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง
“โอเคเชอรีน เธออย่าแกล้งศรัณย์เลย”วารุณีกลอกตาใส่เชอรีน จากนั้นจับมือของศรัณย์“ศรัณย์ นี่เพื่อนพี่เองเชอรีน เธอนิสัยแบบนี้แหละ ชอบผู้ชายหล่อๆ เพราะว่านายหล่อ เธอเลยเป็นแบบนี้ นายอย่าใส่ใจเลย”
“ใช่ๆๆ ฉันแค่เป็นมิตรมากไปหน่อย ที่นายหล่อมาก อย่ากลัวเลย”เชอรีนก็รีบพูด
ศรัณย์พยักหน้า“โอเค”
“ไปเถอะ พวกเราเข้าไปก่อน”วารุณีจูงมือของศรัณย์เดินเข้าไปในคฤหาสน์
เชอรีนเดินไปข้างๆ พูดคุยกับศรัณย์
อาจเป็นเพราะว่าคำพูดเมื่อกี๊ของวารุณีปลอบใจความประหม่าที่ศรัณย์มีต่อเชอรีน
ศรัณย์เผชิญหน้ากับคำถามของเชอรีน เสียงที่ตอบก็ค่อยๆดูปกติ ไม่ประหม่าเหมือนเดิม พูดจาก็ลื่นไหลต่อไป
เข้าไปในคฤหาสน์ วารุณีพาศรัณย์ขึ้นไปดูลูกทั้งสองคน
บนหัวไอริณยังพันผ้าพันแผลไว้ ที่แขนกับขาก็มีผ้าพันแผล นอนบนเตียงขยับไม่ได้
อารัณเดินและนั่งไปได้ทุกที่แล้ว ตอนนี้กำลังนั่งที่เตียง ถือหนังสือนิทานเล่มหนึ่ง เล่านิทานให้ไอริณ
เห็นศรัณย์เข้ามา ตาของเด็กทั้งสองคนก็เป็นประกาย เรียกอากันไปมา
ศรัณย์ดีใจ ขณะเดียวกันก็กังวลมาก“พี่ แผลที่ตัวอารัณกับไอริณ……”
“อุบัติเหตุน่ะ”วารุณีตอบกลับด้วยสายตาแพรวพราว
เธอยังไม่คิดจะบอกสาเหตุที่เด็กทั้งสองบาดเจ็บออกมา
โลกของศรัณย์นั้นใสซื่อมาก ไม่มีความร้ายกาจและเล่ห์เหลี่ยมเท่าไหร่
ดังนั้น เธอหวังว่าศรัณย์จะใสซื่อบริสุทธิ์แบบนี้ต่อไป
ศรัณย์เห็นวารุณีพูดอย่างจริงจัง ก็ไม่คิดมาก พยักหน้าเชื่อออกไป
จากนั้น วารุณีก็ให้เขาอยู่กับเด็กทั้งสองคน ส่วนตัวเองก็ออกไป
สองสามวันถัดมานั้น วารุณีก็เริ่มยุ่งขึ้นมา
เพราะว่าการแข่งขัน เธอต้องออกไปพบ ประชุมกับเพื่อนร่วมทีมกลุ่มAทุกวัน จากนั้นปรึกษาหารือเรื่องการออกแบบ
ยังไงก็คือการแข่งขันแบบทีม การออกแบบของเพื่อนร่วมทีมทุกคนต้องสมบูรณ์แบบ สไตล์เป็นหนึ่งเดียวกัน เนื้อผ้าคล้ายคลึงกัน
ถ้ามีผลงานของเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งต่างกันออกไป ต่างกับผลงานของดีไซเนอร์คนอื่นอย่างมาก ก็เป็นไปได้ที่จะลดคะแนนของทีมลง
คะแนนของคนๆหนึ่ง เป็นไปได้ที่จะตัดสินจากการมีอยู่สุดท้ายของกลุ่ม ดังนั้นอาจเป็นตัวกำหนดความอยู่รอดของกลุ่ม ดังนั้นจึงสะเพร่าไม่ได้
เวลาผ่านไปไวมาก หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
การแข่งขันรอบนี้ ในที่สุดก็ถึงวันตัดสิน
เพื่อออกแบบเสื้อผ้าให้คนไม่สมประกอบไม่กี่คนนี้ ทำเอาพวกดีไซเนอร์ทรมานจนแทบกระอัก
ดีไซเนอร์หลายคนผอมลงไปเยอะจากสิ่งนี้
ถึงแม้วารุณีไม่ผอมลง แต่สภาพจิตใจก็ไม่ดีนัก เบ้าตาล่างก็มีขอบตาคล้ำลง
เพราะว่าแก้การออกแบบ แก้ชุด และยังต้องปรึกษาหารือเกี่ยวกับการแต่งหน้าเดินโชว์และอื่นๆของฝาแฝดสยามกับดีไซเนอร์คนอื่นอีกที่ หลายวันนี้ เธอไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่นัก
เวลานี้ นางแบบที่ไม่สมประกอบเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินโชว์คิวที่หนึ่งในห้องแต่งตัวแล้ว
เสื้อผ้าของวารุณีอยู่คิวที่เจ็ด ยังอีกนาน ดังนั้นเธอมีเวลาพักเล็กน้อย หลังจากซื้อนมอุ่นๆแก้วหนึ่งเสร็จ ก็ไปนั่งพักที่เก้าอี้ตรงทางเดิน
เวลานี้ จู่ๆเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่ง ที่แทบจะสลักไว้ในจิตวิญญาณของเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“ทำไมอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ?”
วารุณียืดเอวขึ้นทันที หันหน้าไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เห็นริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้นเล็กน้อย ยืนขึ้นมองเธอด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม เธอก็รีบวางนมลง ยืนขึ้นมา โผเข้าสู่อ้อมแขนของชายหนุ่ม“ทำไมจู่ๆคุณก็มาล่ะ ไม่ใช่ว่ามาสุดสัปดาห์นี้เหรอ?”
“เซอร์ไพรส์คุณ”นัทธีโอบหญิงสาวในอ้อมแขน พูดเสียงอ่อนโยน
วารุณีทุบหลังเขาอย่างโกรธๆ“รำคาญ!”
รอยยิ้มในแววตานัทธีก็ชัดมากขึ้น
เขาดันเธอออกเบาๆ จับมือของเธอจากด้านหลังมา บีบเบาๆ“โอเค ไม่ตีแล้ว มือยังเจ็บไหม?”
“ไม่เจ็บ คุณล่ะ?ฉันเพิ่งตีไปน่าจะหนักหน่อย เจ็บไหม?”วารุณีถามอย่างเป็นห่วง
นัทธีก้มลงจูบมือของเธอ“ไม่เจ็บ”
“รีบนั่งลงสิ”วารุณีดึงนัทธีกลับมาตรงหน้าเก้าอี้
หลังจากนั่งลงไป เธอก็ถามอีกครั้ง“คุณมาเมื่อไหร่เหรอ?”
“เพิ่งถึง ลงเครื่องก็มานี่เลย”นัทธีลูบท้องเธอแล้วพูด
วารุณีพิงไปด้านหลัง ยื่นท้องให้เขาลูบอย่างใจกว้าง
ถึงเธอจะท้องไม่ถึงสามเดือน
แต่ท้องก็ป่องออกมาเล็กน้อยแล้ว ถึงแม้ดูไม่ชัด แต่พอลูบก็รู้สึกได้
ตอนนี้นัทธีรู้สึกได้ว่า เด็กน้อยในฝ่ามือเขา โตขึ้นเยอะ
“ดังนั้นคุณยังไม่ไปดูกับไอริณที่คฤหาสน์ใช่ไหม?”วารุณีพูด
นัทธีตอบอือ“ยังทัน ครั้งนี้ผมมา นอกจากจะมาเยี่ยมพวกคุณแล้ว สาเหตุที่สำคัญที่สุด ก็คือ สมาคมเชิญผมมาประชุม ไม่ใช่แค่ผม เจ้าของบริษัทที่มีชื่อเสียงบนโลกนี้หลายคนก็เชิญมาด้วย”
“อ้อ?”วารุณีกะพริบตาอย่างตกใจ“เชิญมาหมดเลย คนใหญ่โตแบบนี้ มีอะไรยิ่งใหญ่เหรอ?”
“เกี่ยวข้องกับการออกแบบเสื้อผ้าคนไม่สมประกอบของพวกคุณ จากการรวบรวมข้อมูลประชากร คนไม่สมประกอบบนโลกนี้รวมทั้งพวกคนพิการด้วย มีจำนวนคนถึงสิบเปอร์เซ็นต์ ก็เกือบๆจะหลายร้อยล้านคน ร่างกายต่างจากคนทั่วไป หลายร้อยล้านคนนี้ คุณจินตนาการได้ว่า มีตลาดใหญ่แค่ไหน”นัทธีพูด
วารุณีเงยคางขึ้น“ครั้งที่แล้ว ฉันก็แอบเดาได้ ว่าสมาคมน่าจะยื่นมือเข้ามา ตอนนี้ได้ยินคุณพูดแบบนี้แล้ว ก็แบบนี้จริงๆ”
“สมาคมก็ต้องการหาเงิน ไม่พลาดตลาดใหญ่แบบนี้แน่”นัทธีจัดผมของเธอ
วารุณีพยักหน้า“เชิญพวกคุณมาได้แบบนี้ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะตัดสินใจดีแล้ว รูปแบบของโลกแฟชั่นในวันข้างหน้า จะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างสั่นสะเทือนโลกแน่ ไม่มีแค่การออกแบบเสื้อผ้าที่สืบทอดต่อมากันกับดีไซเนอร์เสื้อผ้าแล้ว”
“ถูกต้อง แต่ดีไซเนอร์เสื้อผ้าอย่างพวกคุณที่สืบต่อกันมาเช่นนี้ กับดีไซเนอร์เสื้อผ้าที่ออกแบบเสื้อผ้าให้คนไม่สมประกอบ ยังถูกแบ่งเป็นสองส่วน ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน ถ้าผสมกันแล้ว จะไม่ยุติธรรมต่อการแข่งขันต่อไป”นัทธีพูดต่อ
วารุณีรับรู้ทันที“แบบนี้ก็ไม่เลว ฉันรู้ว่าไม่ใช่ดีไซเนอร์ทุกคน ที่จะยอมรับคนไม่สมประกอบและออกแบบชุดให้คนไม่สมประกอบได้ แต่การออกแบบเสื้อผ้า แบ่งเป็นสองฝ่ายโดยไม่รบกวนกันนั้น ดีไซเนอร์ที่รับไม่ได้ ก็พูดอะไรไม่ได้”
ดีไซเนอร์หลายคนนั้นสูงส่ง ภูมิใจที่ตัวเองนั้นสืบทอดมา จะออกแบบชุดให้แค่พวกชนชั้นสูงเท่านั้น สำหรับคนที่ร่างกายไม่สมประกอบพวกนั้นแล้ว เป็นการดูถูก
ดังนั้น จะยอมรับคนส่วนนี้โดยไม่มีความไม่พอใจ และเข้าร่วมวงการแฟชั่นด้วยได้อย่างไร ถ้าไม่รบกวนกันและกัน นั่นก็ไม่มีปัญหา
“นอกจากการออกแบบเสื้อผ้าแล้ว การออกแบบเครื่องประดับครั้งต่อไป และการออกแบบรองเท้าและหมวกก็อาจต้องมีการปฏิรูปด้วย นี่เป็นเทรนด์ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”นัทธีพูดอีกครั้ง
วารุณีพยักหน้า“แน่นอน การสวมและการใส่อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ขาดใครไปก็ไม่ได้ ไม่มีทางที่เสื้อผ้าเปลี่ยนไป อย่างอื่นจะไม่เปลี่ยน ไม่งั้นแมทช์กันแล้วก็น่าจะน่าเกลียด”
กำลังพูดอยู่นั้น ดีไซเนอร์ทีมAคนหนึ่งก็เดินเข้ามา“วารุณี เดินแบบรอบที่เจ็ดจะเริ่มแล้ว เธอยังไม่ไปอีกเหรอ?”