ใครใช้ให้เธอไม่มีอำนาจ ไม่มีแบ็คคอยซัพพอร์ต ไม่มีที่พึ่งกันล่ะ ?
หากเธอมี เธอคงไม่ต้องมาใช้วิธีแบบนี้จัดการกับวารุณี แต่จะเผชิญหน้ากันตรงๆไปเลย
เดิมทีคิดว่าของที่เธอส่งไปให้ถึงที่นั่น จะบรรลุตามเป้าหมาย ทำให้วารุณีแท้งได้ เมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะทำให้วารุณีเจ็บปวด ไม่แน่ว่าสามีของวารุณีอาจจะหย่าขาดกับเธอ เพราะเธอแท้งลูกก็เป็นไป
แต่ไม่คิดว่า วารุณีจะยังมีชีวิตที่สุขสบายดี !
ทำไมพระเจ้าถึงไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ทำไมคนบางคนเกิดมาถึงได้เพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางครอบครัว รูปร่างหน้าตา ความสามารถ หรือการเลือกคู่ชีวิต ล้วนก็ดีกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ยุติธรรม ยิ่งคิดก็ยิ่งอิจฉา ใบหน้าของสุชาดาบูดบึ้ง
วารุณีหัวเราะเยาะ“ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
“คุณจะจัดการยังไงกับเธอ ?” นัทธีมองเธอและถาม
เมื่อสุชาดาได้ยินคำว่าจัดการ หัวใจก็แทบจะกระเด็นหลุดออกมา
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า“ ฉันขอบอกไว้ก่อน บ้านเมืองมีขื่อมีแป พวกเธอจะทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้ ”
เธอกลัวจริงๆว่าวารุณีและพวกจะฆ่าปิดปากเธออย่างเงียบๆ
ด้วยความสามารถของพวกเขา พวกเขาทำมันได้อยู่แล้ว อีกทั้งยังสามารถจัดการกับศพของเธอให้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ให้คนตามหาตัวไม่เจอ
เมื่อได้ยินคำพูดของสุชาดา เชอรีนก็ถึงกับหลุดขำ“เธอคิดว่าเราจะทำอะไรกับเธองั้นเหรอ ? ฆ่าเธอ ? หรือทำร้ายเธอจนพิการงั้นเหรอ ? เหอะ ไม่หรอก เธอก็พูดเองว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป พวกเราไม่ใช่พวกไม่เคารพกฎหมาย ย่อมไม่ทำอะไรอย่างนั้นกับเธอแน่ ”
“จริงเหรอ?”สุชาดามีท่าทีแปลกใจ
วารุณีพยักหน้า “จริง เราไม่ฆ่าเธอแน่ และไม่ทำร้ายอะไรเธอด้วย สิ่งที่เธอทำ ความผิดมันไม่ถึงตาย แต่เราก็ไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆเหมือนกัน เราจะส่งเธอไปให้กับตำรวจ ความผิดฐานข่มขู่ให้ตกใจกลัว”
“พวกเธออยากให้ฉันติดคุกเหรอ ? ”เสียงของสุชาดาก็แผดดังขึ้น
เชอรีนถลึงตาใส่เธอ “ของต่างๆที่เธอส่งมา ล้วนแต่ผิดกฎหมาย ติดคุกมันไม่สมควรหรือไง ? เธอไม่อยากเข้าคุกก็ได้นะ แต่ต้องตัดแข้งตัดขาของเธอทิ้งว่ายังไง ”
สุชาดาร่างกายสั่นเทิ้ม มองไปยังแววตาของกลุ่มวารุณี ราวกับเห็นปีศาจยังไงอย่างนั้น
ตัดแข้งตัดขาของเธอ!
คำพูดที่ชวนขนพองสยองเกล้า พวกเขากลับพูดมันออกมาได้อย่างไม่รู้สึกรู้สา คนพวกนี้ช่างเลือดเย็นจริงๆ
เมื่อเห็นสุชาดาตกใจกลัว มุมปากเชอรีนก็กระตุก“ ดังนั้นเธอจะใช้ขาทั้งสองข้างของเธอแลกกับอิสรภาพ หรือว่า ……”
“ฉันยอมติดคุก ฉันยอมติดคุก!”ไม่รอให้เชอรีนได้พูดจบ สุชาดาก็รีบตัดสินใจทันที
เชอรีนหัวเราะ “ตัดสินใจถูกแล้ว ติดคุกก็ยังดีกว่าอัมพาตครึ่งซีก”
สุชาดาไม่ได้พูดตอบ ในใจโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ใช่ ติดคุกดีกว่าพิการ แต่เธอก็ไม่อยากติดคุกเช่นกัน
แต่ตอนนี้ เธอไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้
หากรู้ว่าตัวเองจะมีจุดจบแบบนี้ เธอไม่น่าไปโกรธแค้นวารุณีเลย
แต่มานึกเสียใจได้ในตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว เธอทำได้เพียงยอมรับสภาพที่เป็นอยู่อย่างเงียบๆ นัทธีจับมือวารุณีแล้วลุกขึ้นยืน คลึงหว่างคิ้วแล้วออกคำสั่ง
มารุตรับคำ“ได้ครับ”
“ฉันไปด้วย”เชอรีนรีบพูดขึ้นตาม“ ยังไงฉันก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเธอ ไปส่งเธอสักหน่อยแล้วกัน ”
“งั้นก็ไปเถอะ”วารุณีพยักหน้าตกลง
จากนั้น เชอรีนกับมารุต ก็พาตัวสุชาดาออกไปจากห้องโถง
วารุณีกับนัทธีเดินออกจากห้องโถง เพื่อเตรียมรับประทานอาหารเช้ากับลูกๆ หลังจากอาหารมื้อเช้าเสร็จ ก็พากันกลับไปที่คฤหาสน์
เพราะสุชาดาถูกควบคุมตัวไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องมาเป็นกังวล ว่าจะมีใครส่งอะไรที่น่าเกลียดน่ากลัวมาให้อีก
ระหว่างทางกลับห้อง วารุณีอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ“เราคิดกันมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของนวิยา ไม่คิดว่าจะกลายเป็นสุชาดาไปได้”
“ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเดาผิดไปได้”นัทธีก็พูดขึ้นตาม
วารุณีเหยียดมุมปาก ยิ้มอย่างขมขื่น“ เพราะความประมาทของฉันด้วย ฉันคิดว่าศัตรูของฉัน จะมีแค่นวิยากับพิชญา ตอนนี้พิชญาถูกขังอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชออกมาไม่ได้ ฉันจึงคิดว่า ทั้งหมดน่าจะเป็นฝีมือของนวิยาหรือไม่ก็นิรุตติ์ มองข้ามสุชาดาไป ต้องโทษที่ฉันไม่เคยเห็นสุชาดาอยู่ในสายตา ดังนั้นก็จึงประมาทเลินเล่อ ”
เรื่องทั้งหมดนี้ เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจเธอ ทำให้เธอเข้าใจว่า ไม่ว่าจะเป็นความอาฆาตแค้น หรือเรื่องเล็กน้อยอะไร ก็ประมาทไม่ได้ มิฉะนั้นหากไม่ทันได้ระวังตัว ก็อาจจะตกลงสู่เหวลึกได้
เหมือนสุชาดา เธอกับสุชาดาไม่เคยมีความเกลียดชังอะไรต่อกัน และไม่เคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน อย่างมากก็แค่ไม่ชอบหน้ากัน มีเพียงทะเลาะและปะทะคารมกันเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นเกลียดชังกันได้แน่นอน ดังนั้นเธอจึงไม่เคยเก็บสุชาดามาใส่ใจ หลังจากที่โค่นพิชญาลงได้ ก็ไม่เคยไปถามไถ่อะไรสุชาดาเลย
แต่แล้วที่คิดไม่ถึงก็คือ คนตัวเล็กๆที่เธอไม่เคยจะเก็บมาใส่ใจ กลับเกลียดชังเธออยู่เงียบๆ และถึงขั้นมีความคิดที่น่ากลัวอยากให้เธอสูญเสียลูก ใช้ลูกมาแก้แค้นเธอ
ดังนั้นตอนนี้เธอรู้แล้ว หากเธอมีความขัดแย้งเล็กๆน้อยๆกับใคร ก็ไม่สามารถจะมองข้ามได้ เพราะใครจะไปรู้ว่าคนที่จู่ๆก็ออกมาโจมตีตัวเองนั้น อาจจะเป็นคนที่เคยขัดแย้งกับเธอมาก่อนก็เป็นได้
“คุณรู้ไว้ก็เป็นเรื่องดี บางทีในอนาคตอาจจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกก็ได้” นัทธีบีบไปที่มือของวารุณีแล้วพูดขึ้นมา
วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง “คุณพูดถูก”
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ทั้งสองคนก็พาลูกๆ กลับไปที่คฤหาสน์
กลับมาได้ไม่นาน เชอรีนกับมารุตก็กลับมา
“ท่านประธาน ส่งตัวสุชาดาให้กับทางตำรวจแล้วครับ แต่ว่า……”มารุตมือถูไปที่จมูก มีความลำบากใจเล็กน้อย
วารุณีมองไปยังเชอรีน “เกิดอะไรขึ้น?”
เชอรีนผลักมารุตออกแล้วเดินก้าวไปข้างหน้า“ฉันพูดเอง เพราะปัญหาเรื่องสัญชาติของสุชาดา เธอยังใช้สัญชาติเดียวกับเรา ดังนั้นตำรวจทางนี้ก็จึงไม่สะดวกที่จะเข้ามาจัดการ ทำได้เพียงส่งตัวเธอกลับ ดังนั้นทางตำรวจจึงได้ติดต่อไปยังสถานทูต จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางสถานทูตบอกว่าจะส่งคนไปยังสถานีตำรวจ เพื่อนำตัวสุชาดากลับประเทศ ให้ตำรวจในประเทศเป็นคนจัดการเรื่องนี้”
“แบบนี้นี่เอง ฉันเดาไว้อยู่แต่แรกแล้ว”วารุณียกยิ้ม
เชอรีนเบะปาก“เพราะจะต้องพาตัวสุชาดากลับประเทศ ดังนั้นฉันไม่ค่อยพอใจเท่าไร กฎหมายเรื่องการข่มขู่ในประเทศเราไม่ร้ายแรงเท่ากับของต่างประเทศ ก่อนหน้านั้นฉันเคยถามมาบ้าง จากการกระทำของสุชาดาที่ส่งของพวกนี้มาให้ และตามด้วยจุดประสงค์ เต็มที่เธอก็จำคุกสองปี บวกกับกระทำการไม่บรรลุผลสำเร็จ และยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ตัดสินจำคุกไม่ถึงสามปี ครึ่งปีก็ถือว่าสูงสุดแล้ว”
“คุณมีความเห็นยังไง ? ” นัทธีมองไปยังวารุณี “ หากคุณคิดว่าครึ่งปีมันน้อยเกินไป ผมให้ทางตระกูลจามจุรีศิลป์……”
“ไม่ต้องค่ะ”วารุณีส่ายหัว“ คำตัดสินเป็นยังไงก็ให้มันเป็นแบบนั้นเถอะ สุชาดาไม่ใช่คนแบบพวกขยานี การกระทำของเธอไม่ได้โหดร้าย ดังนั้นเราก็ไม่ควรทำอะไรแบบนั้นกับเธอ ไม่อย่างนั้นเราจะต่างอะไรกับคนแบบนวิยา ดังนั้นช่างมันเถอะ รอครึ่งปีให้หลัง ส่งตัวสุชาดาออกนอกประเทศ และไม่ให้เธอกลับประเทศได้อีกก็พอค่ะ”
ดวงตาเชอรีนเป็นประกาย “แบบนี้ก็ดี ไม่สามารถกลับประเทศได้อีก นี่มันหนักกว่าให้สุชาดาต้องจำคุกไปหลายปีเลย”
ต่างประเทศสู้ในประเทศไม่ได้ ต่างประเทศมักมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ออกนอกบ้านเจอฉกชิงวิ่งราวหรือสงครามมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
หากสุชาดาไปอยู่ต่างประเทศ ก็จะรู้ซึ้งถึงความวิตกกังวลในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน สำหรับสุชาดาแล้ว นี่ถึงจะเป็นการลงโทษที่แท้จริง
นัทธีพยักหน้า“ งั้นก็ทำตามที่คุณพูด ”
วารุณีพยักหน้า “ขอบคุณค่ะที่รัก ”
นัทธีลูบไปที่ศีรษะของเธอ แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
เชอรีนที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นฉากนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถูไปที่ขนแขนที่ลุกชันของเธอ “ ไม่ไหวแล้ว ประธานนัทธี วารุณี ทำไมพวกเธอถึงได้ชอบทำอะไรเลี่ยนแบบนี้ รับไม่ได้จริงๆ ”
วารุณียิ้มแล้วพูดว่า“ถ้ารับไม่ได้ ก็หาของตัวเองสักคนหนึ่งซิ”
เมื่อได้ยินคำนี้ เชอรีนไม่รู้ว่าตัวเองนั้นคิดอะไร มองไปยังมารุตที่อยู่ข้างๆโดยไม่รู้ตัว