ใช่ ขัดต่อกฏเกณฑ์!
นั่นเป็นคำอธิบายเดียวที่ทุกคนคิดออก พลังของจั๋วฝานเกินความเข้าใจทั่วไป และมีแค่คำนี้ถึงครอบคลุมความสามารถเขาได้
เป็นที่รู้กันดีว่าระดับหลอมกระดูกเป็นช่วงเวลาที่ดีสุดในชีวิตของผู้บ่มเพาะเพื่อทำให้ร่างกายสงบ แม้กระทั่งยอดฝีมือระดับนภาก็ไม่สามารถทำลายอวัยวะของผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกได้ง่ายๆ แต่จั๋วฝานกลับแค่วิ่งผ่าน
ยิ่งไปกว่านั้น จั๋วฝานเพิ่งทะลวงผ่าน มันทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้าไม่เคยมีมาก่อนในบันทึก
“สัตว์ประหลาด!’
แรกเริ่มเป็นเสียงกระซิบ แต่คำนี้กลับดังก้องในหูทุกคนและพวกเขาก็เห็นด้วยกับคำคำนี้
ความกลัวถูกวาดขึ้นอย่างแจ่มแจ้งบนหน้าของพวกเขา
คนของโหยวหมิงกู่ไม่อิจฉาชายผู้’โชคดี’อีก พวกเขากลับรู้สึกเห็นใจ
[ช่างโชคร้ายเสียกระไร!ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้รับผลงาน แต่เขายังเอาชีวิตไปทิ้ง]
ซวบ!
จั๋วฝานถูกโซ่คู่ขาว-ดำจับขณะที่พวกมันพันรอบเขา
โหยวกุ่ยฉีแสยะยิ้ม จับปลายอีกด้านของโซ่
“บัดซบ ต่อให้เด็กนี่จะมีพรสวรรค์แค่ไหน เขาก็จะกลายเป็นเนื้อสับทันทีที่โดนสมบัติมารระดับสี่จับ”เจี้ยนซุยเฟิงถอนหายใจ
เขาทึ่งในความสามารถของจั๋วฝาน อนาคตแสนสดใสรอเขาอยู่ แต่.[น่าเสียดายที่เขาต้องตายด้วยน้ำมือของปีศาจเจ้าเล่ห์]
หัวใจของเซี่ยเทียนหยางบีบรัด เขาไม่คาดคิดว่ายอดฝีมือระดับนภาแบบโหยวกุ่ยฉีจะลอบโจมตีผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นหนึ่ง
แม้คนที่ถูกถามจะมีชื่อเสียงไม่ดีอยู่แล้ว มันก็ยังโดนดูถูกเหยียดหยาม
เสวี่ยหนิงเซียงมีความสุขในตอนแรก แต่แล้วก็กลายเป็นกังวล
จั๋วฝานมองสมบัติมารคุ้นตาและพูด”ถึงกับใช้กระบวนท่าไม้ตายตั้งแต่ต้นกับผู้เยาว์ สมกับเป็นผู้อาวุโสเจ็ดผู้โด่งดังแห่งโหยวหมิงกู่”
โหยวกุ่ยฉีหัวเราะ”เจ้าฉลาดพอจะสังเกตเจตนาข้าจากการมอง มันแทบจะไม่มีใครเทียบกับเจ้าได้เลยในจักรวรรดิเทียนอวี่ เจ้าเป็นมารที่โดดเด่นคนหนึ่งที่แม้แต่ข้าก็ไม่กล้าละเลย”
“ฮ่าๆ ข้าชื่มชมความระมัดระวังของผู้อาวุโสเจ็ดมาก ไม่ว่ายังไง ผู้เยาว์ก็มาโดยไม่มีแผนการใด แต่ท่านก็ยังรอบคอบเสมอมา”
อารมณ์ของโหยวกุ่ยฉีดำมืดลง
เขารู้ว่าจั๋วฝานกำลังเยาะเย้ยเขา แม้กระทั่งเขาก็มีขีดจำกัด โดยเฉพาะตอนโดนผู้เยาว์ดูถูกต่อหน้าผู้คนมากมาย
“เจ้าหนู ลองพูดอีกครั้งสิ และข้าจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่เหลือแม้แต่ศพ”
“ข้าพูดผิดเหรอ?”
จั๋วฝานเอียงหัวและหัวเราะ”ด้วยนิสัยของเจ้า ยิ่งเจ้าฆ่าศัตรูได้เร็วก็ยิ่งดี แต่สิ่งแรกที่เจ้าทำตอนข้ามาถึงคือส่งศิษย์เจ้ามาทดสอบน่านน้ำ แต่เขากลับตัวสั่นด้วยความกลัวจนเมินคำสั่งเจ้า และทำให้เจ้าไม่มีทางเลือกนอกจากส่งตัวตลกนั่นมาตายโดยอ้างว่าเพื่อรักษามารหัวใจของศิษย์เจ้า”
“ไม่ต้องพูดถึงแพ้ชนะ แต่แค่เขาล้มเหลวนั่นก็ไม่ใช่การสูญเสียที่มากพอเนื่องจากมันทำให้เจ้าได้จังหวะลอบโจมตีข้าตอนข้าจัดการเขา และนี่ก็คือผลลัพธ์”
จั๋วฝานให้ความกระจ่างแจ้งแก่ทุกคน และแม้แต่เจี้ยนซุยเฟิงก็ตกใจมากจนความกลัวของเขาที่มีต่อโหยวกุ่ยฉีเพิ่มขึ้น
เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโหยวกุ่ยฉี และถ้าเขาอยู่ในจุดนั้นแทนจั๋วฝาน โหยวกุ่ยฉีคงหลอกเขาสำเร็จ
[โหยวกุ่ยฉีโหดร้ายและเจ้าเล่ห์ถึงที่สุด ทว่า จั๋วฝานก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า ถึงกับมองอุบายเขาออกทันที]
ปีศาจเจ้าเล่ห์แสดงท่าทางระมัดระวังอย่างมากต่อผู้บ่มเพาะหลอมกระดูก นั่นไม่เพียงแต่ทำให้เขาตกใจ แต่รวมถึงทุกคน
ในทางกลับกัน จั๋วฝานไม่ได้เจ้าเล่ห์น้อยไปกว่าโหยวกุ่ยฉีเลย
พอคิดถึงเรื่องนี้ เจี้ยนซุ่ยเฟิงก็มองจั๋วฝานใหม่
“ฮี่ๆๆ ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ติดกับข้าแม้จะมองออกหรือ?”โหยวกุ่ยฉีหัวเราะเยาะพร้อมเปล่งจิตสังหาร”ข้าแค่ต้องกระตุกแขนข้าและเจ้าก็จะระเบิด!”
จั๋วฝานเลิกคิ้วและหัวเราะ”อะไร?ไอหมาแก่อย่างเจ้ากลับโง่ขนาดนี้ได้ไง?เจ้าคิดว่าข้าจะติดกับเจ้าง่ายๆได้ไงในเมื่อข้ามองแผนเจ้าออก?”
ดวงตาของจั๋วฝานทอประกายและสายฟ้าก็ระเบิดออกมา
บูม!
โหยวกุ่ยฉีไม่สามารถตอบสนองได้ก่อนโซ่จะถูกสะบัดทิ้ง
จั๋วฝานตอนนี้กำลังติดปีกยาวสอบเมตรที่ระเบิดสายฟ้าออกมาไว้บนหลัง!
“ปีกวิหคสายฟ้า?”เซี่ยเทียนหยางกรีดร้อง
จั๋วฝานได้ขอศพวิหคสายฟ้าไป แต่เซี่ยเทียนหยางไม่คิดว่าเขาจะหลอมปีกมันเป็นสมบัติมาร
เนื่องจากวิหคสายฟ้าคือสัตว์อสูรระดับหก การเพิ่มทรายเพชรเข้าไปจึงทำให้มันกลายเป็นสมบัติมารระดับหก
เซี่ยเทียนหยางยินดี[ไม่แปลกใจที่เขาจะกล้าบุกมาที่นี่ เขามีของวิเศษแบบนี้ นี่จะเพิ่มโอกาสชนะของเขาอย่างมาก]
“สมบัติมารประเภทบินระดับหก?”น้ำเสียงของโหยวกุ่ยฉีเปลี่ยนไป”ด้วยสิ่งนี้ เจ้าสามารถเทียบเคียงกับผู้บ่มเพาะระดับนภาได้ด้านความเร็ว แต่ทว่า..”
ขณะพูด เขาก็สะบัดโซ่หยินหยาง โซ่เคลื่อนตัวจากทิศทางตรงข้ามเพื่อปิดเส้นทางหลบหนีของจั๋วฝาน
“..ข้อได้เปรียบของยอดฝีมือระดับนภาที่มีต่อผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกไม่ได้มีแค่ความเร็ว”
“ข้ารู้ดี!”จั๋วฝานไม่สนใจโซ่”ยอดฝีมือระดับนภาพึ่งพาการออกกระบวนท่าที่รวดเร็วในระยะประชิด ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่สมบัติมารประเภทบินจะสามาราถเอาชนะได้ ถึงแม้…”
แต่จากนั้น โซ่ก็กำลังจะฟาดใส่จั๋วฝาน หนึ่งเล็งหัว หนึ่งเล็งหน้าอกเขา
ซวบ!
ปีกคู่ขยับเหมือนเป็นแขนอิสระและปัดโซ่ออกไป
โหยวกุ่ยฉีกับเจี้ยนซุยเฟิงตกใจ”เป็นไปไม่ได้!’
มีเรื่องเล่าโบราณที่พูดถึงสมบัติมารประเภทบินที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามเจตจำนงของผู้ครอบครองและโจมตี แต่สมบัติมารไม่มีชีวิต มันจะทำแบบนั้นได้ไง?
ผู้คนมองจั๋วฝานราวกับกำลังมองตัวประหลาด เขายิ้มอ่อนขณะพูดสบายๆ”ข้าบอกตอนไหนว่ามันคือสมบัติมาร?”
สมบัติมารคือการหลอมเป็นเครื่องมือ แต่จั๋วฝานหลอมปีกเข้ากับตัวเขา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกมันคือส่วนหนึ่งของร่างกายเขา เขาสามารถปล่อยพวกมันออกมาได้ตามใจชอบและทำให้พวกมันขยับตามที่เขาอยาก
เขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีก แต่เป็นอาวุธมนุษย์ ถ้าปีกคือสมบัติมารระดับหก งั้นร่างกายเขาก็กลายเป็นสมบัติมารระดับห้าที่ผ่านการกลั่นด้วยวิธีการหลอมทรายเพชร!
นี่ไม่ใช่อะไรที่พวกโหยวกุ่ยฉีจะเข้าใจได้ แม้แต่ผู้อาศัยในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็แทบไม่รู้
คนกลุ่มเดียวที่สามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้คืออัจฉริยะในอดีตที่ถือครองคัมภีร์ลับเก้าสมถะและตระหนักถึงเคล็ดวิชาลับเพื่อหลอมวัตถุดิบเข้ากับร่างกายมนุษย์
“บัดซบ!”แม้กระทั่งโหยวกุ่ยฉีก็ยังขบฟันแน่น ดวงตาของเขาแดงก่ำ มือของเขาเตรียมพร้อมโจมตี
โซ่ทั้งสองสะบัดไปทุกหนแห่งและในไม่ช้าก็กลายเป็นสอง สี่ จากนั้นก็แปด…โซ่จำนวนมากเข้าหาจั๋วฝานจากทุกมุม
เขาอยากบดขยี้จั๋วฝานเป็นเศษเนื้อ
แต่จั๋วฝานกลับยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวขณะที่ยืนบนพื้น ดวงตาของเขาเป็นประกายและปีกก็ขยับเหมือนสายฟ้า
มีเพียงเสียงฟ้าแลบ และโลหะบดขยี้กัน ขณะที่ร่องรอยของปีกกับโซ่นั้นไม่มีให้เห็น
แต่สายฟ้าที่วูบวาบเป็นหลักฐานว่าทั้งคู่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
นี่คือความเร็วของยอดฝีมือระดับนภา
นี่ทำให้ผู้ชมตกใจและทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาอ่อนแอเพียงใดต่อหน้ายอดฝีมือระดับนภา แต่จั๋วฝานเป็นคนที่ทำให้พวกเขาตกใจสุด
ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกกลับมีพลังเช่นนี้..
เซี่ยเทียนหยางมองอย่างมึนงงด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ จั๋วฝานเมื่อวานก่อนห่างไกลจากวันนี้มาก
“ผู้อาวุโสแปด ท่านเห็นอะไรไหม?”
เซี่ยเทียนหยางเห็นเจี้ยนซุยเฟิงยืนจ้องตาไม่กะพริบ เขาไม่เคยเห็นผู้อาวุโสของเขาประหลาดใจเท่านี้มาก่อนในชีวิต
“โหยวกุ่ยฉีกำลังโจมตีอย่างหนัก แต่จั๋วฝานก็กันไว้ได้หมด มันไม่ชัดเจนถึงผลลัพธ์ แต่โหยวกุ่ยฉีดูเหมือนจะเหนือกว่า!”เจี้ยนซุยเฟิงระบุแต่สายตากลับไม่ละจากการต่อสู้
เซี่ยเทียนหยางรู้สึกท้อแท้ ตอนนี้ช่องว่างระหว่างเขากับจั๋วฝานยิ่งกว้างขึ้น
จั๋วฝานคนก่อนเอาชนะด้วยค่ายกล แต่ตอนนี้เขาพึ่งพาตัวเองล้วนๆ
ในเวลาแค่วันเดียว ตำแหน่งพวกเขาสลับกันมากจนทิ้งเซี่ยเทียนหยางไว้ไม่ให้เห็นฝุ่น