เป็นไปได้ยังไง?
เสี่ยวตานตานตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงขณะมองเศษผ้าที่ปลิวในอากาศ
หลินเทียนอวี่คือว่าที่สามีของนาง คนอื่นอาจไม่รู้ความสามารถเขา แต่นางจะไม่รู้ได้ไง?ในเจ็ดตระกูลใหญ่ ไขว่ฮัวมักเป็นที่รู้จักกันในนามตระกูลสายลม ในแง่ของความแข็งแกร่งร่างกายและความเร็ว ไม่มีใครในจักรวรรดิเทียนอวี่จะเทียบเคียงได้
ไม่ต้องพูดถึงว่า หลินเทียนอวี่เลือกละทิ้งพลังแลกกับความเร็วที่มากกว่าเดิม เขาไปถึงระดับที่แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นสูงสุดยังมองไม่เห็นฝุ่น
แต่ทว่า ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นต่ำกลับสามารถก้าวข้ามเขาได้
ไม่ใช่แค่เสี่ยวตานตานที่ตกใจ แต่หลินเทียนอวี่ก็ด้วย ใบหน้าของเขาแข็งทื่อ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกปากเขาได้
สำหรับกลุ่มของตงเทียนปา พวกเขาอ้าปากค้าง โดยเฉพาะนายน้อยตง ผู้รู้จักซ่งอวี่มานานสุด แต่อีกฝ่ายกลับไม่เคยแสดงความสามารถแช่นนี้ แถมการที่สมาชิกตระกูลระดับสามเอาชนะศิษย์ของเจ็ดตระกูลใหญ่ได้นั้น…
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ทุกสายตาจับจ้องจั๋วฝานกันไม่กะพริบ คำพูดพวกเขาติดอยู่ในลำคอ
จั๋วฝานแสยะยิ้มชั่วร้าย พูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ”คุณหนูตานตาน ท่านงามจริง ๆ หลักฐานก็คือความหอมเช่นนี้ ข้าจะไม่มีวันลืมกลิ่นหอมนี้ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิต”
เสี่ยวตานตานจ้องเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ หลินเทียนอวี่หน้าเขียวปั้ด หัวใจของเขาแทบหลั่งเลือดจากความชิงชัง
[สารเลว!เจ้ากล้ากล่าวชมภรรยาข้าต่อหน้าข้า?]
เขาพูดขณะเหลือบมองหลินเทียนอวี่ จั๋วฝานแสยะยิ้มอยู่ข้างในและหายตัวไปตรงหน้าเสี่ยวตานตาน จากนั้นนางก็กรีดร้องอย่าตื่นตระหนกตอนจั๋วฝานกอดนาง
นางพยายามต่อต้านแต่ก็สูญเปล่าต่อหน้าพลังของจั๋วฝาน
“สารเลว เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”หลินเทียนอวี่คำราม
จั๋วฝานจ้องใบหน้าแดงก่ำของเสี่ยวตานตานและเลิกคิ้วท้าทาย”คุณหนูตานตาน ข้าไม่อ่อนแอเหมือนนายน้อยกระจอกนั่น ข้าอยากเรียนรู้ที่จะเริ่มรุกสาวมาตลอด การกระทำของข้าอาจหยาบคายไปบ้างต่อท่าน ดังนั้น ดังนั้น ท่านสามารถตบตีข้าหรือต่อว่าข้าก็ได้ แต่ข้าจะยังทำเหมือนเดิม“
พอได้ยินแบบนี้ เสี่ยวตานตานก็จ้องจั๋วฝานด้วยความโกรธ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หัวใจของนางกลับสั่นสะท้าน การครอบงำของจั๋วฝานแตกต่างจากที่หลินเทียนอวี่ทำกับนางอย่างสิ้นเชิงและมันทำให้นางรู้สึกแตกต่าง
นางไม่สามารถบอกได้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่มันแปลกใหม่มาก
“เจ้าหนู ปล่อยมือของเจ้าซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าโหด”
จั๋วฝานโอบกอดว่าที่ภรรยาของเขาต่อหน้าสาธารณะ เห็นได้ชัดว่าเป็นการตบหน้าเขาและเยาะเย้ยเขา แล้วหลินเทียนอวี่ ศิษย์แห่งไขว่ฮัวจะทนได้ไง?
แต่ทว่า จั๋วฝานไม่ยอมปล่อย เขากลับโอบแน่นกว่าเดิม ทำให้เสี่ยวตานตานต้องร้องออกมาอีกครั้ง
เสียงร้องแปลก ๆ นั่นทำให้ผู้ชายทุกคนตื่นตัว กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากและยังมีรอยยิ้มหื่มกามที่ผู้ชายทุกคนรู้กันดีบนหน้า ขณะที่พวกผู้หญิงพากันคิดไปไกลและหน้าแดง
พอเห็นอย่างนี้ สีหน้าของหลินเทียนอวี่ก็ดำมืด และฟันของเขาก็ขบกันเสียงดัง
ด้วยรอยยิ้มเย็น จั๋วฝานมองหลินเทียนอวี่และเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ”พี่ชายหลินเป็นอะไร ท่านเสนอเกมนี้ก่อนไม่ใช่หรือ?ตั้งแต่โบราณ ผู้ชนะจะได้ทุกอย่าง ส่วนผู้แพ้ไม่ได้อะไร ถ้าพี่ชายหลินชนะ งั้นผู้หญิงสองคนก็จะเป็นของท่าน…”
พอพูดแบบนี้ ดวงตาของจั๋วฝานก็ฉายแววดูถูก จากนั้นก็มองเสี่ยวตานตานในอ้อมแขน ก้มหัวเข้าใกล้หูนางและพ่นลมหายใจใส่หูนาง”คุณหนูตานตาน ถ้าเกิดข้าชนะ โปรดจูบชายไร้ประโยชน์คนนี้ แล้วทำให้ข้าเป็นแขกหลังม่านท่านเป็นยังไง?”
แม้เสียงเขาจะเบา มันก็กระจายไปถึงหูของทุกคน โดยเฉพาะในหูของหลินเทียนอวี่
แต่ทว่า นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เขาโกรธสุด ประเด็นคือหลังเสี่ยวตานตานได้ยิน หน้าของนางกลับแดง แถมยังพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
พอเห็นอย่างนี้ ทุกคนก็ตกตะลึง มองจั๋วฝานด้วยความอิจฉาและชื่นชม
[บัดซบ!เขาชิงสาวงามแห่งหมู่ตึกฮัวอวี่ต่อหน้าศิษย์ของไขว่ฮัวตั้งแต่แรกพบ!แถมฝีปากของเขายังสุดยอดอย่างมาก ถ้าข้ามีฝีปากแบบนั้น ข้าก็จะเอาสาวงามมาเป็นของข้าได้!]
หลินเทียนอวี่ปากสั่น
“เจ้า เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ เกินไปอะไร?มาเล่นกันอีกรอบสิ ครั้งหน้า ถ้าเจ้าโชคดีพอชนะ งั้นเจ้าก็มีสิทธิ์พูด”รอยยิ้มชั่วร้ายของจั๋วฝานทำให้หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน ขณะที่ผู้หญิงพากันหน้ามืดตามัว
หลินเทียนอวี่โดนความเกลียดชังเข้าครอบงำ คำเยาะเย้ยของจั๋วฝานได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีเขา สิ่งนี้ได้ล้ำเส้นของเขาไปนานแล้ว”สารเลว!ตอนข้าฉีกเสื้อผ้าผู้หญิงของเจ้า ข้าจะจัดการเจ้า”
หลินเทียนอวี่ปรากฏตัวตรงหน้าตงเสี่ยววาน
นางร้องด้วยความกลัวแต่มือมารของหลินเทียนอวี่กลับมาไม่ถึง เขาโดนตบปลิวกลางอากาศ ตอนเขาลุกขึ้น จั๋วฝานก็ได้ไปปรากฏข้างเสี่ยวตานตาน และถากถางต่อ”คุณหนูตานตาน เจ้ากระจอกนั่นล้มอีกแล้ว ข้าเกรงว่าข้าจะต้องล่วงเกินท่านอีกแล้ว”
เสียงฉีกดังขึ้นและเนื้อหนังบนตัวเสี่ยวตานตานก็เปิดเผยกว่าเดิม
จั๋วฝานเชิดคางนาง”คุณหนูตานตาน โปรดอย่าได้ตำหนิการกระทำอันหยาบคายของข้า”
ดวงตาทรงเสน่ห์ของนางกลอกไปมาและใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรือ”เจ้าช่วยอ่อนโยนกว่านี้ได้ไหม?”
“ฮ่าๆๆ ข้าเป็นคนไร้มารยาทเยี่ยงนี้แหละ นี่คือสิ่งที่จะไม่เปลี่ยนตราบเท่าที่ข้ายังไม่ตาย”จั๋วฝานส่ายหัว ดวงตาของหลินเทียนอวี่แดงก่ำและดูราวกับกำลังจะพ่นไฟออกมา”พวกเจ้าทั้งคู่มันตัวบัดซบ!”
หลินเทียนอวี่พุ่งไปห้าตงเสี่ยววานอีกครั้งแต่ก็จบลงด้วยท่าเดิม จั๋วฝานตบเขาปลิวไปถึงห้าครั้ง
และผลลัพธ์ก็ททำให้เสี่ยวตานตานเสียเสื้อผ้าไปอีก แต่นางกลับไม่สนใจ ทำให้ความโกรธของหลินเทียนอวี่ยิ่งแผดเผา
สุด้าน เสี่ยวตานตานก็เหลือผ้าชิ้นสุดท้าย จั๋วฝานหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มองหลินเทียนอวี่อย่างเหยียดหยามและพูดติดตลก”พี่ชายหลิน นี่คือโอกาสสุดท้ายแล้ว ถ้าท่านทำไม่สำเร็จ คุณหนูตานตานจะเป็นคนของข้า”
“ไอเด็กเวร กล้าดียังไงถึงมาดูถูกคนของเจ็ดตระกูลใหญ่!”หลินเทียนอวี่กัดฟัน ความโกรธในหัวใจของเขาพุ่งจนถึงขีดสุด แต่เขาเองก็เข้าใจเรื่องหนึ่ง ในแง่ของความเร็ว เขาด้อยกว่าจั๋วฝาน เขาจึงโยนอำนาจของตัวเองทิ้งไปและอยากใช้อำนาจของตระกูลมาข่มจั๋วฝาน
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือจั๋วฝานกล้าฆ่าผู้อาวุโสของโหยวหมิงกู่ แล้วเขาจะกลัวได้ไง?
จั๋วฝานหัวเราะ และจูบแก้มเสี่ยวตานตานเบา ๆ ต่อหน้าหลินเทียนอวี่และหัวเราะลั่น”ฮ่าๆๆ….ข้าจะเป็นเขยของงหมู่ตึกฮัวอวี่ในอีกไม่ช้า ใยข้าถึงต้องกลัวไขว่ฮัวด้วยเล่า ท่านคิดอย่างนั้นไหม คุณหนูตานตาน?”
ครั้งนี้ เสี่ยวตานตานหลงจั๋วฝานแบบหน้ามืดตามัวและพยักหน้าเห็นด้วย
อะไรกัน!
ครั้งนี้ หลินเทียนอวี่ไม่สามารถระงับความโกรธในหัวใจได้อีกและก็ไม่สามารถสวมมาดคุณชายได้แบบเดิม เขาคำราม พุ่งใส่จั๋วฝานและก่นด่าเสี่ยวตานตาน”นางแพศยา บิดาผู้นี้จะส่งเจ้ากับชายชู้ของเจ้าไปลงนรกด้วยกัน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็ประสานมือและลมสีเขียวก็รวมกันรอบขาเขา เสียงลมหวีดหวิวได้แสดงถึงพลังอำนาจของมันขณะที่เขาเตะขาใส่ทั้งคู่
เขากำลังใช้พลังเพื่อคว้าชัยชนะ
“วิชายุทธ์ระดับจิตวิญญาณขั้นกลาง ขาใบมีด!”
รูม่านตาของเสี่ยวตานตานหดลง หน้าของนางสูญเสียสีและอุทาน”หลินเทียนอวี่ เจ้ากล้าดียังไงถึงใช้กระบวนท่าสังหารในเขตหมู่ตึกฮัวอวี่ของข้า?”
“ฮึ่ม นางแพศยา ถ้าวันนี้ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าสองตัว ก็อย่าเรียกข้าว่าหลินเทียนอวี่!”
พอเห็นจิตสังหารในดวงตาของหลินเทียนอวี่ เสี่ยวตานตานก็เกิดกลัวขึ้นมาจริง นางมีพลังแค่กลั่นลมปราณขั้นสูงสุด และถึงแม้จั๋วฝานจะเร็ว เขาก็เป็นแค่ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นหนึ่ง เขาจะสามารถรับการโจมตีของผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นเจ็ดได้ไง?
แม้ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นเจ็ดผู้นี้จะมีพลังแค่ขั้นหก มันก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นหนึ่งจะต้านทานได้
แต่ททว่า ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของทุกคน ดวงตาของจั๋วฝานกลับหนาวเหน็บและแค่นเสียง”พี่ชายหลิน นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของท่าน?ฮี่ๆๆ..กระจอกเสียจริง!”
ขณะพูด จั๋วฝานยังโอบเอวของเสี่ยวตานตานด้วยมือหนึ่งและใช้อีกมือยกขึ้นกันแบบสบายๆ
ปึก!
เกิดเสียงดัง และสายลมสีเขียวก็กวาดผ่านแขนของจั๋วฝานไป แต่กลับเกิดเสียงโลหะชนกันแทน เมื่อสายลมสลาย ดวงตาของทุกคนก็หรี่ลงและแม้กระทั่งหลินเทียนอวี่ก็ยังเผยใบหน้าตกใจ
เขาเห็นขาของเขาเตะใส่แขนจั๋วฝาน ยิ่งไปกว่านั้น สายลมยังฉีกแขนเสื้อของจั๋วฝานจนกระจุย แต่แขนนั่นกลับยังไม่บุบสลาย ไร้ซึ่งรอยขีดข่วน
“เป็นไปได้ไงกัน?”
หลินเทียนอวี่ตกใจ มองจั๋วฝานอย่างเหลือเชื่อและพึมพำ”เจ้า…เป็นผู้บ่มเพาะกายา?ตะ…แต่เจ้าจะเร็วขนาดนั้นได้ไง?”
มุมปากของเขาขดขึ้นเล็กน้อย”ใครบอกว่าคนเราบ่มเพาะร่างกายได้แต่บ่มเพาะความเร็วไม่ได้?คนโง่อย่างเจ้าที่ยอมละทิ้งพลังเพื่อความเร็วได้ถือเป็นขยะไปแล้ว”
ทันทีที่สิ้นเสียง จิตสังหารก็ระเบิดออกมาจากตัวของจั๋วฝาน ทันใดนั้น หลินเทียนอวี่ก็ตัวสั่นสะท้าน ร่างกายของเขาเย็นเฉียบไปทั้งตัวโดยไม่รู้สาเหตุ
แต่ทว่า ก่อนเขาจะได้ตอบสนอง จั๋วฝานก็ได้ยกขาขึ้นและเตะใส่ช่วงล่างเขาแล้ว
พุฟ!
หลินเทียนอวี่สำลักเลือด เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจและก่อนจะได้ส่งเสียงร้อง เขาก็หมดสติไปก่อน
ตึง มันไม่สามารถได้ยินแม้แต่เสียงหายใจ
ผู้คนมองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้และไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นจริง แค่เตะ โดยไม่ใช่วิชายุทธ์อะไร ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นหนึ่งกลับล้มผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นเจ็ดได้ แถมนายน้อยผู้นี้ยังเป็นถึงศิษย์ของเจ็ดตระกูลใหญ่
นี่ไม่ใช่แค่คำถามถึงพลัง แต่รวมถึงความกล้า นี่เป็นการกระทำที่ยั่วโมโหไขว่ฮัวอย่างไม่ต้องสงสัย
“คุณหนูตานตาน เห็นไหม ข้าไม่ได้หยาบคายแค่แต่กับผู้หญิง แต่กับผู้ชายก็ด้วย ต่อให้คู่หมั้นของท่านจะเป็นอมตะ เขาก็จะไม่มีความเป็นชายอีกแล้วในอนาคต ท่านไม่ควรตำหนิข้านะ”
ราวกับเพิ่งทำเรื่องไร้สาระ จั๋วฝานหันหน้าไปเย้าหยอกเสี่ยวตานตานต่อ
ดวงตาของเสี่ยวตานตานเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นางจ้องเขาด้วยความหลงใหลยิ่งกว่าเดิม”เจ้าน่าทึ่งมาก ถ้ามีเจ้า ข้าจะไปอยากได้ขยะแบบนั้นทำไม?ไม่ต้องห่วง เจ้าจะได้เข้าร่วมหมู่ตึกฮัวอวี่ของเราในอนาคต ไขว่ฮัวจะไม่กล้ามาสร้างปัญหาให้เจ้าแน่”
“ฮี่ๆๆ…งั้นข้าต้องขอขอบคุณคุณหนูตานตานที่ห่วงใย แต่..”จั๋วฝานมองผ้าชิ้นสุดท้ายของเสี่ยวตานตาน”อืม ต่อให้ท่านจะเสียคู่หมั้นไปแล้ว ข้าก็ควรถอดผ้าชิ้นสุดท้ายของท่าน!’
เสี่ยวตานตานบิดตัวอย่างเขินอาย วางแขนคล้ายหยกงามสองข้างโอบรอบคอจั๋วฝานด้วยใบหน้าทรงเสน่ห์และพูด”น้องชาย ข้าจะเป็นของเจ้าในอนาคตอยู่แล้ว ต่อให้เจ้าอยากได้ร่างกายของผู้อื่น มันก็ต้องเป็นตอนกลางคืนสิ เจ้าคงไม่อยากทำให้ตัวเองขายขี้หน้าต่อหน้าคนมากมายหรอกใช่ไหม?”
“ฮ่าๆๆๆ”
จั๋วฝานแหงนมองฟ้า แตะจมูกเขา มองเรือนร่างทรงเสน่ห์ของเสี่ยวตานตานและค่อยๆส่ายหัว แต่ทันใดนั้น ประกายเย็บเฉียบก็ปรากฏในดวงตาของจั๋วฝาน ทำให้เสี่ยวตานตาน ผู้ดำดิ่งในความรักและลุ่มหลงตกใจ
“ฮึ่ม เจ้าควรได้ยินที่ข้าพูดไปแล้ว คนที่ทำให้คนอื่นอับอายจะต้องอับอายเช่นกัน ประโยคนี้ไม่ได้มีไว้ใช้แค่สามีไร้ประโยชน์ของเจ้า”
ทันทีที่สิ้นเสียง ดวงตาของจั๋วฝานก็หรี่ลงและยื่นมือออกไปฉีกเสื้อผ้าของเสี่ยวตานตาน ใบหน้าของเสี่ยวตานตานเปลี่ยนสี นี่เป็นครั้งแรกที่นางแสดงความกลัวออกมา
ถ้านางโดนเปลื้องผ้าบนถนนจริง แล้วนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
แต่ทว่า วินาทีทนี้ เสียงตะโกนกลับดังขึ้น”หยุด!’
สิ่งที่ตามมาคือริบบิ้นสีฟ้าสองเส้น
มือของจั๋วฝานหยุดนิ่งด้วยความตกใจ”ยอดฝีมือระดับนภา!”